|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทริปภาคใต้วันพ่อ ชุมพร-สงขลา-หาดใหญ่-ปัตตานี
รายงานผลการเดินทางช่วงวันพ่อ 5-10 ธ.ค. ปลายปีที่ผ่านมาครับ ทริปนี้ดิ่งลงใต้เจาะเที่ยว ชุมพร-สงขลา-ปัตตานี แล้วตีกลับ ก่อนรอบปีใหม่จะไปเก็บทะเลฝั่งอันดามัน (พังงา-ภูเก็ต-กระบี่) ตามที่อัพบล็อกอันนี้ไปแล้ว นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่ได้ดิ่งลงใต้กัน หลังเที่ยวภูมิภาคเก็บประวัติศาสตร์และที่น่าเที่ยวของภาคเหนือและภาคอีสานตอนล่างไปแล้ว ช่วงนี้กำลังเที่ยวภาคใต้ครับ
บล็อกแกงค์อนุญาตให้อัพภาพได้ขนาดถึง 300 kb มากกว่าเดิมสองเท่า! ก็เลยขอเพิ่มไซส์ภาพในบล็อกนี้จากกว้าง 600px เป็นกว้าง 690px เพื่อท่านผู้ชมจะได้ไม่ต้องพกแว่นขยายเข้ามารับชมบล็อกนี้
DAY 1 (5 Dec 14)
ทริปนี้เราออกจากบ้านตีห้าให้พ้นจากกรุงเทพให้เร็วที่สุดก่อนฟ้าสว่าง แวะกินข้าวแกงเขาย้อยที่เพชรบุรีตามธรรมเนียมปฏิบัติของการดิ่งลงใต้ แล้วแวะเที่ยวชมเมืองโบราณยุคทวารวดีที่ทุ่งเศรษฐี ชะอำ ตามที่แปะซากอิฐโชว์ไว้ในเอนทรี่นี้ จากนั้นก็เริ่มเที่ยวใต้จริงๆจังๆแล้วครับ ช่วงที่ผ่านประจวบเห็นป้ายเข้าหาดวนกรแล้วอดใจไม่ได้ ต้องแวะเข้าไปดูทุกที ช่วงวันพ่อเข้าฟรีไม่เสียตังค์ด้วย
ช่วงนั้นฝนกำลังดีเลย ท้องฟ้าส่วนใหญ่ก็จะหม่นหมอง (ดีแล้วครับ เที่ยวแล้วตัวไม่ดำ) ที่ผมชอบคือหาดนี้มักมีอะไรแปลกๆ ขึ้นมาเกยตื้นให้ดูตลอด คราวก่อนเจอไข่เอเลี่ยน หนนี้มีหินลึกลับ เขย่าแล้วรู้สึกว่าด้านในมีหินเล็กๆอยู่อีกก้อนนึง!
| ไข่สัตว์ทะเลอะไรสักอย่าง (เจอตอนไปหาดวนกรปี 2002) | | หินซ้อนหิน (ปี 2014) | และแล้วก็เข้าสู่จังหวัดชุมพร เรามาถึง วัดถ้ำรับร่อ หรือวัดเทพเจริญ ที่เที่ยวแรกของทริปนี้ตอนบ่ายสามครึ่งครับ มีถ้ำอยู่บนเนินเตี้ยๆ 8 ถ้ำ แต่มีที่สำคัญน่าเข้าชมสามถ้ำคือถ้ำอ้ายเตย์ ถ้ำพระ และถ้ำไทร
ขึ้นบันไดแล้วเดินจากขวามาซ้ายเลยครับ ถ้ำแรกคือถ้ำอ้ายเตย์ที่มีหินงอกหินย้อยงดงาม แต่ในถ้ำค่อนข้างมืด ที่นี่มีภาพเขียนพระพุทธไสยาสน์ด้วย แต่มองไม่เห็นจริงๆครับ สงสัยต้องไปทำบุญ
ตรงกลางคือถ้ำพระ ที่มีพระเก่าแก่ในถ้ำจำนวนมาก ประธานคือหลวงพ่อปู่หลักเมืองที่ชาวเมืองเคารพนับถือ แต่เข้ามาคนเดียวยามโพล้เพล้แบบนี้หลอนมากครับ
ถ้ำไทรเป็นสถานที่พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณหน้าปากถ้ำ แต่ป่านนี้ย้ายไปแล้วหละ หินงอกหินย้อยของถ้ำนี้มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดครับ ที่นี่ใช้เป็นที่จำพรรษาของพระวัดเทพเจริญยุคแรกๆด้วย
จากนั้นก็เข้าเมืองชุมพรหาที่ซุกหัวนอนครับ หอนาฬิกาประจำเมืองนี่ไม่เคยเอาไว้ดูเวลาเลย เอาไว้เตือนให้รู้ว่าถึงเขตเทศบาลแล้วเท่านั้นแหละ
จองห้องไว้แล้วละครับ ที่นานาบีช หาดทุ่งวัวแล่น แต่ก่อนนอนแวะลงใต้ไปหาดทรายรีไหว้กรมหลวงชุมพรกันสักหน่อย กรมหลวงชุมพรเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ทหารเรือ และขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งในฐานะ "เสด็จเตี่ย" ผู้สร้างโรงเรียนทหารเรือในจังหวัดติดทะเลทั่วประเทศ และสร้างฐานทัพเรือสัตหีบเป็นการวางรากฐานที่สำคัญของกองทัพเรือไทย และในฐานะ "หมอพร" ผู้มีความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย มีศาลกรมหลวงชุมพรอยู่ทั่วประเทศ แต่ที่นี่คือศาลกรมหลวงชุมพรที่สำคัญและโด่งดังที่สุดเพราะเป็นสถานที่ที่ท่านสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ.2466
บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรมีเรือรบหลวงชุมพรที่ปลดประจำการแล้วจัดแสดงอยู่ เรือรบหลวงนี้ต่อขึ้นในประเทศอิตาลี ยาว 68 เมตร ใช้งานในช่วง พ.ศ. 2481-2518 ครับ เคยใช้งานในสงครามจริงๆมาแล้วนะ ไม่ได้มีไว้ลาดตระเวนเฉยๆ
ขึ้นจากหาดรายรีไปทางทุ่งวัวแล่น ระหว่างทางมีร้านอาหารทะเลอร่อยๆเรียงรายอยู่เยอะเลย ที่คนแน่นที่สุดเห็นจะเป็นร้านนี้ครับ "ครัวเจ๊อ่าง" แล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงดัง อาหารมันอร่อยมว้ากกกก!! รอบที่ลงใต้ช่วงปีใหม่ผมผ่านมาชุมพรก็แวะกินอีกรอบ รูปข้างล่างนี้จะเป็นรูปจากสองทริปรวมกันนะครับ
เพราะคนเยอะมาก ก็เลยรอนานมาก แต่ฆ่าเวลาด้วยการเดินชมชายหาดสวยๆไปพลางๆก่อนครับ
รอบแรก (ทริปวันพ่อ) ไปกับแม่สองคน อยากกินอาหารปักษ์ใต้ขึ้นมาเลยสั่งกุ้งผัดสะตอกะปิ อร่อยมากกก!! อีกเมนูสั่งต้มยำหัวปลา ก็อร่อยมากกก!! ส่วนทริปช่วงปีใหม่ไปกันสี่คน ช่วงนั้นอาหารทะเลไม่ค่อยมีเพราะคลื่นลมแรง ไม่ค่อยมีคนออกจากฝั่ง เลยไม่มีสะตอครับ (ไม่เห็นเกี่ยวเลย!) สั่งต้มยำหัวปลา+ออส่วน+ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ก็อร่อยมากกก!! หมดทุกอย่าง
คืนแรกขอนอนหรูหน่อยครับ นานาบีชรีสอร์ท เอาจริงๆก็ไม่แพงเท่ารีสอร์ทหรูๆที่เพื่อนๆเอามารีวิวกันหรอก คืนละ 1,300.- ห้องใหม่ สะอาด สวยงาม ติดหาดทุ่งวัวแล่นเลย ใน GPS ของการ์มินมีพิกัดโรงแรมนี้ครับ แต่เพื่อความชัวร์เอาพิกัดไปอีกรอบ GPS: 10.570247, 99.274071
ผมอยากถ่ายแสงดาวยามค่ำคืนมาก แต่ท้องฟ้าช่วงนี้มันบัดซบสุดๆ ถ่ายมาแล้วเหมือนจะมีมนต์อสูรลอยลงมาจากท้องฟ้าเลย
DAY 2 (6 Dec 14)
ช่วงเช้าลมทะเลแรงสะใจมาก ชายหาดสงบๆ มีหมามาเดินเล่นยามเช้า และมีฝรั่งมานั่งสมาธิ
อาหารเช้าที่นานาบีชเป็นบุฟเฟต์อเมริกันเบรคฟาสต์ที่โอเคที่สุดแล้วในบรรดาโรงแรมที่ไปพักในรอบปลายปีที่แล้ว
เริ่มวันที่สองครับ ตั้งใจว่าจะดิ่งลงใต้ไปสงขลาเลย แต่เมื่อวานทำเวลาไม่ดีเลยไม่ได้แวะพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชุมพร วันนี้ออกสายเลยแวะสักหน่อย (เปิด 9.00 น. ตามเวลาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปกติ) ช่วงนี้เขากำลังปิดซ่อมอยู่แต่ก็ามารถเที่ยวชมโซนชั้นล่างได้ เจ้าหน้าที่มีอัทธยาศัยดีครับ พยายามนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจในชุมพรไล่รายอำเภอเลย ถึงชุมพรจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหม่ ด้านประวัติศาสตร์อาจเทียบไม่ได้กับสุราษฎร์ นครศรีธรรมราช หรือสงขลา แต่เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชุมพรนิดๆหน่อย และประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ก็เป็นความภาคภูมิใจของชาวชุมพรนะ ห้องที่แปลกไปจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆก็คือห้องจำลองวิกฤตการณ์ไต้ฝุ่นเกย์ในปี พ.ศ. 2532 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญของชาวชุมพรครั้งหนึ่งเลย ช่วงนั้นคุณชาติชายเป็นนายก เป็นข่าวใหญ่อันแรกๆที่ผมจำได้เลยมั้ง แต่ห้องจำลองไต้ฝุ่นเกย์นี่ผมไม่ได้เข้าไปดูนะ (อ้าว) จะรีบทำเวลาลงใต้ต่อครับ
อ้อ ช่วงคืนความสุขเข้าพิพิธภัณฑ์ฟรีนะครับ
ออกจากอำเภอเมืองลงมาคืออำเภอสวีครับ ...จากไปสวีวี่วี ♫ (จากเพลงสาวบ้านแต้) แต่ฝนก็เทลงมา T^T กรี๊ดดดด!! มันมาแล้ว สิ่งที่เกลียดกลัวที่สุดของการท่องเที่ยว รถจะติด ฟ้าจะหลัว ห้องพักจะเต็ม ก็ยังเที่ยวได้ แต่ฝนตกนี่เที่ยวม่ายด้ายยย!!
