Group Blog
 
<<
กันยายน 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
11 กันยายน 2560
 
All Blogs
 
ลพบุรีในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์



หลังจากหนก่อนพาเที่ยวลพบุรีในยุคละโว้อันแสนอดีตกาลนานไกลไปแล้ว วันนี้ขยับเข้ามาเที่ยวลพบุรีในยุคพระนารายณ์กันบ้างครับ หลังจากย้ายศูนย์กลางความเจริญของแถบนี้จากลพบุรีมาที่อโยธยาและอยุธยาแล้วเมืองลพบุรีก็ถูกลดความสำคัญลงไป ทำหน้าที่เป็นเมืองลูกหลวงป้องกันราชธานี และกลายเป็นหัวเมืองชั้นในในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ จนกระทั่งในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาท่านได้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นพระราชฐานชั่วคราว

สมเด็จพระนารายณ์ได้รับการขนานนามเป็นหนึ่งในมหาราชของไทย ซึ่งการแต่งตั้งมหาราชของไทยส่วนใหญ่มาจากการตีความประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรช่วงจอมพล ป.  และตามที่ทราบกันว่าประวัติศาสตร์ฉบับนั้นที่เราใช้เป็นเนื้อหาของบทเรียนส่วนมากเป็นประวัติศาสตร์ชาตินิยมที่เน้นการสร้างชาติมากกว่าข้อเท็จจริง (มันมีความจำเป็นในช่วงเวลาหนึ่งๆ และควรถูกเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปมากแล้ว) เอาจริงๆผมก็ไม่ได้สนใจไยดีกับตำแหน่งมหาราชของไทยที่แต่งตั้งกันจนเฟ้อเป็นซูเปอร์ไซย่า และหลายพระองค์ก็มีจุดให้ขัดข้องใจว่าเอาขึ้นมาทำไม ในขณะที่กษัตริย์อีกหลายพระองค์ที่สร้างคุณูปการให้แผ่นดินในช่วงสมัยของตนเองมากมายแต่กลับไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร และคำว่า "มหาราช" ของไทย คงเอาไปเทียบกับกษัตริย์ที่มีคำลงท้ายว่า "The Great" ของต่างชาติอย่างอเล็กซานเดอร์หรือฟาโรห์รามเสสที่สองไม่ได้นะครับ

รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ (ครองราชย์ พ.ศ.2199 - 2231) เริ่มต้นและจบลงอย่างไม่สวยงาม เป็นช่วงเวลาที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองมาก และก็สร้างความขัดแย้งมาก พระนารายณ์เป็นโอรสองค์เล็กของพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์ผู้ล้มล้างราชวงศ์สุโขทัยของพระนเรศที่กอบกู้เอกราชหลังเสียกรุงครั้งที่ 1 กลับมา หลังพระเจ้าปราสาททองสวรรคตแล้วพระนารายณ์ได้จับกษัตริย์องค์ต่อมาคือสมเด็จเจ้าฟ้าชัย (ลูกคนโตของพระเจ้าปราสาททอง) และพระศรีสุธรรมราชา (น้องชายของพระเจ้าปราสาททอง) สำเร็จโทษแล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 ของราชวงศ์ปราสาททอง จากการล้างบางขุนนางที่ภักดีต่อเจ้านายองค์ก่อนอย่างต่อเนื่องทำให้ราชสำนักขาดคนไทยมีฝีมือ ผนวกกับเปอร์เซียได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติสู้รบกับพระศรีสุธรรมราชา กับฝรั่งเศสที่เข้ามาหนุนอำนาจพระนารายณ์อีก ต่างชาติเลยขึ้นมามีบทบาทในรัชกาลนี้มาก เช่น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์หรือคอนสแตนตินฟอลคอน (ชาวกรีกแต่มาสานสัมพันธ์ให้ฝรั่งเศส) หรือพระยารามเดโช (ชาวเปอร์เซีย) ...แล้วก็เกิดความวุ่นวายถึงขั้นถูกพระเพทราชาโค่นบัลลังก์ในท้ายที่สุด


สมเด็จพระนารายณ์



ป้อมประตูชัย ทางตอนใต้ของเมืองลพบุรี

เมืองลพบุรีสมัยพระนารายณ์นี้อยู่ทางตะวันตกของวงเวียนสะแก้วทับกับเมืองละโว้เดิมครับ โบราณสถานจะกระจุกกันอยู่กลางเมืองเลย เที่ยวง่าย ตั้งต้นจากศาลพระกาฬก็ได้ กำแพงเมืองลพบุรีถูกสร้างไว้บนคันดินเดิมของละโว้ ล้อมด้วยคลองคูเมืองและมีแม่น้ำลพบุรีเป็นปราการธรรมชาติ ทั่วเมืองจะเต็มไปด้วยซากโบราณสมัยพระนารายณ์ เช่น ด้านขวานี้คือปล่องระบายแรงดันน้ำประปาโบราณครับ



แผนที่เมืองลพบุรีจากแผนที่ทางหลวง ESRI ปี 2558 (Click เพื่อชมภาพขยาย)
เมืองลพบุรีเก่าอยู่ทางตะวันตก เมืองใหม่อยู่รอบวงเวียนสระแก้วตอนกลาง และอนุสาวรีย์พระนารายณ์ทางตะวันออก



ตำแหน่งโบราณสถานที่กระจายตัวอยู่ในเมืองลพบุรีเก่า

กลางเมืองลพบุรีมีทางรถไฟพาดผ่าน จากศาลพระกาฬไปวัดนครโกษากับวัดอินทราถ้าขี้เกียจขับรถก็เดินตัดทางรถไฟเอาครับ ไม่ไกลมาก วัดอินทรา เป็นวัดเล็กๆที่ถูกสร้างในสมัยพระนารายณ์ อยู่ติดกับทางรถไฟฝั่งตรงข้ามศาลพระกาฬครับ



อังกฤษเป็นประเทศที่นำเทคโนโลยีรถไฟมาสู่สยามตั้งแต่สมัย ร.4 แต่กว่าจะรอเศรษฐกิจกระเตื้องจนสร้างได้ก็สมัย ร.5 ทางรถไฟสายเหนือเป็นเส้นแรกๆที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเส้นทางจากชุมทางภาชีถึงจังหวัดลพบุรีถูกสร้างในปี พ.ศ.2444 ก่อนจะทยอยสร้างขึ้นไปเรื่อยๆจนสุดที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ.2469 ตรงข้ามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นสถานีรถไฟลพบุรีครับ ผมมาเที่ยวถ่ายรูปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุสามรอบก็จอดรถที่ สถานีรถไฟลพบุรี นี่แหละ




ไอติมขนมปัง อร่อยนะ เหมาะกินตอนอากาศร้อนๆมาก ลพบุรีไปเมื่อไหร่ก็ร้อนแดดแรงจริงๆ



ติดกับสถานีรถไฟคือ วัดบันไดหิน สร้างในสมัยพระนารายณ์เช่นกัน มีเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมเป็นประธาน



เรียกน้ำย่อยเที่ยวสองวัดเล็กๆเสร็จแล้วไปชมโบราณสถานที่อลังการที่สุดของลพบุรีกันครับ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่สร้างขึ้นเป็นพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์ในปี พ.ศ.2209 และมีความงดงามจนได้รับยกย่องว่าเป็นแวร์ซายน์แห่งลพบุรี และเป็นสถานที่ในการก่อการยึดอำนาจของพระเพทราชาด้วย



ก่อนเที่ยวโบราณสถานขอเล่าเรื่องราวในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์สักหน่อยครับ ช่วงต้นรัชกาลสยามสามารถกำราบพม่าลงได้ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายภายในพม่าเอง ทำให้รัชกาลนี้ห่างเหินศึกจากภายนอก ยามสงบเราก็รบกันเอง... ไม่ใช่สิ! ยามสงบ การเจริญสัมพันธไมตรีการค้าขายก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ และเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับฝรั่งเศสใน พ.ศ.2205 เป็นชาติยุโรปชาติที่ 4 ที่มาติดต่อกับอยุธยาต่อจากโปรตุเกส (พ.ศ.2061) ฮอลันดา (พ.ศ.2141) และอังกฤษ (พ.ศ.2155) ว่ากันว่าช่วงนั้นเกิดกรณีพิพาทกับฮอลันดาเพราะไทยจะไปค้าขายแถบเอเชียตะวันออกแข่งกับฮอลันดา พระนารายณ์จึงต้องสร้างราชธานีสำรองที่ลพบุรี และสร้างป้อมที่ธนบุรีและนนทบุรีเป็นปราการป้องกันข้าศึกทางทะเล และกระชับสัมพันธ์กับฝรั่งเศสเป็นตัวช่วยทานอำนาจฮอลันดาไว้ด้วย

ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนี้ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดเพราะที่ปรึกษาชาวต่างชาติคงเก่งเรื่อง KM มากกว่าคนไทยเลยเหลือหลักฐานให้ศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เป็นภาษาฝรั่งเศส แต่ก็ทำให้การเมืองต่างๆถูกบิดเบือนให้ไปเข้าทางฝรั่งเศสด้วย อันที่จริงแม้จะขัดผลประโยชน์ทางการค้ากัน แต่ฮอลันดาก็ยังมีสัมพันธ์อันดีกับอยุธยา ในบันทึกฝั่งฮอลันดากล่าวว่ารัชสมัยของพระนารายณ์เป็น "ยุคแห่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและฮอลันดา" แม้แต่รูปสลักงามๆที่เก็บในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ก็เป็นฝีมือช่างชาวดัชท์แทบทั้งสิ้น ส่วนความขัดแย้งทางการค้านั้นสามารถยุติลงในช่วงเวลาอันสั้น และเงื่อนไขสัญญาต่างๆที่ฮอลันดายื่นให้นั้นหลักๆเป็นไปเพื่อกีดกันคนจีนที่มีปัญหาเรื่องโจรสลัดจีนก่อสงครามกับฮอลันดาอยู่ในช่วงนั้นมากกว่า

และการหันเข้าหาฝรั่งเศสจนแทบจะยกเมืองให้ฝรั่งก็พาราชวงศ์ปราสาททองไปสู่หายนะอย่างที่ทราบกัน นักประวัติศาสตร์พยายามยกให้เป็นความผิดของฟอลคอนแต่เพียงผู้เดียว ส่วนพระนารายณ์เป็นแค่เหยื่อของเกมการเมือง .....แต่ถ้าอธิบายแบบนี้แล้วก็ยิ่งสงสัยในความมีพระปรีชาสามารถของพระนารายณ์ที่อุตส่าห์ยกให้เป็นมหาราชซะอีก มีผู้อธิบายไว้ว่าการที่พระนารายณ์จำต้องเข้าหาฝรั่งเศสเป็นความจำเป็นการในรับมือศึกภายในของอยุธยาต่างหาก! จะว่าไปแล้วรัชสมัยนี้เหตุการณ์ไม่ได้สงบสุขร่มเย็นเลยนะครับ
  • พระนารายณ์พยายามสร้างกองกำลังขึ้นมาต้านทานกลุ่มก้อนอำนาจที่มีอยู่ในราชอาณาจักร เช่นฮอลันดาและแขกเปอร์เซียมีฐานอำนาจอยู่ในประเทศไทย คณะสงฆ์ที่มีบทบาทในการปฏิวัติหลายครั้งหลายครา หรือพวกขุนนาง
  • หลังความขัดแย้งทางการค้ากับฮอลันดา พระนารายณ์ต้องการพันธมิตรที่ไม่มีฐานอำนาจ และฟอลคอนก็ส่งเสริมให้พระนารายณ์ดึงฝรั่งเศสเข้าบ้าน และความแตกร้าวกับแขกมุสลิมที่ก่อกบฏแขกมักกะสันทำให้พระนารายณ์ยิ่งยึดติดกับฝรั่งเศสมากขึ้นไปอีก
  • พระนารายณ์พยายามเข้าหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึงกับยกเมืองๆหนึ่งให้ฝรั่งเศส (เมืองยะโฮร์)
  • มีการแต่งตั้งชาวต่างชาติมารับตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญๆมากจนเกิดความไม่พอใจในหมู่ขุนนางไทย โดยเฉพาะการนำกองทหารฝรั่งเศสเข้ามาในประเทศและปฏิบัติต่อชาวบ้านเหมือนเชลยด้วยความเป็นอภิสิทธิ์ชน กองทหารส่วนหนึ่งประจำอยู่ที่บางกอก-ธนบุรีซึ่งเป็นชัยภูมิที่สำคัญในการก่อการยึดอำนาจหลายครั้ง
  • พระนารายณ์อุปถัมภ์ศาสนาคริสต์มากจนเกิดความไม่พอใจในหมู่คณะสงฆ์
  • แม้แต่ในหมู่คริสต์ศาสนิกชนเองอย่างชาวโปรตุเกสที่เคยมีบทบาทมากแต่ก่อนก็ไม่พอใจพระนารายณ์ที่เอื้อประโยชน์ให้แต่ชาวฝรั่งเศส
  • อังกฤษไม่พอใจที่พระนารายณ์โปรฝรั่งเศสจนถึงขั้นประกาศสงครามกันในปี พ.ศ.2230
  • การผูกขาดการค้าอยู่ที่พระคลังทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านลำบากยิ่งขึ้น คู่ค้าต่างชาติเริ่มเบือนหน้าหนีไปค้าขายที่อื่น
  • ฟอลคอนใช้อำนาจทางการค้ากอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง และเก็บภาษีหนักเพื่อเอาเงินเข้าคลัง ทำให้ผู้คนเกลียดฟอลคอนมาก แม้จะมีผู้ร้องเรียนพระนารายณ์ก็ไม่รับฟัง และสั่งประหารชีวิตผู้ร้องเรียนเสียอีก
  • การเสด็จออกนอกวังของพระนารายณ์ไปล่าสัตว์สร้างความลำบากให้ชาวบ้านที่ต้องเข้าป่าครั้งละนับหมื่นคน และล้มตายไปเป็นจำนวนมาก

ซึ่งก็นำไปสู่ความไม่พอใจของหลายฝ่ายจนเกิดการโค่นล้มราชวงศ์ไปในที่สุด พระเพทราชาขุนนางสมุหคชบาลและออกหลวงสรศักดิ์ (ต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเสือ) ที่ไม่ชอบฝรั่งโดยเฉพาะฟอลคอนได้ปลุกระดมคณะสงฆ์และชาวบ้านให้โค่นบัลลังก์ เหตุการณ์ประทุขึ้นช่วงปลายรัชกาลที่พระนารายณ์ประชวรและไปพำนักที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หลายกลุ่มเตรียมก่อการกำจัดคู่แข่งทางการเมือง แต่ก็เป็นกลุ่มของพระเพทราชาที่ทำสำเร็จ โดยได้ทำการปลิดชีพ candidate ที่จะขึ้นครองราชย์อย่างพระปีย์ รวมถึงคนสนิทอย่างฟอลคอนทิ้ง พอทราบข่าวพระนารายณ์ที่ประชวรอยู่แล้วก็แค้นใจจนกระอักเลือดสวรรคตไป จากนั้นคณะปฏิวัติก็กำจัดเจ้าฟ้าอภัยทศที่มีสิทธิ์ได้ขึ้นครองราชย์ทิ้งอีกคน แล้วก็ไล่กำจัดทหารฝรั่งเศสที่บางกอก มะริด และตะนาวศรี จนหมดบทบาทไปจากการเมืองไทย นับว่าเป็นน้อยครั้งที่ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของยุคที่กษัตริย์ปกครอง แต่พอพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ตั้งราชวงศ์บ้านพลูหลวงขึ้นมา ชาวบ้านก็ถูกตัดขาดจากการเมืองกลับไปเป็นไพร่เป็นทาสแบบเดิม (ทำไมผมคุ้นๆธีมแบบนี้?)

เข้ามาเขตพระราชฐานชั้นนอก จะพบหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลังหรือพระคลังศุภรัตน์ ใช้เป็นที่เก็บข้าวของ



ตึกเลี้ยงต้อนรับแขกเมือง ล้อมด้วยน้ำพุ ใช้รับรองทูตจากประเทศต่างๆ อันได้แก่ฝรั่งเศส ฝรั่งเศส และฝรั่งเศส (ล้อเล่น)



ด้านซ้ายมือติดกับรั้วคือตึกพระเจ้าเหา เป็นที่ๆพระเพทราชาใช้ก่อการยึดอำนาจ เหาเป็นภาษาเขมรแปลว่าเรียก เพราะตึกนี้เป็นที่ขุนนางเรียกประชุม สมัยก่อนเวลาพูดถึงเรื่องอะไรเก่าๆจะบอกว่ามีมาแต่ครั้งตึกพระเจ้าเหา (ซึ่งพระเพทราชาเคยบอกว่าระเบียบปฏิบัติจะแตกต่างจากเดิมไปมากหลังการปฏิวัติ) แล้วก็กร่อนเป็นคำติดปากมาจนถึงยุคปัจจุบันเมื่อพูดถึงอะไรเก่าๆ เช่น "หัวบล็อกของชีริวเนี่ยไม่รู้จักเปลี่ยนซะที ใช้มาตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหาแล้ว!"



ที่นี่มีการนำเทคโนโลยีประปาจากฝรั่งเศสและอิตาลีมาใช้ มีท่อประปาดินเผาทดน้ำจากอ่างเก็บน้ำซับเหล็กเข้ามายังอ่างเก็บน้ำที่นี่ครับ



หน้ากำแพงกั้นเขตพระราชฐานชั้นกลางมีโรงช้าง 10 โรง เอาไว้ใส่ช้างโรงละเชือก



ผ่านกำแพงเข้ามาในเขตพระราชฐานชั้นกลางครับ จะพบพระที่นั่งจันทรพิศาลสร้างในสมัยพระนารายณ์ ทับลงบนพระที่นั่งเดิมที่สร้างสมัยพระราเมศวรเสด็จขึ้นมาครองลพบุรี แล้วก็ถูกสร้างใหม่ทับอีกทีในสมัย ร.4



ร.4 ได้ฟื้นฟูที่นี่ขึ้นอีกครั้งเป็นที่ประทับและยกลพบุรีเป็นราชธานีสำรองเพื่อเตรียมรับมือการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ร.4 ให้ชื่อพระราชวังแห่งนี้ว่าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ โดยสร้างหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฏขึ้นในเขตพระราชฐานชั้นกลาง ประกอบด้วย 4 พระที่นั่งคือ พิมานมงกุฏ วิสุทธิวินิจฉัย ไชยศาสตรากร อักษรศาสตราคม เป็นตึกแบบฝรั่งเลย อีกกระแสหนึ่งก็บอกว่า ร.4 มาสร้างวังที่นี่เพราะทรงหวาดระแวงอิทธิพลของพระปิ่นเกล้าที่มาสร้างวังที่บ้านสีเทา อ.แก่งคอยมากกว่า แต่ ร.4 มาประทับได้แค่ปีเดียว พอพระปิ่นเกล้าสวรรคตในปี พ.ศ.2408 ก็เลิกใช้วังนี้ครับ



4 พระที่นั่งนี้รวมถึงพระที่นั่งจันทรพิศาลปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ จัดแสดงโบราณวัตถุและประวัติความเป็นมาของลพบุรีตั้งแต่ยุคหิน มีโบราณวัตถุจากเมืองซับจำปา และเมืองลพบุรีตั้งแต่สมัยทวารวดี ลพบุรี จนถึงสมัยอยุธยา รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ของ ร.4 ช่วงที่เสด็จมาพำนักที่นี่ด้วย






ของชิ้นสำคัญในพิพิธภัณฑ์คือเหรียญนี้ครับ เหรียญที่ระลึกที่สถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสมอบให้เมื่อวันที่ 15 พ.ค. พ.ศ.2530 ฉลองความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศสเนื่องในโอกาสครบรอบ 300 ปีที่ทูตสยามเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่พระราชวังแวร์ซายน์ในฝรั่งเศสในปี พ.ศ.2229



อีกชิ้นก็คือสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสเรื่องการให้อภิสิทธิ์การค้าแก่บริษัทอีสต์อินเดียของฝรั่งเศส ให้เสรีภาพในการเผยแพร่คริสต์ศาสนา และให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต อันนี้เป็นสนธิสัญญาฉบับที่ 3 ลงนามที่เมืองลพบุรี วันที่ 10 ธ.ค. พ.ศ.2230



ด้านซ้ายของหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฏคือพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท สมเด็จพระนารายณ์ใช้เป็นท้องพระโรงออกต้อนรับทูตและผู้เข้าเฝ้า (เหมือนพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทของอยุธยา) ท้องพระโรงยกสูง มีประดับกระจกสีและทองคำงดงาม ....แต่ตอนนี้สภาพก็อย่างที่เห็นครับ





ที่ตั้งอยู่กลางพระที่นั่งคือแผ่นเหล็กภาพจำลองเมื่อครั้ง เชอวาเลีย เดอโชมองต์ ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เดินทางมาเข้าเฝ้าพระนารายณ์ในปี พ.ศ.2228 ภาพพระนารายณ์รับราชทูตที่โด่งดังที่เห็นกันบ่อยๆก็คือเหตุการณ์เดียวกันครับ แต่การถวายพระราชสาส์นเกิดขึ้นที่อยุธยา พระที่นั่งในภาพน่าจะเป็นพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทไม่ใช่พระที่นั่งนี้นะครับ (ป้ายใต้แผ่นเหล็กก็ระบุว่าถวายที่อยุธยาตรงกับหลักฐานของฝรั่งเศส) ตอนนั้นที่ประทับกษัตริย์อยู่สูงเกินเอื้อมผิดกับที่ตกลง ฟอลคอนก้มหัวขอร้องให้เอื้อมเอาสาส์นส่งให้กษัตริย์ แต่เชอวาเลียให้พระนารายณ์ก้มลงมาหยิบเอง (ในครั้งนั้นพระนารายณ์หัวเราะไม่ได้เอาเรื่องอะไร)



เขตพระราชฐานชั้นในมีพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์อยู่ในสวนที่ร่มรื่นย์มีสระน้ำขนาดใหญ่สี่สระสำหรับเล่นน้ำ (เหมือนพระที่นั่งบรรยงรัตนาสน์ของอยุธยา) แต่สภาพตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วครับ หลังพระนารายณ์สวรรคตที่นี่ในปี พ.ศ.2231 พระที่นั่งก็ถูกทิ้งร้าง และ ร.3 ได้ขนศิลาแลงจากพระที่นั่งองค์นี้ไปสร้างภูเขาทองวัดสระเกศที่กรุงเทพจนเหลือแต่ฐาน



ทางตะวันตกของเมืองติดกับแม่น้ำลพบุรีเป็นที่ตั้งของ ศาลลูกศร ที่สร้างโดยชาวจีนในตลาด ศาลนี้เป็นศาลหลักเมืองที่มีมานาน ไม่ทราบยุคที่ก่อตั้ง ตามตำนานลพบุรีจะผูกกับเรื่องราวของรามเกียรติ์ กล่าวกันว่าเมื่อพระรามเสร็จศึกกับทศกัณฐ์แล้วได้กลับไปครองเมืองอโยธยาและต้องการยกเมืองๆหนึ่งให้หนุมาน จึงได้แผลงศรออกไปตกที่ใดที่แห่งนั้นจะเกิดเป็นเมืองขึ้น และบริเวณที่ศรตกก็คือศาลลูกศรแห่งนี้เอง ไฟจากลูกศรได้ลุกท่วมจนดินสุกขาวเป็นดินสอพอง (สรุปว่าพระรามแม่งเผาป่า) พระอินทร์และพระวิษณุได้ช่วยกันสร้างเมืองขึ้นมาให้ชื่อว่าลพบุรี และพวกลิงๆในเมืองนี้ก็เป็นลูกหลานทหารของหนุมานนั่นเอง... ลูกศรของพระรามกลายเป็นหินสีเขียว ต้องมีน้ำหล่ออยู่ตลอด ไม่งั้นจะเกิดไฟท่วมแผ่นดิน ศาลเดิมถูกไฟไหม้วอดไปในปี พ.ศ.2511 (เพราะศรพระรามสินะ) ที่เห็นนี้สร้างขึ้นมาใหม่ครับ



