มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
7 มิถุนายน 2556

“สะละอินโดฯ” ที่ราชบุรี ปลูกแล้ว “รวย”












“สะละพันธุ์อินโดฯ” เป็นไม้ผลเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่กำลังได้รับความสนใจจากเกษตรกรอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นผลไม้รสอร่อย ที่ตลาดมีความต้องการสูง ปลูกก็ง่าย ขายก็คล่อง แถมขายได้ราคาดีอีกต่างหาก บางคนคิดว่า สะละอินโดฯ ปลูกได้เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ แต่ความจริงแล้ว ภาคกลางก็สามารถปลูกสะละอินโดฯ ได้อย่างสบาย ในฉบับนี้ จะพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมสวนสะละอินโดฯ เนื้อที่ 3 ไร่ ของ คุณมงคล ใจดี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ซอยดอนกระเบื้อง 17 ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี


คุณมงคล ใจดี หรือ คุณหนู เล่าว่า ผมได้ที่ดินมรดก เป็นสวนลำไยจากคุณพ่อ แต่ระยะหลังสวนลำไยของผมมีคุณภาพสู้ลำไยเชียงใหม่ไม่ได้ ทำให้ตัวเลขรายได้ลดลง ผมวางแผนหาพืชอื่นมาปลูกแซมต้นลำไย เพื่อเป็นรายได้เสริม เมื่อปี 2547 ผมไปเที่ยวงานเกษตรที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ เจอพ่อค้านำต้นกล้าสะละอินโดฯ จากภาคใต้มาขายภายในงาน รู้สึกสนใจจึงซื้อไปลองปลูก จำนวน 2 ต้น ในราคาต้นละ 50 บาท


ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่า ราชบุรีปลูกสะละอินโดฯ ได้หรือเปล่า คิดว่าเป็นพันธุ์ไม้แปลก ก็ลองปลูกเล่นๆ ปรากฏว่า ปลูกไปได้ 2 ปี ต้นสะละก็เริ่มมีผลผลิต ลองแกะเปลือกดู ก็เจอผลมีสีขาว เนื้อกรอบ แห้ง ไม่ติดเมล็ด เมื่อลองชิมรสชาติ ก็รู้สึกติดใจ เพราะมีรสชาติอร่อย และสร้างรายได้ที่ดี ผมจึงหันมาปลูกสะละอินโดฯ เป็นพืชหลัก ทุกวันนี้ผมปลูกสะละอินโดฯ นับหมื่นต้น


ขั้นตอนปลูก และการดูแล


คุณหนูเล่าว่า การปลูกสละอินโดฯ เริ่มจากขุดหลุม ขนาด 30x30 เซนติเมตร โดยปลูกสะละอินโดฯ บนร่องสวน ในระยะ 2.5x3 เมตร สำหรับพื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกต้นสะละอินโดฯ ได้จำนวน 300 ต้น เนื่องจากต้นสะละอินโดฯ ชอบพื้นที่ร่มรำไรและมีความชื้นสูง หลังปลูกต้องคอยดูแลให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรติดตั้งระบบน้ำสปริงเกลอร์ เพราะจะทำให้มีปัญหาน้ำขังบริเวณโคน ทำให้เกิดโรคโคนเน่าได้ คุณหนูแนะนำให้ใส่ปุ๋ยมูลไก่โรยรอบโคนต้นทุกๆ 1-2 เดือน


การตัดแต่งหน่อและการไว้กอ


เมื่อต้นสะละอินโดฯ อายุ 1 ปี จะแตกหน่อออกมาจำนวนมาก คุณหนูปลูกสะละอินโดฯ แบบเลี้ยงหน่อ แค่กอละ 3 ต้น เท่านั้น (รวมทั้งต้นแม่) เพื่อให้ต้นสะละเติบโตดีและตกผลเร็ว เมื่อมีหน่อใหม่งอกเพิ่มขึ้น ก็ควรหมั่นตัดแต่งหน่อที่ไม่ต้องการออกไป คุณหนูไม่แนะนำให้แยกหน่อออกจากต้นแม่ เพราะระหว่างการขุดแยกหน่อ อาจทำให้รากต้นแม่ขาดได้ จะทำให้ต้นสะละโทรมไปหลายปี

