รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
21 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

ตอนเป็นสมาธิ หูดับไปเลยไม่ได้ยินใช่ใหม

ผมเข้าไปอ่านในกระทู้นี้ //www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11733747/Y11733747.html

เป็นคำถามที่ดีครับ เพราะมีผู้เข้าใจผิดอยู่เป็นอันมากในการภาวนา

ในการทำสมาธินั้น จะมี 2 แบบ คือ

มิจฉาสมาธิ (สมาธิแบบฤาษี) และ สัมมาสมาธิ (สมาธิแบบพุทธ)

1.ลักษณะของสมาธิแบบฤาษี

จะเป็นการส่งจิตเข้าไปจับยึด หรือ ไป focus กับอะไรสักอย่างหนึ่งให้แนบแน่น ยิ่งแน่นยิ่งดี เช่นคนที่ดูลมโดยการยึดลม focus ลม เมื่อเขาทำสมาธิแบบฤาษี เมื่อเขาลงมือนั่งสมาธิแต่เริ่มแรก (ในนาทีแรก ๆ ที่เริ่มนั่งสมาธิ) ก็ยังแบ่งได้อีกเป็นคน 2 ประเทภ คือ

1.1 ท่านที่ยังไม่ในชำนาญในสมาธิแบบฤาษีอย่างแท้จริง เมื่อเริ่มทำ เขาส่งจิตไป focus ที่ลม เนื่องจากไม่ชำนาญ ระบบประสาทอย่างอื่นยังรับรู้ได้อยู่ เช่น หูจะยังได้ยินเสียงอยู่ ส่วนตา คนทำสมาธิแบบนี้ มักหลับตาทำจึงมองไม่เห็นอะไร แต่เมื่อเขาพยายามจะ focus ไปมาก ๆ ที่ลมเป็นเวลานานหลายนาทีหรือเป็นชั่งโมง ผลก็คือ จิตจะเครียดทำให้กำลังที่ใช้บังคับจิตจะตกลง แล้ว โมหะจะเข้าครอบงำ ทำให้เขาเกิดเบอล ๆ ทำให้หูของเขาเกิดไม่ได้ยินเสียงขึ้นมา คนส่วนมากที่ไม่เข้าใจ ก็มักเข้าใจไปเองว่า ตนเองได้ทำสมาธิได้ดีมาก เข้าถึงระดับฌานได้แล้ว นี่ไง หูดับไม่ได้ยินเสียงไปเลย เป็นซะอย่างนี้

ลักษณะธรรมชาติของกำลังจิตในสมาธินั้น ขอให้นึกถึงการเรียนหนังสือ ใหม่ ๆ จะมีสมาธิในการเรียน พอเรียนไปแล้ว 10 นาที สมาธิจะถดถอย ไม่ต้องการเรียนอีก ยิ่งเรียนไปมาก ๆ นาน ๆ เป็นชั่วโมง การรับรู้ยิ่งลดลง เพราะกำลังสมาธิเริ่มหมดแล้วแล้ว

1.2 ท่านที่ชำนาญในสมาธิแบบฤาษีอย่างแท้จริง พอเขานั่งหลับปั๊บ จิตจะเป็นสมาธิอย่างรวดเร็วภายในไม่ถึงนาที คนประเทภนี้จะทรงสมาธิแบบฤาษีต่อไปได้ โดยที่หูของเขาจะไม่ได้ยินเสียงอย่างแน่นอนเพราะความชำนาญที่จิตแนบแน่นกับการยึดไปแล้ว เขาจะทรงสมาธิแบบนี้ไปได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วกำลังสมาธิก็จะถดถอยลงไปเอง จนเขาจะหลุดออกจากสมาธิ
ส่วนเวลาที่จิตถดถอยจากสมาธิ ก็แล้วแต่ว่า เขามีกำลังจิตมากแค่ไหน

*******

2..ลักษณะของสัมมาสมาธิ (สมาธิแบบพุทธ)

สมาธิแบบพุทธนั้นจะตรงข้ามกับสมาธิแบบฤาษีโดยสิ้นเชิง เป็นสมาธิที่ไม่ยึดติด เพราะการยึดติดคือตัณหา แต่กลับเป็นสมาธิที่เป็นอิสระจากสิ่งที่จิตไปรู้เข้า เนื่องจากสัมมาสมาธิ จิตจะเป็นอิสระจากสิ่งที่จิตไปถูกรู้ ไม่ยึดติดในสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ดังนั้นในสมาธิแบบพุทธนี้ นักภาวนาจึงจะได้ยินเสียงอยู่เสมอ (หูต้องไม่ดับ อานตนะต่าง ๆ ยังทำงานอยู่)

