Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
4 มกราคม 2556

Koyo Kansai : Jishu Shrine



ย้อนกลับมาดูรูปสังเกตเห็นรูปปั้นกระต่ายที่ยืนอยู่ข้างรูปปั้นชายผู้หนึ่ง
สาวๆ มักจะไปยืนทำฟันเหยินล้อเลียนเพื่อถ่ายรูป แล้วมันคืออะไรกันนะ ?

ตามบันทึก Kojiki ถึงการสร้างเกาะญี่ปุ่นในสมัยเทพเจ้านั้นกล่าวไว้ว่า
โอนะมูชิ (Onamuji) เป็นน้องคนเล็กที่มักถูกพี่ชาย 80 คน กลั่นแกล้งเสมอ
วันหนึ่งมีข่าวว่าเจ้าหญิงยาคามิ (Yakamihime) ซึ่งมีหน้าตาที่สวยงามมาก
ประกาศรับสมัครหาคู่ ทั้งหมดจึงออกเดินทางจากเมือง Izumo ไปยัง Inaba

ระหว่างทางพวกเค้าเจอแกล้งกระต่ายน้อยตัวหนึ่งที่ขนหางหลุดหายไป
นอนบาดเจ็บอยู่บนชายหาด เหล่าพี่ชายจึงได้ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
กระต่ายจึงเล่าให้ฟังว่าเดิมตัวเองนั้นอยู่ที่เกาะ Oki แต่อยากมาที่แผ่นดินใหญ่
จึงได้คิดแผนการขึ้น โดยไปที่ชายหาดและพูดกับปลาฉลามว่า

ระหว่างกระต่ายกับปลาฉลามใครมีจำนวนมากกว่ากัน

ฉลามจึงบอกว่าในท้องทะเลนั้นมีพวกเราว่ายอยู่เต็มไปหมด
ฉะนั้นปลาฉลามย่อมมีมากว่ากระต่ายแน่นอน มันส่ายหน้าไม่เชื่อ
ถ้าเช่นนั้นให้พวกปลาฉลามเข้าแถวเรียงจากเกาะนี้ไปยังชายหาดโน้น
แล้วเราจะนับจำนวนไปทีละตัว ระหว่างที่เดินผ่านบนหลังพวกท่าน

หลายวันต่อมา ฉลามจำนวนมากก็มาลอยตัวเรียงกันอยู่บนพื้นน้ำ
กระต่ายก็กระโดดข้ามหลังปลาฉลามไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงเกาะ
เมื่อยืนอยู่บนหลังปลาฉลามตัวสุดท้าย กระต่ายจึงหันหน้ามาหัวเราะ
แล้วพูดว่าเจ้าปลาฉลามหน้าโง่ ฉันก็แค่ใช้พวกนายเป็นสะพานข้ามมาได้

ฉลามตัวสุดท้ายได้ฟังก็โมโห แล้วหมุนตัวมางับหางกระต่ายจนขนหลุด
แล้วก็ทิ้งให้กระต่ายนอนบาดเจ็บอยู่บนชายหาดของเกาะแห่งนั้น
เหล่าพี่ชายของโอนะมูชิได้ฟังแล้ว จึงคิดแผนซ้ำเติม จึงบอกว่า
หากอยากให้แผลหาย ต้องไปแช่น้ำทะเลแล้วมาตากแดดจนแห้ง



จากนั้นก็เอาไปแช่น้ำทะเลใหม่ สลับไปเรื่อยๆ แผลเจ้าก็จะหายดี
กระต่ายได้ฟังดังนั้นก็ทำตามด้วยความทุกข์ทรมาน ระหว่างนั้นเอง
โอนะมูจิก็เพิ่งจะเดินทางมาถึงเพราะต้องแบกสัมภาระให้พี่ชายทั้งหมด
เห็นกระต่ายน้อยเอาหางแช่น้ำทะเลอยู่จึงสงสาร

จึงจับเจ้ากระต่ายไปล้างน้ำในลำธารและหาสมุนไพรมาพอกให้
และบอกว่าวิธีนี้จะช่วยให้แผลหายดี กระต่ายน้อยรู้สึกสำนึกในบุญคุณ
เมื่อเหล่าพี่ชายและเทพเจ้าทั้งหลายไปถึงเมืองอินาบะ เจ้าหญิงยาคามิ
ก็มีประกาศว่าเธอนั้นพบเนื้อคู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นคือชายที่มีจิตใจที่งดงาม

นั่นก็คือโอนะมูจินั่นเอง เหล่าพี่ชายทั้งหลายต่างอิจฉาที่เธอเลือกน้องชายคนเล็ก
จึงย้อนกลับมา เผาก้อนหินใหญ่จนร้อนแดง และผลักลงมาจากภูเขา
พี่ชายคนหนึ่งสั่งให้โอนะมูจิเข้าไปจับหมูป่าสีแดง ที่แท้จริงคือก้อนหินนั้น
จนโดนไฟครอกจนตาย เจ้าหญิง Kushinada แม่ของเค้า เสียใจมาก

