bloggang.com mainmenu search
ประกาศ...ประกาศ!!

ผมมี Twitter เป็นของตัวเองแล้วนะครับ.. ใครสนใจจะ follow ผม ก็ขอชวน follow เข้ามากันที่.. //twitter.com/once_upon_a_man

มีอะไรไวว่อง อยากจะบอก อยากจะพูด จะรีบมาอัพเดทที่ทวีตทันทีทันใดเลยนะครับ ..ขอขอบคุณที่รับผมเป็นเพื่อนครับ






ตอนแรกก็สู้คิดว่า หน้าหนังเรื่องล่าของผู้กำกับ “ลองของ” และ “ไชยา” ที่เน้นขายภาพของ คุณชายเทวดา นาย “เป้-อารักษ์” ผู้กำลังดังโด่งสุดตัว จากการเล่นละครเพียงเรื่องเดียว (ขณะที่เล่นหนังตั้งสองสามเรื่อง ก็โดนคนอื่นดังกลบแทนซะนี่) จะสามารถเปิดตัวฉายตามโรงได้ ในระดับที่อาจไม่ได้ถึงกับครึกโครมไปเลย น้อยๆก็คงไม่น่าจะแป้กเสียเท่าไหร่ ..แต่เมื่อถึงที่สุด เอาเข้าจริง ดูท่าอาจจะแย่กว่า ไชยา เอาเสียให้ได้

เพราะในขณะที่เรื่องนั้น ยังพอหยวนๆ มีคนสนกันได้ด้วย การขายตัวอย่างเป็นหนังแอ๊คชั่น โชว์ศิลปะต่อสู้แบบดิบๆ ให้คนคิดกันว่าน่าจะหนุกๆแบบ “องค์บาก” (แต่ว่ากันตามตรง มันก็คือการโปรโมตที่ผิดคอนเซปต์หนังไปซะฉิบ) ..แต่เมื่อมันมาเป็น “เฉือน” หนังทริลเลอร์ สืบสวนฆาตกรรม เสียอย่างนี้แล้ว ...ด้วยความที่นี่คือแนวหนัง ที่หนังไทยยังไม่เคยแทบจะได้ทำกันมาก่อน การจะหาช่องทางโปรโมตชวนให้น่าสนใจจึงเป็นอะไรที่ยากมาก

ฉะนั้นแล้ว การได้ดาราที่มีชื่อเสียง มีแม่เหล็กคอยดึงดูดคนดูเข้าหา จึงเป็นเรื่องที่น่าพิจารณาเป็นพิเศษ สำหรับ เฉือน ..และงานนี้ผู้กำกับ “โขม-ก้องเกียรติ” ก็อ่านเกมออก รู้เลยว่า การนำดาราดังสองคน มาเฉือนบทบาทกัน ในหนังเรื่องเดียวกัน คือสิ่งที่น่าทำมากที่สุด



เพียงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ดังเห็นกันอยู่ในเวลานี้ ..มันก็พิสูจน์เลยว่า การเอาดาราดังมาเจอกัน มันไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้เสมอไป ...ยิ่งถ้าบังเอิญว่าหนังเรื่องนั้น มาพร้อมกับหน้าหนังที่ขายยาก ตามพื้นเรื่องราวที่ไม่คุ้นเคยของคนไทยเลย มันก็คงไม่ใช่ความบังเอิญ ที่คนจะมองข้ามไป ด้วยความเชื่อเดิมๆที่ว่า หนังคงไม่สนุก ถ้าไม่ใช่แนวที่เราเคยคุ้น

ซึ่งถ้าเราเพียงเปลี่ยนความเชื่อ แล้วขอแค่ได้ ลอง กันสักครั้ง ..มันก็น่าจะเป็นการเปิดหูเปิดตา และทำให้เห็นว่า หนังไทยของเรา ไม่ได้พายเรือวนในอ่าง กันเสมอไป




