ตระเวนรอบหนองหาน สกลนคร
หมดเรื่องหมดราวกับทริปคันไซอันแสนยาวไปแล้วครับ ได้ฤกษ์อัพบล็อกทริปสงกรานต์เสียที
วันที่ 13-16 เม.ย. 2560 ผมไปเที่ยวจังหวัดชายขอบภาคอีสานที่ยังไม่เคยไปอย่างสกลนคร นครพนม และมุกดาหารมาครับ ถึงจะไกลแถมไม่มีโบราณสถานเด็ดๆดังๆซะจนเก็บไว้เป็นสามจังหวัดสุดท้ายของภาคอีสานที่ยังไม่ได้ไปเสียที แต่พอได้ไปเที่ยวแล้วก็พบว่าจังหวัดริมน้ำโขงนี้มีทีเด็ดไม่น้อยเลย
กำหนดการทริปนี้เป็นแบบนี้ครับ
วันที่ 1 (13 เม.ย.) - สกลนคร วันที่ 2 (14 เม.ย.) - สกลนคร นครพนม วันที่ 3 (15 เม.ย.) - นครพนม มุกดาหาร วันที่ 4 (16 เม.ย.) - มุกดาหาร
เฉลี่ยแล้วเที่ยวจังหวัดละ 1 วันนั่นแหละ จะเก็บของดีของเด็ดได้มากมายแค่ไหน ตามมาชมกันเลยพวกเราววว
หนนี้ไปกันแค่สองคนคือผมกับแม่ครับ ถึงจะไม่มีน้องช่วยขับรถแต่หนนี้ไม่ได้ไกลแบบรอบที่ไปปัตตานี เลยไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไหร่ รีบออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่หน่อยๆ เพื่อไปให้พ้นหน้า กทม. โดยเร็วที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าตีห้ารถมันก็ติดซะแล้ว ช่วงสงกรานต์เส้นอีสานนี่โหดนัก ก่อนจะสร้างทางด่วนพระราม 3 ลงใต้ มาสร้างทางขนานพหลโยธินออกภาคอีสานก่อนดีมั้ย? มื้อแรกที่แวะคือโซนปากช่องที่มีสารพัดร้านอร่อยเรียงราย เห็นป้ายไหนแล้วเลี้ยวทันก็กินร้านนั้นแหละครับ พลาดร้านข้าวสามสี พลาดร้านบ้านแม่ ได้มากินเอาบิ๊กบะหมี่แน่ะ เกือบหลุดโซนอาหารไปแล้วนะเนี่ย ร้านนี้อร่อยครับ จะว่าแพงมั้ยมันก็มีจุดขายตรงให้เยอะเนี่ยแหละ ไซส์เล็กๆไม่มี บะหมี่ชามนี้ 40.- ครับ ข้าวแกงกับ 1 อย่าง 30.- กับ 2 อย่าง 40.- อาหารรสชาติอร่อยแต่ที่นั่งกินก็เหมือนโรงอาหารแหละ (เสิร์พบะหมี่ช้าไปนิด)
เดินทางต่อ.... อะจ๊าก!!! เจอปริมาณรถเข้าไปผมนี้ถึงกับซึ้งในคำสอนบนป้ายเบียร์สิงห์ "ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา" (แปลว่าพวกแกจงอย่าออกมาเที่ยวเลย)
ระหว่างทางมีงานก่อสร้างให้รถติดเป็นระยะๆนะครับ (ใครมาก่อสร้างช่วงเทศกาลนี่มันน่าเอาไปขังคุก!) กว่าจะกินข้าวเที่ยงก็ถึงแค่ร้านขาหมูหินดาดที่โคราชเอง ร้านนี้รีวิวไปหลายหนแล้ว ขอข้ามเนาะ วันนี้สั่งข้าวคากิคนละจานจ้า ♥
ขับตามสาย 2 มาเรื่อยๆ ถึงขอนแก่นบ่ายโมงครึ่ง ถึงอุดรบ่ายสามครึ่ง เริ่มจะทำความเร็วได้ละ ช่วงที่ผ่านขอนแก่นหน้าร้อนนี้ดอกคูนบานสะพรั่งทำเอาคิดถึงสโลแกนเมืองแห่งดอกคูนเสียงแคน เห็นเมื่อไหร่ก็รู้สึกได้ถึงหน้าร้อนเมื่อนั้น ทริปนี้ท่าทางร้อนโหดเอาเรื่อง
แยกจากสาย 2 มาสาย 22 ที่เมืองอุดรธานี ขับต่อมาสักพักก็เข้าเขตจังหวัดสกลนครแล้วจ้าาาา ที่เที่ยวแรกได้แก่ พระธาตุภูเพ็ก ต้องออกจากสายหลักเข้ามาในถนนเล็กๆ ขึ้นเขานิดหน่อย และแล้วเราก็มาถึงในเวลาหกโมงเย็น แอ่นแอ๊น~ ไร้ซึ่งผู้คน มันก็จะมีความร้างหน่อยๆนะ
อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว ขึ้นไปดูกันหน่อยครับ...
