|
17 เมษายน 2557
|
|
|
|
Okinawa D1: American village
ไม่ไกลจากห้าง Don Quijote นั่งรถบัสต่อไปอีกไม่เกิน 15 นาที ก็ถึงเมือง Chaton ที่เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศสหรัฐ Kadena Air base เราคงเคยได้เห็นข่าวการประท้วงทางทีวีอยู่บ่อยๆ ให้ย้ายฐานทัพนี้ออกไป เนื่องจากมีเรื่องทหารอมเริกันออกไปข่มขืนชาวบ้านอยู่หลายครั้ง
ฉะนั้นนโยบายการหาเสียงสำคัญของนักการเมืองที่นี่จึงแบ่งเป็นสองขั้ว เอาหรือไม่เอาฐานทัพแห่งนี้ ล่าสุดฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่อเมริกาจะเห็นว่าที่นี่ไม่สำคัญจนย้ายออกไป เหมือนการกรณีของฐานทัพอากาศ Clark ที่ Philippines
ซึ่งเทียบกันไม่ได้เพราะที่นั่น สหรัฐยังมีฐานสำรองอยู่หลายแห่งในแปซิฟิก เทียบไม่ได้เลยก็กับการมีฐานทัพที่สามารถปิดล้อมประเทศจีนเหมือนที่นี่ ประเทศญี่ปุ่นเองก็ต้องยอมรับว่าฐานทัพเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และเป็นความมั่นคงทางการทหารจนกว่าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญเสียใหม่
แต่ล่าสุดมีข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเสนอเงิน 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ แลกกับการถอนนาวิกโยธินสหรัฐ 9000 นายออกไปจากโอกินาวะ ซึ่งยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนว่า ทั้งสองฝ่ายจะตกลงเช่นใด เหมือนเป็นก้าวแรกของญี่ปุ่นที่พยายามจะแสดงให้เห็นว่า
พร้อมที่จะยืนอยู่บนลำแข้งของตนเองในด้านการทหารอีกครั้ง
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองอเมริกาได้ยกพลขึ้นบกที่เกาะแห่งนี้ ผลแห่งสงครามทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตนับแสน และทหารอเมริกานับหมื่น ทำให้มีการประเมินว่าการยึดครองเกาะหลักจะมีการสูญเสียทหารอเมริกา ถึงหนึ่งล้านนาย จากที่คาดว่าทหารและพลเรือนญี่ปุ่นจะสู้จนตัวตาย
จึงเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลของการตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณู นับจากวันนั้นอเมริกาได้ยึดครองหมู่เกาะ Okinawa ไว้เป็นของตนเอง จนกระทั่งตัดสินใจคืนการครอบครองให้แก่ประเทศญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2515 รวมถึงเกาะ Zenkagu หรือหมู่เกาะเตี๋ยวอี๋ที่เป็นกรณีพิพาทกับจีนในปัจจุบัน
แต่ว่ากันว่า สหรัฐยังคงครอบครองกรรมสิทธ์บนเกาะ Okinawa ไว้ 2/3 ส่วนใหญ่คือพื้นที่ป่าเขาตอนกลางที่ไม่มีผู้คน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ริมทะเล อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือและอากาศ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง wikileak อ้างว่ามากถึง 38 แห่ง รวมกำลังพลประมาณ 50,000 นาย
ฉะนั้นที่เมือง Chatan แห่งนี้จึงมีสถานที่พักผ่อนเรียกว่า American village ที่มีกลิ่นอายของร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าของประเทศอเมริกา สิ่งก่อสร้างที่พิเศษในมุมมองของนักท่องเที่ยวคือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และอาหารที่เฉพาะถื่นคือ ทาโก้ที่ปรับสูตรให้เข้ากับวัฒนธรรมญี่ปุ่น
เราไม่ได้เดินไปไหนไกล แค่ถ่ายรูปและเข้าไปส่องขนมในร้านร้อยเยน ได้มันฝรั่งทอดในกล่องกระดาษมา เค้าว่ามี่ยี่ห้อหนึ่งใน Hokkaido อร่อย แต่เราก็ซื้อยี่ห้อทั่วไปนี่ล่ะแบบว่าอยากลอง ผลปรากฏว่าก็อร่อยแต่ก็ไม่มาก รู้สึกว่าถึงตรงนี้เราจะชอบปิ้งเป็นแห่งที่สามของวันนี้กันแล้วนะเนี่ย
เราใช้เวลาที่เหลือระหว่างรอคนอื่นในการเข้าไปเลือกซื้อแก้ว Starbuck แก้ว MUG ก็ประมาณ 1000 เยน แก้วกาแฟเย็นก็ประมาณ 15000 เยน ดูจะเป็นของที่ระลึกที่ดีเพราะบ่งบอกสถานที่ที่เราไปเที่ยวมาในราคาไม่แพงนัก เรานั่งจิบกาแฟในแก้วใบใหม่ แล้วมองออกไปที่ชิงช้าสวรรค์ฝั่งตรงข้าม
ตะวันรอนแสงด้วยเป็นฤดูหนาวที่พระอาทิตย์จะขึ้นและตกเร็วกว่าฤดูกาลอื่น เรายังต้องไปอีกครึ่งทางเพื่อไปยังที่พักของเราในคืนนี้ Miyuki Beach Hotel
โรงแรมแถวนี้มักจะตั้งอยู่ติดชายหาดที่ไม่ได้เป็นหาดทราย ขนาดไม่ใหญ่ สูงแค่สองชั้น ห้องกว้าง ดูเก่าๆ และไม่มีอุปกรณ์ทันสมัย ตรงกันข้ามกับโรงแรมบนเกาะหลัก เนื่องจากว่าที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว เปรียบเทียบได้ประมาณว่า โรงแรมในแถบพัทยา กับโรงแรมในจังหวัดลพบุรี
ตามโปรแกรมจะรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ภายในที่พักแห่งนี้ เราไม่ได้คาดหวังว่าอาหารจะดีมาก แต่นี่มันเรียกว่าไม่อร่อยเอาเสียเลย โชคยังดีถึงแม้จะเป็นโรงแรมเล็กๆ แต่ก็มีออนเซนให้แช่ ค่อยดีหน่อย จบการเดินทางในคืนที่สองหากนับรวมจากสุวรรณภูมิ-ไต้หวันเป็นวันแรก
Create Date : 17 เมษายน 2557 |
|
4 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2557 9:48:46 น. |
Counter : 1338 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|