รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
ความรู้จากการภาวนา-ภาวนามยปัญญา

ความรู้ที่ได้จากการภาวนานั้น จะมาได้ 2 ทาง คือ


1..จิตอยู่ในสภาวะของสัมมาสมาธิหรือสัมมาญาณ
2..จิตโพล่งความรู้ออกมาเอง

******

1..จิตอยู่ในสภาวะของสัมมาสมาธิหรือสัมมาญาณ

ความรู้ชนิดนี้ ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจ ก็คือความรู้จริงที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสของจริง
เช่น หลาย ๆ คนคงเคยเห็นภาพนักบินอวกาศที่ลอยไปลอยมาในสภาพไร้น้ำหนัก แต่คนที่เห็นจากภาพยนต์ก็เพียงแต่จินตนาการเอาว่า คนที่อยู่ในสภาพอย่างนั้น คงเป็นอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ จะรู้สึกอย่างนั้นนะ รู้สึกอย่างนี้นะ แต่สำหรับตัวนักบินอวกาศที่เขาอยู่ในสภาพนั้นจริง ๆ จะเข้าใจได้เองว่า เมื่อเขาลอยตัวอยู่ในสภาวะนั้น ร่างกายและจิตใจของเขาจะมีอาการอย่างไร ซึ่งเป็นสภาวะที่พบได้จริง ๆ ที่เป็นอย่างนั้น

สภาวะที่จิตอยู่ในสภาวะของสัมมาสมาธิ หรือ สภาวะของสัมมาญาณ จะเป็นแบบนั้น มันเป็นความรู้ที่นักภาวนากำลังสัมผัสอยู่จริง ๆ ว่า จิตเป็นอาการอย่างนี้นะ สิ่งที่จิตไปรับรู้เข้าอาการเป็นอย่างนี้นะ แต่ที่สำคัญทีสุดก็คือ การที่จิตสัมผัสแบบนี้อยู่ได้นั้น เป็นสภาวะที่จิตไม่ไปยึดในทุกข์ต่าง ๆ

นักภาวนาที่กำลังเดินอยู่ในระดับของสัมมาสมาธิ มักจะสนใจอยู่ว่า ทำอย่างไรจิตจึงจะคลายออก ไม่เข้าไปยึดทุกข์ต่าง ๆ ของขันธ์ 5

แต่เมื่อนักภาวนาที่ได้ผ่านการฝึกฝนสัมมาสมาธิจนชำนาญ และ เกิดสัมมาญาณขึ้นแล้ว นักภาวนาจะเปลี่ยนจุดหมายใหม่ คือ จะสนใจว่าจะทำลายอวิชชาได้อย่างไร


2..จิตโพล่งความรู้ออกมาเอง

ในการภาวนานั้น ความรู้ที่มันโพล่งมาเองจากจิตที่สงบเป็นสมาธิ เป็นความรู้ที่บริสุทธิและเป็นธรรมชาติที่ไม่เจือปนด้วยความรู้จากอวิชชา เป็นความรู้ที่จะปฏิวัติเปลี่ยนจิตใจตนเองได้ เป็นความรู้ที่สุดยอดทีนักภาวนาปรารถนากัน

ความรู้ประเภทนี้ ไม่ใช่มาจากการตั้งใจคิด เพราะการตั้งใจคิดเป็นเพียงจินตมยปัญญา เป็นปัญญาที่ยังมีอวิชชาปนเปื้อน ไม่สามารถไปปฏิวัติจิตใจของตนเองได้เลย แต่กลับเป็นความรู้ที่นำไปพูด นำไปเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นฉาก ๆ ดุจเช่นผู้ชำนาญการในเรื่องนั้น ๆ ทีเดียว

ความรู้ที่จิตโพล่งออกมาเอง เป็นความรู้จริง รู้เฉพาะตัวที่บางครั้งก็ไม่อาจจะพูดจะอธิบายอะไรออกมาได้ แต่นักภาวนารู้ก็แล้วกัน

ระดับความรู้ในข้อ 1 เป็นการสะสมความรู้ที่เกิดจริงจากการสัมผัส เป็นการสะสมเพื่อการเกิดความรู้ในประเภทที่ 2 นี้ ถ้านักภาวนาไม่ได้พบความรู้ประเภทที่ 1 จะไม่สามารถพบความรู้ประเภทที่ 2 ได้เลย การพบความรู้ประเภทที่ 2 นี้ในแต่ละครั้ง ก็จะจุดประกายความตื่นตัวของจิตใจได้เพิ่มมากขึ้นไปตามลำดับ ทุกครั้งที่ความตื่นตัวของจิตใจเพิ่มขึ้น การยึดติดในกิเลสต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงไป เมื่อการตื่นตัวถึงจุดสูงสุด การทำลายตัณหาจะเกิดขึ้น และจิตจะเป็นอิสระจากอวิชชาอย่างสิ้นเชิง

****

ความมีปัญญาในพุทธศาสนาอันเนื่องจากคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ได้ทรงตรัสเรื่องของสติปัฏฐาน 4 อันเป็นหนทางอันเดียวที่จะนำสัตว์สู่การพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง อันเป็นหนทางอันประเสริฐ ความเป็นอริยะที่ไม่ใช่เกิดจากการแต่งตั้งจากผู้ใดหรือคิดเอาเองจากตัวเอง

ความรู้จากการสัมผัสของตัวจิตที่ไร้ความคิดเจือด้วยอวิชชา เป็นกุญแจสำคัญยิ่งในการเข้าสู่เส้นทางแห่งมรรคนี้