ทางขึ้นเป็นบันไดสูงชัน ถ้าจะมาอีกทีพรุ่งนี้ก็ต้องขับออกจากเมืองย้อนมาไกลอยู่ ก็เที่ยวมันซะวันนี้ละครับ เดินขึ้นเขาคนเดียวยามโพล้เพล้มันก็ออกจะวังเวงอยู่นิดๆ โชคดีที่มีเสียงนกป่าร้องโหยหวนอยู่เป็นเพื่อน จัดว่าเป็นเขาที่สูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ เดินมาแทบหอบก็เห็นป้ายเขียนว่า "สวรรค์ชั้นที่ 1"
....WTF!! แสดงว่ามันจะไล่ไปยันชั้น 6 นั่นก็หมายฟายว่าตูเพิ่งจะขึ้นมาได้ 1 ใน 6 เท่านั้นเอง!!
ลองเดินขึ้นไปต่ออีกสักหน่อย ถ้าไร้ซึ่งความหวังที่จะขึ้นถึงยอดค่อยกลับ เดินไปเดินมาก็มาถึงสวรรค์ชั้น 3... 4... ไหนๆก็ไหนๆก็ขึ้่นไปจนสุดนั่นแหละ
พระธาตุภูเพ็กเป็นโบราณสถานสมัยขอม ศิลปะแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 เนื่องจากเป็นศาสนสถานสมัยขอมที่สำคัญของสกลนครพอๆกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง จึงมีตำนานคู่กันว่าคนสร้างพระธาตุทั้งสองสร้างแข่งกัน แต่พระธาตุนารายณ์เจงเวงสร้างเสร็จก่อน พระธาตุภูเพ็กเลยยังคงถูกทิ้งไว้ในสภาพที่ดูไม่สมบูรณ์แบบนี้เอง
คำว่าเพ็กมาจากดาวเพ็ก (ดาวที่เห็นตอนเช้ามืด) บันไดทั้งหมดที่ขึ้นมามีประมาณ 600 ขั้น สูงขนาดมองวิวได้รอบเลย แต่ก็ยังไม่เห็นตัวเมืองสกลนครนะ อันนี้คือเขตอุทยานแห่งชาติภูพานครับ
กลับลงถึงพื้นหกโมงครึ่ง ดิ่งเข้าตัวเมืองสกลนครต่อครับ ในเมืองมีห้างโรบินสันด้วย เลยแวะซะหน่อย แล้วมื้อเย็นวันนี้ก็กินฟู้ดคอร์ทห้างโรบินสันอย่างสิ้นคิด
นี่คือ ประตูเมืองสกลนคร สัญลักษณ์ที่บอกว่าเรามาถึงตัวเมืองสกลแล้วจ้า ด้านบนเป็นซุ้มปราสาทประดิษฐานพระที่ชาวสกลนครเคารพนับถือสามองค์ ได้แก่หลวงพ่อองค์แสนจำลองจากวัดพระธาตุเชิงชุม รูปเหมือนพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และรูปเหมือนพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ด้านล่างเป็นเครื่องปั้นดินเผาเล่าตำนานหนองหาน ทะเลสาบใหญ่กลางจังหวัดนี้
วันนี้นอน Hop Inn สาขาสกลนครครับ โรงแรมนี้ราคาถูกและคุณภาพไว้วางใจได้ หนก่อนไปนอนที่แม่สอดคืนละ 600.- ว่าถูกแล้ว อันนี้ 550.- ยิ่งถูกเข้าไปอีก ทริปนี้มีแต่โรงแรมดีๆถูกๆน่าส่งเสริมครับ ถึงโรงแรมจะหลายชั้นแต่มีลิฟต์ให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องบันได จังหวัดนี้ไม่ฮิต ห้องเหลือค่อนข้างเยอะ เลือกชั้นบนสุดได้สบายๆเลยครับ
เช้าวันใหม่แล้วจ้า ด้านหน้าโรงแรมเป็นบึงเล็กๆเรียกว่าหนองสนม ไม่ได้ถ่ายรูปสวยอะไร
พระบิณฑบาตยามเช้า นึกไปไม่ค่อยได้เห็นใน กทม. แล้ว แต่ตามต่างจังหวัดยังเป็นเรื่องปกติ
โจ๊กมื้อเช้า กินร้านข้างทางไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่รีวิวให้ดาวนะครับ แต่อร่อยใช้ได้เลย แถวนี้กินโจ๊กใส่หมูยอแบบนี้แหละ มีความเวียดนามเยอะอยู่
ที่เที่ยวแรกในตัวเมืองสกลนครวันนี้ก็คือพระธาตุเชิงชุม เดิมเป็นพระธาตุศิลาแลงสมัยขอม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 แต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 ได้สร้างพระธาตุศิลปะล้านช้างครอบไว้
