รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

เห็นได้ชัด

ในทางโลก การเห็นสิ่งใดได้ชัดหรือไม่ ย่อมมีเหตุปัจจัยเกี่ยวข้องเสมอ
1. ถ้าท่านใส่แว่นตา เลนซ์แว่นตาสอาดหมดจดดีหรือไม่
2. สภาพอากาศสดใส หรือ ขมุกขมัวไปด้วย ฝุ่น ควัน หมอก สายฝน หรือไม่
3. แสงสว่างมีเพียงพอหรือไม่

ผมจะโยงการเห็นทางโลก เข้าสู่ การเห็นทางธรรม ซึ่งเหมือนกันมาก

1. แว่นตา เปรียบเหมือน เปลีอกของ อวิชชา ที่หุ่มห่อจิตไว้ เปลือกอวิชชานี่จะเป็นเปลือกที่แปรเปลี่ยนความสามารถในการเห็นธรรมของจิตได้ (คล้าย ๆ กับการเปลี่ยนเป็นหนา เป็นบาง ได้ ) ถ้าท่านตั้งใจมาก เปลือกนี้จะหนาขึ้น ถ้าท่านไม่ตั้งใจ เปลือกนี้จะบางเฉียบ
ท่านจะเห็นว่า การตั้งใจมากเกินไป ย่อมไม่ส่งผลดีเพราะเปลือกอวิชชาจะหนาขึ้น

2. สภาพอากาศ เปรียบเหมือน ความสดใส หรือ ขุ่นมัว ของ มโน
มโน จะขุ่นมัว เมื่อมีการใช้จิต นักภาวนามีความอยากรู้ การใช้สัญญา การใช้สังขาร ไม่มีความรู้สึกตัวอยู่ ทั้งหมดนี้ ทำให้ มโน ขุ่นมัว เปรียบเหมือน อากาศไม่สดใสเลย

ถ้าจะทำให้ มโน สดใส ก็ตรงกันข้ามกันเลย ต้องไม่อยากรู้ ต้องไม่มีการใช้ สัญญา ไม่มีการใช้สังขาร และ รู้สึกตัวเข้าไว้

3. แสงสว่าง เปรียบได้เหมือน แสงของจิต ทีมีอยู่แล้ว แต่แสงนี้ จะถูกลดทอนความสว่างลงด้วย เปลือกอวิชชา ยิ่งเปลือกอวิชชาหนามาก แสงก็ยิ่งถูกกรองมาก
มโน สดใส หรือ ขุ่นมัว ถ้า มโน ขุ่นมัว ก็กรองแสงของจิตลงไปอีก

ถ้า เปลือกอวิชชาบาง มโน สดใส แสงของจิตย่อมส่องทะลุออกมาได้ ทำให้จิต เห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ ทีมันเกิดดับ แปรเปลี่ยนไปมาใน มโน ได้

การเห็นธรรมได้ละเอียดหรือไม่ ขึ้นกับแสงของจิตนี้ ถ้าแสงนี้เปล่งทะลุออกมามาก จิตก็จะเห็นสภาวะธรรมได้ชัดมากขึ้น

การที่จิตเห็นไตรลักษณ์สภาวะธรรมของ มโน ได้ นี่คือ ปัญญาขั้นต้นของจิต ปัญญาของจิตยิ่งมาก เปลือกอวิชชายิ่งบางลง บางลง จนถึงเวลาหนี่ง เปลือกอวิชชานี้จะแตกออก สลายไป

คนทั่ว ๆ ไป มักใช้ความเข้าใจในทางโลก ความเคยชินในทางโลกเข้าไปใช้ในการภาวนา จึงทำให้ไม่สามารถให้จิตได้เห็นสภาวะธรรมแท้ ๆ ว่าเป็นอย่างไร

ที่ว่า ความเข้าใจทางโลก ก็มี ความอยากจะรู้สภาวะธรรม ก็จดจ้องเอาด้วยความอยาก มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในการฝึกฝนแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะทางโลก ถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีอะไรงอกเงยออกมา ( ตรงนี้ ผมขอขยายความอีกนิด เดียวจะมีคนไม่เข้าใจ นักภาวนาตั้งใจอย่างแรงกล้าได้ แต่ในขณะฝึกฝน ขอให้เก็บความตั้งใจนี้ไว้ อย่าให้มีในจิตในขณะฝึกฝน และ ให้ฝีกด้วยการผ่อนคลาย ปล่อยวาง ไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย )

เพียงนักภาวนาเข้าใจได้ว่า จิตรู้สภาวะธรรมได้อย่างไร ก็ให้ดำเนินจิตตนเองไปตามทางที่จิตจะมีความสามารถในการเห็นสภาวะธรรมได้ แล้ว ปล่อยให้จิตเขาเดินของเขาเอง

ในทางโลก เมื่อเห็นสิ่งใด ก็พยายามขุดคุ้ยต่อไปว่า สิ่งนี้คืออะไร
แต่ในทางธรรม เพียงจิตเห็น ก็พอ ไม่ต้องไปติดตามขุดคุ้ยอะไรเลย เพราะเพียงจิตเห็นเท่านั้น นั้นคือ ปัญญาที่เกิดแก่จิตแล้ว แต่ปัญญาของจิตต้องมาจากการเห็นสภาวะธรรมได้บ่อย ๆ จนจิตเกิดความรู้แจ้งขึ้นมาเอง (แต่เรื่องนี้ ไม่แน่เช่นกัน เพราะสภาวะธรรมบางอย่าง จะปรากฏให้เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และ ไม่มาปรากฏให้เห็นอีก )

แต่การเห็นสภาวะธรรมของจิต มักเป็นสิ่งที่นักภาวนาไทยไม่ชอบใจนัก เพราะมันคือการเห็นทุกข์แท้ ๆ นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง ที่นักภาวนาไทยสมควรทำความเข้าใจให้ดี เมื่อนักภาวนาไทยเรียนตำรา ก็อยากเห็นไตรลักษณ์ พอไปเห็นไตรลักษณ์ของจริงเข้า ก็ไม่ชอบใจอีก
แต่นักภาวนาต้องอดทนดูมันไป เพราะนี่คือยาขมที่ดีสำหรับปัญญาของจิตครับ

*****
กฏ 3 ข้อ เดินตามนี้




 

Create Date : 30 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 30 มีนาคม 2555 11:14:42 น.
Counter : 1776 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.