รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
29 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
รู้อยู่กับปัจจุบัน ปฏิบัติอย่างนี้ถูกแล้วใช่ใหม

มีคำถามที่ผมคิดว่า น่าจะนำมาเขียนให้ท่านอื่นอ่านด้วย เพราะคำถามนี้ ผมทราบว่า เป็นคำสอนของการปฏิบัติธรรมในยุคปัจจุบันที่มีอยู่โดยทั่ว ๆ ไปสอนกันอยู่ และ ในเวปบอร์ดก็มีการอ้างถึงคำสอนนี้กันอย่างแพร่หลาย แต่ผมเชื่อว่า คนที่ฟังคำสอนหรืออ่านในเวปบอร์ดจะเข้าใจไปในความเห็นของตนเองว่า ได้ปฏิบัติตามแล้วคือการปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว

การปฏิบัตินั้น ถ้าให้รู้อยู่กับปัจจุบัน ไม่สามารถตอบได้ว่าถูกหรือไม่ถูกครับ เพราะผิดก็ได้ ถูกก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่า ที่ว่ารู้อยู่กับปัจจุบันนั้น ท่านกำลังรู้อะไรด้วย

ในการรับรู้ของคนปฏิบัตินั้น จะมีการรับรู้อยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ

1..การรับรู้ด้วย.จิตรู้.
2..การรับรู้ด้วย.ขันธ์ 5.

สำหรับชาวบ้านทั่ว ๆ ไป คนจะรู้และเข้าใจในการรับรู้แบบขันธ์ 5 ดีอยู่แล้ว แต่คนทั่ว ๆ ไปจะไม่เข้าใจเรื่องการรับรู้ด้วย.จิตรู้. ดังนั้น คนทั่ว ๆ ไปเมื่อเขารับรู้ในปัจจุบัน เขาจะใช้ขันธ์ 5 ในการรับรู้ เขาทำงานได้ หุงข้าวได้ กินข้าวเป็น ร้องเพลงได้ สวดมนต์เป็น ใส่บาตรได้ รู้จักชื่อคน รู้จักชื่อสัตว์ รู้จักกราบไหว้ รู้จักบาปบุญคุณโทษ และอื่นๆ แต่การรู้แบบนี้ด้วยขันธ์ 5 จะไม่สามารถเข้าสู่การรู้แจ้งในธรรมได้เลย ทั้ง ๆ ที่เขาก็ปฏิบัติตามคำสอน นั้นคือ การรู้อยู่แต่ในปัจจุบัน

ในการรับรู้แต่ในปัจจุบันนั้น ที่จะเข้าไปให้ถึงธรรมได้ จะต้องเป็นการรับรู้ด้วย.จิตรู้. และเป็นการรับรู้ทางปรมัตถ์ธรรม แต่เนื่องจากว่า ปรมัตถ์ธรรมนั้นจะซ้อนติดกับสมมุติอยูุ่ ดังนั้น การเข้าถึงธรรมนั้น จำเป็นต้องมีการการรับรู้ทางปรมัตถ์ (ซึ่งจำเป็นมากๆ ) ในขณะเดียวกันก็อาจจะรู้สมมุติได้ด้วยในขณะเดียวกันไปด้วย ซึ่งการรุ้สมมุตินั้น ไม่จำเป็น กล่าวคือ จะรู้เรื่องก็ได้ หรือ ไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้
(ขอให้อ่านเรื่อง
ภาพการปฏิบัติ-อาตาปี-สัมปชาโน-สติมา-สมมุติ-ปรมัตถ์

สรุปก็คือ

ถ้าท่านรู้ในปัจจุบัน ที่รู้แต่สมมุติ ไม่รูุ้ปรมัตถ์ ท่านปฏิบัติไม่ถูก
แต่ถ้าท่านรู้ในปัจจุบัน ที่รู้แบบปรมัตถ์ ส่วนสมมุตินั้น ท่านจะรู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้ อย่างนี้ท่านปฏิบัติได้ถูกครับ

