กาหรือหงส์ ตอน ๑๑
กาหรือหงส์ ตอนที่ ๑๑ วันนี้พลอยใสรู้สึกแปลกใจมากที่เห็นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหรูของไร่ฟ้าเมฆาแล่นมาจอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียนโคกพระงาดอย่างช้าๆและนิ่งสนิทอยู่เงียบๆ ไม่ปรากฏว่าผู้ใดจะลงมาจากรถหรูเลย พลอยใสนึกอุ่นใจข้างในอยู่ลึกๆ คิดนึกว่าหนุ่มหน้าคมคนโก้คงจะอยู่ในนั้นแน่ แต่แล้วเด็กสาวก็ต้องผิดหวัง เมื่อเห็นสาวหน้าใสโผล่ออกมานอกรถร้องเรียกตนเองเสียก่อน ขึ้นรถมาด้วยกันสิพลอย วันนี้ฉันตั้งใจมารับเธอโดยฌฉพาะ เราจะไปโรงเรียนด้วยกัน.. วิสาเองเหรอ ทำไมมาถึงที่นี้ได้ล่ะ พลอยใสเอ่ยทักไปตามมารยาททั้งที่ในใจรู้สึกผิดหวังอย่างแรง เราอยากจะรู้จักบ้านพลอยเอาไว้ เผื่อวันหน้าจะได้แวะมาเยี่ยมเยียนอีก คนพูดทิ้งน้ำเสียงประชดประชัน ไม่ได้ใส่ความจริงใจไปเลยสักนิดเดียว จนคนฟังรู้สึกได้ว่าเสแสร้งแกล้งทำกันชัดๆ แต่ก็ต้องตอบไปตามมารยาท บ้านเราก็เป็นบ้านพักครูธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษหรอก งั้นเร็วสิรีบขึ้นรถเถอะ เรามีเรื่องอยากจะคุยกับเธอหลายเรื่อง วันวิสาพยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุด แต่พลอยใสเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า การสนทนาในเช้าวันนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน และก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ด้วย เพราะเพียงแค่นั่งลงบนเบาะสีดำนุ่ม ใบหน้าปะทะแอร์ที่เย็นฉ่ำในรถ บรรยากาศก็เริ่มขมวดตึงในทันที เธอเป็นพี่ประสาอะไรพลอยใส ไม่รู้จักสั่งสอนน้องตัวเองเสียบ้างเลย เที่ยวไปแย่งคนรักของคนอื่นเขาอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน วันวิสาเริ่มแผดเสียงดัง กิริยาไม่งามเหมือนใบหน้าเท่าใดนัก พลอยใสงุนงงและอึ้งไม่โต้ตอบอะไรไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยว่า... เรื่องนี้ฉันคุยแล้ว แต่เค้าไม่เชื่อพยายามจะติดต่อกับคุณอิสตลอดเวลาไม่รู้ทำยังไงดี พลอยใสโกหกออกมาอย่างเห็นแก่ตัว ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เด็กสาวจะต้องทำไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะคบหาหรือได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเด็กสาวเมืองกรุงที่กำลังทำตาเขียวปัดตรงหน้าในตอนนี้จะหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายหาได้ยอมความไม่ กลับตั้งคำถามเน้นย้ำในน้ำเสียงเหมือนจะเอาความผิดเสียให้ได้ เธอแน่ใจนะว่าได้บอกน้องเธอว่าไม่ให้มักใหญ่ไฝ่สูง และคิดจะสอยเดือนเด็ดดาวอย่างเช่นกำลังทำอยู่ตอนนี้แล้ว และที่สำคัญอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นว่าน้องเธอให้ท่าอิสรามาแล้วยังไง เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่ท่าวังหินเพียงไม่ถึงเดือน อิสรามีทีท่าเมินเฉยกับฉัน หนำซ้ำยังมาหาเรื่องฉันว่าเป็นคนใจแคบไร้น้ำใจและอีกสารพัดที่จะคิดขึ้นมาว่าฉันได้ หึ ! นั่นเป็นเพราะน้องสาวเธอคนเดียวนะพลอยใส.. วันวิสาเหยียดสายตามองมายังคนฟังอย่างเคียดแค้น เสียดแทงด้วยคำพูดฝังลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของจิตใจอีกฝ่ายหนึ่ง ... ฟังนะวิสาเรื่องนี้เธอจะว่าน้องฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ เธอลองไปถามอีกเอ่อ ... คนฝ่ายเธอดูสิว่ามีใจชอบพอน้องสาวฉันอย่างที่เธอกลัวจริงหรือเปล่า ไม่ใช่เอะอะอะไรก็มาโทษทางฉันฝ่ายเดียวอย่างนี้ได้ยังไง.. พลอยใสเถียงออกไปบ้าง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยจะลงรอยกับน้องสาวที่อายุห่างกันไม่ถึงปีเท่าไหร่นัก แต่เมื่อถูกปรามาสโดยไม่มีเหตุผล เด็กสาวก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าบ้างเหมือนกันจึงโต้ตอบไปได้เท่าที่ทำได้ .. เอ๊ะพลอย ! ทำไมเธอว่ามาฉันอย่างงี้ล่ะ ไหนเคยเล่าให้ฟังว่าเกลียดนังน้องตัวดีของเธอนักหนา ขยะแขยงทุกครั้งที่มันออดอ้อนพ่อเธอไง ฉันจำได้ว่าเธอเคยเล่าให้ฟังตั้งไม่รู้กี่ครั้งนี่นา เธอ ไม่เข้าใจอะไรบ้างเลยนะวิสา.. พลอยในรำพึงรำพันอย่างอ่อนใจ เอ๊ะ ! ฉันไม่เข้าใจอะไรเธอมิทราบ .. วันวิสาโต้ตอบกลับไปอย่างแผดร้อน เกือบเผลอหลุดปากไปว่า แกมันก็บ้านนอกทั้งพี่ทั้งน้องนั่นเชียวแหละ นี่คงวางแผนการณ์คิดจะปีนทางลัดขึ้นสู่ที่สูงจนลืมมองกำพืดของตัวเองไป นี่ตัวฉันยังไม่ได้คิดบัญชีที่หล่อนมาออเซาะ ให้ท่าสารพัดกับคู่หมั้นจนเอือมระอาจะแย่อยู่แล้ว ... แต่แล้วคนคิดก็ไม่ได้พูดออกไปด้วยคิดว่านังบ้านนอกเซ่อซ่าป่าดงดิบคนนี้ยังมีประโยชน์กับตนอีกมากในวันข้างหน้า ซึ่งอย่างน้อยก็เอามาเป็นไม้กันหมานังน้องมันก็แล้วกัน ที่เธอมารับฉันถึงบ้าน ก็เพื่อจะคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี่เองเหรอ ถ้าใช่ฉันขอลงตรงตรงสี่แยกข้างหน้าเลยนะ วันวิสามองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนคนเดียวตั้งแต่มาอยู่ท่าวังหินแล้วพบว่า นังคนนี้ฤทธิ์เดชไม่ใช่ย่อย การสนทนาเริ่มจะรุนแรงมีแนวโน้มจะลุกลามกันไปใหญ่โต ถ้าขืนมีปฏิกิริยาเป็นลบเช่นนี้ตัวองอาจจะไม่มีพวกหรือโดเดี่ยวก็เป็นได้ จึงปรับสีหน้าใหม่อีกครั้งแล้วจึงค่อย ๆ พูดน้ำเสียงเอื่อย ๆ เบาเนิบลงไปในทันที .. งั้นขอโทษแล้วกันนะพลอย ฉันแค่รู้สึกกลุ้มใจที่เดี๋ยวนี้อิสราเปลี่ยนไปมาก ท่านลุงท่านป้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วกับเรื่องนี้ ใครก็รู้ว่าคู่หมั้นของฉันเป็นคนหัวรั้นไม่ยอมฟังใครง่ายๆ ยิ่งน้องเธอมาปั่นหัวเอาซะดื้อ ๆอย่างนี้เลยยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ ถ้ามันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันจะไปพบพ่อเธอ..