ที่เที่ยวที่ตั้งใจแวะก่อนออกจากชุมพรคือวัดพระธาตุสวีครับ นี่คือประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับชุมพรยุคก่อนกรุงศรีอยุธยา นั่นคือการสร้างพระธาตุสวีโดยพระเจ้าธรรมโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เล่ากันว่าพระเจ้าธรรมโศกราชยกทัพผ่านมาบริเวณนี้และเห็นอีกาบินวนไปมากลางทุ่ง พอไปดูก็พบซากสถูปภายในมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ จึงบูรณะเจดีย์ขึ้นมาใหม่สร้างเป็นพระธาตุสวี ในเขตนี้เราจะเห็นสัญลักษณ์อีกาบินวนรอบเจดีย์อยู่ทุกหนแห่ง นั่นละครับหมายถึงพระธาตุสวีอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่เป็นที่ภาคภูมิใจของชาวชุมพรแห่งนี้เอง และตอนเข้ามาที่เจดีย์นี้ฝนก็หยุดตก แถมฟ้าเปิดให้ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุดตั้งแต่ลงใต้มาอย่างน่าอัศจรรย์ อาห์... ที่นี่มีพลังงานบางอย่างอยู่
มื้อเที่ยงแวะหาข้าวกินที่หาดอรุโณทัย เห็นมีชื่อในหนังสือท่องเที่ยวหลายเล่ม แต่เห็นเข้าจริงๆแล้วไม่สวยเท่าไหร่ครับ หาดสั้นแถมขยะเยอะโคตรๆ เสียดายวิวทะเลที่เห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย ธรรมชาติสวยๆไปอยู่ในมือคนมักง่ายนี่เสียของจริงๆ อาหารก็หากินเอาตามเพิงแถวๆนั้นแหละ รสชาติหวานปรี๊ดห่วยแตก แถมราคาเท่าร้านดีๆเลย ผมตั้งสัตยาบันว่าจะไม่กินอาหารทะเลจากพวกเก้าอี้ผ้าใบหรือร้านเพิงไว้แล้วแท้ๆ ต้มยำกับข้าวผัดรสหวานหมาถุยมื้อนี้เป็นผลจากการผิดคำสาบานนี่เอง...
จากนั้นก็ลงใต้แบบเหยียบมิดเลยครับ กลัวถึงสงขลาไม่ทันมืด (จองห้องผ่านเน็ตไว้ก็ยากตรงนี้แหละ ต้องเที่ยวตามไมล์สโตน) แล่นลงมาทางเส้น 41 แล้วตัด 4151 เข้าเส้น 408 ที่ อ.หัวไทรครับ ใช่แล้ว นี่คือเส้นเลียบทะเลอันแสนยาวไกลบนคาบสมุทรสงขลาที่ผมชอบ ข้างทางจะมีกังหันลมเต็มไปหมด หัวไทรเองก็นับเป็นอีกหนึ่งที่ๆมีศักยภาพพลังงานลม แต่ก็ยังสู้ปากช่องไม่ได้อะนะ
ตั้งใจว่าจะเที่ยวเมืองโบราณสทิงพระช่วงบ่ายวันนี้ แต่หมดสิทธิ์ครับ กว่าจะถึงหัวไทรก็ล่อไปห้าโมงเย็นแล้ว ดิ่งหาที่พักสถานเดียว เราข้ามสะพานป๋าเปรมมาเกาะยอแล้วเข้ามาที่เมืองสงขลา ที่พักวันนี้คือแอลเรสซิเดนซ์ อยู่ถนนกาญจนวนิช ซอย 2 ใกล้ ม.ทักษิณ เข้าซอยมามืดหน่อย แต่เห็นที่พักแล้วอู้หูอ้าหามากครับ หอพักใหม่เอี่ยม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมีกระทั่งลิฟต์กับ free wifi ในราคาเพียงคืนละ 550 บาท ถูกโคตรๆ ยกให้เป็นที่พักที่คุ้มราคาที่สุดของทริปนี้เลย GPS: 7.159160, 100.605763
เรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วงครับ ในห้องพักไม่มีก็จริง แต่หน้าปากซอยมีร้านให้เพียบ มื้อเย็นวันนี้ผมกินข้าวต้มธนาทิพย์อร่อยดี ฝั่งตรงข้ามก็มีร้านรถเข็นมากมายโรตีอาม่ากับเบอร์เกอร์อิสลามก็อร่อยครับ ช่วงเช้าก็มีร้านโจ๊ก (โจ๊กไก่+ซาละเปาไก่-กุ้ง แบบอิสลามนะ)
DAY 3 (7 Dec 14)
เช้าวันที่สาม วันนี้เป็นไฮไลท์ของทริปนี้ครับ เราจะเที่ยวเมืองสงขลาและหาดใหญ่กัน ออกจากที่พักแต่เช้าและกินโจ๊กไก่อิ่มแล้วก็ขับขึ้นไปที่แหลมสมิหลา ที่นี่มีหาดทรายยาวสวยงาม มีต้นไม้ให้ร่มเงา มีลานกิจกรรม คนก็ไม่เยอะ บรรยากาศน่ามาออกกำลังกายยามเช้ามาก
นี่คือรูปปั้นนางเงือกที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสงขลาเลยครับ สร้างในปี พ.ศ. 2509 ทำจากสำริด ส่วนด้านหลังคือเกาะหนูเกาะแมวที่เราเรียนนิทานเรื่องเกาะหนูเกาะแมวกันตอนอยู่ประถมน่ะ
ที่เที่ยวของสงขลากระจุกอยู่ใกล้ๆกันหมด วันนี้เลยใช้เวลาเดินทางไม่เยอะเหมือนสองวันก่อน แต่วันนี้ฝนเอาแต่เช้าเลยครับ ตกลงมาได้ เราหนีฝนลงมาเที่ยววัดมัชฌิมาวาสตอนแปดโมงเช้า ซึ่งไม่มีอะไรเปิดให้ดูสักอย่าง พอฝนซาลงก็กลับขึ้นด้านบนไปเที่ยวสวนสองทะเลต่อ