วัดปืน อยู่ด้านหลังศาลลูกศร โดยคำว่าปืนมาจากศรพระราม คาดว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้นและได้รับการบูรณะสมัยพระนารายณ์



บ้านหลวงรับราชทูตหรือ บ้านวิชาเยนทร์ สร้างขึ้นในสมัยพระนารายณ์ เป็นที่พักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (ฟอลคอน) ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นสมุหนายกในสมัยพระนารายณ์ ด้านในมีโบสถ์ของศาสนาคริสต์กับบ้านรับรองทูตจากต่างประเทศด้วย



คอนสแตนติน ฟอลคอน เป็นชาวกรีกที่เดินทางเข้าอยุธยาในฐานะพ่อค้า และเข้ารับราชการในตำแหน่งล่ามในราชสำนักของพระนารายณ์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศจนได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นถึงสมุหนายก ฟอลคอนเป็นผู้รับผิดชอบการจัดสรรกำลังทหารและได้สร้างป้อมปราการในเมืองสำคัญ เช่นป้อมวิไชยเยนทร์ที่ธนบุรี (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นป้อมวิชัยประสิทธิ์) ฟอลคอนเข้ามามีบทบาททางการเมืองมาก และเกิดความขัดแย้งในรัชสมัยนี้ตามที่เล่าไปเมื่อครู่ ราชวงศ์บ้านพลูหลวงจึงได้ก่อการโค่นล้มบังลังก์พระนารายณ์ ฟอลคอนถูกพระเจ้าเสือจับตัวได้ที่หน้าพระนารายณ์ราชนิเวศน์และถูกนำไปประหารชีวิตนอกเมืองที่ทะเลชุบศร

ภรรยาของฟอลคอนคือ มารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) ที่ว่ากันว่าเป็นผู้ให้กำเนิดขนมไทยพวกทองหยิบทองหยอด ฝอยทอง แต่อันที่จริงขนมที่ว่าเข้ามาสยามตั้งแต่สมัยติดต่อสัมพันธ์กับโปรตุเกสช่วงแรกๆแล้วนะครับ



แล่นตามถนนรามเดโชข้ามคูเมืองออกมาสักพักจะพบ วัดสันเปาโล ที่นี่เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ก่อตั้งโดยบาทหลวงนิกายเยซูอิตจากฝรั่งเศส 12 รูป ที่ได้รับพระราชทานที่ดินจากพระนารายณ์ในปี พ.ศ.2228-2230 และยังมีหอดูดาวแห่งแรกของไทยด้วย คาดว่าชื่อวัดสันเปาโลเพี้ยนมาจากเซนต์ปอล หรือแซงเปาโลในภาษาฝรั่งเศส



จากซากตอนนี้ส่วนที่เป็นหอดูดาวเหลือแค่ผนัง เดิมเป็นอาคารแปดเหลี่ยมสูงสองชั้นนะครับ ด้านล่างนี่คือภาพวาดสีน้ำของวัดสันเปาโลที่คณะเยซูอิดมอบให้หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2305



ที่สุดท้ายที่จะพาไปนี้อยู่ไกลจากที่อื่นพอสมควรครับ ออกไปนอกเมืองกัน จากวงเวียนสระแก้วขึ้นมาทางทิศเหนือ เข้าเส้น 3016 ข้ามคลองอนุศาสนนันท์มาประมาณ 1 กม. แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงชนบท ลบ. 3103 จะมาถึง พระที่นั่งเย็น (พระที่นั่งไกรสรสีหราช) เดิมเป็นพระที่นั่งมีน้ำล้อมเรียกว่าทะเลชุบศร แต่ตอนนี้น้ำแห้งหมดแล้ว แห้งแล้งกลายเป็นพระที่นั่งร้อนเลยครับ สร้างในสมัยพระนารายณ์เพื่อใช้พักผ่อนล่าสัตว์ และใช้เป็นที่ชมจันทรุปราคา (11 ธ.ค. พ.ศ.2228) ร่วมกับราชทูตจากฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งทึ่งกับวิชาดาราศาสตร์ของโลกตะวันออกที่คำนวณการเกิดจันทรุปราคาได้อย่างแม่นยำ... ทั้งที่เพิ่งจะสร้างหอดูดาวเป็นเมื่อย่อหน้าตะกี้นี้ และต่อมาพระที่นั่งถูกใช้เป็นที่ดูสุริยุปราคาด้วย (30 เม.ย. พ.ศ.2231) ซึ่งความเก่งในการคำนวณดวงดาวทั้งหลายก็มาจากโหราศาสตร์ขั้นเทพของไทยที่สืบทอดมายาวนานนี่แหละ





ผมชอบลพบุรีที่ถนนหลักทำเป็นวงเวียน แทบไม่เจอรถติดเลยครับ วงเวียนทางตะวันตกสุดของเมืองที่เราต้องเจอเมื่อขับขึ้นมาจากสระบุรีคือ อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผลงาน อ.ศิลป์ พีระศรี วงเวียนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร เข้าไปจอดรถเดินเที่ยวสวนหย่อมรอบๆได้เลย



จากอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เลี้ยวมาทางตะวันตก ก่อนถึงตัวเมืองลพบุรีโบราณจะพบ วงเวียนสระแก้ว สร้างในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกฯ ทำเป็นรูปแท่งเทียนตั้งบนพานยักษ์ รอบๆสระแก้วเป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นในสมัยจอมพล ป. เกือบทั้งสิ้นครับ มีทั้ง รร.พิบูลวิทยาลัย โรงแรมทหารบก มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี โรงพยาบาลอานันทมหิดล ตึกเอราวัณ โรงภาพยนตร์ทหานบก (ทหารสมัยนั้นใช้ตัว น.หนู) ฯลฯ จอมพล ป. ต้องการสร้างลพบุรีเป็นศูนย์กลางทางการทหาร เลยวางผังเมืองลพบุรีใหม่และสร้างอาคารโดยเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม สถาปัตยกรรมจะแตกต่างจากพวกอาคารโคโลเนี่ยลที่ชนชั้นสูงชอบสร้างกันในสมัยก่อนหน้านั้น จนลพบุรีกลายเป็นเมืองที่เจริญรองจากกรุงเทพ เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองในยุคนั้นเลยทีเดียว และทำให้ลพบุรีเป็นจังหวัดที่ที่ดินส่วนใหญ่เป็นของทหารมาจนทุกวันนี้ ช่วงที่หมดอำนาจ จอมพล ป. ก็มาพำนักที่ลพบุรี ก่อนจะไปใช้ชีวิตช่วงปลายที่ปทุมธานี





เป็นไงครับ ลพบุรีทีมีประวัติการใช้งานมายาวนาน ตั้งแต่สมัยละโว้ทวารวดี แม้จะย้ายศูนย์กลางไปยังเมืองอื่นแล้วลพบุรีก็ยังถูกใช้เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองในสมัยพระนารายณ์ ร.4 และจอมพล ป.

บล็อกต่อไปจะพาเที่ยวโซนอโยธยาศรีรามเทพนครครับ ไปดูจุดที่เป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรพระนครศรีอยุธยาในเวลาต่อมากัน Smiley











Create Date : 11 กันยายน 2560
Last Update : 17 กันยายน 2560 21:00:59 น. 58 comments
Counter : 11538 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณSweet_pills, คุณMax Bulliboo, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณmambymam, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเนินน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณkae+aoe, คุณInsignia_Museum, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSai Eeuu, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณClose To Heaven, คุณกิ่งฟ้า, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณRinsa Yoyolive, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณtuk-tuk@korat, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณJinnyTent, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณmoresaw, คุณเริงฤดีนะ, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณกาบริเอล, คุณSakormaree, คุณmcayenne94, คุณmariabamboo, คุณTui Laksi


 
ชีริว Travel Blog

โบราณสถานน่าชมมากค่ะ
เจดีย์เหลี่ยมวัดบันไดหิน สวยงามค่อนข้างสมบูรณ์มาก
เพิ่งทราบที่มาของคำว่าพระเจ้าเหานี่เอง
ขอบคุณคุณซีริวที่พาเที่ยวลพบุรีในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:0:04:29 น.  