และไปสวดอ้อนวอนเทพเจ้า Kisagai-hime และ Umagi-hime
ให้นำชีวิตลูกชายคนเล็กกลับมาได้ในที่สุด แต่ความแค้นก็ยังไม่จางหา
พี่ชายคิดแผนการฆ่าอีกครั้ง หลอกเค้าให้เดินผ่านต้นไม้ที่ถูกผ่าไว้เป็นสองซีก
จนถูกทับตายในที่สุด อีกครั้งที่แม่ของเค้าไปสวดอ้อนวอนเพื่อขอชีวิต

เจ้าหญิงคูชินาดะตะหนักดีว่าไม่อาจจะช่วยเหลือกลูกชายได้ตลอดไป
จึงสั่งให้เดินทางไปอยู่กับเทพเจ้าแห่งพายุ Susa-no-O ที่เมืองใต้บาดาล
แต่เค้ากลับไปตกหลุมรักกับ Suseri-hime บุตรสาวของเทพซูซาโนะโอะ
ทำให้เทพเจ้าแห่งพายุไม่พอใจ

ในคืนที่หนึ่งเค้าจึงปล่อยงูพิษจำนวนมากไว้ในห้องของโอนะมูจิ
แต่งูเหล่านั้นกลับไปไม่สามารถทำอันตรายต่อชายที่มีจิตใจที่ดีงามได้
วันรุ่งขึ้นเทพซูซาโนะโอะจึงบอกให้เค้าออกเก็บลูกธนูที่ยิงไปในทุ่ง
เมื่อไปถึงกลางทางเทพเจ้าก็จุดไฟเผา แต่เค้าหลบไปหลบในรูหนู
เมื่อเพลิงสงบก็เก็บลูกธนู และเดินกลับมาส่งให้ท่านเทพเจ้า



เทพเจ้าเห็นในความดีของเค้าจึงยินยอมให้อยู่ด้วย คืนหนึ่งได้สั่งให้เค้า
ช่วยสระผมให้ เจ้าชายจึงแอบผูกผมเทพเจ้าไว้กับคาน
จากนั้นจึงชวนเจ้าหญิงซูเซริหลบหนีไป พร้อมกับธนูและพิณ
ระหว่างที่หลบออกจากปราสาทนั้น เผอิญทำพิณไปกระแทกกับเสาจนเกิดเสียงดัง

เทพเจ้าตื่นขึ้นมาจึงดึงผมที่ผูกคานลงมาด้วยพลังมหาศาล จนปราสาทพังทลาย
เทพซูซาโนะโอะไล่ตามมาจนจะพ้นเขตแดน แล้วตะโกนบอกโอนะมูจิว่า
เจ้าจงใช้อาวุธของข้าปราบปรามพี่ชายให้หมด โอนะมูจิจึงขอเจ้าหญิงซูเซริ
มาเป็นภรรยา เทพเจ้าก็ยกให้ตามคำขอ หลังจากนั้นโอนะมูจิก็ใช้ธนูฆ่าพี่ชายจนหมด

เทพซูซาโนะโอะจึงสร้างปราสาทให้ที่เชิงเขา Uka และตั้งให้โอนะมูชิเป็น
ผู้ปกครองเมืองอิซูโมะ กลายเป็นเทพเจ้า ซึ่งในปัจจุบันมีศาลเจ้าขนาดใหญ่โต
เพื่ออุทฺศให้เทพเจ้าแห่งการรวมชาติ เกษตรกรรม การค้า และการแพทย์
เป็นเทพเจ้าที่มีหลายชื่อ แต่ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือ Okuninushi no kami

ที่วัดคิโยมิซู ข้างๆ ของรูปเคารพของเทพเจ้ามีต้นไม้ต้นหนึ่งชื่อว่า ต้นไม้แห่งความแค้น
ที่เชื่อว่ามีเทพเจ้าโอคาเงะ เมียว จิน (Okage Myojin) เป็นผู้คุ้มครอง
มีความเชื่อของคนเกียวโตแต่โบราณว่า หากหญิงสาวคนใดมีความแค้นที่ถูกแย่งชายคนรัก
ในเวลาตอนเวลาตีสอง ให้แต่งตัวด้วยชุดขาว เอาเทียนสามแท่งพันด้วยผ้ารอบศีรษะ

ทำหุ่นฟางติดชื่อคนที่เกลียด แล้วเอามาตอกด้วยตะปูที่ต้นสนตายซากต้นนี้
ระหว่างนั้นก็ต้องสาปแช่งคนที่เกลียดไปด้วยถ้าทำอย่างนี้แล้ว
คนที่ถูกแช่งจะตายภายในสามวันเจ็ดวัน พิธีนี้ เรียกว่า การมาเยือนตอนตีสอง
(Ushinotoki-mairi)



Create Date : 04 มกราคม 2556
Last Update : 4 มกราคม 2556 14:24:42 น. 3 comments
Counter : 1539 Pageviews.  

 
ทุกที่ที่ไป ล้วนมีเรื่องราว ชอบมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:16:09:22 น.  

 
ต้นไม้แห่งความแค้น...น่ากลัวนะคะ พิษรักแรงอาฆาต มีมาแต่โบราณจริงๆ ไม่ว่าชาติใด ภาษาใดนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:16:23:40 น.  

 
เรื่องสุดท้ายนี่โหดจัง
แต่จะจดไว้ เผื่อว่าอาจจะได้เก็บไว้ทำมั่ง


โดย: addsiripun วันที่: 7 มกราคม 2556 เวลา:15:54:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]