จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๙

กาหรือหงส์ ตอน ๙




กว่าขั้นตอนในการสอบสวนของตำรวจจะเสร็จสิ้นลงทุกขั้นตอนทำเอาสาวน้อยหน้าใส ร่างสูงโปร่ง ตาคมเข้มวาว ขนตายาวเป็นแพรระยับถึงกับหน้าซีดเซียว ซวนเซจะเป็นลมในทันทีที่สารวัตรใหญ่แห่งอำเภอท่าวังหินสรุปสำนวนการสอบสวนต่อหน้าครูประดิษฐ์ พ่อผู้ตาย ครูเมตตาซึ่งเป็นผู้ปกครองจำเป็นของเด็กสาว และอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่รวม เว้นแม้แต่หลวงตาแห่งวัดบ้านโนนสมบูรณ์ที่เกิดเรื่อง..

“ คดีฆ่าและทำร้ายร่างกายคดีนี้เป็นคดีอุจฉกรรณ์สะเทือนขวัญร้ายแรง ซึ่งตอนนี้เรายังสรุปรูปคดีไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร ด้วยหลักฐานและพยานทั้งหมดที่เราได้มาในวันนี้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ชัดได้ว่าใครคือฆาตกรแท้จริง โดยเฉพาะคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตายเมื่อคืนนี้ ฉะนั้นเมื่อผลออกมาเช่นนี้ กระผมจึงขอคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไว้ที่โรงพักก่อนและคาดว่าผลการสอบสวนพรุ่งนี้คงแล้วเสร็จ เรียนเชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่นะครับ ..”

สารวัตรใหญ่แห่งท่าวังหินอธิบายรูปคดีจบ เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังกระหึ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เพราะทุกคนที่มาในวันนี้ต่างเป็นจำเลยที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับคดีแก้วตาถูกฆาตกรรมกันแทบทุกคน …

ครูเมตตาค่อยดึงตัวมะยมให้เดินตรงมุมระเบียงด้านนอกที่ขณะนี้ลมเย็นพัดโชยเอื่อย ๆ ไล้ผิวบางของเด็กสาวให้ต้องเอามือสองข้างกระชับกอดอกคลายความหนาว ครูเมตตาเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยขึ้นว่า …

“ อย่ากลัวนะมะยม ประเดี๋ยวสักพักครูพลคงมาช่วยประกันตัวแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ครูจะมาหามะยมใหม่นะ” น้ำเสียงที่สั่นเครือของครูเมตตาคล้ายจะร้องไห้ทำเอาเด็กสาวใจแป๊วไปในทันที ก่อนที่ร่างผอมบางจะเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจอะไรนักในคืนนี้ …

“ นี่ตกลงหนูต้องนอนในตะรางนั่นจริง ๆ เหรอคะอาจารย์..”

“ คงไม่หรอกน่ามะยม ครูว่าตำรวจน่าจะจัดที่นอนที่ดีกว่านั้นให้เธอนะ .. เดี๋ยวครูไปดูลาดเลาก่อนนะเราอย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ครูเมตตาเดินมากุมมือมะยมแล้วดึงร่างบอบบางเข้าไปในอ้อมกอดแล้วผละจากไป

มะยมเอื้อมมือไปเกาะราวระเบียงที่ทำด้วยไม้ระแนงทาด้วยสีเทาสลับขาวแล้วมองไปยังขอบฟ้ากลุ่มเมฆทะมึนดำริมขอบฟ้าไกลที่ตอนนี้มองเห็นขอบสีเหลืองสว่างอยู่เพียงรำไรแรระบายไว้เท่านั้น ..


เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนคิดนึกจะยอมรับชะตากรรมในสิ่งที่ที่กำลังเกิดขึ้นกับตนเองในขณะนี้อย่างศิโรราบ ยอมจำนนกับมัน … ตอนนี้มะยมคิดถึงพ่ออันเป็นที่รักยิ่งที่สุด

“ พ่อจ๋า ! ตอนนี้พ่ออยู่ไหนนะ .. พ่อรู้หรือเปล่าว่าลูกของพ่อกำลังจะเดินเข้าไปนอนในคุกในตะรางโดยไม่มีความผิดอะไรเลย ลูกกลัวเหลือเกินจ๊ะพ่อจ๋า ”

มะยมปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน เวลาที่ผ่านไปในความคิดเนิ่นนานเกินความจริง …