ท่านนักภาวนาครับ การหมั่นฝึกฝนที่ตรงทางเท่านั้น จึงจะเข้าสู่หลักชัยได้ ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา

เส้นทางนี้ยากนักสำหรับนักภาวนาที่ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ที่หลงไปใช้การรู้ที่เจือด้วยอวิชชาเป็นหลักปฏิบัติ แต่สำหรับนักภาวนาที่เข้าใจในคำสอน กลับพบว่า การปฏิบัตินั้นง่ายแสนง่าย เพียงแต่ว่า ผลของมันจะช้าไม่ทันใจนักภาวนาเท่านั้นเอง

การปฏิบัติทีเจือด้วยอวิชชา เป็นการไม่พบข้อ 1 เมื่อไม่พบข้อ 1 ก็จะไม่มีทางพบข้อ 2 เมื่อไม่พบข้อ 2 ก็จะไม่พบธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนในพุทธศาสนาอย่างแท้จริง



Create Date : 30 พฤษภาคม 2554
Last Update : 29 มกราคม 2555 14:47:21 น. 9 comments
Counter : 1188 Pageviews.

 
ขอบพระคุณอาจารย์ที่มีบทความดีๆมาให้ฝึกฝนเพื่อเพิ่มกำลังแห่งสัมมาสติ
ช่วงนี้รู้สึกมาอยู่สภาวะทีืหยุดชะงักยังไงไม่ทราบค่ะ. มันนิ่งๆไม่มีอะไรปรากฏ
ไม่ทราบทำอะไรผิดไปหรือเปล่า. รู้แต่ว่าทำในรูปแบบน้อยลงมากเพราะเสียเวลา
ไปทำธุระอื่นค่ะ. แต่ก็พยายามรู้สึกตัวในชีวิตประจำวันค่ะ. อาจารย์ช่วยตรวจ
สอบให้ด้วยนะคะ. กราบขอบพระคุณค่ะ




โดย: จิตติ IP: 110.168.45.111 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:25:08 น.  

 
ไม่ทราบจะขอ email เพื่อสอบถามปัญหาได้ไหมครับ


โดย: nn IP: 115.31.153.75 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:33:40 น.  

 
ตอบ คุณจิตติ
ที่ว่านิ่ง ๆ ไม่มีอะไรปรากฏ อย่างน้อยก็คงรับรู้การสัมผัสได้ใช่ไหมครับ เช่น ในขณะที่เดินไปทำธุระ หรือ หยิบจับสิ่งของต่าง ๆ หรือ ขณะอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่นการอาบน้ำ ไส่เสื้อผ้า เป็นต้น

ถ้าไม่มีเวลาฝึกฝนรูปแบบ ก็พยายามฝึกในชีวิตประจำวันเข้าไว้ครับ
อย่าให้ขาดช่วง มากบ้างน้อยบ้างก็ยังดีกว่าการหยุดไปเลยครับ

ลองเอาแผ่นกิจกรรมครั้งที่ 1 มาเปิดดูช่วง 1 ชั่วโมงแรกดูครับ จะได้ทบทวนว่าเป็นอย่างไร


โดย: นมสิการ วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:24:45 น.  

 
ตอบ คุณ nn

ผมได้เปิดห้องรับแขกไว้ ถ้ามีอะไรสนทนาไปที่ห้องรับแขกครับ

ขอบคุณครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:25:55 น.  

 
ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะที่ให้คำชี้แนะ. ทุกวันก็ปฏิบัติในรูปแบบที่อาจารย์ได้สอนไว้ค่ะ. เพียงแต่พักนี้ทำน้อยลงมาก. ส่วนเสียงบรรยายของอาจารย์ก็เปิดฟังอยู่เสมอ
เพราะฟังแล้วจะมีสติรู้สึกตัวได้ดีค่ะ. จะปฏิบัตืไม่ให้ขาดตอนเพราะไม่อยากเริ่มนับหนึ่งใหม่ค่ะ


โดย: จิตติ IP: 110.168.45.111 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:36:24 น.  

 
อนุโมทนาสาธุครับ


โดย: ลุง 'บุรีราช' IP: 125.25.123.67 วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:05:36 น.  

 
อาจารย์คะ ดิชั้นมีอาการเหมือนคุณจิตติคะ แต่พยายามรู้ตัวในชีวิตประจำวันไม่ให้ขาดอยู่เสมอ มากบ้างน้อยบ้างตามโอกาศอ่ะคะ

อ่อ แต่ลิ้งค์กิจกรรมที่อาจารย์แปะไว้อ่ะคะ ดิชั้นเคยลองโหลดมาฟังแล้วฟังไม่ได้อ่ะคะ ประมาณสามอันแรก แล้วอันหลังเลยไม่ได้โหลดต่ออ่ะคะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันยังโหลดฟังได้อยู่หรือเป่าคะ

อยากฟังเหมือนกัน แต่โหลดแล้วไม่ชัดเลยคะT^T


โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.243.179 วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:23:12:35 น.  

 
เสียงกิจกรรมครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2
ยังโหลดได้อยู่ครับ
ของครั้งที่ 2 จะมี 2 ตอน แต่เสียงจะเบาค่อนข้างมาก แต่พอฟังได้

ส่วนที่เป็นภาพของกิจกรรมครั้งที่ 1 คุณต้องใช้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์สักหน่อย ต้อง download จนครบทุก files แล้วรวม files เข้าด้วยกัน จึงจะเปิดดูได้ครับ ถ้า download ไม่ครบทุก file จะเปิดดูไม่ได้ครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:6:31:54 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:14:55:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.