คุณหนูเล่าว่า การทำสวนสะละอินโดฯ มีข้อดีก็คือ เจ้าของสวนใช้เงินลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยาวนาน เพราะธรรมชาติของต้นสะละอินโดฯ จะมีหน่ออ่อนงอกขึ้นมาใหม่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับต้นไผ่ เมื่อต้นแม่ตาย ต้นลูกก็จะเติบโตขึ้นมาแทนที่ หากไม่เจอปัญหาโรคระบาด เจ้าของสวนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายได้อย่างต่อเนื่อง


เทคนิคการเพาะเมล็ด


คุณหนูจะคัดเลือกเมล็ดจากต้นพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นคือ ขนาดผลใหญ่ ให้ผลดก และมีรสชาติอร่อย เมื่อคัดเมล็ดพันธุ์ได้แล้ว แต่ยังไม่มีเวลาขยายพันธุ์ ก็จะนำเมล็ดมาฝังใต้ทรายหรือดินกลบเสียก่อน ควรระวังไม่ให้เมล็ดตากแดด เพราะทำให้เมล็ดแห้ง และเพาะเมล็ดไม่ขึ้น


การขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด คุณหนูจะกรอกดินปลูกให้เต็มถุงเพาะ นำเมล็ดพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงปลูก กดให้จมลงไปในดิน นำไปไว้ในบริเวณที่ร่มที่มีแสงแดดรำไร หมั่นดูแลรดน้ำ เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ โรยปุ๋ยขี้ไก่สักเล็กน้อย รอประมาณ 7 เดือน ต้นกล้าก็จะค่อยๆ งอกขึ้นมา ใช้เวลาดูแลประมาณ 1-2 ปี จึงค่อยนำไปปลูกลงแปลงได้ ช่วงที่ปลูกต้นสะละอินโดฯ ในถุงดำ คุณหนูเตือนว่า ระวังอย่าเคลื่อนย้ายถุงดำบ่อยๆ เพราะโดยทั่วไปรากต้นสะละมักแทงทะลุถุงเพื่อชอนไชหาอาหาร การเคลื่อนย้ายถุงดำ อาจทำให้รากต้นสะละขาดและหยุดการเติบโตได้


ปัญหาโรคพืช


คุณหนูเล่าว่า ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ผมจะคอยดูแล ไม่ให้ต้นสะละมีอาการโคนเน่า เพราะหากติดโรคดังกล่าว จะทำให้ต้นสะละมีอาการใบแห้งลุกลามไปยังต้นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงไปเรื่อยๆ ปัญหานี้เคยทำให้คุณหนูสูญเสียต้นสะละไปมากกว่าครึ่งงานเลยทีเดียว คุณหนูบอกว่า อาการแพร่ระบาดของโรคมักจะหยุดลง เมื่อฝนตกรอบใหม่


สวนแห่งนี้ มีสภาพดินที่แตกต่างกันถึง 2 ชนิด คือ ดินเหนียว และดินร่วนปนทราย คุณหนูตั้งข้อสังเกตว่า ต้นสะละอินโดฯ ไม่ชอบดินเหนียว สภาพต้นอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคโคนเน่าได้ง่าย ส่วนต้นสะละอินโดฯ ที่ปลูกในพื้นที่ดินทราย ไม่เคยเจอปัญหาโรคโคนเน่าเลย