ที่นี่มีรูปปั้นพญานาคเพิ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2549 นี้เองครับ หนังสือท่องเที่ยวเก่าๆเลยไม่ได้พูดถึง ชาวใต้ใช้ชีวิตใกล้ชิดแหล่งน้ำจึงนับถือพญานาคเทพแห่งน้ำกันมาก รูปปั้นพญานาคจะแบ่งเป็นส่วนหัว ส่วนลำตัว และส่วนหาง กระจายอยู่ในสวนสาธารณะต่างๆของเมืองสงขลา ที่สวนสองทะเลนี้มีส่วนหัวครับ ขนาดใหญ่โต รายละเอียดงดงาม เป็นแลนด์มาร์คได้ไม่แพ้เมอร์ไลอ้อนของสิงคโปร์เลย โชคดีเราไปตอนที่มันกำลังพ่นน้ำพอดี
ที่เรียกว่าสองทะเลเพราะบริเวณนี้คือปลายแหลมที่เชื่อมทะเลสาบสงขลาเข้ากับอ่าวไทยครับ อีกฝั่งคือ อ.สิงหนคร บนคาบสมุทรสงขลา ฝนเพิ่งจะตกไปเลยมีรุ้งขึ้นมาชดเชยให้นักท่องเที่ยวดีใจ
จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 1 ชม. ไปกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลาตามที่เคยพาไปชมแล้วในบล็อกนี้ (ใครผ่านไปแถวนั้นอย่าลืมไปแวะชมกันนะจ๊ะ ของเขาดีจริงๆ) แล้วก็เที่ยวสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลาต่อครับ (วันนี้ค่อนข้างเที่ยวมั่วนะครับ มันขับรถขึ้นๆลงๆได้ ไม่ไกล)
เห็นว่าจังหวัดทะเลน่าจะมีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำแจ่มๆ ที่ไหนได้... สู้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่บางแสนหรือสยามพารากอนไม่ได้เลย มีตู้ปลานิดหน่อย และมีตู้ใหญ่พร้อมอุโมงค์ลอดทะเลซึ่งดูเหมือนจะเป็นท่าบังคับของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไปแล้ว จุดขายของเขาคือลูกฉลามดองแห่งเดียวของโลก และบิ๊กดามัน ฉลามแสนรู้ที่โบกมือทักทายนักท่องเที่ยว (แกดำน้ำลงไปจับครีบมันโบกเองไม่ใช่รึ?) ...ตอนนี้ตายแล้วกลายเป็นฉลามสตัฟครับ ค่าเข้า 150.- เอาไปเป็นส่วนลดกิจกรรมในนี้ได้มูลค่า 100 บาทครับ ถ้าเล่นรถโกคาร์ทด้วยก็โออยู่นะ แต่ถ้าไปดูปลาเฉยๆ 150 บาทไม่คุ้มครับ
เที่ยวสงขลาสะใจแล้วก็ไปหาดใหญ่ต่อครับ ถึงจะไม่มีวิวทะเลสวยให้ชม แต่อำเภอหาดใหญ่นี้เป็นศูนย์กลางความเจริญอลังการน้องๆพัทยากับเชียงใหม่เลย ที่แรกขอแนะนำสวนสาธารณะนครหาดใหญ่ ตั้งบนพื้นที่ป่ากลางเมือง มีจุดที่น่าสนใจคือศาลาพระพรหมที่อยู่บนยอดสุดของเขาคอหงส์ สามารถมองทิวทัศน์หาดใหญ่ได้ทั้งเมืองเลย
ช้างเอราวัณหน้าศาลาพระพรหม
นี่คือท้าวมหาพรหมที่ชาวหาดใหญ่เคารพนับถือ มีคนมาบนบานกันมากมาย เชื่อว่าขึ้นไปเมื่อไหร่ก็เห็นคนมารำแก้บนครับ
ส่วนนี่คือประทัดที่จุดบูชาท้าวมหาพรหม กองเป็นภูเขาได้อีกลูกนึงเลย
ด้านบนมีหาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์ ขึ้นไปนั่งรถกระเช้าชมเมืองได้ แต่เคยไปนั่งกระเช้าบนบาน่าฮิลล์ของเวียดนามมาแล้ว ใหม่กว่านี้ ยาวกว่านี้ อันนั้นเขาสร้างทีหลังก็ต้องทำดีกว่าอยู่แล้วอะนะ เลยไม่ได้ขึ้นอันนี้ครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่นั่งกระเช้าให้ผมได้ถ่ายรูปกระเช้ามาด้วย
อันที่จริงอยากเที่ยวหาดใหญ่ไอซ์โดมที่มีรูปสลักน้ำแข็งอลังการมากมาย อยู่ในเขตสวนสาธารณะนี่หละ แต่ช่วงนี้ไม่เปิดครับ ปีนึงเปิดแค่ไม่กี่เดือนเองนะ ถ้าอยากมาก็ดูช่วงเวลาในเว็บด้วยนะครับ
วัดหาดใหญ่ใน เป็นวัดใหม่แต่พระนอนของที่นี่เจ๋งจนต้องไปดูครับ พระพุทธมหัตตมงคล ยาว 35 เมตร สร้างในปี พ.ศ. 2519 พุทธลักษณะงดงามไม่เหมือนพระนอนยาวๆองค์อื่นที่ปั้นออกมาเหมือนอุลตร้าแมน
ช่วงเย็นเดินทัวร์หาดใหญ่ แดนสวรค์ของนักช้อปปิ้งครับ เซนทรัลโนโวเทลอันนี้หลงเข้ามาเพราะคิดว่าเป็นห้างเซ็นทรัลจะมีอะไรดีๆดู จะเข้าก็ต้องลงจากรถให้ตรวจนะครับ แถมรถติดแก๊สไล่ไปจอดนอกห้างด้วย (แล้วจะมาตรวจกูเพื่ออัลไล?) พอเข้าห้างได้ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูนักหรอกครับ ไปดูลีการ์เด้นพลาซ่าฝั่งตรงข้ามดีกว่า มีร้านหนังสือเส้งโห ด้านในมีการ์ตูนเพียบพอกับร้านการ์ตูนใหญ่ๆเลย