ขอบฟ้าเริ่มแลเห็นเป็นแสงสว่างขึ้นมารำไร ก่อนที่จะมองเห็นดวงจันทราเหลืองนวลอร่ามโผล่พ้นขึ้นเต็มดวงบนท้องฟ้า เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจทางด้านหน้าสถานีเงียบเสียงลงไปหมดแล้ว ลมหนาวพัดโชยมาเป็นระยะเช่นเดิม แต่ครูเมตตาหายไปร่วมชั่วโมงแล้ว เด็กสาวรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนจะแปลกใจเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูคุ้นตาแล่นเข้าจอดเทียบบริเวณด้านหน้าสถานี…

จวบจนเวลาผ่านไปในหลายนาที มะยมได้ยินเสียงๆหนึ่งแว่วยินมาใกล้ๆในห้องถัดไปพร้อมกับคำสนทนาที่จับใจความไม่ชัดเจน ... แต่ตอนนี้เด็กสาวไม่มีกระจิตกระใจที่ฟังใครพูดอะไรอีกแล้ว เพราะนึกถึงภาพตัวเองในนอนหมดสภาพเป็นนักโทษในห้องกรงขังอยู่เท่านั้น ..

มะยมหันควับไปตามเสียงฝีเท้าที่เดินมา เป็นครูเมตตานั่นเอง เด็กสาวสงสัยว่าคุณครูกลับมาที่สถานีตำรวจทำไม แถมมีสีหน้ายิ้มแย้มกว่าเมื่อสักครู่อย่างลิบลับ …

“ มะยมเธอไปยืนอะไรมืดๆตรงนั้นเดินมาหาครูทางนี้สิ…” มะยมยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทแล้วเอ่ยถามครูเมตตา.. “ มีอะไรเหรอคะอาจารย์ ทำไมกลับมาที่นี่อีก..”

“ ทางตำรวจบอกว่าให้มะยมกลับบ้านได้เลย มีคนมาช่วยประกันตัวแล้ว ” มะยมยังรู้สึกงงๆจับต้นชนปลายไม่ถูกคิดว่าครูพลมาถึงสถานีตำรวจแล้ว “ พ่อหนูมาถึงแล้วเหรอคะครู..” มะยมเอ่ยถามครูเมตตาไปด้วยความยินดีที่ครูพลมาช่วยตัวเองได้ทันเวลาพอดี ก่อนจะเข้าไปนอนในตะรางสีเหลี่ยมในคืนนี้ …

“ ตอนนี้ยังไม่ต้องถามอะไรครู เดี๋ยวไปเซ็นเอกสารในห้องสารวัตรก็จะรู้เองว่าใครเป็นคนช่วยเรา ..”

“ ค่ะอาจารย์ ”

มะยมเดินออกจากริมระเบียงพร้อมครูเมตตาแล้วตรงมายังหน้าโต๊ะร้อยเวรด้านหน้า เหลียวซ้ายแลขวาหาครูพลไปทั่วบริเวณแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง ไม่มีวี่แววของผู้เป็นพ่อเลย ...

กระทั่งกลุ่มคนประมาณสามสี่คนเดินออกมาจากห้องสารวัตรใหญ่ มะยมถึงบางอ้อในทันทีว่าใครเป็นผู้มีพระคุณกับตนเอง ...

แต่แล้วก็ต้องอึ้งไปอีกครั้งเมื่อมีร่างเล็กบางกว่าตัวเองแล่นถลาเข้ามาหาแล้วสวมกอดไว้แน่น ….

“ พี่มะยมขาเป็นอะไรหรือเปล่า! หิวข้าวมั้ย เดี๋ยวน้ำหวานจะไปหาให้นะ ..”

“ มะ ... ไม่ต้องหรอกจ๊ะน้ำหวาน พี่เพิ่งทานเมื่อกี้เอง” มะยมต้องรีบแกะมือของเด็กสาวที่กอดรัดเอวตัวเองไว้แน่น เพราะสายตาอีกสี่คู่กำลังจ้องมองมาอย่างประหลาดใจเช่นเดียวกัน …

คนทั้งสี่ที่ว่านี้ มีสามคนที่มะยมรู้จักนั่นก็คือ วันวิสา สาวสวยมาดสูงศักดิ์เพื่อนร่วมห้อง พลอยใส ที่น่าจะมาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้วและอิสรา พ่อหนุ่มจอมจุ้นคนเดิม...