ถึงจะใส่รองเท้าเดินได้ตามปกติ แต่บริเวณพื้นวัดนี้สะอาดมากๆ คงดูแลกันเป็นอย่างดีสมเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสกล
พระประธานของวัดนี้คือหลวงพ่อองค์แสน พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองสกลนคร ด้านหลังมีองค์จำลอง เพิ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2500
ด้านหลังหลวงพ่อองค์แสน มีทางเข้าไปสักการะพระธาตุองค์เดิม (ผู้หญิงห้ามเข้า กิ๊วๆ~) ภายในมีจารึกภาษาขอมว่ามีการถวายทาส 4 คน ให้ดูแลประจำที่นี่ไว้ (บูชายัญสิเนี่ย?)
ออกจากวัดพระธาตุเชิงชุมเข้าถนนไอทียู ออกจากเมืองลงมาทางใต้ ถึงสี่แยกบ้านธาตุก็เลี้ยวซ้ายแป๊บเดียวจะเห็นวัดพระธาตุดุมทางซ้ายมือครับ
พระธาตุดุมเป็นศิลปะขอมแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 รุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวงและพระธาตุภูเพ็ก แต่เล็กกว่าเยอะ มีองค์กลางโดดๆอยู่องค์เดียวนะครับ อีกสององค์ขนาบซ้าย-ขวามีแต่ฐาน คาดว่าสร้างยังไม่แล้วเสร็จ (อะไรฟะ ผู้รับเหมาแถวนี้ทิ้งงานบ่อยจัง!)
เห็นได้ว่าอาณาจักรขอมเคยยิ่งใหญ่ขึ้นมาถึงอีสานตอนบนเลยนะครับ ก่อนจะออกไปเที่ยวพระธาตุนารายณ์เจงเวงขอเที่ยวตอนใต้ของหนองหานกันสักหน่อย จะมีสถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด อยู่ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์ภูพาน และท้องฟ้าจำลอง ....ซึ่งแม่งหยุดสงกรานต์จนหมดสิ้นครับ (ปิดช่วงท่องเที่ยวแล้วเอ็งจะให้นักท่องเที่ยวมาชมตอนไหนวะ?)
สถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดภาคอีสาน (ปิด!)
|
พิพิธภัณฑ์ภูพาน (ปิด!)
|
ท้องฟ้าจำลอง (ปิด!)
|
วิบูลย์กิจประกาศปิดสำนักพิมพ์ ไชโย้~ ..... เฮ้ย! อันนี้ไม่เกี่ยว!! และไม่ได้ปิด!!
|
อย่างน้อยก็ขอชมวิวทะเลสาบหนองหานสักหน่อย นี่คือทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่อันดับสองของประเทศไทย รองจากบึงบอระเพ็ดที่นครสวรรค์ครับ มีขนาด 76,875 ไร่ เป็นแหล่งปลาน้ำจืด นกน้ำ และพืชน้ำหลายชนิด สภาพสวยสมบูรณ์กว่าบึงบอระเพ็ดพอสมควร ถ้าขึ้นไปตอนบนมีจุดชมวิวงามๆด้วยนะครับ (แต่ผมขี้เกียจกลับรถเลยไม่แวะ) มีตำนานโบราณเรื่องผาแดงนางไอ่เล่าว่าหนองหานเกิดจากพญานาคลงโทษ เนื่องจากคนในเมืองไปกินเนื้อกระรอกเผือกที่เป็นลูกพญานาคแปลงกายมา ทำให้พญานาคโมโห ถล่มเมืองจมเป็นหนองน้ำ เหลือไว้แต่บ้านของแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอก เป็นดอนอยู่กลางหนองน้ำ เรียกว่าดอนแม่ม่าย (ทำไมมันเหมือนลอกตำนานเมืองโยนกมาเลยฟะ? เปลี่ยนจากปลาไหลเป็นกระรอก)
ชื่อหนองหาน จะเขียน "หนองหาน" หรือ "หนองหาร" แต่ละที่แม้จะเป็นหนังสือของทางการก็ยังเขียนไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าควรใช้แบบไหนกันแน่ หลายคนที่่ใช้หนองหารให้เหตุผลว่าต้องการแยกให้แตกต่างจากหนองหานที่อุดร บ้างก็ว่ามาจากการหารเนื้อกระรอกกิน ...บล็อกนี้ขอใช้หนองหานตามภาษาดั้งเดิมนะครับ
