พัด เครื่องมือการเจริญสติปัฏฐาน
วันนี้ ผมขอแนะนำการใช้ พัด เป็นเครื่องมือสำหรับการเจริญสติปัฏฐาน พัดที่ใช้ จะเป็นพัดอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องราคาแพง แต่ควรเป็นพัดที่มีน้ำหนักเบา และให้แรงลมพอประมาณ อย่าเล็กจนเกินไป เพราะลมจะเบา จะใช้พัดไม้ใผ่ที่ขายตามตลาดนัดก็ได้ ราคาไม่แพงประมาณอันละ 20 บาท ด้ามเป็นไม้ใผ่ หรือ จะเป็นแบบพลาสติกก็ได้ ราคา 10 บาท - 20 บาทแล้วแต่แบบและลาย ตามตลาดจะมีขาย แต่ถ้าซื้อตามห้าง ก็จะแพงขึ้นไปอีก เป็นอันว่า ท่านมีพัดใช้แล้ว ต่อไป เป็นวิธีการฝึกฝน 1. การฝึกฝนนั้น ท่านจะใช้พัดเพื่อพัดคลายร้อนในขณะว่าง ๆ หรือจะใช้ในตอนดูทีวีก็ได้เช่นกัน โดยส่วนตัวผมเอง ผมไม่เชื่อว่า การดูทีวีจะไม่สามารถเจริญสติปัฏฐานได้ ในสมัยที่ผมฝึกฝน ผมฝึกฝนในขณะดูทีวีเป็นประจำ ทีวีเรื่องที่ผมดู จะเป็นข่าวและสารคดีทางวิทยาศาสตร์ และ เมื่อผมดูทีวี ผมจะไม่จำเรื่องราวใด ๆ ในทีวีไว้ในหัว สักเพียงแต่ว่าดูไปเล่น ๆ อย่างนั้นแหละ 2.วิธีการใช้พัด ขอให้ท่านพัดไปสบาย ๆ ให้มีลมกระทบร่างกายที่รู้สึกได้ ไม่ต้องพัดแรง เพราะมืออาจเคร็ดได้ และที่สำคัญ ให้ท่านพัดแล้วหยุด พัดแล้วหยุด อย่าพัดติดต่อกัน เพราะการพัดแล้วหยุด พัดแล้วหยุด จะช่วยไม่ให้ท่านเผลอ อาจพัดสัก 5 ครั้งแล้วหยุดสักครู่ แล้วก็พัดต่อไปเป็นรอบ ๆ อย่างนี้ ในขณะที่ท่านพัดนั้น ขอให้ท่านสังเกตอาการเคลื่อนการไหวของมือที่ถือพัดที่พัดไปมา และ การรู้สึกถีงลมที่มากระทบกาย การรู้สึกถึงการเคลื่อนการไหวของมือที่ถือพัดที่พัดโปกไปมา นี่เป็นการรู้ธาตุลม ส่วนการรู้สัมผัสของลมที่มากระทบกาย ถ้ารู้สึกถึงความเย็นที่กระทบ นี่คือการรู้ไฟ แต่ถ้ารู้ถึงการกระทบของลม นี่คือการรู้ดิน ท่านจะเห็นว่า การเจริญสติปัฏฐานแบบนี้ ท่านฝึกรู้ธาตุได้ถึง 3 ธาตุทีเดียว อีกประการหนึ่ง การพัดหยุด พัดหยุด นอกจากจะช่วยเรื่องการไม่เผลอแล้ว ในขณะที่หยุดพัดแล้วเริ่มพัดใหม่อีกครั้ง ท่านอาจรับรู้ถึงการมีความคิด(จิตกระฉอก)ได้อีกด้วย แต่ถ้าใหม่ ๆ รู้สึกถึงจิตกระฉอกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่การรู้สึกถึงธาตุ 3 ธาตุที่กล่าวไว้ ท่านรู้สึกได้แน่ ๆ อยู่แล้ว ผมขอเน้นย้ำครับว่า การฝึกแบบนี้ ฝึกไปเรื่อย ๆ จะเผลอบ้าง รู้สึกได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร ขออย่าได้เครียด อย่าจริงจัง ให้ฝึกเล่น ๆ ไป ส่วนการดูทีวี ก็ดูไปอย่างนั้นครับ อย่าไปคิดติดตามเรื่องราว เพราะถ้าติดตามเรื่องราวแนบแน่นเกินไป ผลการฝึกจะไม่ได้ผลเท่าใดนัก ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนสบาย ๆ ในการดูทีวีไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน แต่เพื่อไม่ให้เสียเปล่า ก็ฝึกสติปัฏฐานไปด้วยครับ ลองดูนะครับ เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ฝีกฝนได้ ท่านอาจประยุกต์การนำไปใช้อย่างอื่น ๆ ได้ต่อไป
Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 18:42:44 น.
0 comments
Counter : 1128 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****