"ห้องพักมีร้านอาหาร หรือ ร้านอาหารมีห้องพัก" เอ๊ะ...ยังไง ดูจะสับสนนิดๆ เมื่อแรกสัมผัส "ศาลา รัตนโกสินทร์" แต่ที่ชัดเจนไม่มีอะไรบดบังให้รำคาญสายตาเห็นจะเป็นวิวสวยริมเจ้าพระยาที่ทอดสายตาตรงไปปะทะกับพระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง) อีกฟากฝั่งได้เต็มๆ และเชื่อว่าหลายคนที่ปรารถนาเสพความรู้สึกนี้คงลงความเห็นตรงกัน แต่กว่าจะปลุกปั้นได้ดังภาพปรากฏ เจ้าของ (ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม) ดั้นด้นจนมาค้นพบทำเลงามในซอยตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ติดริมตลิ่งเจ้าพระยา เดิมเป็นอาคารพาณิชย์สภาพค่อนข้างทรุดโทรม ต้องยกเครื่องใหม่เกือบทั้งหมดเหลือเพียงโครงเสาอาคารไว้ก่อนต่อเติมใส่รายละเอียดต่างๆ อย่างที่ร้านอาหารกึ่งโรงแรมสไตล์บูทีคพึงมี อาทิ เสาปูนเปลือย ผนังก่ออิฐแดงไม่ถือปูน คลุกเคล้าลงตัวกับความโมเดิร์นให้ความรู้สึกเรียบง่ายเหมือนห้องรับแขกที่บ้าน และที่ตั้งใจกว่านั้นเขาอยากให้เป็นจุดรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยมีวิวพระปรางค์ วัดอรุณฯ สัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เป็นแม่เหล็กอย่างดี และความที่จับกลุ่มต่างชาติขณะเดียวกันก็ไม่ลืมลูกค้าคนชาติเดียวกัน จึงนำเสนออาหารและเครื่องดื่มสอดรับกับทั้งสองกลุ่ม ในส่วนของอาหารไทยแน่นอนว่าเน้นรสชาติไทยแท้ๆ กว่า 30 รายการ ชนิดไม่โอนอ่อนไปตามกระแสโลกตะวันตก ฝีมือของพ่อครัวมากประสบการณ์ชาวเชียงใหม่ ชูโรงด้วย "อะฮิ ทูน่า ทาท่า" เนื้อทูน่าหั่นลูกเต๋าเคล้าน้ำมันมะกอกและครีมอะโวคาโด สั่งมาเรียกน้ำย่อย ก่อนจะเต็มอิ่มกับ "ข้าวซอยไก่เชียงใหม่" สูตรตกทอดจากคุณย่าของเชฟเองที่เคยเป็นแม่ครัวในรั้วในวังทางเหนือมาก่อน เข้มข้นด้วยเครื่องน้ำพริกคั่วสดแบบชาวเหนือบวกกับอกไก่ตุ๋นจนนุ่มได้ที่อร่อยมาก ขณะที่ในส่วนของสำรับตะวันตก ก็ได้เชฟใหญ่ชาวเมืองผู้ดีประสบการณ์สูงมารังสรรค์จานเด็ดซิกเนเจอร์ของร้าน ในแนวคิดหน้าตาอาจไม่ได้จัดแต่งอย่างวิลิศมาหรา ทว่าโดดเด่นด้วยรสชาติถึงเครื่อง อย่าง "พอร์ค เบลลี่" หรือ "หมูเริงระบำ" จานนี้เชฟเล่าเสริมเพิ่มความน่าสนใจว่าชาวอังกฤษนิยมปรุงรับประทานกันในบ้าน ใช้หมูสามชั้นหมักเกลือ พริกไทย กระเทียม รากผักชี ไว้ 1 คืนเต็มจนเครื่องเทศซึมเข้านื้อ แล้วนำไปอบด้วยความร้อนราว 180 องศาเซลเซียส ระหว่างนี้หมั่นทาหนังหมูด้วยน้ำมะขามเปียกจนหนังสุกกรอบมันวาวน่ากิน เสิร์ฟมาพร้อมฟักทองบดรสหวานมันแทนมันฝรั่งและรองด้วยผักบุ้งผัด แต่งหน้าด้วยแอปเปิ้ลผัดน้ำตาลทรายแดง รสชาติเปรี้ยว หวาน และเค็ม กลมกล่อมดี เด็ดไม่แพ้ซิกเนเจอร์อีกจานอย่าง "กุ้งแม่น้ำย่างเสิร์ฟกับข้าวสเปน"คัดกุ้งไซส์ใหญ่หมักสมุนไพรก่อนเสียบต้นตะไคร้ย่างจนสุกแล้วโป๊ะมาบนข้าวสเปนเม็ดเล็กเหมือนไข่ปลาปรุงรสตามฉบับชาวกระทิงดุ เป็นอีกอารมณ์ของสำรับกับข้าวที่ไม่คุ้นเคยนัก ต้องลองชิมเอง... เย็นย่ำแสงแดดอ่อนแรงฉาบสีส้มอยู่บนพระปรางค์ บรรยากาศชิลเอาท์ริมน้ำเริ่มต้น ถ้าลืมของหวานและเครื่องดื่มดูจะผิดสูตรร้านกินดื่มย่านนี้ พื้นที่บาร์ทั้งด้านล่างและรูฟท็อปเปิดไว้ให้ชาวแฮงก์เอาท์ได้รื่นรมย์ สั่งของหวานอย่าง "ช็อกโกแลตมูส" มาล้างปากก่อนจะเริ่มจิบเบาๆ กับค็อกเทลสีส้มสดใสซาบซ่า "รูฟท็อป พั้นช์" ผสมจากไลท์ รัมย์, ดาร์ก รัมย์, น้ำผลไม้ และน้ำมะนาว เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงดุจพระปรางค์ สำหรับสาวๆ ถ้าไม่รีบสัก 2 แก้วน่าจะเอาอยู่ ร้านแบ่งเป็นสองชั้นรองรับได้ราว 80-90 ที่ ถ้าอยากนั่งโซนระเบียงรับลมธรรมชาติริมน้ำ คงต้องอาศัยโชคเข้าข้างหรือปักตะไคร้เสริมดวง ด้วยช่วงนี้ฟ้าฝนสร้างความรำคาญพอดู ตั้งแต่ 7 โมงเขาเปิดให้บริการมื้อเช้า ต่อด้วยมื้อกลางวัน ส่วน 5 โมงเย็นเป็นต้นไปถึงราว 4 ทุ่มเข้าสู่โหมดดินเนอร์โรแมนติก อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหรือถามเรื่องที่จอดรถกดเบอร์ 0-2622-1388 ข้อมูลโดย คม ชัด ลึก

Create Date : 16 มิถุนายน 2556
Last Update : 16 มิถุนายน 2556 13:16:27 น.		1 comments
Counter : 2908 Pageviews.
Share Tweet