ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรชาวสวนแตงกวา เช่น โรคไวรัส แมลง สภาพอากาศ รวมถึงปริมาณและคุณภาพผลผลิต เป็นปัจจัยให้เกษตรกรต้องคัดเลือกสายพันธุ์ที่จะปลูกเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ให้ครอบคลุมมากที่สุด เช่นเดียวกับ ลุงจาก-ป้าไข่ ศิริอ่อน ครอบครัวเกษตรกรผู้ปลูกแตงกวามากว่า 10 ปี แต่ได้หันปลูก “พันธุ์ไฮโซ” ได้กว่า 3 ปี เพราะพบว่าต้านทานโรคไวรัส ทนอากาศร้อนได้ดี ให้ผลผลิตคุ้มค่า "ลุงจาก" เกษตรกรผู้ปลูกแตงกวา อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เล่าให้ฟังว่า อาชีพทำสวนลำไย 10 ไร่ แบ่งพื้นที่ 1 ไร่เศษ ปลูกแตงกวามากว่า 10 ปี โดยแบ่งปลูกเป็น 3 แปลง เพื่อให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งปี ซึ่งที่ผ่านมาลุงจะปลูกแตงกวาพันธุ์ตามความนิยมของตลาด ซึ่งประสบปัญหาโรคไวรัสอยู่เป็นประจำ ผลผลิตที่ได้จึงไม่คงเส้นคงวา ต่อมากว่า 3 ปีแล้ว ได้หันปลูกพันธุ์ไฮโซ ที่โดดเด่นด้านต้านทานไวรัส ทนอากาศร้อนได้ดี สีเขียวสวย เป็นที่ต้องการของตลาดที่สำคัญให้ผลผลิตคุ้มค่า สำหรับขั้นตอนการปลูก ลุงจากแนะนำว่าให้เตรียมแปลงกว้าง 1 เมตร ระยะห่างระหว่างแปลง 50 ซม.ก่อนเจาะหลุมปลูกให้มีระยะระหว่างต้น 50 ซม. และระยะระหว่างแถว 60 ซม.จากนั้นปักไม้เพื่อทำค้างเชื่อมแกนกลางด้วยไม้ยาววางตลอดทั้งแนว จากนั้นหยอดเมล็ดแตงกวา หลุมละ 2 เมล็ด โดย 1 ไร่จะใช้เมล็ดพันธุ์ขนาด 50 กรัม จำนวน 3 กระป๋อง ส่วนระยะที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ลุงจากบอกว่า อยู่ในช่วงต้นแตงอายุ 2 อาทิตย์แรก เพราะต้องคอยระวังแมลง ยิ่งหากเป็นฤดูแล้งต้องให้น้ำเพียงพอเพื่อป้องกันต้นยุบตาย เมื่อแตงกวาอายุได้ 7 วันควรให้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 จำนวน 3 กก.ละลายน้ำ 200 ลิตร เดินรดบางๆ ไปตามต้นเพื่อเร่งการแตกแขนง จนเมื่อแตงกวาโตเริ่มออกผล จึงค่อยให้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 อีกครั้ง เมื่อแตงกวาอายุได้ 32 วัน เริ่มติดผลและเก็บผลผลิตได้ โดยเก็บได้ทุกวันต่อเนื่องไปจนถึง 20-25 วัน และถ้าดูแลรักษาดีๆ จะเก็บได้ 45 วันต่อรุ่นเลยทีเดียว โดยสนนราคาเกรด เอ กก.ละ 20 บาท แต่ถ้าเป็นพันธุ์อื่นจะอยู่ที่ 18 บาทต่อกก. “ต้นทุนปลูกครั้งแรก ค่าอุปกรณ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา เมล็ดพันธุ์ ราว 3 หมื่นบาท เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ครบแล้วการลงทุนครั้งต่อๆ ไปจะเหลือแค่ 1 หมื่นกว่าบาทต่อรอบการปลูก โดยสามารถปลูกได้ทั้งปี ใน 1 ปี จะปลูกได้ 3-4 รุ่น สร้างรายได้ต่อรุ่นยังไม่หักต้นทุน ราว 1 แสนบาท เรียกได้ว่าเป็นแตงกวาเงินแสนเลยก็ว่าได้” ลุงจาก แจง ด้าน ณัฏฐนี เทพกาวงค์ นักปรับปรุงพันธุ์พืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า หลังได้ลงพื้นที่สำรวจแปลงปลูกแตงกวาของเกษตรกร พบว่ามีปัญหาหลักที่ยังแก้ไม่ได้ อาทิ สภาพอากาศที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น แมลงที่มาช่วงหน้าร้อน โรคไวรัส โรคราน้ำค้าง โดยโรคเหล่านี้ทำให้ใบเหลือง แห้งเหี่ยว ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นจึงนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาค้นคว้า วิจัย พัฒนาเป็นสายพันธุ์มากว่า 2 ปี จนเป็น “แตงกวาพันธุ์ไฮโซ” ทดลองปลูกในพื้นที่ จ.ราชบุรี ซึ่ง"แตงกวาพันธุ์นี้แม้อากาศจะร้อนจัด ก็สามารถให้ผลผลิตที่ดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ และยังให้ขนาดมาตรฐาน ยาว 11 ซม. กว้าง 2.8 ซม.ผลตรงเรียวสวย ไม่คอดงอ การไล่สีของผลเป็นสีเขียวนวลสวยงาม เนื้อแน่นหวานกรอบ และจากที่พันธุ์นี้ได้บุกตลาดมากว่า 3 ปี พบว่าลูกค้าจะบอกกันปากต่อปากจนเป็นที่ยอมรับจากเกษตรกรนำปลูกกันเพิ่มมากขึ้น" ณัฏฐนี แจง ข้อมูลโดย คม ชัด ลึก

Create Date : 18 มิถุนายน 2556
Last Update : 18 มิถุนายน 2556 17:38:30 น.		1 comments
Counter : 4006 Pageviews.
Share Tweet