ดังเช่นตัวอย่าง อย่าง เฉือน เรื่องนี้ ..นี่คือ อีกหนึ่งก้าว(ที่ไปข้างหน้า) ที่น่าให้ความสนใจ และใส่ใจ ...ซึ่งที่พูดมาไม่ใช่แค่น่าสนใจในเนื้อเรื่องหนัง ที่มาพร้อมกันกับความแปลกใหม่เพียงเท่านั้น แต่ยังจะสามารถกล้าพูดได้อีกด้วยว่า นี่คือ หนังดี มีคุณภาพสูง เรื่องหนึ่ง(ที่มีเพียงไม่กี่เรื่อง) ของปีนี้ เลยทีเดียว

นอกเหนือไปจาก “นางไม้” , “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” ที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน หรือจะว่าเป็นหนังดี ที่น่าประทับใจ อย่าง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” , “ฝันโคตรโคตร” กับ “ก้านกล้วย 2” แล้ว ..ผมก็เพิ่งจะจัดที่นั่งเพิ่มให้ เฉือน เข้าไปอยู่ในนั้นด้วยอีกหนึ่ง อย่างเต็มใจ



ผมไม่ได้ประทับใจใน เฉือน เพียงเพราะเป็นหนังที่แปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะหากเหมารวมหนังแนวนี้ กับที่เคยดูเคยคุ้นมาจากประเทศอื่นๆด้วยแล้ว คงจะไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าตื่นตะลึงอะไรกันเลยทีเดียว ..แถมดีไม่ดี หากใครเป็นคอหนัง ทริลเลอร์ สืบสวน ที่ผ่านตากันมามาก อาจจะถึงขั้นเดากันออกอย่างเร็ว ว่าใครกันแน่ที่ควรจะเป็นฆาตกร

และแม้ว่า ผมจะยอมรับว่าเป็นคนหนึ่ง ที่เดาเรื่องไม่ออก ตีความไม่แตก จนถึงกระทั่งเข้าสู่จุดหักมุมแล้ว ถึงจะค่อยร้องอ๋อได้ ..ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอย่างใด ที่ เฉือน เลือกจะโยนบทฆาตกรให้ใครคนนั้นได้รับหน้าที่ไป

แต่ถึงกระนั้นแล้ว หากเรามองประเด็นที่หนังไม่ได้หลุดจากกรอบ ทริลเลอร์ สืบสวน ที่เคยมีกันมา ให้เบี่ยงเบนไปสู่อีกทางหนึ่ง อันเป็นทางที่เรามั่นใจว่า หนังไทยสักเรื่อง ยังไม่เคยมีใครคิดทำกันมาแล้ว ...ผมก็เลือกจะมองว่า นี่คือ สิ่งที่ไม่เคยได้เห็นในหนังไทยทำกันมาก่อน ..และนั่นก็คือ สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจใน เฉือน






และไม่ใช่แค่ ความแปลกใหม่สำหรับหนังไทยสักเรื่องเท่านั้น ..สิ่งอื่นๆที่ เฉือน ยังมี และให้เราได้มากกว่าความน่าจะเป็นไปได้สำหรับหนังทริลเลอร์สักเรื่อง ก็คือ การแฝงมุมมองการเล่าเรื่องแบบหนังดรามา Nostalgia (รำลึกอดีต)ลงไปอย่างเนียนๆ แถมยังจะเก๋าเกมกว่านั้นอีก ด้วยการสอดใส่เอา ความฟอนเฟะของสังคมไทย มาผสมโรงด้วยกัน ..ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ สามารถรวมตัวกันได้ในหนังเรื่องเดียวกัน ด้วยความลงตัว และผสานต่อเนื่องกันไปทั้งเรื่อง แบบไม่มีแนวไหนเด่นกว่าใครเพื่อน