โซนเช่าที่ในลีการ์เด้นส่วนใหญ่เป็นร้านแบกะดินขาย
สาเหตุที่พักในหาดใหญ่เพราะที่ช้อปมันติดๆกันเยอะ และหาที่จอดยากนี่แหละ อันนี้ตลาดสันติสุขที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า (ส่วนใหญ่จะปลอม) แต่ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้ว เลยถ่ายมาให้ชมเฉยๆ
ตลาดกิมหยง ขายของฝากของกินครับ แม่เล่าว่าสมัยก่อนราคาถูกดี ตอนมาทำงานแถวนี้ซื้อสบู่กลับไปประจำเลย แต่หนนี้ถามราคาดู มันแพงกว่าตลาดหลังที่ทำงานแม่อีกครับ!! คราวตลาดท่าเสด็จก็เข็ดไปทีนึงละ ของแพงกว่ากรุงเทพแบบนี้จะเหลืออะไรเป็นจุดขายให้พวกตลาดไกลๆพวกนี้มั่งไหมเนี่ย (ตลาดหลังสวน กฟผ. คือตลาดพระเจ้าไปแล้ว บูชาๆๆ)
ตอนที่ไปก็หกโมงเย็น แต่ร้านรวงปิดกันเกือบหมดแล้วเพราะฝนมันเทลงมา ตกเยอะๆ ตกให้หมดฟ้าไปเลยครับ ช่วงปีใหม่ผมลงใต้ฝนจะได้ไม่ตก
คืนนี้และคืนวันพรุ่งนี้พักที่อาโลฮ่าโฮเต็ลครับ ตั้งใจหาโรงแรมแถวๆนี้เพราะสะดวกในการเดินเที่ยวนี่แหละ ค่าห้องคืนละ 1,300.- แต่ไม่ได้หรูหราเท่าที่คิด (ราคามันเท่านานาบีชนะครับ! ก็ต้องคาดหวังเยอะเป็นธรรมดา) ห้องน้ำเล็กมากๆ ไม่สามารถอาบน้ำไปเต้นระบำไปตามที่เคยทำได้ แต่เอาเข้าจริงๆมนุษย์สปีชี่ยส์ไม่ช้อปอย่างเราก็ไม่ได้ปลื้มอะไรกับหาดใหญ่มากมายนี่นะ คราวหน้าถ้ามาหาดใหญ่ไปพักที่แอลเรสสิเดนซ์แล้วตีรถเข้ามา 26 กม. ยังดีกว่า GPS: 7.003872, 100.469596
DAY 4 (8 Dec 14)
อาหารเช้ากินที่โรงแรมครับ สั่งทำได้มีให้เลือกระหว่างข้าวต้มกับไข่ดาวไส้กรอก สวยงามดีเหมือนกัน
วันนี้เราจะเสี่ยงตายไปปัตตานีกัน ไหนๆรอบนี้ก็มาเก็บประวัติศาสตร์สงขลาแล้ว จะไม่ไปอีกจังหวัดนึงติดๆกัน และมีเมืองโบราณน่าสนใจอย่างเมืองยะรังได้อย่างไรกัน?! พอเข้ามาในเขตปัตตานีก็เจอด่านตรวจแน่นหนา แม่จ๋า! เรามาถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วจริงๆด้วย!! ก่อนเข้าสามจังหวัดถามคนสงขลามาแล้ว เขาบอกว่าถ้ากลับมาก่อนบ่ายสามก็คงไม่มีอะไรหรอก
วัดแรกต้องนี่เลย วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม อ.โคกโพธิ์ เป็นวัดของหลวงปู่ทวด หนึ่งในเกจินี่มีผู้เคารพนับถือมากที่สุดในศตวรรษนี้ วัดนี้มีตำนานเก่าแก่มาหลายคำบอกเล่า ว่ากันว่าสร้างโดยเจ้าเมืองไทรบุรี และมีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก วัดช้างให้ถูกทิ้งร้างช่วงหนึ่ง ก่อนบูรณะในช่วงปี พ.ศ.2480 และได้สร้างเจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ 5 ยอดช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 26
มัสยิดที่ใหญ่โตสวยงามทีุ่สุดในประเทศไทยคือที่นี่ครับ มัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี สร้างในปี พ.ศ. 2497 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้
เป้าหมายต่อไปคือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่คนไทยเชื้อสายจีนนิยมมาสักการะ เดิมชื่อศาลเจ้าโจ๋วซูกง มีเทพเจ้าให้ไหว้มากมาย แต่ในปี พ.ศ.2449 หลวงจีนของศาลเจ้าได้อัญเชิญรูปปั้นเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวจากบ้านกรือเซะมาประจำศาลเจ้าแห่งนี้ และเปลี่ยนชื่อเป็นศาลเจ้าเล่งจูเกียง หรือที่คนนิยมเรียกกันว่าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ...และแล้วฝนก็เทลงมาอีกแล้วครับท่าน รีบหนีฝนเข้าศาลเจ้ากันจ้าละหวั่น
อันนี้ไอเท็มในการไหว้เจ้าครับ มีเทพเจ้าให้ไหว้ 9 จุด ให้ปักเทียน 1 เล่มในแต่ละจุดตามลำดับไป จากนั้นก็วนอีกรอบเพื่อปักธูป 3 ดอกในแต่ละจุด ปิดท้ายด้วยการสั่นระฆัง ตีฆ้อง ใครทำไม่เป็นก็เดินตามเจ้าหน้าที่ได้
เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวขึ้นชื่อด้านความศักดิ์สิทธิ์ มาขอพรบรรลุผลทันตานัก วันนี้ผมขอพรให้ฝนไม่ตก จะได้เที่ยวสนุกๆ พอออกจากศาลปุ๊บฝนหยุดปั๊บ! เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!
ขึ้นมาที่บ้านกรือเซะมีสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวอยู่ครับ ตามตำนานเล่าว่าราวๆ 400 ปีก่อน ลิ้มกอเหนี่ยวได้เดินทางจากจีนมาตามพี่ชายกลับบ้าน แต่พี่ไม่ยอมกลับ นางจึงผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์บริเวณนี้ ร่างของนางถูกฝังไว้ที่นี่ ส่วนต้นมะม่วงหิมพานต์ถูกนำไปแกะสลักเป็นรูปปั้นเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และชาวบ้านได้ร่วมกันตั้งศาลเจ้าขึ้น เพียงแต่รูปปั้นเจ้าแม่ถูกย้ายไปที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียงแล้ว คนก็เลยไปไหว้ทางนั้นมากกว่า
ที่อยู่แทบจะติดกันเลยก็คือมัสยิดกรือเซะที่โด่งดัง เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี (ไม่รู้ทำไมหนังสือท่องเที่ยวชอบบอกว่า 200 ปี?) แต่ส่วนบนไม่มีครับ ตามบันทึกประวัติศาสตร์ที่นี่ถูกกองทัพสยามทำลายช่วงที่ ร.1 เข้ามายึดเมืองปัตตานี แต่ตามเอกสารท่องเที่ยวจะเล่าผูกเรื่องกับตำนานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวว่าพี่ชายของเธอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามและไม่ยอมกลับบ้าน แถมยังสร้างมัสยิดกรือเซะขึ้น เธอจึงสาปแช่งให้มัสยิดแห่งนี้ไม่มีวันสร้างเสร็จแล้วไปผูกคอตายใกล้ๆมัสยิด ก็ลองใช้วิจารณญาณดูนะครับท่านผู้ชมครับ คนปัตตานีที่รักสันติภาพเขาไม่สนใจว่าสยามเป็นคนทำลายมัสยิดแล้วละครับ มันเรื่องปกติของสงคราม แต่เลิกนิสัยบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อซุกความจริงกันสักที กลับกันพวกมุสลิมหัวรุนแรงก็เอาประวัติศาสตร์มาอ้างว่าตนเองถูกรัฐบาลสยามกระทำต่างๆนานา (ครับ มันไม่ยุติธรรมเลยครับ งั้นก็ขอให้มุสลิมคืนพื้นที่ปัตตานีให้ชาวพุทธยุคลังกาสุกะไปให้หมดทุกตารางนิ้วเลยนะครับ) มัสยิดนี้ถูกใช้เป็นหนึ่งในชนวนแบ่งแยกดินแดนด้วยนะ เมื่อปี พ.ศ.2547 มีเหตุการณ์โจรใต้ก่อการร้ายแล้วหลบเข้ามาซุกหัวในมัสยิดกันด้วย ทำเอาคนยิ่งแวะมาเที่ยวกรือเซะน้อยลงไปอีก
ประตูมัสยิดมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบตะวันออกกลาง ทำให้มัสยิดกรือเซะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ามัสยิดปิตูกรือบัน ตามรูปทรงของประตู
ด้านหน้ามัสยิดมีแบบจำลองปืนใหญ่พญาตานีที่หล่อขึ้นต้นพุทธศตวรรษที่ 21 และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปัตตานีด้วย ของจริงถูกย้ายไป กทม. ตั้งแต่ช่วงที่ ร.1 มาตีเอาเมืองปัตตานีนั่นละครับ ปัจจุบันตั้งโชว์ที่หน้ากระทรวงมหาดไทย
มื้อเที่ยงแวะกินอาหารตามสั่งฝีมืออิสลามในพื้นที่ครับ แม่ค้าดีใจมากที่ได้เห็นคนกรุงเทพตัวเป็นๆด้วย ไม่ค่อยมีคนต่างถิ่นมาเที่ยวปัตตานีน่ะ จากนั้นเราก็ไปตามหาเมืองโบราณยะรังตามที่พร่ำไปแล้วในเอนทรี่นี้ สักบ่ายสองก็ตีกลับหาดใหญ่ครับ ไม่กล้าอยู่เย็นมาก เดี๋ยวตัวจะเย็นไปซะก่อน ระหว่างทางแวะหาดสร้อยสวรรค์สักหน่อย อยากลองเที่ยวทะเลที่อยู่ใต้แสนใต้ของประเทศไทย แต่หาดนี้ก็เข้าเขตจังหวัดสงขลาไปแล้วนี่นะ ทะเลใต้สุดของไทยอยู่ที่ตากใบสินะ ....ไม่กล้าไป
ขากลับเข้าเมืองหาดใหญ่แวะเที่ยวเซนทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ เอ้อ! อันนี้ค่อยดูเป็นเซ็นทรัลหน่อย ไม่เหมือนไอ้ห้างเมื่อวาน แต่ไม่มีร้านการ์ตูนง่ะ
