Japan 2001 : Aso mountain
จากตัวเมือง Kumamoto นั่งรถไปราวสองชั่วโมง ผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว ก็มาถึงเชิงเขาที่บริษัททัวร์ที่มา Kyushu จะใส่โปรแกรมว่ามาดูภูเขาไฟ Aso ซึ่งจะบรรยายไว้ว่าเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางจากเหนือจรดใต้ 25 ก.ม. หากจะวัดจากตะวันออกถึงตะวันตก 45 ก.ม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 120 ก.ม.
มันต้องภาพภูเขาไฟยักษ์ชัดๆ คงยากที่จะจินตนาการว่ายอดมันนั้นจะสูงเสียดฟ้าเพียงใด
แต่มันเป็นอีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่เขียนต่อๆ กันมา เพราะสิ่งที่เรากำลังเดินทางไปดูนั้น เรียกว่า Naka-dake เป็นหนึ่งในห้าของมันเพียงปล่องปะทุที่โผล่ขึ้นมาบนสิ่งที่เรียกว่า Super volcanoหรือภูเขาไฟที่มีแอ่งลาวาหลอมเหลวอยู่ใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ฉะนั้นภูเขาไฟ Aso คือแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ที่เราจะเห็นมันตั้งแต่บริเวณจุดชมวิวกลางทาง
แตกต่างจากภูเขาไฟแบบ Stratovolcano ที่มีปากปล่องขนาดใหญ่ที่สวยงาม แต่ Supervolacano นั้นหากเกิดการปะทุแล้ว มันจะสร้างหายนะที่รุนแรงกว่ามาก เพราะมันสามารถพ่นหินหลอมเหลวจำนวนมหาศาล หลังจากนั้นมันจะยุบตัวลงมาเช่นเดิม หากเคยดูหนังเรื่อง 2012 เหตุเกิดที่อุทยาน Yellowstone ก็เป็นภูเขาไฟแบบเดียวกัน
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือมันมีวงรอบการระเบิดทุก 200,000 ปี และหากนับจากครั้งล่าสุด ตอนนี้มันก็เลยเวลานั้นมาแล้ว นั่นแปลว่าภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมจะระเบิดได้ทุกวัน
เมื่อไปถึงเชิงเขา Naka-date จะมีพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟที่ให้ความรู้ถึงการก่อกำเนิด ภาพนิ่งและภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงการปะทุย่อยๆ ที่ผ่านมาครั้งล่าสุด ข้างๆ พิพิธภัณฑ์จะเป็นสถานีกระเช้าไฟฟ้าเพื่อขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟ หากช่วงเวลาใดภูเขาไฟพ่นควันมากกว่าปกติ กระเช้าก็จะหยุดให้บริการ
บริเวณโดยรอบมีปากล่องจะมี shelter คอนกรีตเป็นระยะเป็นที่หลบภัยฉุกเฉิน มีแม่ค้าคนขายก้อนกำมะถันสีเหลือง เมื่อไปถึงปากปล่องเราจะเห็นน้ำที่ขังอยู่ข้างใน ซึ่งละลายกลายเป็นกรดซัลฟูริกสีเขียวอันสวยงาม นั่นคือทั้งหมดของการชมภูเขาไฟแห่งนี้
การระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ Aso เกิดขึ้นเมื่อ 300,000 ปีก่อน หลังจากนั้นก็มีการปะทุครั้งใหญ่อีก 4 ครั้งจนถึงครั้งล่าสุดเมื่อ 90,000 ก่อน ที่พ่นระเบิด Pyroplastic ครอบคลุมไปทั่วเกาะ Kyushu จนถึงตอนใต้เกาะ Honshu ก่อให้เกิดปากปล่องจำนวน 5 ปล่องคือ Neko, Taka, Naka Eboshi และ Kishima
แม้ประเทศไทยจะไม่ได้อยู่ในเขตภูเขาไฟ แต่การระเบิดของ Supervolcano นั้น ก่อให้เกิดผลกระทบที่เรียกว่า ฤดูหนาวนิวเคลียร์ เนื่องจากเถ้าจำนวนมหาศาล ที่ถูกพ่นออกมาจะไปบดบังแสงอาทิตย์มิให้ตกลงมาถึงพื้นโลกได้ อุณหภูมิจึงลดลงหลายองศา โดยการระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 80,000 ปีก่อน จากภูเขาไฟ Toba ประเทศอินโดนีเซีย
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การระเบิดของมันคือสาเหตุที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายนั่นเอง
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2555 16:01:17 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1954 Pageviews. |
|
|
|
|