BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : มนตราแห่งสิลาทราย : ปราสาทบันทายศรี (2)

มนตราแห่งสิลาทราย : ปราสาทบันทายศรี (2)

กลับมาที่ทางเดินหลักเข้าไปสู่ตัวปราสาท ซึ่งจะผ่านโคปุระชั้นที่สอง
ทางซ้ายและขวาก็คือกำแพงที่ล้อมรอบตัวปราสาท
ถัดจากกำแพงคือบารายที่ล้อมรอบปราสาททั้งหมด

ด้านหน้าโคปุระที่สองนี้มีสัญลักษญ์ของศาสนาฮินดู คือ ศิวลึงค์ตั้งอยู่บนฐานโยนี
ซึ่งไว้ใช้หลั่งน้ำผ่านให้น้ำที่ได้กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ศิวลึงค์หายไปแล้วล่ะ

ผ่านจากโคปุระชั้นที่สองเข้าไป ก็จะเป็นตัวปราสาทที่ล้อมรอบโดยกำแพง
มีระเบียงคตซึ่งปัจจุบัน เป็นทางเดินที่เขมรให้นักท่องเที่ยวใช้เดินชมปราสาทรอบๆ
ข้างในมีอาคาร 6 หลัง ล้อมรอบตัวปรางค์หลัก 3 หลัง
แบ่งเป็นด้านหน้า 2 หลัง ด้านหลัง 2 หลัง และบรรณาลัยด้านข้างอีก 2 หลัง

เหนือโคปุระนี้ แกะสลักหน้าบันชิ้นที่หนึ่งเป็น พระอินทร์ประทับเหนือหน้ากาล

หน้าบันชิ้นที่สองอยู่ถัดเข้าไป เป็นรูปสมโภชพระลักษมี
ที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร เพื่อถวายตัวกับพระวิษณุ

โคนนทิ พาหนะของพระศิวะ คอยรับส่งอยู่หน้าปราสาท

ห้องสมุดทางทิศเหนือ เป็นเรื่องราวของพระวิษณุ

หน้าบันด้านตะวันตก

ภาพกฤษณะใช้เท้าเหยียบอก มือจิกผมท้าวกังษะขึ้นมาเพื่อใช้ดาบฟัน

หน้าบันด้านตะวันออก

พระกฤษณะยิงลูกธนูเพื่อป้องกันไม่ให้ฝนตกจนน้ำท่วมโลก

เรื่องมีอยู่ว่ามีนาคพิษอยู่บนโลก จึงมีคนไปขอพระอัคนีให้ใช้ไฟเผาป่าเพื่อฆ่านาคนั้น
แต่ไฟป่ากลับลามไม่หยุด พระอินทร์จึงเนรมิตให้ฝนตก แต่ฝนนั้นก็มากจนอาจเกิดน้ำท่วม
พระกฤษณะจึงแสดงอิทธิฤทธิ์แผลงศรเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมโลก

Edit เรื่องราวที่ถูกต้อง 7/8/2560

ภาพจำหลักด้านนี้เป็นเรื่องราวตอน พระอรชุนและพระกฤษณะช่วยกันเผาป่าขาณฑวปรัสถ์
เรื่องนั้นมีอยู่ว่าป่าดังกล่าวแห้งแล้งไม่มีคน สัตว์อาศัยแต่มีหัวหน้านาคตักษะเป็นเจ้าถิ่น
ซึ่งคอยทำร้ายหากมีผู้บุกรุก แต่เทพอัคนีก็ต้องการเผาป่าเพื่อต้องการสมุนไพรจึงสู้กันเป็นประจำ
เมื่อเวลาอัคนีเผาป่าทีไร พระอินทร์ซึ่งเป็นเพื่อนนาคตักษัก ก็จะบันดาลให้ฝนตกดับไฟได้ได้ทุกครั้ง.

ต่อมาฝ่ายปาณพพได้แบ่งเมืองกับฝ่ายเการพ ยุธิษฐิระต้องการสร้างเมืองบนพื้นที่ป่าแห่งนี้
พระกฤษณะต้องมาช่วยฝ่ายปาณฑพ โดยร่วมมือกับเทพอัคนีเผาป่าเพื่อสร้างเมือง
และเช่นเดียวกับที่ผ่านมา นาคตักษะได้ขอให้พระอินทร์สร้างฝนเพื่อดับไฟ
อรชุนซึ่งมีความสามารถในการยิงธนูจึงแผลงศรจำนวนมากเพื่อป้องกันมิให้ไฟดับ

ภาพด้านบนสุดจึงเป็น พระอินทร์ทรงช้าง ถัดลงมาเป็นคลื่นน้ำตัวแทนของฝน
กลางภาพเป็นกำแพงลูกศรของอรชุนเป็นรูปหลังคา มีเศียรนาคตักษะอยู่ตรงกลาง
ถัดลงมาอีกก็จะเป็นภาพสัตว์ที่แตกตื่นไฟป่า มุมล่างซ้ายคืออรชุน ขวาล่างคือพระกฤษณะ

ห้องสมุดทางทิศใต้ เรื่องของพระศิวะ

หน้าบันด้านตะวันตก

ภาพพระกามเทพแผลงศรไปยังพระศิวะ

เรื่องมีอยู่ว่าพระชายาของพระศิวะตายลง พระศิวะก็เศร้าเสียใจ
ไปนั่งบำเพ็ญตบะ เวลาผ่านไปนานจนพระชายากลับชาติมาเกิดเป็นพระอุมา
แต่พระศิวะก็ยังไม่ออกจากตบะ

เหล่าเทวดาจึงไปเชิญพระกามเทพมาแผงศรปลุกพระศิวะ
แต่แทนที่พระศิวะจะตื่นแบบปกติ กลายเป็นว่าพระศิวะลืมตาที่สาม
จึงเกิดไฟบรรลัยกรรป์เผาพระกามเทพไหม้เป็นจุณ
หลังจากนั้นพระอุมาจึงทูลของให้พระศิวะชุบชีวิตพระกามเทพขึ้นมาใหม่

หน้าบันด้านตะวันออก

ภาพทศกัณฑ์เขย่าเขาไกรลาศ

ทศกัณฑ์จะไปเข้าเฝ้าพระศิวะ แต่คนเฝ้าประตูไม่ยอมให้เข้าเฝ้า
ทศกัณฑ์อยากจะเรียกร้องความสนใจจึงยกมือเขย่าเขาไกรลาศ
เพื่อเรียกร้องความสนใจ พระศิวะจึงเอานิ้วเท้ากดภูเขาไว้มิให้เขยื้อน
ทำให้ทศกัณฑ์ติดอยู่กับเขาไกรลาศ ต้องสวดสรรเสริญพระศิวะอยู่หนึ่งพันปี
พระองค์จึงถอนนิ้วเท้าออก

Create Date : 28 มกราคม 2551

Last Update : 7 สิงหาคม 2560 15:19:03 น.

1 comments

Counter : 2802 Pageviews.

ศิวลึงค์หาย โคนนทิ เหลือครึ่งเดียว...

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 27 กันยายน 2556 เวลา:18:28:02 น.