รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ดูจิตใจ เมื่อตอนที่น้ำจะท่วมหรือจะไม่ท่วมบ้าน

นี่คือโอกาสทองของการปฏิบัติ เมื่อสภาวะน้ำท่วมใกล้เข้ามาแล้ว และ ท่านกำลังรอลุ้นว่าจะท่วมบ้านท่านหรือไม่

เป็นปรกติที่คนทุกคน จะรักบ้าน เพราะกว่าจะหามาได้ ก็เกือบทั้งชีวิต ต้องทำงาน
อดทนในสิ่งที่ตนได้รับในอาชีพการงานมากต่อมาก ก็เพื่อหาทรัพย์มาก็เพื่อบ้านนี่แหละ

เมื่อภัยกำลังมาใกล้ ใจท่านจะกระสับกระส่าย เกิดความกังวลใจในเรื่องภัยน้ำท่วมว่าจะเกิดขึ้นใน
ที่ท่านอาศัยอยู่หรือไม่

อาการที่ใจกระสับกระส่ายด้วยความกังวลใจ นี่คือ สิ่งที่ของดีที่ท่านจะได้ดู
มันจะเกิดถี่มาก ถ้าท่านยิ่งกลุ้มใจ มันจะยิ่งถี่ แต่ว่า ถ้าถี่ไป ก็จะกลายเป็นเครียดแทน
ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่สุขภาพ

ผมแนะนำให้ท่านเดินจงกรม ด้วยกฏ 3 ข้อ ( ท่านคงจำได้นะครับว่ามีอะไรบ้าง )
เมื่อท่านเดินไปใหม่ ๆ ใจท่านจะนิ่ง แต่แล้ว จิตใจก็จะไหวด้วยความกังวล
ตอนใจท่านไหวตัวนี่แหละ ถ้าท่าน.เห็นทัน.มันได้ มันจะเป็นปัญญาของจิต

แต่การ.เห็นทัน. ไม่ใช่ของง่ายนะครับ แต่ถ้าท่านเห็นไม่ทันก็ไม่เป็นไร ให้เริ่มใหม่

การเริ่มใหม่ ก็ให้หายใจเข้าแรงๆ กลั้นลมหายใจสักครู่แล้วปล่อยออกอย่างรวดเร็ว
ทำนหายใจแรงๆ แบบนี้สัก 3 - 10 ครั้ง จิตใจจะใสใหม่ แล้วเริ่มเดินจงกรมใหม่อีก
นี่เป็นสิ่งสำคัญครับ ถ้าใจไม่ใส จะเห็นจิตไหวไม่ทัน ดังนั้น ผมแนะนำว่า ท่านควรจะทำการหายใจอย่างแรงแบบนี้ทุกครั้งที่เริ่มใหม่

พอเดินใหม่อีกสักพัก จิตท่านจะไหวอีกเพราะความกังวลนี้

ขอให้ท่านฝึกฝนวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอจิตไหวแล้ว ก็เริ่มใหม่โดยการหายใจแรง ๆ
เช่นเดิมอีกอย่างที่ผมเขียนไว้ แล้วก็เดินต่อไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

การเกิดของจิตไหวโดยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ ท่านอาจมีวาสนาพบจังหวะที่.เห็นทัน.จิตไหว
แล้วจิตที่ไหวก็ดับลงไปเป็นไตรลักษณ์อย่างรวดเร็ว ถ้าเท่านเห็นได้อย่างนี้ แม้แต่เพียง 1 ครั้งจากการลองเดิน ลองหายใจ สัก 1000 ครั้ง ก็นับว่า คุ้มค่ามากครับ เพราะนี่คือ ปัญญาที่จิตได้รับจริง ๆ รู้จริงๆ

อย่าไปคิดว่า จะต้องเห็นทันจิตไหวตัวทุกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
ผมเอาความจริงมาตีแผ่ให้ท่านเข้าใจกับสภาพของปัญญาที่เกิดขึ้นของจิต

คำว่า.เห็นทัน.ผมหมายความว่า เห็นทันมันกำลังเริ่มไหวตัว เห็นมันไหวตัว เห็นมันดับไป
นี่คือเห็นทันครับ ถ้าท่านเพียงรู้ว่า จิตไหว แต่ยังไม่เห็นทัน นี่ยังไม่ใช่นะครับ

ผมยกตัวอย่างเทียบกับทางโลกให้ท่านเข้าใจคำว่า .เห็นทัน.
ท่านเคยดูหนังที่มี slow motion ใหมครับ เช่นฉาก ลูุกกระสุนปืนกำลังวิ่งออกจากลำกล้องปืน
แล้วพุ่งไปที่เป้าหมาย นี่คือ การเห็นทัน ถ้าท่านไม่เห็นลูกกระสุนปืนกำลังวิ่งออกจากลำกล้องปืน แต่เพียงเห็นว่า ลูกปืนไปชนเป้าหมาย นี่ยังไม่ใช่การเห็นทัน

สภาวะการเห็นทันแบบนี้ ทำให้เกิดไม่ได้ ต้องอาศัยจังหวะและเหตุการณ์บางอย่างเป็นตัวช่วย

ท่านลองดูุซิครับ อาศัยโอกาสที่น้ำท่วมนี่แหละ ที่จิตท่านใหวตัวบ่อย ๆ ใช้มันให้เป็นประโยชน์

ถ้าเกิดท่านเห็นทันจิตไหวได้เพียง 1 ครั้ง ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะท่านได้เข้าใกล้ธรรมแท้เข้าไปอีก 1 ระดับแล้ว

การเห็นทันจิตไหวตัวไม่กี่ครั้ง ก็จะถึงที่สุุดแห่งธรรม เข้าใจธรรมได้ หมดสงสัยในธรรม เกิดการปล่อยวางของจิต


Create Date : 20 ตุลาคม 2554
Last Update : 27 มกราคม 2555 9:37:01 น. 7 comments
Counter : 866 Pageviews.