ต้นทุนการผลิต


เมื่อถามถึงต้นทุนการผลิตสะละอินโดฯ คุณหนูบอกว่า สวนแห่งนี้ เป็นสวนผลไม้ปลอดจากสารเคมีทุกประเภท ใช้ปุ๋ยขี้ไก่แค่ปีละ 100 ลูก มูลค่าประมาณ 5,000 บาท เท่านั้น ค่าใช้จ่ายหลักของสวนแห่นี้ ก็คือ ต้นทุนค่าแรงของคุณหนูนั่นเอง คุณหนูบอกว่า ที่ผ่านมา สามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ประมาณต้นละ 10-15 กิโลกรัม/ต้น/ปี ขนาดผลมีขนาดใหญ่ เฉลี่ยประมาณ 17-18 ผล/กิโลกรัม จำหน่ายปลีกในราคากิโลกรัมละ 100-200 บาท หากดูแลจัดการสวนอย่างดี จะสามารถขายสะละอินโดฯ ได้มากถึง 100,000 บาท/ไร่/ปี


การผสมเกสร


เมื่อต้นสะละมีอายุ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี จะเริ่มออกดอก จะเริ่มแยกได้ว่า สะละต้นไหนเป็นตัวผู้และตัวเมีย ต้นสะละอินโดฯ จำเป็นต้องใช้การผสมเกสร เพื่อช่วยให้ผสมติดลูก การผสมเกสรสามารถทำได้ตลอดทั้งวัน โดยนำผงเกสรตัวผู้ (มีสีเหลือง) มาเคาะใส่เกสรตัวเมีย (สีแดง) หลังจากผสมเกสร สามารถเก็บผลผลิตได้ภายใน 6 เดือน


การตัดแต่งช่อพวง


เมื่อต้นสะละอายุครบ 2 ปี ให้เริ่มผสมเกสรได้ เมื่อติดลูกแล้ว มักมีปริมาณผลหนาแน่น หากไม่ตัดแต่งพวงสะละ อาจทำให้ก้านขาดได้ เพื่อความอยู่รอด ต้นสะละจึงมักสลัดลูกทิ้งตามธรรมชาติ บางครั้งคุณหนูเคยเจอต้นสะละสลัดผลทิ้งเกือบครึ่งพวง เพื่อลดความสูญเสียดังกล่าว คุณหนูจะตัดแต่งพวงสะละโดยเด็ดผลที่บิดเบี้ยวทิ้งไป เพื่อให้มีปริมาณผลพอเหมาะกับความสมบูรณ์ของต้นนั่นเอง


การตัดแต่งทางใบ


สะละอินโดฯ ที่ให้ผลผลิตแล้ว จะมีทางใบ 15-20 ทางใบ ไม่ควรตัดแต่งทางใบที่รองรับทะลายผลจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว คุณหนูเล่าว่า ผมจะไม่ตัดแต่งทางใบมากนัก นอกจากทางใบที่เหลืองแก่หมดสภาพแล้วเท่านั้น หากทางใบโน้มกีดขวางการทำงาน ก็ต้องใช้เชือกไนล่อนผูกรวบไว้ ส่วนทางใบที่ตัดแล้ว จะนำไปปูคลุมรอบโคนต้นโดยคว่ำด้านหนามลงดิน เพื่อเป็นปุ๋ยหมักในสวนต่อไป


การเก็บเกี่ยว


เมื่อผลสะละอินโดฯ มีครบอายุการเก็บเกี่ยว จะมีผลขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอม แต่ก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกครั้ง คุณหนูจะชิมทดสอบรสชาติก่อน เพราะแต่ละพวงจะสุกแก่ไม่พร้อมกัน เมื่อชิมแล้วพบว่ามีรสฝาด แสดงว่ายังสุกได้ไม่เต็มที่ ต้องรออีกระยะจึงค่อยเก็บเกี่ยว หากชิมว่า มีรสหวาน อร่อย จึงค่อยใช้มีดสแตนเลสตัดพวงสะละอินโดฯ โดยระวังไม่ให้ผลหลุดร่วง


