BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : Koyo Kansai : Tama Densha (1)

Koyo Kansai : Tama Densha (1)

เดือนกุมภาพันธ์ 1916
เปิดใช้งานครั้งแรกโดยบริษัท Sando Keibin Railway ระหว่างสถานี
Ohashi และ Sando เพื่อรองรับผู้ที่เดินทางมาแสวงบุญยังศาลเจ้าในแถบนี้
เช่น Hinokuma jingu, Kunikakasu jingo, Kamayama-jinja และ Idakiso jinja
ต่อมาขยายต้นทางไปถึงสถานี Wakayama และขยายปลายทางไปถึงสถานี Kishi
เป็นทางรถไฟรางเดี่ยวยาว 14.3 ก.ม. มีสถานีรายทางทั้งหมดในปัจจุบัน 14 สถานี

ปี 1974
มีผู้ใช้งานสูงสุดถึง 3,600,000 คน แต่หลังจากนั้นเมื่อมีการตัดถนนขนานทางรถไฟ
ทำให้มีการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น ผู้ใช้บริการก็ลดจำนวนลง
จนทำให้รถไฟสายนี้ขาดทุน และถูกขายให้กับบริษัทรถไฟยักษ์ใหญ่อย่าง Nankai

ปี 2001
มีการขยายถนนที่ขนานกับทางรถไฟเป็นสี่เลน ทำให้ผู้โดยสารมีจำนวนลดลงไปอีก

ตุลาคม 2003
บริษัท Nankai ผู้เป็นเจ้าของเส้นทางได้ยื่นจดหมายถึงจังหวัดวากายามะว่า
ไม่สามารถจะแบกรับการขาดทุนได้อีกต่อไป โดยจะปิดการเดินรถ
และขายทรัพย์สินได้แก่สถานีและที่ดินทั้งหมดในอีก 1 ปีข้างหน้า

ปี 2004
มีผู้ใช้บริการไม่ถึงสองล้านคนต่อปี แม้ก่อนหน้านั้นจะมีการปรับลดพนักงาน
ให้เหลือเพียง 49 คน โดยอาศัยระบบการเดินรถอัตโนมัติ
แต่ก็เพียงลดการขาดทุนจาก 800 ล้านเยนลงมาให้เหลือ400-500 ล้านเยนต่อปี

กันยายน 2004
ประชาชน ข้าราชการ และสื่อมวลชน ร่วมกันประชุมเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้
ผลการประชุมพบว่า รถไฟช่วยลดปัญหาต่างๆ เช่น อุบัติเหตุ มลภาวะ
และเชื้อเพลิงมากกว่าปี 1,500 ล้านเยนต่อปี
ดังนั้นทางเมืองวากายามะจะทำการอุดหนุนส่วนที่ขาดทุนปีละ 500 ล้านเยนเป็นเวลา 10 ปี

กุมภาพันธ์ 2005
แม้จะมีการยืดลมหายใจของทางรถไฟออกไป แต่ชาวเมืองรู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำตอบ
เพราะปัญหาที่แท้จริงไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าความเจริญได้เปลี่ยนไป
แต่พวกเค้าก็ยังต้องการทางรถไฟสายนี้
จึงได้มีการประชาสัมพันธ์ในสถานที่ต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

มกราคม 2006
เมืองวากายามะเองเห็นถึงความตั้งใจและการมีส่วนร่วมของชุมชน
จึงได้ประสานงานกับบริษัทรถรางเล็กๆ ที่ดำเนินกิจการสายรอบเมือง Okayama
ที่โด่งดังจากพ่นลวดลายพิเศษบนขบวนรถไฟให้เข้ามาปรับปรุงกิจการ

ด้วยความสามารถของนักออกแบบชั้นเลิศ พวกเค้าได้เปลี่ยนตู้โดยสารธรรมดา
ให้กลายเป็นรถไฟสายสตอบอรี่ หรือ Ichigo densha อันเป็นสวนสตอบอรี่
ที่ให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปเก็บกินเองได้ สวนนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานี Kishi มากนัก