 
เหรียญที่ระลึกของฝรั่งเศสนั่น...เรากราบไหว้เขาหรือเขากราบไหว้เราอ่ะ ดูไม่ถัดหาแว่นไม่เจอ 555 และถ้าเรากราบไหว้เขา มันจะให้มาเป็นที่ระลึกทำไมฟระ? ฮ่าๆๆ ดีนะที่ไม่มีสานต่อ ไม่งั้นวันนี้ฝรั่งเศสอาจจะส่ง "เรฟูจี" มาให้เป็นที่ระลึกก็เป็นด๊ายยยย เข้ามาแซวเล่นๆ ฮ่าๆๆ แต่อ่านหมดแล้ว หูย..อลังการมากเลยนะในยุคนั้น น่าเสียดายที่ไม่มีการสานต่อ สถานที่สำคัญๆกลายเป็นซากอิฐปูนซะ น่าเสียดายมากเลย แต่ก็นะ ยุคใครก็ยุคใคร อ่ะงั้นโหวตจ้า


โดย: Max Bulliboo วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:3:11:18 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:3:26:50 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ
ได้ความรู้มากมาย ไปลพบุรีหลายครั้ง
แต่ไปไม่ถึงที่นี่เลยค่ะ

ชีริว Travel Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:4:36:55 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ
ตามมาเที่ยวลพบุรีด้วย
โบราณสถานสวยงาม ไม่แพ้อยุธยาเลยค่ะ
บางอย่างก็น่าเสียดาย
ที่ไม่ได้รับการบูรณะไว้ให้ลูกหลานดู
แต่แบบเดิมๆ ก็มีความสวยงามในอีกแบบนะคะ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยนะคะ




โดย: ann_shinchang วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:5:52:31 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

อาคารอาจจะผุพังทรุดโทรม
แต่ประวัติศาสตร์ที่ช่วยกันเขียนและจดจำ
ยังอยู่ยั้งยืนนาน
จริงๆต้องบอกว่าพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถมากจริงๆนะครับ
ถ้าการทูตไม่ดีจริง
อาจตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกไปแล้ว
ยังไม่นับรวมเรื่องการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ด้วย

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชท่านจึงทำให้สยามอยู่รอดปลอดภัยได้
โดยไม่เกิดภัยคุกคามในบ้านเมือง

โหวตครับ

ความรักคือคุณากร.... นั่นมันธรรมะ!!
พี่ก๋าว่า สัญญา คุณากร ตะหาก 5555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:6:13:01 น.  

 
เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ดูขลังและสวยงามอีกที่นึงเลย
ดูเหมือนการก่อสร้างจะอลังการกว่าหลายๆที่ๆเคยเห็นด่วยนะ
พระเจ้าเหา มีที่มาเช่นนี้เอง

ขอยคุณจ้ะ





โดย: mambymam วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:7:04:57 น.  

 
รุ่งเรืองมากเลยนะครับ... แถมมี คนต่างชาติเข้ามายุ่งเกี่ยว

พวกเขาก็ ทะเลาะกัน... แก่งแย่ง ถือสิทธิ์ เสนอจัดเก็บภาษี
ให้สูง

เอื๊อก ๆ ตอนนี้ กำลังจะเก็บภาษีสูงอีก ผมว่าคนไทยชำนาญ
แล้วนะตอนนี้ เรื่องเก็บภาษีเพิ่ม ไม่ต้องให้ต่างชาติแนะนำ หุ หุ

....

ลพบุรีเป็นที่ราบ ไม่มีน้ำตก ต่อท่อให้เกิดน้ำพุ กลางเมืองได้
เอ... สมัยก่อนมี เครื่องปัํมน้ำหรืือยังหว่า ....

หรือใช้แรงงานคน หมุน ๆ เกิดแรงดันน้ำเป็น น้ำพุ...

ใจผมนึกถึง ท้องพระโรงสมัยก่อน เวลามีแขกมา จนท.จะคอยดึง ผ้าผืนใหญ่บนเพดานเข้าหาตัว แล้วปล่อย มันจะเกิด
ลมพัดให้ ข้างล่างเย็น ดูหนังนะครับคุณชีริว

นั่งอ่านไป ดูภาพไปเพลิน งั้นโหวตให้คุณชีริวก่อน


ชีริว Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


....

ที่บล๊อกผม คุณชีริว ยังจำที่ผมโม้ เอ้ยเขียนไว้ ว่า ผมเคย
ทำ บาร์ แถวซังฮี้... ใช่เลยครับ

แต่นั่นเป็น บาร์หรือร้านแห่งใหม่ คนละเจ้าของ..ผมจะป้วนเปี้ยน
แถวนั้น นานเลย 555

ทำบัญชีบริษัท ขายคอมพิวเตอร์ ร้านอาหารอื่น แถว 35 โบว์
กับ แถวเซ็นทรัล... ซอยเทพากร แถวการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
บางกรวย.. สนุกดีครับ



โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:9:03:24 น.  

 
มาชมร่องรอยประวัติศาสตร์ค่ะน้องซีริว
อิฐเหล่านี้ทนทานอายุนานหลายร้อยปีเชียวเนาะ
อยากเห็นเมื่อครั้งลพบุรีรุ่งเรืองนะคะคงจะสวยงามมาก
เห็นไอติมขนมปังแล้วนึกได้ว่าไม่ได้กินมาหลายปีแล้วนะเนี่ย


โดย: เนินน้ำ วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:11:46:18 น.  

 
ตามมาเที่ยวลพบุรีต่อ พร้อมกับศึกษาประวัติศาสตร์ไปด้วยเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:13:00:52 น.  

 
ดีงามมมมมมมมมมมมมมม ละเอียดมากกกก

ได้รู้ทั้งการเมืองสมัยท่านกับสมัยรอสี่เลย

ที่ช่วงวุ่นวายที่พระนารายณ์ท่านทราบข่าวว่าใครโดนฆ่าตายสักคนแล้วท่านพูดว่าใครฆ่าเจ้าเตี้ยนี่ เจ้าเตี้ยหมายถึงใครอ้ะ

ไยดี - สะกดงี้เด้อ

วันนี้โหวตเต็ม พรุ่งนี้มาโหวตนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:15:36:25 น.  

 
ประวัติศาสตร์ช่วงนี้แทบไม่เข้าหัวผมเลย พยายามอ่านก็ยังไม่ค่อยจะเข้า ที่ผมจำได้จะเป็นช่วงกรุงธนบุรีเป็นต้นไปมากกว่า ก่อนหน้านั้นจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่

รถไฟเรามีเป็นชาติแรกๆ ในเอเชีย แต่มาวันนี้ยังไงก็อย่างนั้นไม่ได้มีการพัฒนาอะไรเลย ผมนึกถึงของญี่ปุ่นมันแตกไลน์ขายของได้เยอะ นายสถานีที่เป็นแมว มาสคอตสาวรถไฟ (มีเป็นร้อยเลยมั้ง ออกเป็นด๋อยมา 7 ตัว) ข้าวกล่องของแต่ละสถานี ของเราไม่มีจุดขายอะไรเท่าไหร่ แต่ผมชอบข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างนะ ซื้อมากินบนรถไฟ ได้บรรยากาศดี

ไอติมขนมปังผมนึกถึง ไอติมที่เค้าเรียกว่าไอติมลูกเสือ อร่อยดีนะ

หลายๆ ที่เห็นแล้วก็ต้องบอกว่า ไม่เหลืออะไรเลย แหลกสลายไปตามกาลเวลา ผมเห็นของเก่าๆ หลายชิ้น ประเทศเรารับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากประเทศรอบๆ เยอะอยู่นะครับ


จากบล็อกที่มาพูดคุย (ให้อามี่ซังตอบ)
อามี่ซัง : "ใช่แล้วรอยาวไป อย่ามาเร่งอามี่ซังนะ อามี่ซังไม่ชอบ!! เดี๋ยวทุ่มด้วยคอมพิวเตอร์เลย"



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:16:23:45 น.  