แม้ Nostalgia ใน เฉือน ช่วงแรกๆ อาจทำเอาใครหลายคนรู้สึกคิดถึง “แฟนฉัน” ขึ้นมาตะหงิดๆ ..แต่เมื่อหนังเดินเข้าสู่ครึ่งหลังแล้ว ความโหดร้าย และอำมหิตของสังคมไทย ก็จะแทรกซึมสิงสู่เข้ามาผสมอารมณ์หนัง Coming-of-Age ที่วัยเด็กของตัวเอกในเรื่องต้องเจอและทำใจจะอยู่กับมันให้ได้ ..จนกระทั่งได้โตมาเพื่อเผชิญหน้ากับความเสื่อมทรามถึงสุดขีดขั้น นั่นเอง เฉือน จึงได้มีเหตุมีผลอันควรจะใส่ความเลือดสาด ซาดิสม์ และรุนแรง ให้สมกับการเป็นหนังฆาตกรต่อเนื่อง ที่เดินเรื่องด้วยความละเอียดถี่ถ้วน แล้วค่อยๆคลายปมไปทีละเปาะด้วยความระมัดระวัง ..เรียกได้ว่า ถ้าใครไม่ติดใจคิดสงสัยในตัวละครตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ก็คงคิดไม่ออกว่าหนังจะลงมาจบเอวังด้วยประการฉะนั้น

บทหนังของ คุณโขม (ที่ต้องให้เครดิตส่วนหนึ่งกับ “วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง” ผู้กำกับแห่ง “เปนชู้กับผี” และ “หมานคร” ในฐานะเป็นผู้คิดเรื่องด้วย) ถือว่า เล่าเรื่องได้ฉลาดมาก ตรงที่ไม่พยายามแพร่งพรายอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน สัญลักษณ์ต่างๆบอกใบ้ก็แทบไม่มี ..หากเลือกจะปล่อยให้คนดูปะติดปะต่อเอาเอง ไปพร้อมๆกับการตามรอยย้อนอดีตของ “ไท” ที่ทำให้เรารู้ เท่าเทียมกันกับที่เขาก็รู้ ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำรู้อะไรมากไปกว่ากัน และนั่นยังจะช่วยให้เราอยากเอาใจลุ้นให้ ไท สามารถหาตัวฆาตกรให้เจอจนได้อย่างสนิทใจ

ซึ่งแม้ว่า โดยการแสดงเป็นไท ของ เป้ จะยังไม่ได้ถือว่าเป็นงานที่โดดเด่นอะไรนัก ในฐานะของนักแสดง(ฝึกหัด)เจ้าบทบาท แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาทำหน้าที่ได้ดีตามควร และมีพัฒนาการขึ้นมา กว่าเรื่องก่อนๆ ทำให้เรารู้สึกอินได้อย่างที่ควรจะเป็นไปกับการตามรอยฆาตกรของเขา



ส่วนนักแสดงที่ทำหน้าที่ได้น่าประทับใจมากกว่า เป้ อย่าง พระเอกตอนเด็ก เพื่อนพระเอก และนางเอกหน้าใหม่ “เจสสิก้า ภาสะพันธ์” ..สามคนนี้ ถือว่าเล่นได้น่าจดจำกันทั้งหมด แม้หากว่ากันด้วยความเนียนย่อมจะยังไม่เต็มร้อยทีเดียวนัก ตามแบบฉบับของดาราหนังเรื่องแรกก็ตามทีเถอะ




แต่แม้จะมีการกำกับที่เยี่ยม บทที่ดีมาก รวมทั้งมีนักแสดงที่เล่นได้น่าประทับใจแล้ว ..ก็ใช่ว่า เฉือน จะไม่มีข้อเสียอะไรเลย ...และโดยส่วนตัวผม ข้อเสียที่ว่า มันก็ยังเป็นเรื่องที่ผมไม่อาจมองข้ามไปได้เสียด้วย