2.1 ในคนที่ฝึกฝนสัมมาสมาธิใหม่ ๆ จิตยังไม่มีกำลังมากพอในระดับ(สัมมา)ฌาน เมื่อเขาฝึกฝน หูเขาจะได้ยินเสียง แต่เนื่องจากกำลังสมาธิยังไม่แน่นพอ เมื่อหูได้ยินเสียง สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์จะทำงานขึ้น ทำให้เขารับรู้การแปลเสียงที่ได้ยินว่า เป็นเสียงอะไร หมายความว่าอย่างไร

2.2 ในคนที่เขาฝึกฝนสัมมาสมาธิมาอย่างชำนาญ เขาจะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นจาก 2.1 กล่าวคือ เขาสามารถจะแปลความหมายของการได้ยินเสียงนั้นก็ได้ ไม่แปลความหมายก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หูก็ได้ยินเสียงอยู่เสมอ ไม่ใช่หูดับไปไม่ได้ยินเสียงแบบคนที่ชำนาญในสมาธิแบบฤาษี

เมื่อเขาได้ยินเสียง ถ้าเขาต้องการแปลความหมายของเสียง เขาก็จะรู้ความหมายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งสัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ของขันธ์ 5 จะทำงาน

เมื่อเขาได้ยินเสียง ถ้าเขาไม่ต้องการแปลความหมายของเสียง สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ของขันธ์ 5 จะไม่ทำงาน ทำให้เขาไม่รู้ความหมายในเสียงนั้น ๆ ถ้าท่านไปฟังหลวงพ่อเทียนพูด ท่านจะบอกว่า รู้แต่ไม่รู้ว่าอะไร นี่คืออาการที่สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ไม่ทำงาน
สภาวะแบบนี้ คือ สภาวะที่จิตหยุดสร้างขันธ์

*****
ในกิจกรรมครั้งที่ 3 ผมให้ท่านมองจ้องไปที่ตาของพระพุทธองค์ ท่านจะไม่เห็นดอกบัวที่อยู่ที่ฐานของพระพุทธรูปนั้น แต่เมื่อท่านเพียงลืมตาขึ้นไม่จ้องอะไรเป็นพิเศษ ท่านจะเห็นทั้งพระพุทธรูปทั้งองค์และดอกบัวที่ฐานนั้น นี่คือ ความต่างของสมาธิแบบฤาษี (การจดจ้องเป็นพิเศษ) และ สมาธิแบบพุทธ (ที่ไม่จดจ้องใด ๆ )

ท่านที่ติดตามอ่าน blog ครับ ผมพยายามจะชี้ให้ท่านเข้าใจ ในความต่างของการภาวนาเพื่อความหลุดพ้นแบบพุทธ กับการภาวนาเพื่อการยึดติดแบบฤาษีให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้ไม่เข้าใจผิด พยายามไปเดินแบบฤาษีโดยคิดว่า นีคือแบบพุทธ

ในการฝึกสัมมาสมาธิแบบพุทธนั้น อายตนะทุกอายตนะจะทำงานเสมอ กล่าวคือ ตามองเห็น หูได้ยิน จมุกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายรู้สัมผัส จิตใจรู้การนึกคิด เพียงแต่ว่า คนที่ไม่ชำนาญ กำลังสัมมาสมาธิยังไม่ตั้งมั่น จิตจะไหลไปมาตามอายตนะได้ ส่วนคนทีชำนาญ จิตจะตั้งมั่นไม่ไหลไปตามอายตนะ เมื่อจิตตั้งมั่นพอ จิตจะตั้งมั่นไม่ยึดขันธ์ เมื่อจิตไม่ยึดขันธ์ แต่ขันธ์ยังปรุงแต่งอยู่ นักภาวนาจะเห็นได้เองด้วยจิตว่า อันว่า ขันธ์ นั้นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา

เมื่อจิตตั้งมั่นมากขึ้นอีก เกิดปัญญาญาณ ญาณเห็นจิตได้ เห็น มโน ได้ พอถึงระดับนี้ ความสามารถในการหยุดการทำงานของขันธ์ ก็จะเกิดขึ้นได้ ถือเป็นผู้ภาวนาที่ชำนาญ จิตมีกำลังมาก

ท่านคงเข้าใจอะไรมากขึ้น




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2555
1 comments
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2555 6:52:06 น.
Counter : 3133 Pageviews.

 

เสียงกิจกรรมครั้งที่ 3 มาแล้ว ดู link ที่ห้องกิจกรรมครับ

ส่วน VDO ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง แล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

โดย: นมสิการ 21 กุมภาพันธ์ 2555 6:54:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.