 
ผมชอบยุคพระรารายณ์ เพราะเอกสารของฝรั่งมีให้ค้นคว้ามากมาย แม้ว่าจะเป็นมุมมองของฝรั่ง แต่ข้อมูลค่อนข้างละเอียดตามแบบฉบับของเขา ชวนให้จินตนาการไปถึงผู้คนในยุคนั้น เป็นยุคที่คนหลายชนชาติที่อยู่กันอย่างมีสีสันในอยุธยาครับ



โดย: Insignia_Museum วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:19:25:48 น.  

 
เป็นอีกตอนที่อ่านสนุกมากค่ะ สมกับที่คุณชีริวยื้อเอาไว้ซะนาน

ป้อมประตูชัย วัดอินทรา พี่ยังไม่ได้ไป

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตึกเลี้ยงต้อนรับแขกเมือง ตึกพระเจ้าเหา พี่เดินไม่ถึงแฮะ มัวแต่งม ๆ ในพิพิธภัณฑ์ฯ ไปถึงตอนบ่ายกว่าแล้วค่ะ เก็บไม่หมด ถ้าจะให้ละเอียด ๆ น่าจะต้องมี 3-4 ชม. ขึ้นไป

2 ชิ้นสำคัญในพิพิธภัณฑ์ฯ พี่เก็บมาค่ะ ยืนดูยืนเพ่งเหมือนกันค่ะ

ถัดจากพระนารายณ์ราชนิเวศน์ลงมา... พี่ยังไม่ได้ไปซักที่ค่ะ เห็นอนุสาวรีย์พระนารายณ์แว๊บ ๆ เองค่ะ

และทั้งหมดทั้งมวล พี่คงไม่ไปซ่อมละ ดูจากบล็อกคุณชีริวก็พอแล้ว ละเอียดได้เรื่องได้ราวกว่าเยอะ

*** พอใจ น่ารักค่ะ นิสัยดีมาก ถ้าพี่จะหลงที่สุดก็พอใจนี่ล่ะค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:20:14:10 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนคร้าาาา


โดย: Gorjai Writer วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:20:33:07 น.  

 
ลพบุรี เป็นอีกเมือง ที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยหายไปไหน เพราะ วัดเมืองเก่าต่างๆ ยังอยู่ในเมืองให้คนรุ่นหลังได้อาลัยนะคะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:20:47:20 น.  

 
สวยงามค่ะ
เป็นเมืองที่น่าเที่ยว
โบราณสถานมากมาย
โหวดค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:20:51:12 น.  

 
ชีริว Travel Blog ดู Blog

โหหหหห นี่คือเราลืมไปแล้ว ว่า ลพบุรี มีความเกี่ยวข้องกับพระนารายณ์
เป็นการฟื้นฟูความทรงจำ แถมได้รู้อะไรใหม่ ๆ เยอะเลย
เรื่องราว สมัย ร.4 ซึ่งลืมและคืนครูไปหมดแล้วววว ที่ร่ำเรียนมา แป่ววว
พระที่นั่งดูดีอะ คือมีการบำรุงรักษาอย่างดี
ด้านในพิพิธภัณฑ์น่าสนใจมาก ๆ

ที่ดีที่สุดคือ โต้กำลังเรียนเรื่องละโว้เลย อิอิ ได้การณ์แระ


โดย: Close To Heaven วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:21:22:03 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พันคม Literature Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Home & Garden Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่ะน้องซีริว พี่กิ่งเคยบอกแล้วนะคะว่าน้องซีริวเก่งประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องที่จริงมากๆเลยค่ะ เข้ามาอ่านก็รู้เลยค่ะ

ก่อนนี้พี่เคยสอนวิขาประวัติศาสตร์แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้สอนแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้คงขออนุญาตก๊อบเอาไปไว้สอนเด็กแล้วค่ะ ความรู้แน่นคับแก้วค่ะ

โหวตนะคะ

หลับฝันดีค่ะ































โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 กันยายน 2560 เวลา:22:31:25 น.  

 
มาบ้านนี้เหมือนมาเรียนประวัติศาสตร์อีกรอบเลยละเอียดมาก
อำนาจไม่ว่าสมัยไหนไม่เข้าใครออกใคร แย้งชิงกันตลอด
เพิ่งจะรู้จักปล่องระบายแรงดันน้ำประปาโบราณ
ทางรถไฟสายเหนือเป็นเส้นแรกนี่ก็เพิ่งจะรู้
ฝรั่งที่ชื่อฟอลคอนที่ปลุกระดมคณะสงฆ์และชาวบ้านให้โค่นบัลลังก์
และมารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) ชื่อนี่คุ้นๆเคยอ่านในนิยายบุพเพสันนิวาส
ลพบุรีมีโบราณสถานเยอะมาก น้องชีริวเล่าซะจนพี่อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง

ชีริว Travel Blog

**จากบล๊อก " ผมก็นึกว่ากุหลาบเหลืองเอาไว้เยี่ยมผู้ป่วยโรคเอดส์ซะอีก" ฮ่าๆ
สงสัยจะเคยเอาดอกกุหลาบเหลืองไปเยี่ยมคนไข้แน่ๆ 5555


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:1:52:21 น.  

 
มาโหวตน้าาาเธอ

ขอบคุณที่ไปตอบด้วย

ไยดี มันไม่เหมือนใยบัวไง คนละใยกันอะจ้ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:6:45:46 น.  

 


โดย: kae+aoe วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:8:43:12 น.  

 
แปะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Diarist ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
auau_py Review Food Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
JinnyTent Travel Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog





โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:9:56:49 น.  

 
พระนารายณ์ ครองราชย์นี่สร้างความยืิงใหญ่อลังการได้เหมือนกันนะ
เป็นอีกหนึ่งยุคที่คนไทยได้ระลึกถึง ได้มีสิ่งเล่าขานกันมา

แต่ว่าขนมปังไอติมรุ่นพระนารายณ์ไม่มีหรอก อิอิ อ้าวมันใช่เหรอ
เห็นแล้วน่ากิน กินตอนร้อนๆนี่เหมาะมากกก ชอบๆ


พระนารายณ์ราชนิเวศน์นี่แหละอลังการยิ่งใหญ่สุดแล้ว เหลือเค้าโครงให้เห็นความยิ่งใหญ่ได้ยังชัดมาก
ตึกพระเจ้าเหาเขามีน้ำล้อมด้วย เออดีไซน์แปลกดี
ถึงว่า เค้าเอาชื่อพระเจ้าเหามาล้อบ่อยๆ แบบนี้นี่เอง เกี่ยวไหมเ
หมือนหัวบล็อกชีริวนี่ตังแต่พระเจ้าเหาแล้วไม่ยอมเปลียนซะที

แบบนี้นี่เอง



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:10:05:53 น.  

 
มาส่งกำลังใจจองที่ก่อนค่ะ
อ่านยาวต้องหาโอกาสเหมาะ
แต่แผ่นดินนี้น่าสนใจมากๆนะคะ

ชีริว Travel Blog



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:19:43:00 น.  

 
บล็อกเพิ่งใช้งานได้ครับน้องชีริว

เม็ดที่โรยอยู่บนดอกไม้
คือเค้าเอากุหลาบไปชุบช็อกโกแล็ตครับ
แล้วโรยด้วยท็อปปิ้งไอติม
น่ากินดีนะครับ 5555


พี่ก๋าไม่ค่อยได้อ่านประวัติศาสตร์ไทยเลยครับ
ไม่แม่นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพิ่งมาอ่านตอนมีลูกนี่แหละ 5555

ส่วนใหญ่ไปอ่านประวัติศาสตร์จีนซะเยอะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:10:11:41 น.  

 
รถไฟล่าสุดที่ผมขึ้นน่าจะช่วงก่อนปี 2536 ก็ผ่านมานานแล้วนะ แต่บางทีก็มีโอกาสไปสถานีรถไฟบ้าง

ผมเคยใช้บริการรถไฟของจีน ผมเฉยๆ แต่มีแนวโน้มว่าต่อไปตัวตู้โดยสารของเราอาจจะเป็นแบบจีนก็ได้ (ในอนาคต)



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:11:21:51 น.  

 
อ่านสนุกมากเลยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:12:37:02 น.  

