ตอนเป็นสมาธิ หูดับไปเลยไม่ได้ยินใช่ใหม
ผมเข้าไปอ่านในกระทู้นี้ //www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11733747/Y11733747.html
เป็นคำถามที่ดีครับ เพราะมีผู้เข้าใจผิดอยู่เป็นอันมากในการภาวนา
ในการทำสมาธินั้น จะมี 2 แบบ คือ
มิจฉาสมาธิ (สมาธิแบบฤาษี) และ สัมมาสมาธิ (สมาธิแบบพุทธ)
1.ลักษณะของสมาธิแบบฤาษี
จะเป็นการส่งจิตเข้าไปจับยึด หรือ ไป focus กับอะไรสักอย่างหนึ่งให้แนบแน่น ยิ่งแน่นยิ่งดี เช่นคนที่ดูลมโดยการยึดลม focus ลม เมื่อเขาทำสมาธิแบบฤาษี เมื่อเขาลงมือนั่งสมาธิแต่เริ่มแรก (ในนาทีแรก ๆ ที่เริ่มนั่งสมาธิ) ก็ยังแบ่งได้อีกเป็นคน 2 ประเทภ คือ
1.1 ท่านที่ยังไม่ในชำนาญในสมาธิแบบฤาษีอย่างแท้จริง เมื่อเริ่มทำ เขาส่งจิตไป focus ที่ลม เนื่องจากไม่ชำนาญ ระบบประสาทอย่างอื่นยังรับรู้ได้อยู่ เช่น หูจะยังได้ยินเสียงอยู่ ส่วนตา คนทำสมาธิแบบนี้ มักหลับตาทำจึงมองไม่เห็นอะไร แต่เมื่อเขาพยายามจะ focus ไปมาก ๆ ที่ลมเป็นเวลานานหลายนาทีหรือเป็นชั่งโมง ผลก็คือ จิตจะเครียดทำให้กำลังที่ใช้บังคับจิตจะตกลง แล้ว โมหะจะเข้าครอบงำ ทำให้เขาเกิดเบอล ๆ ทำให้หูของเขาเกิดไม่ได้ยินเสียงขึ้นมา คนส่วนมากที่ไม่เข้าใจ ก็มักเข้าใจไปเองว่า ตนเองได้ทำสมาธิได้ดีมาก เข้าถึงระดับฌานได้แล้ว นี่ไง หูดับไม่ได้ยินเสียงไปเลย เป็นซะอย่างนี้
ลักษณะธรรมชาติของกำลังจิตในสมาธินั้น ขอให้นึกถึงการเรียนหนังสือ ใหม่ ๆ จะมีสมาธิในการเรียน พอเรียนไปแล้ว 10 นาที สมาธิจะถดถอย ไม่ต้องการเรียนอีก ยิ่งเรียนไปมาก ๆ นาน ๆ เป็นชั่วโมง การรับรู้ยิ่งลดลง เพราะกำลังสมาธิเริ่มหมดแล้วแล้ว
1.2 ท่านที่ชำนาญในสมาธิแบบฤาษีอย่างแท้จริง พอเขานั่งหลับปั๊บ จิตจะเป็นสมาธิอย่างรวดเร็วภายในไม่ถึงนาที คนประเทภนี้จะทรงสมาธิแบบฤาษีต่อไปได้ โดยที่หูของเขาจะไม่ได้ยินเสียงอย่างแน่นอนเพราะความชำนาญที่จิตแนบแน่นกับการยึดไปแล้ว เขาจะทรงสมาธิแบบนี้ไปได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วกำลังสมาธิก็จะถดถอยลงไปเอง จนเขาจะหลุดออกจากสมาธิ ส่วนเวลาที่จิตถดถอยจากสมาธิ ก็แล้วแต่ว่า เขามีกำลังจิตมากแค่ไหน
*******
2..ลักษณะของสัมมาสมาธิ (สมาธิแบบพุทธ)
สมาธิแบบพุทธนั้นจะตรงข้ามกับสมาธิแบบฤาษีโดยสิ้นเชิง เป็นสมาธิที่ไม่ยึดติด เพราะการยึดติดคือตัณหา แต่กลับเป็นสมาธิที่เป็นอิสระจากสิ่งที่จิตไปรู้เข้า เนื่องจากสัมมาสมาธิ จิตจะเป็นอิสระจากสิ่งที่จิตไปถูกรู้ ไม่ยึดติดในสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ดังนั้นในสมาธิแบบพุทธนี้ นักภาวนาจึงจะได้ยินเสียงอยู่เสมอ (หูต้องไม่ดับ อานตนะต่าง ๆ ยังทำงานอยู่)
2.1 ในคนที่ฝึกฝนสัมมาสมาธิใหม่ ๆ จิตยังไม่มีกำลังมากพอในระดับ(สัมมา)ฌาน เมื่อเขาฝึกฝน หูเขาจะได้ยินเสียง แต่เนื่องจากกำลังสมาธิยังไม่แน่นพอ เมื่อหูได้ยินเสียง สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์จะทำงานขึ้น ทำให้เขารับรู้การแปลเสียงที่ได้ยินว่า เป็นเสียงอะไร หมายความว่าอย่างไร
