Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.
But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011
มัลดีฟ : วันแห่งความจริง
Sea plan or Speed Boat โรงแรมที่อยู่ใกล้ สามารถนั่งเรือไปในเวลาไม่เกิน 30 นาที เค้าจะใช้ speed boatราคาที่พักจะถูกกว่าเกาะที่ต้องนั่ง sea plane ไป ถามว่าควรไปแบบไหน ผมว่าถ้าไปแล้วก็ควรเป็น sea plane เพราะมันคงสวยงามที่จะมอง Atoll ต่างๆ ทางอากาศ เหมือนรูปถ่ายหากคุณพักโรงแรมที่นั่งเรือไป แล้วอยากจะนั่งเครื่องบินไป Photo flight ล่ะก็ต้องจ่ายคนละ 100 เหรียญ แถมต้องมีคนร่วมเดินทางอย่างน้อย 12 คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะที่เกาะก็มีคนพักไม่กี่คน แปลว่า ตอนนั้นมีเงิน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้นั่งนะควรพกอะไรไปมัลดีฟทุกอย่างที่มัลดีฟนั้นแพงแน่นอน หากเอาอะไรไปได้ก็แบกไปเถอะน้ำขวดละ 3 เหรียญ ก็หิ้วไปซะ เคยสงสัยเหมือนกันว่าเกาะที่ไม่มีน้ำจืดเค้าทำโรงแรมได้ไงคำตอบคือ เค้าใช้วิธี recycle น้ำ ฉนั้น คุณคงไม่เอาน้ำก๊อกมาต้มนะ สยองแน่นอนขนม มาม่า แต่ที่ต้องชั่งใจ คือ snorkel, mask, fin เสื้อชูชีพ ค่าเช่า 5เหรียญต่อชิ้นต่อวันลองบวกลบคูณหาร ว่าควรซื้อเก็บไปไหม เพราะของพวกนี้ เอาไปเรียนดำน้ำต่อได้ ถ้าใช้กล้อง SLR ก็ไม่ควรลืม Polarized filter ไปช่วยเพิ่มสีท้องฟ้า และตัดแสงสะท้อนของน้ำครีมกันแดด SPF 50+ water resistance เพื่อดำน้ำ แล้วก็แว่นกันแดดอันที่ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุดมีอะไรให้ทำเวลาอยู่บนเกาะถ้าเป็นฝรั่งเค้าก็ว่ายน้ำตอนเช้า สายก็นอนอาบแดด บ่ายอ่านหนังสือ เย็นก็ดูพระอาทิตย์ตกแล้วคนไทยล่ะ เช้าถ่ายรูป สายวิ่งหนีแดดเข้าห้อง กลางวันนอนหลับ เย็นออกไปดำน้ำเพราะบ้านเราโชคดีกว่าฝรั่ง เรามีแสงแดดตลอดทั้งปี ฉนั้นที่นี่ จึงมีแดดมากเกินไปสำหรับเราส่วนการดำน้ำดูปลา ก็ต้องรู้ก่อนว่า ปลานั้นอาศัยอยู่ในแนวประการัง ที่ชายหาดทั่วไปย่อมไม่มีปลา ประการังมักจะอยู่ที่สะพานเดินไปท่าเรือ เนื่องจากเค้าเอาหินประการังมาถมทำสะพาน ปลาก็เลยมาอาศัย ฉนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เค้าถ่ายรูปปลาได้โดยไม่ต้องลงน้ำ อีกที่หนึ่งคือ แนวกันคลื่นหน้าหาด หากถามว่าสองที่นี้เยอะแค่ไหน ผมว่ามากกว่าที่เมืองไทยเวลาไปดำน้ำหนึ่งทริปซะอีก จะเห็นได้ว่า พื้นที่ไม่ได้บอกจำนวนปลา แต่การดูแลรักษาต่างหากที่เป็นปัจจัย ผมจินตนาการไม่ออกว่า หากที่นี่เป็นเมืองไทยมันจะโดนคนช้อนไปขายสวนจตุจักรหมดได้ภายในกี่วัน ปลาที่รู้จักก็พวกการ๋ตูน โนรี บลูแทงค์ แอมเพอรเร่อร์ ปลากนกแก้ว ปลาหมึก ที่น่ากลัวสุดก็ปลาสิงห์โต ใครไม่รู้นี่อาจตายได้แล้วจะไปไหนดี สามวันนี้น่าเบื่อเกินไปมาตรฐานก็กล่าวไปแล้ว แต่หากเป็นเกาะใหญ่เค้าก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่านั้นขี่จักรยาน ทำผ้าบาติค แล้วก็ไปเที่ยวรอบเกาะ เช่น นั่งเรือไปตกปลาเวลาเย็นsunset fishing 15 เหรียญ (ที่นี่ห้ามตกปลา ไม่ใช่ว่าเอาเบ็ดไปตกรอบเกาะได้นะ)ไปเที่ยว sand bank 10 เหรียญ (ที่ๆเป้นกองทรายเล็กๆ โผล่พ้นทะเล มักจะไปกระโดดถ่ายรูปแล้วก็ดำน้ำรอบๆ เพราะจะมีประการังอยู่ริมหาด ซึ่งตัดลึกลงสู่ก้นทะเลลึกมากๆ)ไปเที่ยว sand bank+หมู่บ้านชาวประมง 35เหรียญ(คือไปเที่ยวเกาะที่มีคนอยู่อาศัยนั่นเอง)ไป shopping ที่ Male 35 เหรียญ) (จะไปทำไมเนี่ย เกาะเล็กซะแค่นั้น ของแพงก็แค่โน้น)ไป photo flight อย่างที่เล่าไปแล้ว 90 เหรียญ ไปนั่งเรือดำน้ำดูปลาทะเล และทุกอย่าง คุณต้องไปเขียนกระดานแจ้งความจำนง เพราะไม่ได้มีไปทุกวัน และต้องมีตามจำนวนขั้นต่ำตามที่กำหนดส่วนกิจกรรมที่หรูหราไฮโซมากกว่านี้ ก็คงต้องสอบถามจาก receiption Surpise ????หากไปเป็นคู่ อย่าลืมบอก agent ว่าจะไป honey moon ทางโรงแรมเค้าจะได้จัดของพิเศษให้แล้วตอนไปถึงโรงแรม เค้าให้กรอกรายละเอียดก็ทำเป็นมึน กรอกวันเกิดให้อยู่ในช่วงที่ไปพักล่ะ รับรองได้ของ surpise แน่นอนบทสรุปหากถามว่า ให้ไปที่นี่ฟรีอีกครั้ง จะไปไหม คำตอบคือ ไม่ผมคงเป็นคนไทยปกติ ที่ชอบทัวร์แบบลูกเป็ด 6 7 8 แล้ววันสุดท้าย ก็ shopping เต็มวันเพราะคนไทยอย่างเรา ไม่ได้ชอบเที่ยวพักผ่อนแบบฝรั่ง ประเทศเรามีชายหาดสวยๆมากมาย แสงแดดที่อบอุ่นนั้นเล่า เราก็มีให้วิ่งหลบทุกวัน ไม่ได้หดหู่ แบบอากาศที่ยุโรปฉนั้น ในราคาที่เท่ากัน ผมว่าไปประเทศอื่นดีกว่ามั้ง