****

ยังมีคำถามอื่น ๆ

1.. เป็นคนรักสวยรักงาม ต้องไปดูซากศพไหม เพื่อจะได้ละสักกายทิฐิได้

>>> ในความเห็นของผม ไม่เกี่ยวกันครับ ถ้าการดูซากศพแล้วสามารถละสักกายทิฐิได้ละก็ อย่างนี้ คนที่เขาจัดการเรื่องศพ เช่นพวกมูลนิธิต่าง ๆ พนักงานตามวัด พวกเรียนแพทย์ ก็ละสักกายทิฐิกันไปมากแล้ว

การละสักกายทิฐินั้น คือ การเห็นกายหรือเห็นขันธ์ 5 เป็นปรมัตถ์ธรรมครับ ถ้าใครเห็นได้อย่างนี้ จึงจะละสักกายทิฐิได้ ดังนั้น การฝึกรู้ในปัจจุบันที่เป็นปรมัตถ์ คือ หนทางการปฏิบัติตามคำสอนที่ว่า อาตาปี สัมปชาโน สติมา ซึ่งใครที่ปฏิบัติได้อย่างนี้ คือ รู้ปัจจุบันด้วยปรมัตถ์บ่อย ๆ จะเข้าถึงธรรมได้อย่างแน่นอน

2.. เป็นคนศรัทธาจริต ต้องปฏิบัติอย่างไหน ถึงจะเหมาะกับตัวเอง

>>> ในความเห็นของผม ผมไม่เชื่อในคำสอนเรื่อง จริต 6 ผมเชื่อว่า จริตของคนนั้นแปรเปลี่ยนไปมาตามเหตุปัจจัย ไม่มีจริตไหนแน่นิ่งถาวรสำหรับคนหนึ่ง ๆ ได้เลย วันนี้เวลานี้ จริตเป็นอย่างนี้ พอเวลาเปลี่ยนไป จริตก็เปลี่ยนไปด้วย และการปฏิบัตินั้น ให้ปฏิบัติตามคำสอนเรื่อง อาตาปี สัมปชาโน สติมา เท่านั้น ทุก ๆ คน ทุก ๆ จริต ใช้ได้หมด

ส่วนอุบายในการปฏิบัตินั้น เช่น การเดินจงกรม การนั่งสมาธิดูลมหายใจ การบริกรรม หรือ อะไรก็แล้วแต่ นั่นเป็นอุบายเท่านั้น แต่จุดสำคัญคือ การปฏิบัติที่ให้รู้ปรมัตถ์ ส่่วนอุบายจะทำอะไรก็ได้ไม่สำคัญ ถ้ารู้ลงที่ปรมัตถ์เสียอย่าง ใช้ได้เสมอ

ขอบคุณท่านที่ถามเข้ามาครับ เพราะท่านอื่นจะได้ประโยชน์ไปด้วย

****
เรื่องท้ายบท

จากประสบการณ์ที่ผมฝึกมา ผมมีความเห็นว่า การรับรู้ปรมัตถ์ที่กาย เช่นการรู้การสัมผัสที่กาย ไม่ว่าจะเกิดจากการลูบมือ การกำมือแบมือ การสั่นไหวในการเดิน การสั่นไหวในจากการหายใจ นี่เป็นการรู้ปรมัตถ์ที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝน ผมจึงอยากจะแนะนำว่า ให้ใช้การรับรู้ปรมัตถ์ที่กายนี่แหละฝึกไปในการรับรู้ที่เป็นปัจจุบัน แล้วผลของการฝึกจะทำให้เกิดการรู้แจ้งได้ (ถ้าฝึกถูก)






Create Date : 29 เมษายน 2554
Last Update : 29 มกราคม 2555 14:48:04 น. 11 comments
Counter : 1127 Pageviews.