ซึ่งแม้ว่า เฉือน อาจจะจัดการกับเรื่องราวในหนัง ทั้งในส่วนทริลเลอร์ และดรามา ได้ควบคู่กันไปเป็นอย่างดี... แต่กระนั้นก็ยังแอบมีติ่งใหญ่ๆติ่งหนึ่ง ที่หายไปจากหนังเรื่องนี้เลย โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดของตัวบท หรือว่าการตัดต่อหนัง ..หากผมมั่นใจได้ว่า ถ้า เฉือน เลือกจะเก็บติ่งนี้เอาไว้กับตัว แล้วคงจะทำให้ความประทับใจที่มีต่อหนังเรื่องนี้ เต็มอิ่มมากไปกว่านั้น



ติ่งที่หายไปสำหรับผม ก็คือ ติ่งที่เป็นพลอตของเหล่าตำรวจ ที่นำทีมมาโดยอีกหนึ่งคุณภาพตัวพ่ออย่าง “นก-ฉัตรชัย” ...เป็นอะไรที่น่าเสียดายแทน พี่นกจริงๆ ที่งานนี้ แทบไม่ได้เกิด หรือกระทั่งจะขโมยซีน(ด้วยทรงผมสีบาดจิต)ก็หามีโอกาสไม่

แม้การแสดงของพี่นก จะถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานที่เคยเป็นมาได้ก็ตามที.. แต่หากมองว่าโดดเด่นพอจะเป็นนักแสดงนำ อย่างที่หนังต้องการโปรโมต(มาก่อนชื่อ เป้ เลยด้วยซ้ำ) ด้วยหรือเปล่า ผมมองว่า มันได้ผิดพลาดไปเรียบร้อย

ไม่ได้ผิดพลาดที่การโปรโมตเท่านั้น แต่ยังพลาดไปถึง การนำเสนอคาแรกเตอร์ “ป๋าชิน” ในหนัง ..ที่จัดว่ามีบทบาทน้อยมาก (เหมือนแค่มีไว้สั่งการ ไท ให้ทำนู้นทำนี่) และแทบจะไม่ได้มีส่วนพลิกผันใดๆของหนังเสียเลยด้วยซ้ำ



และความน้อย ก็ไม่ได้มีเฉพาะกับ ป๋าชิน ผู้เดียวเท่านั้น ..หากยังจะต้องเหมารวมไปถึงตำรวจคนอื่นๆอีก ที่ถึงต่อให้จะมี “สน เดอะ สตาร์” มาร่วมเล่นในฐานะที่คุ้นเคยกับผู้กำกับมาแต่ครั้ง ไชยา แต่กระนั้น การออกฉากของเขาไม่ได้แสดงถึงความน่าสนใจในคาแรกเตอร์นี้เลยแม้แต่น้อย

ซึ่งเหตุและผลมันก็มีที่มาจาก การที่หนังไม่ได้ใส่ปูมหลังของตัวละครแก๊งตำรวจนี้เลย ..กระทั่งกับคนที่เด่นที่สุดในแก๊งนี้ ก็ยังมี แฟลชแบ๊ค ให้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว จนไม่น่าจะเอามาคิดเป็นประเด็นอะไรสลักสำคัญเลยด้วยซ้ำ

นี่ยังไม่รวมกับการน่าจะกล้ากว่านี้อีกสักนิด กับการนำเสนอเบื้องหลังความน้ำเน่าของแวดวงสีกากี ..ทั้งๆที่หนังก็เอื้อด้วยการแฝงภาพด้านมืดของตำรวจอยู่แล้ว แต่เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ ยังแค่แตะๆแบบกลัวๆเสียวๆจะเจอความเสี่ยง ...ซึ่งในเมื่อบ้านเราตอนนี้ก็มี การจัดเรตหนัง อย่างที่อื่นเหมือนใครเขาแล้ว งานนี้ก็ไม่น่าจะเกรงใจสักเท่าไหร่ได้อยู่หรอก (เว้นแต่ว่า ตอนแรกอาจจะมี แต่สุดท้ายโดนสั่งห้ามจากเบื้องบน หรือเปล่า? ..อันนี้ ก็ต้องทำใจ)