ส่วนชายสูงวัยรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกงามสง่ามาดมั่น แววตาคมกริบ ดุภูมิฐานกว่าใครในที่นี่ จ้องมองมายังเด็กสาวอย่างแปลกใจระคนสงสัย จนกระทั่งเด็กหนุ่มหน้าตาคลับคล้ายชายสูงวัยคนดังกล่าวเอ่ยแนะนำขึ้นมาว่า

“ ท่านพ่อครับนี่มะยมที่ผมเล่าให้ฟังไงครับ..”

ท่านชายปกรณ์เทวามองดูเด็กสาวที่มีเค้าความสวยประพิมพ์ประพายบนใบหน้าอย่างลงตัวชวนมอง แต่ตอนนี้กลับมีแววหมองคล้ำซูบเซียวเต็มไปด้วยความกังวลในใจ อย่างพินิจพิเคราะห์ถ้วนถี่ ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น …

ในขณะที่ตนเองกำลังจะออกไปเดินดูคนงานในไร่องุ่นกับนายแม้นคนขับรถ อย่างที่ทำเป็นปกติประจำวัน เอ่ยทักทายคนโน้นทีคนนี้ที จนกระทั่งได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากที่ไกล จนเข้ามาใกล้ก้เห็นว่าบุตรชายคนเดียวกำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาแล้วละล่ำละลักอธิบายเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ตนเองไปช่วยเหลือคนๆหนึ่งที่กำลังจะแย่แล้วในตอนนี้ โดยไม่ได้ตัวเองก็ไม่เคยรู้จักมักคุ้นคนๆนี้มาก่อน ...

จึงรีบกลับไปยังฟ้าเมฆาเพื่อทำกิจส่วนตัวบางอย่าง ก่อนจะเรียกนายแม้นออกรถทันที ตามอารมณ์ที่ร้อนรุ่มของผู้โดยสารคนหนึ่งในรถที่เร่งพลขับประจำบ้านให้เร็วรุดไปสถานีตำรวจโดยเร็ว …

พอรถสปอร์ตเทียบฟุตบาทหน้าสถานีตำรวจ อิสรารีบลงจากรถแล้ววิ่งขึ้นไปบนโรงพักในทันที ก่อนจะลงมาในอีกอึดใจพร้อมครูเมตตา ท่านชายปกรณ์เทวายกมือไหว้ครูเมตตาตามลำดับอาวุโส ก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดจนเวลาผ่านไปหลายนาที แล้วคนทั้งสองจึงเดินตรงไปยังห้องสารวัตรใหญ่ ก่อนจะเรียกอิสราเข้าไปอีกคน …

“ สวัสดีค่ะคุณลุง ”มะยมเอื้อนเอ่ยทักทายผู้อาวุโสที่ดูกิริยาท่าทางจะไว้ตัว เงียบขรึมเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งเป็นบุคลิกตรงข้ามกับครูพล พ่อของตัวเองทุกอย่าง ...

“ นี่เธอรู้หรือเปล่าว่าคุณลุงท่านอุตส่าห์สละเวลามาประกันตัวหล่อนไว้ทันนะ ไม่งั้นคงได้นอนกินข้าวแดงแกงร้อนกันไปแล้ว ..” มะยมเหลือบตามองไปข้างหลังเห็นคนพูดคือวันวิสา คู่กัดเจ้าเดิมนั่นเองที่พูดประโยคกระแนะกระแหนแดกดันออกมาเคียงข้างพลอยใสพี่สาวตนเอง เด็กสาวถอนหายใจข่มความรู้สึกอย่างสุดๆ ก่อนจะตอบวันวิสาไปด้วยความรำคาญใจ …

“ ขอบพระคุณคุณลุงและอาจารย์ที่มาช่วยหนูนะคะ ” มะยมก้มกราบคนทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามพลอยใสไปว่า“ พ่อไม่อยู่เหรอพลอย ” “ ไม่รู้ฉันไม่รู้ ...” คนตอบเมินหน้าไปทางอื่นคล้ายไม่อยากสนใจคำถาม กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้างถามว่า...

“ ตอนอยู่ที่โรงเรียนผมไม่ได้อยู่ที่นั่นเลยเป็นพยานให้ไม่ทัน ก็เลยไปตามครูพลที่โรงเรียนโคกพะงาดกับน้ำหวาน ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่โรงเรียนซักคน สอบถามภารโรงก็ได้ความว่า คุณครูทั้งหมดไปสัมมนาเร่งด่วนเรื่องน้ำท่วมที่เชียงใหม่กันทั้งโรงเรียน ผมไม่รู้จะทำยังไงจึงไปหาพลอยใสที่บ้าน ก่อนจะไปขอร้องท่านพ่อให้มาช่วยคุณนี่แหละครับมะยม ”

เด็กหนุ่มพยายามอธิบายด้วยความเห็นใจที่มาช่วยเหลือช้ากว่าที่ควรเป็น“ แล้วคุณชายอิสราก็เป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้นให้เธอด้วยนะมะยม” ครูเมตตาพูดเสริมขึ้นมา...

“ เมื่อคืนหลังจากที่มะยมแยกไปเอาของที่ลืมไว้บ้านเพื่อนที่ชื่อจำปา ผมถือวิสาสะเดินตามคุณไปจนถึงดงมะพร้าว ทันมองเห็นคุณกำลังตบตีกับแก้วตา ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าเข้าไปห้ามคงไม่ดีแน่ จึงยืนรออยู่ที่นั่นจนคุณเดินกลับไป แล้วถึงเดินออกมา ... จนทันสังเกตว่าสักพักได้มีเด็กผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา รูปร่างสันทัด สวมเสื้อหนังสีดำ เร่งรุดเดินสวนทางกับคุณเพื่อไปหาแก้วตา คลาดกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น นี่คือคำให้การที่ผมให้กับทางตำรวจ และก็เชื่อว่าคนๆ นี้ต้องมีส่วนในการตายของแก้วตา..”

อิสราอธิบายเรื่องราวเป็นมาทั้งหมดเป็นเวลานาน จนน้ำหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องมาเสริมคำพูดให้น่าเชื่อถือด้วยการพยักหน้าขอให้มะยมเชื่อ แล้วพูดเพิมเติมว่า ..

“ พอตอนที่พี่มะยมถูกจับตัวมา น้ำหวานตกใจมือไม้สั่นจนไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี คิดได้เลยไปหาพี่อิสราขอให้มาช่วยพี่มะยมหน่อย จนป่านนี้น้ำหวานยังไม่ได้บอกป้าเลยนะ ”

“ ขอบใจมากนะน้ำหวาน ขอบใจมากนะนายมากนะอิสราที่มาช่วยเรา อาจารย์คะตอนนี้หนูต้องทำอะไรต่อไป” สาวร่างบางพยายามจะคลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด …

“ ทางตำรวจให้ประกันตัวแล้วกลับบ้านได้ แต่วันพรุ่งนี้มะยมต้องมาเพิ่มเติมคำให้การอีกนิดหน่อย”
“ งั้นพวกเราไปลาท่านสารวัตรกันดีกว่า จะได้กลับบ้านไปอย่างสบายใจ”

ท่านชายปกรณ์เทวา เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้มะยมเป็นครั้งแรก เด็กสาวจึงยิ้มตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนเช่นเดียวกัน …

กว่าที่รถสปอร์ตคันหรูจะทยอยรับส่งทุกคนจนเกือบครบ คงเหลือเพียงมะยมกับพลอยใสเท่านั้น อิสราแย้มยิ้มออกมาเมื่อรถจอดสนิทหน้าโรงเรียนห่างจากบ้านพักของมะยมประมาณไม่ถึงห้าสิบเมตรเด็กหนุ่มกุลีกุจอลงรถเพื่ออ้อมไปเปิดประตูให้มะยมที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน ใบหน้ามันเพราะความเครียดและความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน จนลืมสังเกตว่ามีคนสองคนในรถกำลังมีหน้าตาบูดบึ้งมากน้อยเพียงใด …

อิสราเดินเคียงคู่กับมะยมไปตามถนนโรยกรวดเส้นทางเล็กๆ ก่อนที่เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาว่า ..

“ หมดเคราะห์กันไปซะทีนะครับมะยม ผมดีใจที่คุณไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องเมื่อคืนผมกังวลใจจนนอนไม่ค่อยหลับด้วยความเป็นห่วงคุณ ก็เรื่องตบตีนั่นแหละครับ..”

“ คราวนี้คงเป็นคราวเคราะห์ของฉันเองแหละ ไม่รู้สินะพักนี้จะทำอะไรก็มีแต่ศัตรูคอยจ้องทำร้ายตลอดเวลา ยังดีที่มีคนดีๆ อย่างนายคอยช่วยไว้เสมอ ไม่งั้นล่ะแย่แน่ๆ..”