หาดใหญ่มีคนจีนจากมาเลเซียมาเที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าเทศกาล แม่ค้าเล่าว่าหาดใหญ่แทบจะกลายเป็นต่างประเทศไปเลย ร้านนี้ขายไก่ทอดหาดใหญ่ที่โด่งดังครับ อยู่แถวๆ ลีการ์เด้นพลาซ่า กุ้งทอดขนาดมหึมาที่เห็นนี่ตัวละ 600 บาท เทียบไซส์แล้วนับว่าไม่แพงเลย แต่กุ้งตัวขนาดนี้ผมอยากเอาไปเผาแล้วผ่ากลางมาคลุกข้าวกินมากกว่ากินเป็นกุ้งทอดนา แม่ค้าเล่าว่าช่วงปีใหม่เงินสะพัด วันนึงขายได้แสนบาท ย้ำว่าวันเดียวนะครับ หนึ่งแสนบาท!!
ผมมาเดินแถวนี้สองวัน วันแรกผมไปอุดหนุนข้าวเหนียวมะม่วงจากแม่ค้าไก่ทอดหาดใหญ่อีกร้านนึงในซอยเดียวกันนี่แหละ เขาใจดีช่างพูดด้วย และนี่คือไก่ทอดหาดใหญ่ ที่เอามาชุบแป้งทอดโรยงาขายทั่วประเทศนั่นไม่เหมือนที่เห็นนี่สักนิด ชิ้นละ 60 บาทครับ แพงเอาเรื่อง แต่มาถึงที่แล้วต้องลอง เขาจะเอาไปทอดซ้ำแล้วหั่นใส่ถุง ไปกินกับข้าว จิ้มน้ำจิ้มไก่เหมือนไก่ทอดทั่วๆไปนั่นละ แต่อร่อย! เนื้อนุ่มไม่สากลิ้นเป็นเส้นๆแบบไก่ทอดค้างแผงทั่วไป
พอกินอิ่มก็กลับมานอนที่โรงแรมอาโลฮ่าเหมือนคืนก่อนครับ
DAY 5 (9 Dec 14)
เช้าของวันที่ 5 วันนี้ดิ่งขึ้นบนโดยด่วนเลยครับ ต้องเที่ยวสทิงพระ+หัวเขาแดงภายในเวลาครึ่งวัน แล้วตีเข้าไปนอนชุมพร ...โหดไปนะ แต่ก็ทำไปแล้วครับ รายงานทริปสงขลาโบราณถูกแยกไปตั้งเป็นเอนทรี่นี้
ขาไปยังมีแก๊สให้เติมเรื่อยๆนะครับ แต่ขากลับนี่แก๊สหมดปั๊มบ้าง คิวทะลักจนไม่อยากเติมบ้าง ลำบากลำบนกันไปเลยทีเดียว ภาคใต้ไม่มีท่อส่งก๊าซ ต้องขนขึ้นรถบรรทุกมาสถานเดียว ราคาก๊าซ NGV เลยแพงกว่าที่อื่น อันนี้ช่วงที่ NGV 12.50 บาท/kg ที่ภาคใต้ 14.38 บาท ตั้งแต่ซื้อรถคันนี้มาเพิ่งจะเคยเติม NGV เกิน 200 บาทเนี่ย เอาเป็นว่ารถใช้แก๊สมาภาคใต้ก็ยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
มาถึงชุมพรตอนสองทุ่มครับ วันนี้ไม่ได้จองที่พักไว้เพราะไม่แน่ใจว่าจะขับถึงไหน เลยพักที่มันมีห้องว่างแน่ๆแบบโรงแรมชุมพรแกรนด์พาเลซนี่หละ แวะซื้อ KFC ที่บิ๊กซีแล้วก็เอากลับมากินในห้อง (ทำไมพอวันท้ายๆ ชีวิตยิ่งดูอับเฉาขึ้นเรื่อยๆ... อ๋อ ตังค์หมดครับ) โรงแรมนี้ห้องเยอะมากแต่ค่อนข้างเก่า สมัยก่อนถือว่าห้องหรูและถูกมาก ตอนนี้เก่าไปแล้วละครับ แต่ราคาก็ยังถูกอยู่นะ คืนละ 550.- อยู่ ต.วังไผ่ อ.เมืองชุมพร GPS: 10.581370, 99.120647
อีกแห่งที่น่าแนะนำเหมือนกันคือโรงแรมเดอะเมอร์ซี่ครับ อยู่ ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร เป็นโรงแรมเล็กๆ คืนละ 550.- เท่ากัน แต่ด้านในใหม่สะอาดกว่าชุมพรแกรนด์เยอะ อันนี้ไปนอนมารอบกลับจากทริปภูเก็ตช่วงปีใหม่ GPS: 10.495114, 99.164871
DAY 6 (10 Dec 14)
และแล้วก็เข้าสู่เช้าวันที่ 10 ธ.ค. หรือวันสุดท้ายของการเดินทาง ถ่ายวิวชุมพรจากห้องพักโรงแรมชุมพรแกรนด์ชั้น 13 สักหน่อย ตัวเมืองต้องไปทางซ้ายอีกหน่อยนะครับ ตารางด้านล่างคือที่จอดรถโรงแรมนี้ละครับ ใหญ่บะเอ้กเลย
ขากลับจะแวะกินอาหารทะเลที่ชะอำ ปรากฏว่าหาทางเข้าชะอำไม่เจอครับ (โง่จัด) แถมหลงเข้าไปในไอ้ถนนสายเกลือบ้านแหลมเฮงซวยที่ไม่มีที่จอดรถอีก อันนี้ถ่ายรูปทะเลแถวๆนั้นแก้เขิน
กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ไปถึงหาดเจ้าสำราญแน่ะ ว่าแล้วก็แวะกินร้านเจ๊เหมียวตามธรรมเนียมปฏิบัติ (ไม่ขอแปะรูปอาหารเพราะมื้อนี้สั่งน้อย ไม่อลังการ) จากนั้นก็ดิ่งกลับบ้านครับ นับว่าแล่นยาวกว่าทริปปีใหม่เสียอีก (ก็แน่ละ สงขลามันไกล) สรุปรวมระยะเดินทางทั้งหมดของทริปนี้ 2557 กิโลเมตร! สมเป็นทริปส่งท้ายปี 2557 จริงๆ!! ถ้าแล่นต่ออีกสัก 100 เมตรแล้วค่อยถ่ายหน้าปัดจะได้เลขสวยกว่านี้ แต่แบบนั้นจะเฟคเกินไป
จบจ้ะ บะบาย
Create Date : 15 มีนาคม 2558 |
|
85 comments |
Last Update : 5 มีนาคม 2560 18:53:44 น. |