 
สวัสดียามค่ำนะจ่ะ : D


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:20:10:55 น.  

 
สาธุครับ


โดย: โอม37 วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:21:26:54 น.  

 
กราบอนุโมทนาสาธุท่าน นมสิการครับ


โดย: shadee829 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:10:06:18 น.  

 
ท่านเป็นอาจารย์ที่ตั้งใจสอนมากขอบคุณครับ


โดย: คนไม่ธรรมดา IP: 223.206.5.17 วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:30:45 น.  

 
สิ่งที่ดีประเสริฐสุดคือคนที่เข้ามาอ่านได้ประโยชน์และนำไปใช้ในการภาวนาได้จริงจนเห็นผลได้

คนที่เข้ามาอ่าน ถ้าใครนำวิธีที่ผมเขียนไปใช้ แล้วภาวนาจนจิตแยกตัวออกได้จริง นั้นคือประโยชน์ของ blog นี้ครับ

ผมหลงโง่มานาน ถูกสิ่งแวดล้อมกับคำสอนที่ไม่ตรงทางที่วกไปวนมา ทำให้เสียเวลาไปนานร่วม 20 ปี เมื่อผมพบทางแล้ว ผมก็อยากจะแบ่งปันออกไป

ความจริง การภาวนาไม่ยากครับ
...ขอเพียงเข้าใจวิธีการของการภาวนาที่ตรง อาตาปี สัมปชาโน สติมา
ให้.จิตรูุ้. สัมผัส .ปรมัตถ์. เข้าไว้ให้มาก ๆ แค่นี้เอง แล้วผลมันจะเด้งออกมาเอง จนถึงนิพพานได้เลย ผมกล้ารับประกันในสิ่งที่ผมกล่าวนี้
ว่าไปถึงแน่ ๆ ไม่ต้องกลัวตาย เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวเลยในวิธีการที่ผมเสนอแนะนี้ แต่สิ่งที่ตายคือ ตัณหา ครับ ไม่ใช่คนภาวนา..


โดย: นมสิการ วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:02:48 น.  

 
อนุโมทนา สาธุครับ

คำกล่าว รับประกัน เป็นกำลังใจอย่างยิ่ง ครับ อาจารย์


โดย: Littleyogi IP: 180.183.240.31 วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:27:13 น.  

 
อนุโมทนาสาธุคะ อาจารย์ที่เมตตาอธิบายให้เข้าใจและง่ายต่อการนำไปปฏิบัติให้ตรงและถูกทาง..


โดย: Nim IP: 124.121.23.47 วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:21:56 น.  

 
อนุโมทนาค่ะ อาจารย์ ธรรมใดที่อาจารย์ได้รู้แล้ว ขอให้ดิฉันได้รู้ในธรรมนั้นด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: ลัดดา IP: 110.169.179.96 วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:30:00 น.  

 
การรู้.ธรรม. ต้องลงมือปฏิบัติให้ตรง
เมื่อปฏิบัติได้ตรง ผลการปฏิบัติก็จะเกิดขึ้น
ผลการปฏิบัติเกิดขึ้น .ธรรม.ก็จะปรากฏขึ้นให้เห็นได้เอง


โดย: นมสิการ วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:59:02 น.  

 
ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์นมสิการ ด้วยที่นำวิธีการปฏิบัติมาบอกต่ออยู่เสมอๆ ที่ผมชอบมากท่สุดก็คือการยกตัวอย่าง ทำให้เห็นเป็นภาพได้ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย ผมขออนุญาตินำไปเผยแพร่นะครับ เผื่อจะได้มีคนเข้าใจตามแต่เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ผมก็จะแนะนำให้เขาเข้ามาอ่านเพิ่มเติมอีกครั้ง
ขอกราบขอขอบพระคุณอาจารย์


โดย: สมมุติว่าชื่ออริยะ IP: 118.172.188.64 วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:39:22 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:14:56:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.