 
วัดท่าซุง พี่ไปสองรอบแล้ว ยังเก็บไม่หมดทุกจุดเลย กว้างขวางใหญ่โต บางจุดคนเยอะ เข้าไปแล้วไม่มีที่จอดรถก็ต้องวนออกมา

ใช่ค่ะ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท ไม่ได้ขึ้นแพด้วยค่ะ ไปตามถนน ... พี่จำเส้นไม่ได้ เหมือนขับไปไม่นานนะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:20:05:10 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับน้องชีริว

ภาพชุดนี้มาจากงานไม้ดอกที่เชียงรายครับ
เซ็ตนี้เกือบสองปีแล้วล่ะ
เพิ่งเอามาใช้ในบล้อกครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:22:07:26 น.  

 
ที่ไปคุย น่าห่วงว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ เราชอบอยู่แล้วไปซื้อของมือสองเค้ามาใช้ด้วย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 14 กันยายน 2560 เวลา:22:31:21 น.  

 
แวะมาสวัสดีตอนเช้าๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะคะ



โดย: ann_shinchang วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:5:40:05 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:6:24:46 น.  

 
ขอบคุณที่แวะฟังเพลงจ้ะ



โดย: mambymam วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:7:22:12 น.  

 
สวัสดีอีกรอบเน้อ

อะไรคือฉะเชิงเชายะ 555

เดาถูกด้วยว่าอันไหนพิซซ่าพี่ 555

หมูเป็นสัตว์น่ารักจริงๆ น่ะแหละ ที่จริงสัตว์ทุกตัวมันก็มีความน่ารักของมันอะเนาะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:8:57:46 น.  

 
พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา เป็นของและอยู่ในมหาวิทลาลัยราชภัฏค่ะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tuk-tukatkorat&month=11-2014&date=03&group=40&gblog=120

และมีเวปไซด์ เหมือนเป็นห้องสมุดที่นี่ //www.koratmuseum.com/

แต่ก็สู้ไปดูพิพิธภัณฑ์เมืองจริงไม่ได้ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:9:55:59 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องซีริว พี่กิ่งไม่ได้สอนวิชาประวัติศาสตร์แล้วแต่ก็ยังเข้ามาอ่านเพื่อเป็นความรู้จากบล็อกน้องซีริวได้อีกค่ะ โดยเฉพาะเมืองเก่าในลพบุรีถ้าได้รักษาไว้ไม่ปล่อยให้ผุพังแบบนี้คงจะสวยงามมากนะคะน่าเสียดายแบบสมัยเก่าสมัยสมด็จพระนารายณ์ที่มีฝรั่งชาวโปรตุเกตุเข้ามาและได้สร้างเรือนรับรองในสมัยก่อนคงจะสวยงามมากเสียดายผุพังไปหมด

น้องซีริวเป็นวิศวะที่เก่งประวัติศาสตร์มากๆจ้า สุดยอด...



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:13:14:52 น.  

 
ขอโทษจ้าอีกตัวติดมาได้ไงไม่รู้ 5555


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:13:16:04 น.  

 
สวัสดีจ้ะ น้องชีริว

ขอบใจมากที่แวะไปเยี่ยมเยือน และอวยพรให้หายจากอาการบาดเจ็บ แต่คงอีกเป็นเดือน ๆ จ้ะ
ช่วงนี้ได้แต่อ่านคร่าว ๆ เม้นท์น้อย หยุดเขียนไปสักพัก เพราะนั่งนานไม่ไหว ปวดหลังอยู่

มาเที่ยวลพบุรีของเธอ เขียนเล่าได้ละเอียด ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ มากทีเดียว จ้ะ

โหวดหมวดท่องเที่ยว อัพบล็อกอย่าลืมมาชวนครูมาอ่านนะ



โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:16:01:20 น.  

 
ขอเวลาสูดยาดมแพร็บ
มึนหัว ตาลาย กับประวัติศาสตร์ไทยนิ๊ส
ที่ว่า คนไทยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับประวัติศาตร์ไทย
เอาจริง ๆ พี่ก็คนหนึ่งในจำพวกที่ไม่ค่อยรู้นั่น แหะ แหะ

แค่สมัยพระเจ้านเรศวร พระเจ้าตากสินสมัยกรุงธนบุรี
มาเป็นราชวงศ์จักรี รัชสมัยปัจจุบันพี่ก็จำไม่หวาดไม่ไหวแล้วน้องเอ๊ย

เรื่องราวของเมืองลพบุรีบล็อกนี้
พี่นึกถึงหนังฟอร์มยักษ์อย่างพระศรีสุริโยทัยเลย
ตอนนั้นพี่บ้ามาก ซื้อหนังสือมาอ่าน ซื้อชาร์ทผังประวัติศาตร์ไทย
แต่ตอนนี้ ก็ลืมเลือนไปแล้ว มาคุณชีริวหยิบมาพูดถึงบางส่วน
ทำให้นึกเค้าโครงลาง ๆ

ดูรูปจากบล็อกนี้แล้ว โบราณสถานที่ลพบุรี
ไม่แพ้อยุธยา สุโขทัย และศรีสัชนาลัย เลยนะคะ
ไม่ได้ ๆ ปักธงที่อยุธยาก่อน ลพบุรีค่อยแพลนต่อมา
ไปเป้าหมายแรกให้ได้ก่อน 5555+


โดย: JinnyTent วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:17:39:53 น.  

 
ตามมาเที่ยวลพบุรีด้วยครับ
ถ้าไปเอง คงไปได้ไม่ครบเหมือนคุณชีริวครับ ถ้ามีลิงตรงไหนไม่กล้าเข้าไปครับ
และคนเยอะๆ ลิงแยะๆ ก็ไม่ไปครับ วันแต่งกายย้อนยุค เลี้ยงโต๊ะจีนลิง


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 15 กันยายน 2560 เวลา:23:43:23 น.  

 
ตามมาเที่ยว ได้ความรู้เพิ่มขึ้น
อยากไปชมสถานที่ต่างๆอีกสักรอบ พิพิธภัณฑ์น่าสนใจ
เคยซื้อไข่เค็มดินสอพองมากิน อร่อยแปลกใช้ได้เลย ติดใจครับ


โดย: moresaw วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:5:35:02 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:6:40:18 น.  

 

ลพบุรีเป็นเมืองที่มีอารยธรรมขอมแผ่เข้ามาถึง
อยู่ ยืน ยาว มานานนม
เคยมาศาลพระกาฬ กับวังสมเด็จพระนารายณ์ เช่น กัน
ทั้ง หลัง และทั้งอลังการณ์

Vote vote vote ค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:8:01:30 น.  

 
ผมคงไม่สามารถไปลพบุรีได้ทั่วทุกแห่งหรอกครับ
เพราะตอนนั้นไปเอง ไม่มีรถด้วย ^^"
ลองนึกภาพคนที่ต้องเดินผ่านวงเวียนตอนกลางวัน
ถนนก็กว้าง แดดเปรี้ยง ร้อนก็ร้อน ทารุณกว่าเดินราชดำเนินเยอะ
ตอนหลังความสนใจของผมที่มีต่อพวกโบราณสถานลดลง
ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่ไปแถวนั้นอีกเลยน่ะครับ ^^"

การเมืองช่วงสมเด็จพระนารายณ์นี่เป็นอะไรยุ่งเหยิงจริง ๆ ครับ
การที่ทางการให้สิทธิพิเศษกับใครพวกใดพวกหนึ่งโดยเฉพาะ
เชื่อได้เลยว่าพวกอื่น ๆ ก็มองอยู่เขาก็คงไม่อยู่เฉยแน่ ๆ
แล้วมันจะกลายเป็นว่า ต้องให้สิทธิพิเศษกับพวกอื่น ๆ ด้วย
ให้ซะจน...เรา ไม่สิ! ต้องบอกว่าชาวบ้านไม่แทบไม่เหลืออะไร
มันก็เป็นนี้ทุกยุคทุกสมัยครับ ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่เหมือนกัน...


ป.ล. "...ถึงกับยกเมืองๆหนึ่งในฝรั่งเศส (เมืองยะโฮร์)"
คำว่า "ใน" น่าจะเป็น "ให้" หรือเปล่าครับ ^^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:12:17:09 น.  