“ ไม่เป็นไรหน้าที่ของผมอยู่แล้ว..”

“ หน้าที่อะไรเหรอ ..”

อิสราไม่ตอบอะไรออกไป ยังคงนิ่งเงียบจนสายลมหนาวพัดกรูผ่านเข้ามา มะยมเอามือกอดอกกระชับเสื้อให้รัดแน่นเข้า จนเด็กหนุ่มเมืองกรุงทำท่าาจะถอดเสื้อกันหนาวชั้นนอกสวมให้สาวร่างบาง แต่เจ้าตัวกลับเบี่ยงตัวพร้อมทำท่าโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องดีกว่าเพราะถึงบ้านแล้ว ที่สำคัญไม่อยากให้นางมารแถวนี้อกแตกตายซะก่อน...

อิสราหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ ก่อนหยุดที่หน้าบ้านพักครูแล้วรออยู่ด้านล่างสักครู่ใหญ่ให้สาวน้อยตาคมขึ้นบนบ้านจนเปิดไฟสว่างทั้งบ้านแล้ว ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินหันหลังกลับอย่างอารมณ์ดี..

พอพลอยใสก้าวลงจากรถสปอร์ตหรูก็ยกมือขึ้นไหว้ท่านชายปกรณ์เทวาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะระบายยิ้มเรี่ยๆให้วันวิสาพอเป็นพิธี ทั้งที่สายตาทั้งหมดจับจ้องไปยังคู่หนุ่มสาวที่เดินล่วงหน้าอย่างไม่วางตา ก่อนจะเดินตามไปอย่างรวดเร็ว จนสวนทางกับอิสราที่เดินกลับมาเกือบถึงรถแล้ว ..

“ ฝากดูมะยมด้วยนะครับคุณพลอย ท่าทางยังดูเหนื่อยๆ”

“ คุณอิสไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันเป็นพี่เค้าต้องดูแลเป็นอย่างดี ”

“ งั้น ผมขอตัวกลับล่ะครับ ” อิสราทำท่าจะเก้าขาขึ้นรถ แต่ก็ยั้งไว้แค่นั่นเมื่อพลอยใสร้องเรียกอีกครั้ง

“ เดี๋ยวค่ะคุณอิส .. เอ่อ … พรุ่งนี้คุณจะมาทานข้าวที่บ้านเรามั้ยคะ พวกเราอยากจะเลี้ยงขอบคุณคุณที่กรุณาเป็นธุระทุกอย่างในวันนี้ ”

พลอยใสเอ่ยปากชวนทั้งๆที่ยังไม่ใครเอ่ยปากพูดเรื่องนี้เลย อิสรารู้สึกแปลกใจในพฤติกรรมประหลาดของพลอยใสที่พยายามจะเข้ามาใกล้ชิดตนเองในหลายครั้ง จึงไม่พูดอะไรออกไปเพราะกลัวจะเป็นการเสียน้ำใจคนรู้จักกัน ทั้งๆที่ในใจบอกกับตัวเองว่าถ้าเป็นอีกคนที่อยู่บนบ้านนั่น หัวใจคงจะแช่มชื่นและเออออห่อหมกกลับไปโดยไม่คิดสักนิดเดียวเป็นแน่ จึงตอบกลับไปว่า...

“ เอาไว้คุยกันที่โรงเรียนแล้วกันครับคุณพลอย วันนี้ทุกคนมากเหนื่อยกันแล้ว คุณก็น่าจะไปพักผ่อนได้แล้ว ผมลาเลยนะครับ..” พอเอ่ยจบประโยคเด็กหนุ่มก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันหรูที่สตาร์ทเครื่องไว้รอแล้ว ก่อนปิดประตูแล่นลับหายไปมุมถนนลาดยางสายใหญ่ในทันที คงปล่อยให้เด็กสาวหน้าหวานคมค้อนควับตามไปอย่างน้อยใจ …

----------------------

กาหรือหงส์ ตอนที่ ๙ จบลงแล้ว ติดตามตอนที่ ๑๐ สุดเข้มข้นในีอกสามวันต่อจากนี้นะครับผม ขอบพระคุณที่สละเวลามาอ่านครับ ..

นายอิส/เมฆชรา




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553
0 comments
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 21:23:27 น.
Counter : 1679 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.