Counter : 5607 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 15 มีนาคม 2558 22:57:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 16 มีนาคม 2558 5:30:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 16 มีนาคม 2558 13:24:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 16 มีนาคม 2558 16:02:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 16 มีนาคม 2558 21:41:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 มีนาคม 2558 22:46:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 16 มีนาคม 2558 23:10:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 16 มีนาคม 2558 23:51:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 17 มีนาคม 2558 8:59:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 17 มีนาคม 2558 13:26:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: AppleWi 18 มีนาคม 2558 0:24:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 18 มีนาคม 2558 9:11:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 18 มีนาคม 2558 16:04:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 18 มีนาคม 2558 20:55:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 18 มีนาคม 2558 23:24:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 19 มีนาคม 2558 15:34:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 19 มีนาคม 2558 23:02:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 19 มีนาคม 2558 23:55:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 20 มีนาคม 2558 8:04:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 20 มีนาคม 2558 11:27:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 20 มีนาคม 2558 18:16:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 20 มีนาคม 2558 20:37:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 21 มีนาคม 2558 15:16:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 21 มีนาคม 2558 23:37:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 22 มีนาคม 2558 9:25:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 22 มีนาคม 2558 15:15:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 23 มีนาคม 2558 8:34:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 23 มีนาคม 2558 23:25:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 23 มีนาคม 2558 23:34:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: mambymam 24 มีนาคม 2558 10:08:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: anigia 24 มีนาคม 2558 22:00:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 24 มีนาคม 2558 23:25:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 25 มีนาคม 2558 12:44:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 25 มีนาคม 2558 16:44:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอพีย์ (Opey ) 26 มีนาคม 2558 5:56:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอพีย์ (Opey ) 26 มีนาคม 2558 6:33:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 27 มีนาคม 2558 0:30:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอพีย์ (Opey ) 27 มีนาคม 2558 5:10:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 28 มีนาคม 2558 9:54:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: tifun 30 มีนาคม 2558 16:47:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
วันนี้ขอไปนอนแปบ