ฉะนั้นแล้ว นี่จึงเป็นการมองข้ามที่ผิดพลาดอย่างน่าเสียดายสำหรับ เฉือน ..ที่ไม่ว่าจะเป็นด้วยเจตนาหรือไม่ อย่างไร แต่ผมก็ตะขิดตะขวงใจกับจุดนี้ จนไม่อาจจะสามารถเรียก เฉือน ว่าเป็นหนังดี คุณภาพสูง ที่ทำออกมาน่าประทับใจเป็นที่สุดของปีนี้

และก็คงจะเป็นตลกร้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ..ถ้าผมจะชอบใจและเต็มอิ่มแบบโดนๆกับ รถไฟฟ้าฯ ที่วิ่งฉิว มาก่อน เฉือน เพียงแปบๆเสียด้วยซ้ำ ...ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว เฉือน ก็ดูจะมีอะไรๆมากกว่า ทั้งในแง่คุณภาพ และความแปลกใหม่ สำหรับหนังไทยด้วยกัน ที่น่าจะทำให้ผมสามารถมอบตำแหน่งดีที่สุดได้อย่างไม่เคอะเขิน






แต่ในเมื่อท้ายที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ หนังไทยที่ชื่อว่า "เฉือน" กำลังรอคอยคนให้ความสนใจและใส่ใจมากกว่า หนังฟีลกู้ดมั่กๆ อย่าง รถไฟฟ้าฯ (ที่แล่นนิ่งๆก็เข้าร้อยล้านได้สบายๆ) ..ผมก็ขอตั้งตนเป็นหน้าม้าให้กับ เฉือน เป็นอันดับแรก อย่างไม่อาย ไม่เขิน และอยากจะขอชวนให้คนรักหนังไทย มาช่วยให้ความอุดหนุนหนังเรื่องนี้กันด้วยเถอะ

เหตุผลที่ผมเป็นหน้าม้าให้ ก็ย่อมต้องเป็นเพราะ... เฉือน เป็นหนังไทยที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้านำเสนอตัวเอง มาเป็นทางเลือกที่แตกต่าง ..สำหรับใครก็ตามที่กำลังรู้สึกว่า หนังไทยกำลังวนเวียนอยู่ในวงวัฏจักรเดิมๆ และเรียกร้องหาความแปลกใหม่ ...เฉือน นี่แหละ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของคุณ

ในเมื่อนานๆทีจะมี หนังไทยกล้าท้าทาย ออกโรงมาให้เราเห็นให้เราชมกันสักหน ..หนนี้ ขอให้นักดูหนังชาวเฉลิมไทย เหลียวมาช่วยพิจารณาหนังเรื่องนี้กันหน่อยเถอะครับ

แม้สำหรับผม จะยังไม่ใช่หนังที่ Perfect ..แต่ถ้ามาถามว่า หนังไทยในปีนี้ มีเรื่องไหนที่อยาก Recommended ให้ดูกันมากๆ ผมขอยกชื่อของ เฉือน มากล่าวอ้างเป็นเรื่องแรก อย่างทันด่วนเลยจริงๆ

และเมื่อดูแล้ว ถ้าเกิดไม่ชอบ อย่าตอบกับผมว่า ‘ผิดหวัง’ ...แต่ขอให้บอกกับผมว่า ‘นี่ถือเป็นแค่ก้าวแรก ที่น่าสนับสนุนให้เกิดก้าวต่อไป ..จริงมั้ย?’





ขอแนะนำ...ครับ

เกรด A- ... {}




ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date :25 ตุลาคม 2552 Last Update :25 ตุลาคม 2552 13:14:08 น. Counter : Pageviews. Comments :7