โบสถ์ดินพอเพียง ถวายกุศล "พระสังฆราช"
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอุโบสถดินพอเพียง ที่วัดป่าห้วยปางห้วยเม็งเฉลิมพระเกียรติ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 9 แห่งทั่วประเทศ ที่ทั้งพระสงฆ์ นักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชน ต่างร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้นถวายเป็นพระกุศล แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ถึงแม้พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์แล้ว แต่การสานต่ออุโบสถดินพอเพียงยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และต้นแบบของวัดพอเพียง ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว
ท่ามกลางธรรมชาติรอบวัดที่ห้อมล้อมด้วยป่าเขา บนเนินเขาเล็กๆ กำลังมีการก่อสร้างอุโบสถดิน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กำลังช่วยกันโกยดิน ขุดดิน อัดดินให้เป็นผนังของอุโบสถ ทีละชั้นๆ จนเกิดเป็นผนังอัน แข็งแรง ใช้กันแดด กันฝน เป็นพื้นที่ประกอบสังฆกรรมต่างๆ ของคณะสงฆ์
พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า จากแนวคิดก้อนดินสู่ก่อนบุญ ทำให้เกิดโครงการอุโบสถดินพอเพียงขึ้นนับตั้งแต่ปี 2554 เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฉลองครบ 23 ปีแห่งการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม บ้านห้วยยาง อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เป็นแห่งแรก ซึ่งได้สร้างเสร็จในปี 2555
อุโบสถดินสะท้อนจากพระราชดำริ และพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงต้องการให้คนไทยและชาวพุทธรู้จักหลักธรรมของพระพุทธองค์ นั่นคือเรื่องความพอเพียง ที่มีความเหมาะสมกับบุคคล สถานที่ และกาลเวลา
"เรายึดหลักคิดที่ว่าจากก้อนดินก้อนเล็กๆ ที่ไม่มีค่าอะไร เมื่อมาประกอบเข้ากับแรงบันดาลใจ ใช้ความคิด และสติปัญญาแล้ว ก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ในการใช้ทรัพยากรใกล้ตัว มีการร่วมลงมือลงแรงจากชาวบ้านในพื้นที่ และนักศึกษาอาสาสมัคร ก็สามารถนำมาสร้างอุโบสถในพระพุทธศาสนาขึ้นได้ อุโบสถดินนี้อาจจะไม่สวย ไม่หรูหรา แต่ก็ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบสังฆกรรมตามกิจของสงฆ์ได้ครบถ้วนตามพระธรรมวินัย และต่ออายุพระพุทธศาสนาได้อีกยาวนาน"
พระครูสังฆสิทธิกรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างอุโบสถดินเสร็จแล้ว รวม 7 แห่ง ประกอบด้วย 1. วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม บ้านห้วยยาง อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร 2. วัดบุเจ้าคุณ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 3. วัดสิงห์ทอง บ้านหนองแซง อ.กุดชุม จ.ยโสธร 4. วัดสันติวรคุณ บ้านสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
5. วัดตอยาง อ.หนองโดน จ.สระบุรี 6. วัดพระธาตุโป่งนก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี 7. วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม บ้านผาตูบ อ.เมือง จ.น่าน
ส่วนที่เหลืออีก 2 แห่ง ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ วัดป่าห้วยปางห้วยเม็งเฉลิมพระเกียรติ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ และวัดทับทิมสยาม 01 อ.บ่อไร่ จ.ตราด
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องการให้อุโบสถดินทั้ง 9 แห่งใน 4 ภูมิภาค เป็นอนุสรณ์ที่สะท้อนถึงองค์สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงมีความเรียบง่าย สิ่งก่อสร้างของพระองค์ก็สะท้อนตัวตนของพระองค์ ให้เห็นถึงความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย และสะท้อนให้พระสงฆ์ พุทธศาสนิกชนได้เห็นเป็นตัวอย่างของความพอเพียง
พระครูสังฆสิทธิกรกล่าวทิ้งท้ายว่า "น่าเสียดายที่องค์ความรู้เหล่านี้ถูกมองข้ามไป เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับทฤษฎีสมัยใหม่ ดังนั้น จึงรวบรวมองค์ความรู้การก่อสร้างอุโบสถดินแต่ละแห่ง เพื่อเป็นต้นแบบให้วัดในถิ่นทุรกันดาร และขาดแคลนทุนทรัพย์ ขณะเดียวกัน มหา วิทยาลัยสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่สู่นักศึกษาและชุมชนได้อีกด้วย"
อุโบสถดินไม่เพียงเป็นต้นแบบของวัดพอเพียงแล้ว ยังเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวมทั้งองค์ความรู้ภูมิปัญญาของมนุษย์ในการใช้ดินทำเป็นสิ่งก่อสร้าง อีกทั้งยังเป็นโมเดลสิ่งก่อสร้าง ต้นแบบใช้ส่งเสริมคุณธรรมความดีให้แก่เด็กและเยาวชน ชุมชน รู้จักจิตอาสา เข้าถึงหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา
ทำให้ระบบบ้าน วัด โรงเรียน เชื่อมโยงการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบจนเกิดผลสู่สังคมอย่างแท้จริง
หน้า 24 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 22 ธันวาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 22 ธันวาคม 2556 12:01:14 น. |
Counter : 1822 Pageviews. |
|
|
|