พลอยใสนึกถึงใบหน้าคมเนียนละเอียด บวกแววตาที่มุ่งมั่น ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นของมะยมแล้วเหนื่อยใจ ถ้าวันไหนวันวิสาไปปรึกษาเรื่องนี้กับครูพล สงสัยวันนั้นจะต้องเป็นวันโลกาวินาศแน่นอน เพราะตนเองเชื่อว่ามะยมไม่ยอมในเรื่องนี้แน่ .. อย่าถึงขนาดนั้นเลยวิสา ให้ฉันไปลองคุยกับเขาอีกครั้งดีกว่า แต่ก็อย่าหวังอะไรมากนักเพราะขานั้นน่ะทั้งดื้อเงียบและชอบใช้กำลังเป็นที่สุด ... ไม่รู้ล่ะพลอย เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยภายในวันจันทร์นี้.. แล้วฉันจะพยายาม.. พลอยใสมองออกไปนอกหน้าต่างคิดอะไรอยู่เงียบๆ คนเดียวอารมณ์ตรงกันข้ามกับสาวหน้าใสอีกคนที่ตอนนี้แอบยิ้มที่มุมปากครุ่นคิดว่า เฮอะ! สมน้ำหน้าดีแท้ๆที่งานนี้ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว แถมได้ปั่นหัวสองคนได้อีกต่างหาก ... นี่ดีที่มันสองคนไม่รักกัน เลยทำให้แผนการครั้งนี้ง่ายขึ้นไปเยอะทีเดียว จึงแค่นเสียงอยู่ในลำคอด้วยความสะใจว่า ... ดี ดี ... แล้วฉันจะรอ ..----------------------------------------------- ในบรรดาคณาจารย์ของโรงเรียนท่าวังหินพิทยาคมที่เป็นลูกศิษย์ดั่งเดิมยุคเริ่มต้นก่อตั้งโรงเรียนแล้วได้กลับมาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับรุ่นน้องมีเพียง ครูอำนาจเพียงคนเดียวเท่านั้น ....ครูอำนาจเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่เป็นลูกชาวนาขนานแท้ และเป็นลูกหลานท่าวังหินมาแต่กำเนิด ครูหนุ่มเรียนจบจากวิทยาลัยการเกษตรในตัวจังหวัด ก่อนจะมาเป็นภารโรงที่นี่กินตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว จนไต่เต้ามาเป็นครูฝึกสอน กระทั่งได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ 1 ระดับ 3 ที่โรงเรียนแห่งนี้ได้สามปีแล้ว ครูอำนาจเป็นคนโสดอายุยังน้อยมากสำหรับการมีครอบครัวในสมัยนี้ ครูหนุ่มรักที่นี่ รักโรงเรียนที่เป็นเสมือนบ้านในอ้อมกอดภูเขาแห่งนี้ รักลูกศิษย์ทุกคน รักถิ่นฐานบ้านเกิดยิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะอาชีพดั่งเดิมสมัยพ่อแม่ปู่ย่าตายาย นั่นคืออาชีพทำนา .. ครูอำนาจรู้ดีว่าการทำนาในยุคสมัยนี้แทบจะเรียกว่าล้าสมัยไปแล้วสำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพราะไปซื้อข้าวที่บรรจุถุงสวยงามที่ร้านสะดวกซื้อยังจะง่ายและไม่ยุ่งยากเท่าใดเลย แถมไม่ต้องเหนื่อย เปลืองแรง อะไรด้วยซ้ำ ครั้นพอถึงวิชาเกษตรกรรม ครูหนุ่มจึงเสนอกิจกรรมหลักของวิชานี้คือ การขุดสระน้ำและปลูกข้าที่เด็กรุ่นหลังจะลืมเลือนไปแล้วว่าอาชีพเก่าของพวกเราก็คือการเกษตรกรรม ... ในวันนี้นักเรียนชั้น ม.5/1 ได้รับโจทย์งานที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัสสำหรับใครบางคน นั่นก็คือ ครูอำนาจให้นักเรียนทุกคนเลือกกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในสองกิจกรรมข้างต้นเพื่อเก็บเป็นคะแนนระหว่างภาคเรียน ...