 
อนุโมทนาสาธุคะ


โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.247.154 วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:20:14:33 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการสร้างสมาธินะครับคุณมนสิการ


โดย: Red Alert IP: 171.97.16.97 วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:20:50:31 น.  

 
ถึงคุณมนสิการ

เราอยากรู้อะ สภาวะน้ำท่วมแบบนี้ เราจะทำจิตของตัวเองให้มันไปทางไหนดีอะ
เหมือนเรารู้ตัวเองว่านอยกับน้ำท่วมมากอะ
ทีนี้ที่ำทำงานเรามันก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะมาก..ก..ก)
บ่อยครั้งที่พวกบรรดาคนที่ผ่านไปผ่านมาจะถ่ยรูปบรรยากาศน้ำท่วมที่เราต้องอยู่กับมันทุกวัน
เรื่องของเรื่องเราไม่พอใจกับท่าทางของคนพวกนั้นนะ
แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เราเจอการเกิดขึ้น ตั้งอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกนี้แล้ว
แต่ขั้นดับไปเนี่ย มันยังไม่มาซักที
ทีนี้เราควรทำอย่างไรดีอะ
เหมือนว่าตอนนี้ไปกำหนดโกรธหนอ โกรธหายไปนะ แต่เเหมือน ๆ กับมีอะไรก็ไม่รู้ที่มันละเอียดกว่าโกรธอยู่ในนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจเรามันถูกเขย่าแรงๆ (ราวกับว่ามันเป็นไข่ที่พวกวงอะคูสติกมันเอามาเล่นอย่างงั้นน่ะ) แล้วมันก็ยังรู้สึกขุ่น ๆ ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี ทีนี้ก็เริ่มไปไม่ถูกแล้วอะว่าจะทำไงกับมันดี ขอคำชี้แนะหน่อยค่ะ

ปล. เราใช้วิธีนั่งนิ่ง ๆ อะ เพราะรู้สึกว่าถ้าเดินไปนะ มันก็ไม่ได้เดินหรอก จิตตัวเองวิ่งพล่านยังกะเสือโครงที่เดินวนไปวนมาในกรงแคบ ๆ ซะขนาดนั้น


โดย: rommunee วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:21:26:22 น.  

 
ตอบ คุณ rommunee

ที่เล่ามานั้น จิตของคุณกำลังถูกโมหะและกิเลสครอบงำอย่างแรงอยู่ครับ จิตจึงไม่มีกำลังจะต่อสู้

คำแนะนำ อย่านั่งนิ่ง ๆ การนั่งนิ่ง จะยิ่งทำให้จิตพลุ่งพล่าน คุณเคยสังเกตตัวเองใหม ถ้าคุณนั่งนิ่ง จิตจะพลุ่งพล่านง่าย แต่ถ้าคุณกำลังทำงานในกิจประจำวัน เช่น อาบน้ำ ถูบ้าน ล้างผัก ซักผ้า ในขณะที่คุณกำลังง่วนอยู่กับงาน จิตจะพลุ่งพล่านลงกว่าการนั่งนิ่ง ๆ อยู่มากทีเดียว

ขอให้คุณหาอะไรทำก็ได้ อย่านั่งนิ่ง ๆ ถ้าไม่อะไรทำก็เดินจงกรม เดินกลับไปกลับมา การหายใจเข้าแรง ๆ อย่างที่ผมแนะนำใน blog ถ้าคุณทำบ่อย ๆ ติด ๆ กัน จิตจะค่อย ๆ ใส แต่ถ้าจิตคุณถูกโมหะและกิเลสครอบงำอยู่ คุณต้องทำการหายใจแรงๆ มากกว่า 10 ครั้ง จิตจึงจะใสได้ อาจเป็น 100 ครั้งหรือมากกว่า

เรื่องคำบริกรรม ผมไม่แนะนำคนใหม่ๆ ที่เข้ามาฝึกฝน ใช้คำบริกรรม ไม่ใช่คำบริกรรมไม่ดี แต่เพราะคนใหม่ๆ บริกรรมไม่เป็น ถ้าบริกรรมไม่เป็น จิตจะตกอยู่ภายใต้จิตปรุงแต่งที่เป็นคำบริกรรม ทำให้จิตไม่มีกำลังเพิ่มขึ้น แต่ถ้าบริกรรมเป็น จิตเป็นอิสระจากจิตปรุงแต่ง อย่างนี้จึงจะใช้ได้ ดังนั้น ผมแนะนำการหายใจที่แรง ๆ ดังกล่าวจะได้ผลดีกว่าครับ




โดย: นมสิการ วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:6:31:55 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณนมสิการ
เมื่อกี๊ลองใช้วิธีหายใจแรง ๆ
ปรากฎว่า อาการอัดอั้นจนอยากกรี๊ดให้ลั่นบ้านเพราะเครีียดจัดหายไปเป็นที่เรียบร้อย โล่งขึ้นเยอะ



โดย: rommunee วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:9:10:10 น.  

 
นั้นแหละครับ ดีไหมละครับ แบบนี้



โดย: นมสิการ วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:19:17:35 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:9:37:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.