นอกจากนี้พวกเค้ายังได้ปรับลดพนักงานลง จนกระทั่งเหลือเพียงคนขับรถไฟ
และพนักงานไม่กี่คนที่สถานีต้นทาง Wakayama

ปี 2007
ที่สถานีปลายทาง Kishi เมื่อนายสถานีจากไปมันก็เหมือนสถานีร้าง
Toshiko Koyama เจ้าของร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ๆ
จึงได้อุ้มแมวสามสีเพศเมียตัวหนึ่งใส่ตระกร้ามาวางหน้าเคาท์เตอร์สถานีทุกวัน

คนที่ใช้รถไฟสายนี้เมื่อพบเห็น ก็นำไปเล่าให้คนที่อื่นฟังถึงความน่ารักของเจ้าแมวเหมียว
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปยังเมืองอื่น หลายคนจึงเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อดูแมวเพียงตัวเดียว
การรถไฟวากายามะเริ่มมีรายได้จากนักท่องเที่ยว และโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อ CNN มาทำข่าว
Wakayama Electric railway ได้แต่งตั้ง Tama เป็น Station master

ปี 2008
ทามะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Super master station โดยมีการสร้างออฟฟิซกล่องกระจกให้
มีการประเมินว่ามันสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เมืองนี้มากกว่า 1.1 พันล้านเยนต่อปี

ปี 2009
การรถไฟวาคายามะตกแต่งขบวนรถไฟเป็นลวดลายของแมวเหมียวอีกหนึ่งขบวน
เรียกว่า Tama densha ซึ่งการปรับปรุงขบวนรถไฟต้องใช้เงินราว 20 ล้านเยน

ปี 2010
มีการปรับปรุงสถานี Kishi ให้เป็นรูปแมวและเพิ่มขบวนพิเศษ
เป็นลวดลาย Omocha densha ที่มีตู้กาชาปองให้กดเล่น
ทามะได้รับตำแหน่ง operation officer ควบกับตำแหน่งเดิม
เพราะมันทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ด้วย

ทามะต้องเริ่มงานตั้งแต่ 9.00 น. และสิ้นสุดในเวลา 17.00 น. หยุดวันอาทิตย์
ซึ่งเป็นงานที่หนักและเจ้าของร้านขายของชำยังเลี้ยงแมวจรจัดอยู่อีกหลายตัว
จึงมีการแต่งตั้ง Chibi ที่เกิดในปี 2000 และ Miiko เกิดในปี 2009 ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยนายสถานี
แต่ไม่นาน Miiko ก็ตายไป

ปี 2012
มีการแต่งตั้ง Shibi ให้เป็น Nitama หรือแมวตัวที่สอง
เพื่อลดความเหนื่อยล้าของทามะที่ต้องมาทำงานมานานหลายปี

หมายเหตุ เดือนพฤศจิกายน 2013 ขบวนรถไฟลายทามะอยู่ในช่วงซ่อมบำรุง เลยอดได้รูปมา

Create Date : 16 มกราคม 2556

Last Update : 25 กันยายน 2556 10:54:37 น.

2 comments

Counter : 2026 Pageviews.

การรถไฟบ้านเรา
ขสมท บ้านเรา น่าจะคิดได้มั่งนะคะว่าจะทำอย่างไร
แค่ลดพนักงานก็ไม่ได้แล้ว ทุกคนและองค์กรพร้อมที่จะตายไปพร้อมกันกับงบประมาณอุดหนุน

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:16:24:00 น.

ยังไงก็ยังพยายามทุกวิถีทางนะคะ เค้่าร่วมแรงร่วมใจกันดีจัง ทุกหมู่เหล่าเลย ไ่ม่ใช่เพื่อความอยู่รอดอย่างเดียว ได้อะไรอีกตั้งหลายอย่าง

มองเค้าแล้วมองเรา อยากจะร้องไห้ค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:18:17:43 น.