 
ดึงอำนาจกันไปมา เฮ้อ...

ถ้าไม่ได้ศึกษาประวัติช่วงนี้แล้วเอามาวิเคราะห์
อย่างจริงจัง สมัยพระนารายณ์ฯ นี่ก็แทบจะอลังการณ์
งานสร้างทีเดียวนะ แบบว่ามีการติดต่อกับฝรั่งดั้งขอ
น่าจะดูอู่ฟู่ศิวิไลซ์มาอีกระดับ
(ครูก็ชอบเปรยให้เห็นด้านเดียวอ่ะนะ)

แล้วพวกเราก็จะมีคำถามตามมา
; แล้วไหงบ้านเรากลับถึง
ไม่เจริญอย่างต่อเนื่องล่ะ
เหมือนว่าจะถูกหยุดชะงักลงซะได้?

ก็มีทั้งขึ้นต้นไม่สวยตามฉบับโบราณกาล
ว่าด้วยเรื่องการกำจัด (เป็นประเพณีนิยมรึไง)
รู้สึกว่าจะไม่ให้เหล่าชายาท้องด้วยใช่มั้ย
เสียเมืองให้ฝรั่งเศสเพื่่อเอาใจ หลุยส์14
แถมฉากปิดท้ายของรัชสมัย ก็ยังเจ็บช้ำ

รากฐานประวัติศาสตร์บ้านเรามีแต่คนบางกลุ่มนะ
ลงฐานล่างไปแล้วแทบจะ nobody ความรู้ที่จำกัดเพื่อแค่
ในส่วนของชั้นบน...พอทะเลาะเบาะแว้งฆ่ากันที คนเก่ง ๆ
ก็จะหายไปอีกหนึ่งเจเนอเรชั่น การพัฒนาเลยไม่ค่อยต่อเนื่อง
ฉะนี้แลฯ

เอาล่ะ
เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อ่ะนะเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว
โบราณสถานก็เช่นกัน ...แดดร้อนน่าดูนะเนี่ย
เคยนั่งรถไฟผ่านลพบุรี สิ่งแรกที่เห็นก็คือลิงจ๋อ แล้วก็วัดเก่า
ไอติมดับร้อนนี่ ตกลงว่าได้กินมั้ย ถ้าลิงไม่ฉกไป ก็นะจะละลาย
หลังถ่ายทำนะ :)

ได้ยินคำพูด"พระเจ้าเหา" มาก็บ่อย ก็เข้าใจไปว่าเคยมี
คนปกครองบ้านเมืองชื่อพระเจ้าเหาสินะ สรุปแล้วมันก็แค่
ชื่ออาคารที่ยืมคำว่า"เหา"มาจากภาษาขแมร์ ป๊าดส์...


โดย: กาบริเอล วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:18:30:04 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องซีริวขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ความรักของหนุ่มสาวใบ้เนี่ยหายากจริงๆค่ะ

ตามมาอ่านประวัติเมืองลพบุรีต่ออีกรอบค่ะได้ความรู้มากจริงๆ

หลับฝันดีนะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 16 กันยายน 2560 เวลา:20:39:11 น.  

 
แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับโหวตค่ะคุณชีริว


โดย: Gorjai Writer วันที่: 17 กันยายน 2560 เวลา:16:51:06 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณซีริว
นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 17 กันยายน 2560 เวลา:23:31:52 น.  

 
มารอเที่ยวต่อจ้ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 18 กันยายน 2560 เวลา:3:13:11 น.  

 
โหวตให้ก่อนค่ะ เดี๋ยวมาอ่านต่อ
เนื้อหาแน่นมาก ต้องใช้เวลาค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 18 กันยายน 2560 เวลา:14:29:22 น.  

 
กลับมาแล้ว ตามไปกินของอร่อยๆ กันต่อเลย

555



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 18 กันยายน 2560 เวลา:17:13:25 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
moresaw Funniest Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Beauty Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ตุ๊กจ้ะ Fanclub Blog ดู Blog
The Kop Civil Sports Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ตามเที่ยวประวัติศาสตร์ด้วยคาบบบบ


โดย: mariabamboo วันที่: 18 กันยายน 2560 เวลา:19:59:35 น.  

 
ไป ๆ ๆ ๆ เค้าอยากไปเที่ยวต่อแล้ววว ให้ไว ๆ


โดย: Close To Heaven วันที่: 18 กันยายน 2560 เวลา:21:13:46 น.  

 
เห็นเม้นท์คุณบุ้งข้างบนแล้วต้อง 555
พี่ก็ว่างั้นเหมือนกัน

เสียแต่พี่ยังอ่านไม่จบสักที วันนี้เพิ่งมาได้แค่
กว่าครึ่งทางแล้วกำลังบอกตัวเองว่า พี่น่าจะ
เป็นคนที่โดนล้างสมองง่ายมากเพราะเหมือนว่า
จะอ่านแล้วเข้าท่ากว่าที่เคยเรียนมาเยอะเลย

จะว่าไปแล้วประวัติศาสตร์มีหลายเวอร์ชั่นมาก
รวมพวกพงศาวดาร ตำนานและพวกมุขปาฐะ
ทั้งหลาย คนที่ไม่ได้สนใจมากอย่างพี่ก็บอกศาลา
เลยว่าค้นคว้ายาก ใครชอบค้นคว้าหาภาพมา
ประกอบอีกด้วย ต้องชื่นชมมากเลย

เที่ยงกว่าแล้ว ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวมาต่อให้จบ

555 จบจนได้ในที่สุด ขำเรื่องทูตฝรั่งเศสเข้าเฝ้า
ถวายสาส์น และอีกหลายเรื่อง จำไม่ได้แล้ว แต่
เรื่องศรพระรามเนี่ย พี่ฟังมาอีกเวอร์ชั่นนะ เขาว่า
พระรามยิงศรแม่นมาก ขนาดยิงทะลุดอกประยงค์
ฟังแค่นี้ก็โอนะ แต่ดอกประยงค์อ่ะ เล็กกว่าเม็ด
พริกไทยสักครึ่งหนึ่งได้ จิ๋วเดียวจ้า

ขอบคุณนะคะ ค้นคว้าเก็บความมาให้อ่านมากมาย
ต้องรีบมาอ่านให้จบวันนี้กลัวพรุ่งนี้จะออนตะพาบงัย



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 19 กันยายน 2560 เวลา:12:39:16 น.  

 
กลับมาอ่านต่อให้จบค่ะ ได้ทบทวนความรู้ดีค่ะ
เรื่องฝรั่งบันทึกสิ่งต่างๆไว้ เป็นข้อดีจริงๆ และเขาไม่ค่อยหวงความรู้
ไม่เหมือนจีน ทั้งที่มีความเจริญหลายอย่าง แต่ชอบทำลายความรู้
หวงความรู้ไว้ในแวดวงจำกัด เวลาผ่านไปก็สูญหายไปหมด เสียดายค่ะ
ก่อสร้างบูรณะมากมายใช้ได้แค่ รัชกาลเดียวเอง
คนมักกล่าวกันว่า อดีตชาติของรัชกาลที่ ๔ คือ พระนารายณ์มหาราชด้วยค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 21 กันยายน 2560 เวลา:19:55:41 น.  

 
สวัสดีคร้าคุณชีริว
ยังงัยเราก็ขอตามมาอ่านรีวิวเมืองแม่ของเราก่อน
ภาพทั้งหมดเราคุ้นตามาแต่เด็ก แต่รายละเอียดเจาะลึกทาง
ประวัติศาสตร์ขอปรบมือให้ แม้จะพอรู้ๆมาอยู่แล้ว อ่านแล้วก็ได้
หวนนึกถึงประว้ติศาสตร์ไทยครั้งนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง
ขอบคุณคะ....เยี่ยมมากๆคร้าเดินชมได้รอบเมืองจริงๆ


โดย: Tui Laksi วันที่: 22 กันยายน 2560 เวลา:16:52:44 น.  

 
ขออนุญาต นำภาพ เนื้อหา พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ไปประกอบที่บล็อก สองแผ่นดินครับ
ขอบคุณครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 26 มีนาคม 2561 เวลา:8:23:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.