อาการเห็นความคิดที่ไม่ยอมหยุดคิด
เมื่อท่านนักภาวนาได้เจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ด้วยหลักการแห่ง อาตาปี สัมปชาโน สติมา หรือจะพูดอีกอย่างก็ได้ว่า การรู้ทุกข์ด้วยการละตัณหา ซึ่งจะตรงกับอริยสัจจ์ 4 ข้อ 1+ข้อ 2 สิ่งที่เกิดขึ้นกับนักภาวนาก็คือ กำลังแห่งสัมมาสมาธิจะค่อย ๆ ก่อตัวตั้งมั่นขึ้น
จะรู้ได้อย่างไรว่า นี่คือการก่อตัวตั้งมั่นขึ้นแล้ว... สิ่งที่จะบอกแก่นักภาวนาก็คือ การแยกตัวของจิต ออกจาก อาการของขันธ์ นักภาวนาจะพบกับ จิตและสิ่งทีจิตไปเห็นเข้า และ อาการนี้จะปรากฏตัวในลักษณะของการเห็นความคิดที่เกิดขึ้นตลอดไม่ขาดสาย พอเรื่องนี้คิดก็เห็นแล้วหยุดไป เรื่องใหม่ก็มาคิดต่อแล้วเห็นแล้วหยุดไปอีก แล้วก็คิดอีกเห็นอีก วนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ อาจกินเวลานานถึง 1 นาทีหรือมากกว่าก็แล้วแต่ นี่คือสิ่งบอกเหตุว่า ท่านนักภาวนาได้เริ่มมีกำลังแห่งความตั้งมั่นของสัมมาสมาธิขึ้นมาแล้ว
ทำไมผมจึงว่าอย่างนั้น.. เพราะกำลังแห่งสัมมาสมาธิที่เริ่มจะมีขึ้น สามารถชนะแรงดึงอันร้ายกาจของตัณหาได้บ้างแล้ว ทำให้จิตสามารถประคองตัวเอง ไม่ให้ลงไปยึดในความคิดได้อีก นี่คือสิ่งบอกเหตุว่าท่านนักภาวนากำลังจะเริ่มไปได้ถูก ไปได้สวยแล้ว แต่เนื่องด้วยกำลังแห่งสัมมาสมาธิยังไม่เด็ดขาดพอ จึงทำให้การคิดอันเป็นจิตปรุงแต่ง คิดต่อไปได้เรื่อย ๆ เป็นระยะเวลาพอสมควร แล้วความคิดจึงจะหยุดไปเอง
การเห็นความคิดแบบนี้ นักภาวนาจะรู้ได้เลยว่า อันความคิดนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา นักภาวนาจะเห็นของจริงที่เห็นได้นานพอสมควร เป็นการตอกย้ำแห่งปัญญาให้แก่จิตในเรื่องไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรานี้
เมื่อพระพุทธองค์ทรงโปรดปัญจวัคคีย์ในปฐมเทศนา พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนแก่เหล่าปัญจวัคคีย์ว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นสมควรหรือที่ว่าเป็นเรา เป็นของเรา การที่นักภาวนาเห็นอาการความคิดเกิดแล้วดับไปนี้คือการเห็นความไม่เที่ยงและเห็นความไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ตรงตามคำสอนในปฐมเทศนานี้ การภาวนาจะต้องออกมาแบบนี้จึงจะเข้าทางตามคำสอนของพระพุทธองค์
ต่อเมื่อนักภาวนาได้ฝึกฝนต่อไปอีก กำลังจิตตั้งมั่นมากขึ้นอีก กำลังแห่งการตัดของสัมมาสมาธิจะยิ่งสูงขึ้น ต่อไป อาการคิดไม่หยุดอย่างนี้ ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่จะเป็นลักษณะที่ว่า คิดแล้วหยุดคิด มีช่องว่างที่ไม่คิด แล้วก็คิดอีก มีช่องว่างที่ไม่คิดอีก แล้วความคิดก็จะสั่นลง สั้่นลง ไปเรื่อย ๆ นี่คือสิ่งบอกว่า กำลังสัมมาสมาธิของท่านนักภาวนากำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ (Tip... อาการคิดแล้วหยุดคิด สลับไปมาเช่นนี้ ในขณะที่หยุดคิดนั้น ขอให้นักภาวนาสังเกตตำแหน่งที่ความคิดมันหยุดไป ท่านอาจเห็น มโน ได้ในจังหวะที่ความคิดหยุดลงไป )
ในระยะนี้ เมื่อจิตไม่คิด ขอให้นักภาวนาจับอาการทางกายต่อไป อาการทางกายนี้จะช่วยพัฒนากำลังสัมมาสติให้แก่ท่านเอง เมื่อกำลังสัมมาสติมีการพัฒนาต่อ่ไป กำลังสัมมาสมาธิสูงขึ้น เมื่อถึงจุุดหนึ่ง ท่านนักภาวนาจะพบกับ มโน อันเป็นความว่างที่ยังเป็นรูปอยู่ของตัวจิต
ท่านที่เดินถึงทางนี้ได้แล้ว ผมขอแสดงความยินดีแก่ท่านเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านพบหลักการภาวนาแล้ว ก็ขอให้หมั่นเพียรในการฝึกฝนเพื่อความเจริญก้าวหน้าและพลังความตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิของจิตของท่านเอง จนก้าวพ้นความทุกข์ทั้งปวง
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 5:40:13 น. |
Counter : 1512 Pageviews. |
|
|
|
ท่านที่สนใจเข้าร่วม กรุณาลงชื่อได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=02-2012&date=05&group=14&gblog=9