BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : มนตราแห่งสิลาทราย : ปราสาทบันทายศรี (3)

มนตราแห่งสิลาทราย : ปราสาทบันทายศรี (3)

กลับไปที่ด้าหน้าของตัวปราสาทชั้นในซึ่งมีกำแพงล้อมรอบ
เหนือโคปุระด้านตะวันออกนั้น สลักรูปพระศิวะนาฏราช

มีที่มาจากคราวหนึ่งมีฤษีบางพวกที่บำเพ็ญตบะจนมีฤทธิ์
แล้วได้โอ้อวดไม่แสดงความเคารพต่อพระผู้เป็นเจ้า
พระศิวะจึงแปลงกายเป็นพราหมณ์หนุ่ม พระวิษณุแปลงกายเป็นสาวสวย
ไปยุแหย่เมียฤษีกลุ่มนั้นไม่ให้ปรนบัติพวกสามี

พวกฤษีโกรธจึงสำแดงฤทธิ์เสกเสือออกมาให้ฆ่าพราหมณ์หนุ่ม
แต่เสือเจอพระผู้เป็นเจ้าถลกหนังมาทำเป็นเสื้อคลุม
พวกฤษีเสกพญานาคออกมา พญานาคโดนพระศิวะเอามาพันคอเล่น
สุดท้ายฤษีเสกยักษ์ออกมาหนึ่งตน ยักษ์ก็โดนจับทุ่มตายไปอีก

พวกฤษีจึงคิดได้ว่า พราหมณ์หนุ่มผู้นี้คงไม่ธรรมดาจึงลงกราบไหว้สรรเสริญ
พระศิวะจึงแปลงกายกลับมาเป็นร่างที่แท้จริง และร่ายรำแสดงการถึงชัยชนะ

ส่วนโคปุระด้านตะวันตก สลักรูปสุครีพรบกับพาลี

เรื่องมีอยู่ว่าทรพาเป็นควายที่มีอิทธิฤทธิ์มากมาท้ารบกับพาลี
พาลีกลัวสู้กับทรพาในที่โล่งจะแพ้ จึงขอให้ไปสู้กันในถ้ำ
พาลีจึงสั่งว่าถ้าตัวเองแพ้ ให้สุครีพเอาหินปิดปากถ้ำให้ทรพาตายตกกันไป

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครชนะเพราะสู้กันในถ้ำ
พาลีจึงบอกสุครีพผู้น้องว่าถ้าเลือดที่ไหลออกมาข้น
แสดงว่าเป็นเลือดควาย ถ้าเลือดใสก็เป็นเลือดลิง

ปรากฏว่าพาลีรบชนะ แต่เกิดฝนตกจึงเจือจางให้เลือดควายใสคล้ายเลือดลิง
สุครีพนึกว่าพี่ชายตายแล้ว จึงเอาปิดปากถ้ำตามคำสั่งเสีย
พาลีออกมาพบว่าปากถ้ำถูกปิด ก็พังหินออกมาแล้วโมโห
นึกว่าน้องชายจะแย่งราชสมบัติ (พาลีเป็นเจ้าเมือง)

ก็เลยเกิดการต่อสู้กันสุครีพก็หนีไปในป่า พระรามผ่านมาจึงรับไปอยู่ด้วย
สุดท้ายพาลีก็ต้องศรพระรามตายตามคำสาปของเทพ
เนื่องจากผิดคำสาบานที่ให้ไว้ว่า หากตนเองคิดคตแย่งเมียของสุครีพ
ที่ได้ประทานมาจากเทพแล้วละก็ ขอให้ตายด้วยศรของพระราม

นอกจากที่เหนือบรรนาลัยและโคปุระที่เล่ามา
ยังมีรูปสลักที่หน้าบันของตัวปรางค์ทั้งสามอีกหลายรูป
เช่นที่ตัวปรางค์ตรงข้ามกับโคปุระด้านตะวันตก
สลักรามยาณะตอนยักษ์ลักนางสีดา เป็นต้น

นักวิชาการชาวฝรั่งเศสได้มาศึกษาปราสาทเขมรตั้งแต่ในปีพ.ศ.2445
โดยอองรี ปาร์มองติเย่ร์และอองรี มาร์ซาล มีบทบาทสำคัญในการบูรณะ
ปราสาทบันทายสรีตามวิธีการที่เรียกว่าอนาสติโลซิส Anastilosis
วิธีการคือถ่ายภาพและบันทึกรหัสของหินทุกก้อน แล้วรื้อหินลงมา
เพื่อเสริมความมั่นคงของรากฐานก่อนที่จะประกอบกลับเข้าตำแหน่งเดิม

สิ่งที่สำคัญและควรจดจำไว้ก็คือ นางอัปสร ที่ว่ากันว่า
งดงามและอ่อนช้อยที่สุด เหนือกว่าที่ปราสาทใดๆ

Create Date : 28 มกราคม 2551

Last Update : 16 เมษายน 2553 10:09:46 น.

1 comments

Counter : 2326 Pageviews.

จำได้ว่ามักจะเห็นรูปปั้นพระศิวะมีงู (พญานาค) พันรอบคอ นึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้หาอ่านเพิ่มเติมเลยค่ะ ได้รู้ละ

เค้าว่านางอัปสร อัปสรา ที่ว่านี้ แต่ละภาพ ไม่เหมือนกันเลยเหรอคะ

***หนูไม่เคยไปทั้งเขาพระวิหาร และปราสาทหินพนมรุ้งค่ะ เห็นแต่ในภาพ อยากไปเหมือนกันค่ะ

ที่ปราสาทหินพิมาย มีปรางค์องค์หนึ่งที่บอกว่าเป็นปราสาททรายสีชมพู แต่ที่เห็นก็เป็นสีขาวเหมือนกันค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:14:54:13 น.