มะยมดูจะเป็นคนเดียวที่ร่าเริงกะปี้กะเปร่าที่สุดในเพื่อนๆ สาวซ่าส์ เพราะงานนี้เป็นงานที่ต้องออกแรง ออกกำลังแบบนี้เด็กสาวถนัดยิ่งกว่าทำอย่างอื่นเช่นงานเย็บปักถักร้อย งานแกะสลักผลไม้ งานทำอาหาร เป็นไหน ๆ มะยมเริ่มต้นทำงานที่ได้รับมอบหมายจากครูอำนาจให้เป็นคนจัดเพื่อนๆ ลงตามแปลงที่ดินโล่งๆที่ได้แบ่งไว้แล้วในกระดาษ ทุกคนต่างขมีขมันทำตามที่ครูอำนาจสั่งในครึ่งชั่วโมงแรก กระทั่งครูหนุ่มเดินลับไปยังบ้านพักครูที่อยู่ใกล้ ๆ กันเท่านั้นแหละ ... สาว ๆ เกือบทั้งห้องต่างทำหน้าตาบูดเบี้ยว ซับปาดเหงื่อบนใบหน้านวลไปตามกัน บางคนถึงกับทรุดนั่งลงพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน .. แต่ยังคงมีกลุ่มผู้ชายบางคนตั้งหน้าตั้งตาถากหญ้าและเตรียมจะขุด เพื่อโกยดินขึ้นมาเป็นรูปแปลง ส่วนมะยมยังคงตั้งหน้าตั้งตาขุดดินทำเป็นร่องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อนจะขุดโกยดินขึ้นมาเหมือนคนอื่น จนเวลาล่วงเลยผ่านให้เมื่อตะวันรอนแสงมากแล้ว เด็กสาวเหลือบตามองไปรอบๆ แล้วอดอมยิ้มกับสิ่งที่เห็นรอบตัวไปไม่ได้ เพราะมองเห็นเพื่อนสาวร่วมกลุ่มทำท่าจะเก็บเครื่องไม้เครื่องมือเตรียมจะกลับเกือบทุกคน จนมีเสียงทักดังมามะยมจึงหันกลับไปตามเสียงที่ได้ยินเสียงนั้น .... ใกล้ค่ำแล้วแกจะกลับพร้อมพวกข้าหรือเปล่าวะนังยมส้มโอที่กำลังแบกจอบไว้บนบ่าเอ่ยทักมา แปลงยังขุดยังไม่เสร็จเลยเพื่อน เหลือแต่งขอบแปลงอีกนิดหน่อย พวกแกกลับไปก่อนเหอะ แต่รบกวนฝากไปรับน้ำหวานที่ห้องสมุดด้วยนะ ได้ ได้ เพื่อนรีบตามไปล่ะ อย่ากลับค่ำอีกล่ะ แถวนี้ดูเปลี่ยวน่ากลัวนะโว้ย .. เออ ๆ สักประเดี๋ยวจะตามไปไม่เกินสิบห้านาทีหรอก มะยมหันไปพูดอย่างขึงขัง ก่อนจะก้มหน้าทำงานให้เสร็จต่อไป แต่มิวายได้ยินเสียงแว่วแผ่นดังลอยมาตามลม .. ฮ่ะ ๆๆๆ อยู่แถวนี้คนเดียวระวังจะโดนปล้ำเอานะเพื่อน .. เด็กสาวส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะทำหน้าที่ของตนเองต่อไปจนลืมดูเวลาและแสงสว่างที่เริ่มคล้อยมืดลงไปทุกขณะ เพราะกว่าที่มะยมจะขุดขึ้นรูปแปลงเสร็จ ... แสงสว่างของตะวันที่จับขอบฟ้าเริ่มลับหายไปแล้ว เด็กสาวพบว่าตนเองอยู่กับคนอีกคนเพียงสองคนเท่านั้น มะยมเริ่มรู้สึกกลัวตามที่เพื่อนตัวแสบขู่เอาไว้ จึงรีบเก็บของก่อนจะเดินออกจากแปลงเกษตรไปในทันที มะยมเร่งเดินมาจนถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ ก็พบว่าเหลือเจ้าแก่ของตนเองเพียงคันเดียว จึงรีบสตาร์ทรถออกไปด้วยความเร่งรีบ แต่มิวายที่จะเหลือบไปมองเห็นรถสปอร์ตคันโก้สีดำคุ้นเคยตาของวังฟ้าเมฆาจอดซุ่มเงียบสงบอยู่หน้าป้ายทางเข้าโรงเรียนติดกับป้อมยามรักษาการณ์ มะยมถือวิสาสะชะโงกเข้าไปในรถ เพื่อถามชายชราที่นั่งสัปหงกว่ากำลังรอใครอยู่ แต่กลับได้ยินเสียงกรนของใครบางคนดังมาจากเบาะหลัง.. ลุงแม้นอยู่ในนี้หรือเปล่า มะยมนะลุง อ้าวหนูมะยมเองหรอกหรือ. ชายชราดีดตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงใสแจ๋วดังขึ้นมาแทรกในความเงียบ จ๊ะหนูเอง ลุงมารอใครเหรอ.. มะยมเอ่ยถามไปพร้อมพนักแขนไว้กับขอบหน้าต่างรถท่าสบายๆ กระผมมารอคุณอิสครับ นี่ก็จวนจะมืดแล้วคุณหนูยังไม่ออกมาจากโรงเรียนเลย มะยมเห็นคุณหนูมั่งหรือเปล่าครับ ผู้อาวุโสตอบเรียบ ๆ น้ำเสียงเป็นกังวลเมื่อเหลือบสายตามองนาฬิกาอีกครั้ง .. หนูไม่แน่ใจว่าอิสราจะยังอยู่ที่สระน้ำหรือแปลงปลูกข้าวนะจ๊ะลุงแม้น เอางี้แล้วกันเดี๋ยวหนูจะลองขับเจ้าแก่นี้ไปตามทั้งสองที่เลย ลุงรออีกแป๊บนึงนะคะ.. ลุงจะรอที่รถนะมะยม บอกคุณหนูด้วยว่าท่านชายกำลังรอพร้อมแขกอยู่ที่วัง ค่ะลุง .. มะยมควบเจ้าแก่คันเก่าเลาะเลียบตามทางริมสนามฟุตบอลผ่านบ้านพักอาจารย์ ก่อนจะไปโผล่ที่สระน้ำขนาดเล็กที่ยังขุดไม่เสร็จ เด็กสาวมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีใครสักคนอยู่ที่นั่นเลย จึงขับรถวกกลับมายังถนนตัดผ่านเรือนพักชำขนาดใหญ่ที่อัดเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด รวมทั้งไม้เมืองหนาวที่ขึ้นชื่อของที่นี่มะยมมาถึงแปลงสวนเกษตรผสมผสานของโรงเรียนแหล่งรวมพืชผักของชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ ม.1 จนถึง ม.6 เด็กสาวก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดอย่างเร่งรีบ ไปยังแปลงสาธิตการปลูกข้าว เพื่อไปดูอีกครั้งให้แน่ใจว่าคนร่างสูงของบางคนที่คุ้นเคย ยังคงอยู่ที่นั่น แล้วก็เป็นจริงอย่างที่มะยมคิดไว้ ร่างสูงใหญ่ที่เห็นเป็นเงาตะคุ่ม ๆ ยกจอบฟาดฟันไปยังดินที่แข็งปานหินเบื้องหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่สนใจว่ามีสาวร่างผอมบางจะมายินข้าง ๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก .. นี่อิสรา ใจคอนายจะขุดดินจนถึงเช้าเลยหรือไง.. คำพูดของมะยมทำให้อิสราถึงกับผงะเงยหน้าขึ้นมามองทันที ยามพลบค่ำเช่นนี้อากาศเย็นเข้ามาแทนที่ความร้อนเมื่อตอนกลางวัน แสงสลัวสาดส่องจับใบหน้าใสคมของเด็กสาว ทำให้เด็กหนุ่มเมืองกรุงตระกูลสูงส่งถึงกับตกตะลึงความงามน่ารักของกุหลาบไพรดอกนี้ นิ่งขึงไปในทันที ..฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿กาหรือหงส์ ตอน ๑๑ จบลงแล้ว ติดตามตอนที่ ๑๒ ได้อีกสามวันนะครับผม .. ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านครับ ..นายอิส/เมฆชรา
....น้ำหนาว