จากตัวเมืองออกไปทางตะวันตก แถวๆ ม.ราชภัฏสกลนครจะมีซอยเข้าไปพระธาตุนารายณ์เจงเวงครับ เป็นศิลปะขอมแบบบาปวน สูง 16 เมตร และเป็นโบราณสถานสมัยขอมที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสกลนคร
ทับหลังและหน้าบันก็ยังติดอยู่ครบนะครับ ด้านตะวันออกที่ตรงกับประตูทางเข้านี่คือทับหลังพระนารายณ์และก้านขดพรรณพฤกษา หน้าบันเป็นรูปศิวะนาฏราช
ลายแกะสลักที่สมบูรณ์สวยงามที่สุดคือด้านทิศเหนือครับ ทับหลังเป็นรูปนารายณ์ต่อสู้กับราชสีห์ หน้าบันเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์
ส่วนพระประธานในวิหารนี้ไม่ได้มีประวัติอะไรนะครับ ปั้นซะอย่างกับของเก่า
ขับตามสาย 22 ขึ้นมาด้านบนของทะเลสาบหนองหานจะมีอุทยานหนองหารเฉลิมพระเกียรติ เป็นอุทยานบัวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร เปิดให้เข้าชมฟรี! ที่นี่เป็นอุทยานบัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีบัวกว่า 100 สายพันธุ์บนพื้นที่ 50 ไร่ เพิ่งเสร็จปี พ.ศ. 2553 นี้เองครับ ผมเดินชมแค่บ่อบัวไม่ได้เข้าไปในโซนนิทรรศการนะ
อะ หมดละ สกลนคร ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงเช้า ....ทีแรกกะว่าจะเที่ยวสกลเสร็จสักบ่ายๆ ไปๆมาๆ เร็วกว่ากำหนดการนิดหน่อย ก็ขอไปต่อนครพนมซะเลย เดี๋ยวมาว่ากันต่อบล็อกหน้าครับ ถึงจะรู้สึกว่าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ขาดอะไรนะ ถ้าพูดถึงสกลนครคนส่วนใหญ่จะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ? น่าจะเป็นสามเรื่องนี้ละมั้ง... 1. ทะเลสาบหนองหาน 2. กินหมาที่ท่าแร่ 3. เนื้อโพนยางคำ
สำหรับกินหมานั้นผมคิดอยากซื้อเนื้อหมาตากแห้งไปโรยหน้าบ้าน ไล่ไม่ให้หมามาขี้เหมือนกันนะ ช่วงขับรถผ่านด้านบนหนองหานแวะตลาดเทศบาลท่าแร่ดู ตลาดวายไปเรียบร้อย แต่ก็ดูเป็นตลาดปกติไม่มีเนื้อเอ๋งแฮะ คงขายกันในที่เฉพาะจริงๆ ไม่ได้มากินให้โจ๋งครึ่มสะเทือนใจคนรักหมา
ส่วนเนื้อโพนยางคำไม่ได้กินเลย ไปเที่ยวแค่สองคน กินเท่าแมวดมทั้งคู่ เลยกินได้แค่ร้านที่ขายอาหารจุ๋มจิ๋มครับ จะไปนั่งร้านเนื้อแล้วสั่งสเต็กครึ่งจานก็เกรงใจเขา
แม่ผมเล่าว่าสมัยก่อนไก่ย่างพังโคนโด่งดังมาก (อ.พังโคน อยู่ทางซ้าย ก่อนถึง อ.พรรณานิคม และ อ.เมืองสกลนครครับ) ดังมาก่อนไก่ย่างวิเชียรบุรีเสียอีก น่าเสียดายตอนผ่านพังโคนไม่ได้แวะกินอะไรเลย มัวแต่กลัวพระธาตุภูเพ็กปิด ใครได้แวะไปแถวนั้นลองอุดหนุนไก่ย่างพังโคนมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ
เดี๋ยวบล็อกหน้าไปตามรอยลุงโฮกับเที่ยวชิลๆริมน้ำโขงที่นครพนมกันจ้า
Create Date : 10 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2560 20:32:27 น. |
|
53 comments
|
Counter : 4611 Pageviews. |
|
|