การคัดแยกคุณภาพสินค้า


หลังการเก็บเกี่ยว คุณหนูจะคัดแยกผลผลิต เพื่อแบ่งขายตามเกรดคุณภาพสินค้า โดย เบอร์ 1 เป็นช่อผลใหญ่ ไร้ตำหนิ และมีรสชาติดี จะขายส่งในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่วน เบอร์ 2 มักมีขนาดผลเล็ก รูปทรงไม่สวย ขายส่งราคากิโลกรัมละ 80 บาท สำหรับผลร่วงขนาดผลเล็ก และมีรสชาติรองลงมาเรียกว่า เบอร์ 3 ขายส่งในราคา 40 บาท/กิโลกรัม คุณหนูบอกว่า เมื่อนำสินค้ามาคัดคุณภาพจะเจอสินค้าเบอร์ 1 แค่ 30% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าคุณภาพ เบอร์ 2 50% และเบอร์ 3 20%


ข้อแนะนำ


ในการปลูกสะละอินโดฯ
สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่สนใจอยากปลูกต้นสะละอินโดฯ คุณหนูให้คำแนะนำว่า ควรเลือกปลูกในสภาพดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนปนเหนียว ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี ต้นสะละอินโดฯ ขาดน้ำไม่ได้ จึงควรมีแหล่งน้ำสำรอง เพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง สำหรับพื้นที่ภาคกลางสามารถปลูกต้นสะละอินโดฯ ได้อย่างสบาย


ส่วนแหล่งที่ลุ่มที่มีปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูฝน ต้นสะละอินโดฯ จะทนรับสภาพน้ำท่วมขังได้ไม่เกิน 1 เดือน ด้านแรงงานในการดูแลสวนสะละอินโดฯ คุณหนูประเมินว่า แรงงาน 1 คน สามารถดูแลจัดการสวนสะละอินโดฯ เนื้อที่ 2 ไร่ ได้อย่างสบาย หากปลูกเกิน 2 ไร่ขึ้นไป คงต้องจ้างแรงงานเพิ่ม เพื่อช่วยทำงาน


ปัจจุบันคุณหนูเพาะพันธุ์ต้นกล้าสะละอินโดฯ จำหน่ายในแก่ผู้สนใจทดลองนำไปปลูก โดยกล้าพันธุ์อายุ 2 ปี ขายราคาต้นละ 35 บาท ส่วนต้นพันธุ์อายุ 1 ปี ขาย 4 ต้น ในราคา 100 บาท หากใครสนใจซื้อพันธุ์สะละอินโดฯ คุณหนูแนะนำว่า ให้เลือกต้นกล้าที่มีสภาพสมบูรณ์ และมีลำต้นใหญ่ไว้ก่อน เพราะเมื่อนำไปปลูกจะเติบโตได้เร็ว ที่ผ่านมา มีผู้สนใจจากทั่วประเทศสนใจสั่งซื้อกล้าพันธุ์จากสวนแห่งนี้ไปทดลองปลูกในพื้นที่เชียงราย ขอนแก่น ฯลฯ โดยนำต้นสะละอินโดฯ ปลูกแซมในสวนไม้ผล เช่น มะพร้าว มะม่วง รวมทั้งสวนยางพารา


เนื่องจากคุณหนูดูแลสวนเพียงคนเดียว จึงหาพันธมิตรเข้ามาช่วยดูแลด้านการตลาด คือ ส.จ. คณิศร อนันตธารากุล โทร. (088) 543-5952 ใครสนใจอยากซื้อสะละอินโดฯ ไปลิ้มรสความอร่อย หรืออยากได้พันธุ์สะละอินโดฯ ไปทดลองปลูก ก็ติดต่อได้ตามเบอร์โทร. ดังกล่าว ส่วนเกษตรกรที่สนใจอยากแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการปลูกสะละอินโดฯ หรือต้องการศึกษาดูงาน ติดต่อผ่าน คุณหนู (คุณมงคล ใจดี) ได้โดยตรงที่ โทร. (081) 364-0806




ข้อมูลโดย มติชน












Create Date : 07 มิถุนายน 2556
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 11:25:39 น. 2 comments
Counter : 2512 Pageviews.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 7 มิถุนายน 2556 เวลา:11:26:40 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะน้องมี่
สะละอินโดฯน่ากินจัง

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ญามี่ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: forgetmenot_ok วันที่: 7 มิถุนายน 2556 เวลา:12:02:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]