2.2 ในคนที่เขาฝึกฝนสัมมาสมาธิมาอย่างชำนาญ เขาจะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นจาก 2.1 กล่าวคือ เขาสามารถจะแปลความหมายของการได้ยินเสียงนั้นก็ได้ ไม่แปลความหมายก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หูก็ได้ยินเสียงอยู่เสมอ ไม่ใช่หูดับไปไม่ได้ยินเสียงแบบคนที่ชำนาญในสมาธิแบบฤาษี
เมื่อเขาได้ยินเสียง ถ้าเขาต้องการแปลความหมายของเสียง เขาก็จะรู้ความหมายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งสัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ของขันธ์ 5 จะทำงาน
เมื่อเขาได้ยินเสียง ถ้าเขาไม่ต้องการแปลความหมายของเสียง สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ของขันธ์ 5 จะไม่ทำงาน ทำให้เขาไม่รู้ความหมายในเสียงนั้น ๆ ถ้าท่านไปฟังหลวงพ่อเทียนพูด ท่านจะบอกว่า รู้แต่ไม่รู้ว่าอะไร นี่คืออาการที่สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ไม่ทำงาน สภาวะแบบนี้ คือ สภาวะที่จิตหยุดสร้างขันธ์
***** ในกิจกรรมครั้งที่ 3 ผมให้ท่านมองจ้องไปที่ตาของพระพุทธองค์ ท่านจะไม่เห็นดอกบัวที่อยู่ที่ฐานของพระพุทธรูปนั้น แต่เมื่อท่านเพียงลืมตาขึ้นไม่จ้องอะไรเป็นพิเศษ ท่านจะเห็นทั้งพระพุทธรูปทั้งองค์และดอกบัวที่ฐานนั้น นี่คือ ความต่างของสมาธิแบบฤาษี (การจดจ้องเป็นพิเศษ) และ สมาธิแบบพุทธ (ที่ไม่จดจ้องใด ๆ )
ท่านที่ติดตามอ่าน blog ครับ ผมพยายามจะชี้ให้ท่านเข้าใจ ในความต่างของการภาวนาเพื่อความหลุดพ้นแบบพุทธ กับการภาวนาเพื่อการยึดติดแบบฤาษีให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้ไม่เข้าใจผิด พยายามไปเดินแบบฤาษีโดยคิดว่า นีคือแบบพุทธ
ในการฝึกสัมมาสมาธิแบบพุทธนั้น อายตนะทุกอายตนะจะทำงานเสมอ กล่าวคือ ตามองเห็น หูได้ยิน จมุกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายรู้สัมผัส จิตใจรู้การนึกคิด เพียงแต่ว่า คนที่ไม่ชำนาญ กำลังสัมมาสมาธิยังไม่ตั้งมั่น จิตจะไหลไปมาตามอายตนะได้ ส่วนคนทีชำนาญ จิตจะตั้งมั่นไม่ไหลไปตามอายตนะ เมื่อจิตตั้งมั่นพอ จิตจะตั้งมั่นไม่ยึดขันธ์ เมื่อจิตไม่ยึดขันธ์ แต่ขันธ์ยังปรุงแต่งอยู่ นักภาวนาจะเห็นได้เองด้วยจิตว่า อันว่า ขันธ์ นั้นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา
เมื่อจิตตั้งมั่นมากขึ้นอีก เกิดปัญญาญาณ ญาณเห็นจิตได้ เห็น มโน ได้ พอถึงระดับนี้ ความสามารถในการหยุดการทำงานของขันธ์ ก็จะเกิดขึ้นได้ ถือเป็นผู้ภาวนาที่ชำนาญ จิตมีกำลังมาก
ท่านคงเข้าใจอะไรมากขึ้น
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2555 6:52:06 น. |
Counter : 3133 Pageviews. |
|
|
|
ส่วน VDO ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง แล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป