จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๗

กาหรือหงส์ ตอน ๗





แสงจันทร์นวลกระจ่างเต็มดวงทอแสงสีเหลืองอร่ามตาสาดส่องปกคลุมทุกสรรพสิ่งในระหว่างทางที่มองเห็นด้านหน้า ขณะนั่งในรถสปอร์ตสีดำคันหรูภายในโอ่โถงกว้างขว้างยิ่งสำหรับคนตัวเล็กๆอย่างมะยม

ในเวลานี้เด็กสาวนคิดไปถึงความไม่เหมาะสมหลายประการในการมานั่งรถคนอื่นเล่นโดยไม่มีเหตุผลที่ดีนอกจากไปเที่ยวหาความสำราญชั่วข้ามคืนประเดี๋ยวประด๋าวแค่นี้เท่านั้น …

มะยมนั่งนิ่งจ้องมองดูผู้เป็นพี่สาวที่นั่งตอนหน้าของรถเคียงข้างคนขับด้านหน้าชักชวนสนทนาในเรื่องไร้สาระต่างๆ จนคนฟังทำท่าจะรำคาญให้รับรู้ในหลายๆ ครั้งซะด้วยซ้ำ แต่จำต้องฝืนทนสนทนาแบบถามคำตอบคำ ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังติดกับมะยมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเบือนหน้าไปมองแสงจันทร์ด้านนอกรอยู่เงียบๆคนเดียว กระทั่งถึงบริเวณงานวัดที่พลอยใสอยากมาเที่ยวในชั่วอึดใจต่อจากนั้น...

อิสราค่อยหักพวงมาลัยรถสปอรต์คันหรูไปจอดใต้ต้นมะค่าโมงที่แผ่กิ่งก้านใหญ่โตคลุมเป็นบริเวณกว้างอยู่ใกล้หอระฆังวัดห่างจากบริเวณงานไม่ถึงยี่สิบเมตร...

“ อิสค่ะ พลอยอยากจะดูรถไต่ถังก่อนน่ะคะ เรารีบไปกันเลยมั้ยคะ..” พลอยใสเอ่ยขึ้นมาในทันทีที่ทั้งสี่เดินมาถึงกลางงานวัด“ครับคุณพลอย พวกเราไปกันหมดนี่เลยนะ..” อิสรายิ้มจนเห็นฟันเรียงสวยตอบคำถามพลอยใส แต่ตาจ้องเขม็งไปที่มะยมเช่นเคย ก่อนจะเอ่ยทักมะยมกับอานนท์ที่นั่งนิ่งเงียบกันมาตลอดทางว่า “ ไม่รู้ว่าคนบางคนแถวนี้ถูกบังคับให้มาเที่ยวหรือเปล่า ไม่ยอมพูดยอมจา..”

“ นั่นสิมะยมอานนท์ ฉันพาพวกเธอมาเที่ยวนะจ๊ะ ไม่ได้พาหนีโรงเรียน มาสนุกกันหน่อยสิ..”

พลอยใสก็เริ่มจะรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา จึงเออออไปกับอิสรา มิวายตวัดสายตาแสดงความไม่พอใจไปยังทั้งสองคนแว่บหนึ่ง ..

“ สนุกน่ะสนุกแน่พลอย แต่ตอนนี้มะยมหิวน้ำและรู้สึกเหนียวหน้าเหนียวตัวด้วยน่ะสิ ประเดี๋ยวมะยม
ว่าจะขออนุญาตไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านจำปา เพื่อนม.ต้นของพลอยไงจำได้มั้ย บ้านเค้าอยู่ข้างวัดนี่เอง ..”

“ เอาสิ เอาสิ เดี๋ยวพลอยจะขึ้นไปดูรถไต่ถังกับอิสราก่อน แล้วเราค่อยเจอกันที่นั่นนะ..” พลอยใสทำท่าคล้องแขนอิสราในทันที แต่ก็ต้องชะงักอย่างตกใจ เมื่อร่างสูงเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับเอ่ยว่า..

“ ผมก็รู้สึกเหนียวตัวและหิวน้ำเหมือนกันครับ ผมขอล้างหน้าล้างตาไปบ้านเพื่อนคุณด้วยคนนะครับมะยม ฝากไปดูรถไต่ถังกับพลอยใสก่อนนะครับอานนท์ สักพักผมกับมะยมจะเดินตามไปสมทบ ..”

“ ได้สิครับคุณอิสรา เรารีบไปกันเถอะพลอย เวลามีน้อยเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกกันพอดี..” พอพูดจบอานนท์เอื้อมมือไปดึงแขนพลอยใสที่ยืนปากยื่น หน้าเบ้ คิ้วขมวด ไม่สบอารมณ์ผู้เป็นน้องสาวมาก ๆ ก่อนจะ ละจากที่นั้นในทันที ..

“ ไปกันเถอะมะยมบ้านเพื่อนคุณหลังไหน ”

คนพูดพยายามชวนคุยเพื่อกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง โทษฐานขี้ตู่โดยไม่บอกกล่าวกันก่อน มะยมถอนหายใจส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินลิ่วไปยังบ้านไม้สองชั้นที่อยู่ข้างหน้าเยื้องวัดไปประมาณห้าสิบเมตร ..
อิสราเดินตามไปติด ๆ ด้วยอารมณ์ร่าเริงกว่าปกติ …

จนกระทั่งทั้งสองที่อยู่ในเครื่องแต่งกายเหมือนคนปกติแล้วและได้มายืนหน้าชิงช้าสวรรค์ใกล้งานแสดงขับรถไต่ถังที่พลอยใสกับอานนท์ยืนโบกมืออยู่ข้างบน อิสราเดินลับหายไปสักครู่ก่อนจะกลับมาพร้อมชูตั๋วสองใบอยู่ตรงหน้า ..

“ ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันเถอะครับมะยม ผมไม่เคยขึ้นเลยตั้งแต่เกิดมา ” คนพูดอธิบายไปอย่างน่าสงสาร ไม่ทันคนฟังจะมีปฏิกิริยาอะไร คนร่างสูงก็ดึงมือคนฟังลิ่วขึ้นไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์เรียบร้อยโดยไม่ฟังเสียงฮือ ๆ ของคนข้าง ๆ แม้แต่น้อย …

เสียงประตูเหล็กปิดดังแกร็ก มะยมนั่งห่อตัวในกระเช้าที่มีพื้นที่แคบเหมาะสำหรับจะนั่งคนเดียวมากกว่าสองคนเช่นตอนนี้ เด็กสาวขยับจะชิดลูกกรงเหล็กพร้อมเอาศอกมากันไว้ทั้งสองข้าง กำมือไว้แน่น จนคนร่างสูงต้องทำหน้าล้อเลียน พร้อมกับกางขากว้างออกไปสุดๆ แต่ก็ทำได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะความสงสารคนตัวเล็กกว่าที่ตอนนี้นั่งเบียดกับลูกกรงเหล็กชิดไปจนริมสุด ประหนึ่งว่ามีขุนโจรห้าร้อยนั่งอยู่ข้างๆ
อิสราขำกับท่าทางของมะยมที่ดูงกเงิ่นเหมือนคนแก่ จึงถามไปว่า

“ อะไร ... กลัวผมขนาดนั้นเลย ”

“ ก็นายขยับมาชิดฉันก่อนทำไม ขยับออกไปด้านโน้นหน่อยสิ ..” มะยมทำน้ำเสียงแง่งอนนิด ๆ

“ ปู้โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร มามาขยับเข้ามาคุยกันใกล้ๆ ดีกว่า นี่ไงผมจะขยับเว้นไว้ให้แล้ว ..”

“ ไม่น่ามานั่งบนนี้กับนายเล้ย อึดอัดพิกล ” มะยมทำท่าขยับแข้งขยับขาให้นั่งสบายขึ้นกว่าเดิม ส่วนอิสรานั่งจ้องดูแล้วยิ้มๆ เด็กสาวจึงหันมองกลับไปอีกทีก่อนจะตีที่แขนดังเพลียะ ..

“ อีตาบ้านี่เห็นฉันเป็นตัวตลกเหรอ..”

“ ผมไม่กล้าหรอกครับมะยม ดุออกอย่างงี้ นี่เป็นเพราะผมอยากนั่งชิงช้าสวรรค์เล่นๆเท่านั้น เลยถือวิสาสะดึงคุณขึ้นมาเป็นเพื่อนเป็นหมู่กัน มะยมคงไม่ตำหนิผมนะ ... นึกเสียว่าสงสารกันเถอะ..”

คนพูดทำเสียงออดอ้อนน่าสงสาร จนอีกฝ่ายจะใจอ่นอยู่รอมร่อหรือลืมโกรธไปในทันที แต่ก็ต้องหลบสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาในทันทีก่อนที่จะเสียฟอร์มไปมากกว่านี้ ..

“ ผมดีใจที่ได้ขึ้นมาบนนี่ มองเห็นทุกคนในงานวัดนี่เลย ...มะยมคงสงสัยในชีวิตผมเหมือนกับคนอื่นๆว่า ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่สุขสบาย เกิดมาบนกองเงินกองทอง เป็นคุณชายชาติตระกูลสูงส่ง อยู่บนฟ้าบนเมฆ ไม่อาจเอื้อมถึงหรือแตะต้องได้ ซางในความเป็นจริงแล้ว มันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ผมก็แค่คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงคนหนึ่ง รับรู้ทั้งทุกข์สุข เหงา เศร้า เหมือนกับคนอื่นๆ แต่อาจโชคดีเพียงหน่อยเดียวเท่านั้นแต่ไม่ทั้งหมด..”

มะยมบ้านป่านิ่งฟังคนตัวสูงคิ้วเข้ม คนเมืองกรุงเล่าเรื่องบางเรื่องออกมาคล้ายรำพึงรำพัน เหมือนอยากมีใครสักคนมารับรู้ความคิดข้างใน พอหันกลับไปมองคนเล่าก็เห็นสีหน้าที่จืดเจื่อนไปจากเดิมเมื่อครู่ชัดเจน ..

“ แต่ถึงยังไงชีวิตของนายก็สุขสบายกว่าคนแถวนี้ตั้งมากมาย ถ้านายได้ไปเห็นบ้านเพื่อนของฉันแถวใกล้ชายป่าแถบกระโน้น นายคงต้องอึ้ง เพราะว่าครอบครัวนั่นพักอยู่ในบ้านที่ไม่มีหลังคาคุ้มหัว อาหารการกินไม่ต้องพูดถึงสุขอนามัยแค่มีชีวิตรอดไปวันๆก็เลือดตาแทบกระเด็น หนำซ้ำเมื่อไม่นานเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอเราครอบครัวเพื่อนฉันขาดเสาหลักของบ้านไปเพราะจมหายไปกับน้ำป่า ... ในทุกวันนี้ชีวิตของพวกเขาแทบจะเป็นซากชีวิตที่เดินได้ พ่อกับพวกครูในโรงเรียนจะหาโอกาสในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปแจกข้าวปลาอาหารเสื้อผ้าช่วยเหลือพวกเขาอยู่เนืองๆ นี่คือตัวอย่างเพียงส่วนเดียวของคนที่นี่ แล้วอย่างนี้นายจะว่านายลำบากได้ยังไงอิสรา...”

“ ผมแค่อยากระบายให้คุณฟังเท่านั้น..”

“ นี่อิสรานายอยากรู้มั้ยว่าคฤหาสน์ หรือ วังฟ้าเมฆาบ่านของนายคนที่นี่เขาเปรียบเป็นอะไร ..”

“ เป็นอะไรมะยม ..” คนร่างสูงใหญ่ส่งตาคมเข้มที่ลดแรงเข้มในแววตาลงไปมากแล้ว ..

“ นายทุนไงล่ะ …ชัดเจนมั้ย ..” แววตาชิงชังในปรากฏขึ้นมาแว่บหนึ่ง ก่อนจะดูเรียบเฉยเหมือนไร้ความรู้สึก “

คนแถวนี้ไม่ชอบใจที่คนรุ่นปู่ของผมมาบุกเบิกตั้งรกรากที่นี่งั้นเหรอครับ ! ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าจะสาวเอาความจริง เรื่องคงจะยาว แต่ท่านพ่อเคยเล่าว่า ท่านปู่มาจับจองที่ทางบนเขานั่นก่อนใครๆ ก่อนจะไปหาเงินทุนจากแหล่งเงินกู้หลายๆที่ จนเกิดไร่ฟ้าเมฆา แล้วชาวบ้านก็ได้งานเป็นคนงานในไร่องุ่นของปู่เกือบทั้งอำเภอ ก่อนจะสร้างวังฟ้าเมฆาตั้งหลายปีนี่ครับมะยม ..” เด็กหนุ่มเถียงไปตามการรับรู้ได้ฟังมาอย่างคร่าว ๆ จากผู้เป็นพ่อ ...

“ แสดงว่านายไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด เพราะตามที่พ่อเล่าให้ฟัง ปู่ของนายมาถึงท่าวังหินภายหลังจากชาวบ้านรุ่นปู่รุ่นย่าของพวกฉันขึ้นไปจับจองพื้นที่ตรงนั้นมานานหลายปีแล้ว จนกระทั่งมาวันหนึ่งปู่ของนายก็พาตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เอากฎหมายที่เขียนขึ้นหลังการจับจองมาขับไล่พวกเราเหมือนหมู เหมือนหมา ไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด ... ชาวบ้านสู้พวกมีความรู้นั่นไม่ได้จนต้องไปอาศัยที่วัดริมแม่น้ำน่านอยู่ จนเกิดชุมชนเล็กๆ ไร้การเหลียวแลจากพวกบ้านเมืองนั่นไง … อย่างนี้นายจะให้ฉันชื่นชมความมั่งมี ร่ำรวยที่มาจากหยาดเหงื่อชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เกิดได้ไงอิสรา ! ฉันขอถามหน่อยเถอะ …”

มะยมรู้สึกว่าสิ่งที่ค้างในใจตัวเองได้ระบายออกไปเกือบหมดแล้ว จึงจ้องมองกลับไปยังเจ้าของตาสีเทาเข้มในทันทีที่พูดจบ แต่เด็กสาวตกใจขึ้นมาทันที เพราะเห็นน้ำในหน่วยตาของคนร่างสูงเอ่อไหลออกมาอย่างไม่กลัวเสียฟอร์ม จึงเผลอตัวเอื้อมมือไปกุมมือที่หนาใหญ่ไว้ในอุ้งมืออย่างลืมตัว..

“ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าบรรพบุรุษนายเลยนะอิสรา ขอโทษจริง ๆ ..”

“ ไม่เป็นไรมะยม เธออาจจะพูดความจริงทั้งหมดก็ได้ ผมได้ฟังความข้างเดียวมาตลอด ไม่เคยได้รับรู้อะไรอย่างนี้มาก่อน สาบานได้ … แม้แต่ลุงแม้น คนเก่าแก่ของบ้านยังไม่เคยปริปากเล่าเรื่องที่ผมรู้สึกแย่อย่างนี้ให้ผมฟังเลย ยิ่งท่านพ่อปกติเป็นคนเงียบขรึมไม่วุ่นวายกับใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านไม่เล่าอะไรอย่างนี้ให้ผมฟังเป็นแน่ ต้องขอบใจมะยมมากที่กรุณาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังและขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ..”

เด็กหนุ่มโปรยยิ้มให้สาวน้อย ก่อนจะเหลือบตาไปมองมือเล็กที่กุมมือใหญ่ของตนไว้แน่นหนาไม่ยอมปล่อยอยู่ตั้งนาน จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกจนสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง แล้วปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว หลบสายตาเข้มที่จ้องมองมาอย่างขอบคุณและเทิดทูนกว่าทุกครั้งที่เคยมองมา …

“ อุ๊ยครบรอบพอดีเลย … เราลงไปกันเถอะครับมะยม พลอยใสกับอานนท์ยืนรอทางโน้นแน่ะ ..”
เด็กสาวยังเขินหน้าแดงไม่หาย ทำได้เพียงพยักหน้าแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนจะเดินตามคนร่างสูงไปอย่างว่าง่ายผิดปกติ ทันทีที่เดินถึงจุดนัดพบ พลอยใสแล่นถลามาหาอิสราทันที่ที่เจอหน้าแล้ว ตรงเข้าเกาะแขนไว้แน่นหนาเหมือนกลัวจะหลุดไปอีกครั้ง …

“ อิสราไปไหนกันมากับมะยมเหรอคะ พลอยรออยู่ข้างบนรถไต่ถังตั้งนานก็ไม่ยอมมาซะที แล้วนี่ยายทอม เอ๊ย ยายยมพาไปเถลไถลที่ไหนมาคะ..”

อิสราไม่ตอบและไม่เอ่ยอะไรออกมา ครุ่นคิดในใจเปรียบเทียบกุหลาบไพรงดงามสองดอกที่เห็นอยู่ตอนนี้ ดอกหนึ่งสวยหวานละมุนใจแต่ไร้กลิ่น อีกดอกหนึ่งสวยเรียบธรรมดาๆ แต่กลับส่งกลิ่นหอมติดตรึงใจไปชั่วชีวิต ..

“ อย่าโวยวายสิพลอย อายคนอื่นบ้างดูสิมองกันใหญ่แล้ว ..” มะยมเหลียวล่อกเหลียวแล่กมองดูเห็นว่าอิสราออกท่าทางรำคาญพี่สาวตนเองมากพอแล้ว ..

“ พลอยไม่สนหรอกว่ามันหน้าไหนจะมอง! มะยมพาอิสราไปเถลไถลอย่างนี้มันใช่ได้ที่ไหน เดี๋ยวพลอยจะต้องฟ้องพ่อ ..” พลอยใสสีหน้างอนเง้า เน้นคำพูดและน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง จนจำเลยที่ยืนข้างๆอีกคนต้องพูดอะไรออกมาบ้างแล้ว ..

“ มะยมกับผมไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันมาครับคุณพลอย ผมขอร้องมะยมให้ขึ้นนั่งเป็นเพื่อนเพราะกลัวความสูงและไม่เคยนั่งมาก่อนเลย ซื้อตั๋วหลายใบเพื่อจะนั่งหลายรอบเลยนานอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ..”

อิสราพยายามอธิบายเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดให้ดีขึ้น เพราะพลอยใสไม่พอใจมะยมอย่างมากจนแสดงกิริยาออกมาชัดเจน ส่วนอานนท์ที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่พลอยใสวีนแตกระเบิดอารมณ์พาลน้องสาวตั้งแต่อิสราแยกไปกับมะยมในตอนแรกแล้ว แต่ก็เพราะรู้ลึกรู้จริงถึงนิสัยของแฟนตัวเองดีจึงนิ่งเงียบไว้ กระทั่งตอนนี้เริ่มไม่พอใจพลอยใสที่รังแกและหาเรื่องมะยมเกินขอบเขตจนไม่น่าให้อภัย จึงอดจะพูดตำหนิไปไม่ได้ว่า ..

“ นี่พลอยจะไปซักไซ้เอาความกับคุณอิสรากับมะยมไปทำไมกัน พวกเรามาเที่ยวกันสนุกสนานไม่ใช่เหรอ ! เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว ผมว่าไปทานก๋วยเตี๋ยวทางด้านโน้นดีกว่านะครับคุณอิส ..ปะมะยม..”

“ ดีครับดีคุณนนท์ ผมเริ่มจะหิวสิ ”

มะยมรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ก็อดแปลกใจในกิริยาที่เปลี่ยนไปของพลอยใสยามเมื่อมีอิสราอยู่ด้วย ดูเหมือนพี่สาวของมะยมจะละทิ้งทุกคน สนใจและเอาใจแต่อิสราเพียงคนเดียว ..นี่ถ้ายายวันวิสา แฟนนายอิสรารู้เรื่องนี้ สงสัยมีแต่พังกับพังแน่ ๆงานนี้ ชักเป็นห่วงพลอยใสขึ้นมาแล้วสิ..

พอถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำในตลาดของอานนท์ที่มาขายในคืนนี้ด้วย ทั้งสี่ก็จัดการกับชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างไม่พูดจากัน กระทั่งคิดเงินเรียบร้อยทั้งหมดเดินเล่นอยู่อีกไม่นาน อิสรามองดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้ดึกแล้ว จึงชวนกลับท่าวังหินกันดีกว่า มะยมเห็นด้วยอย่างยิ่งเป็นคนแรก เพราะเริ่มจะรับไม่ได้กับภาพพลอยใสเกาะแขนอยู่ไม่ห่างจากอิสราเลย … แต่แล้วมะยมก็อุทานออกมาว่าตัวเองลืมชุดนางนพมาศที่อยู่ในถุงไว้บ้านเพื่อนอีกหนึ่งถุง ขอไปเอาก่อน ขอให้ทุกคนรอที่นี่ไปไม่นานหรอก …

มะยมจึงฝากกระเป๋าที่ถือไว้กับอานนท์ แล้วผลุนผลันจากไป อิสราจะวิ่งตามไปแต่ก็ถูกพลอยใสดึงตัวเอาไว้ จึงทำได้แค่ยิ้มแหย๋กับอานนท์ ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี…

พอมะยมเดินและวิ่งลัดเลาะสวนผักของบ้านเพื่อนสาวที่มาเปลี่ยนเสื้อผ้ากับอิสราเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง เพื่อข้ามท้องร่องน้ำก็จะถึงตัวบ้านเรือนหลังคามุงสังกะสีสีเขียวไม่ไกลเท่าใดนัก …

แต่เด็กสาวก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคนสองคนเป็นผู้หญิงและผู้ชายกำลังพร่ำพรอดกอดจูบส่งเสียงหฤหรรษ์อิ่มสุขอย่างเต็มที่ จนมะยมต้องเบือนหน้าหนี แล้วรีบสาวเท้าหนีไปให้พ้นจากบริเวณนั้นในทันที

แต่ด้วยความเร่งรีบเกินไป จึงเผลอเหยียบทางมะพร้าวที่ชี้โด่จนเกิดเสียงดัง ..

…แกร๊ บ บบบบบ ….

“ อุ๊ย …”

“ นั่นใครน่ะ ”

เสียงแผดดังมาจากมุมมืดดังคุ้นหูมะยมเสียเหลือเกิน คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหนมาก่อน แต่เด็กสาวทำเหมือนไม่ได้ยินรีบโกยอ้าวไปจากที่นั่นในทันที กระทั่งถึงบ้านของจำปามะยมหอบกระเป๋าผ้าที่วางไว้ข้างฝาแล้วรีบตรงมายังบริเวณวัดในทันที …

พลันนั้นเองขณะที่เดินผ่านจุดที่มะยมรู้สึกหน้าซ่านแดงด้วยความอายที่แอบได้ยินคนสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เสียงใสแจ๋วก็ดังมาจากดงมะพร้าวใกล้บริเวณนั้น ..

“ โลกมันกลมจริงนะมะยม เราเจอกันอีกแล้ว” เด็กสาวพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดเข้าไปยังที่ใต้ต้นมะพร้าว ก็พบบุคคลที่ทำให้มะยมถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัวไปในขณะนั้น …

“ แก้วตา … เป็นแกเองเหรอ …”

“ นี่ แกกลัวฉัน ” คนพูดทำน้ำเสียงเยาะเย้ย น่าเกลียด จนอารมณ์ที่เคยสงบนิ่งของมะยมเริ่มปวนเปอีกครั้ง “ ใครกลัวแกไม่ทราบ! วันก่อนเล่นหมาหมู่…วันนี้ไม่ยักกะเอาหมู่มาร่วมอุบาทถ์ด้วยหรือะแก้วตา”

“ แกหุบปากของแกไปเลยนะ..”

“ ฉันจะบอกอะไรแก้วตา พฤติกรรมของเธอเข้ากลุ่มเสี่ยงแล้วนะ ระวังเหอะกลางค่ำกลางคืนมากอดจูบกับผู้ชายสองต่อสองในวัดในวาอีกต่างหาก มันดูไม่ดีเลยนะเพื่อน ที่เตือนน่ะเพราะเป็นห่วงเดี๋ยวตายเป็นเปรตเวลาฉันทำบุญคงไปไม่ถึงเธอแน่ๆ ” มะยมทำท่าจะหัวเราะเยาะไปอีก แต่ก็ช้ากว่านั้นเพราะแก้วใจแล่นถลามาถึงตัวก่อนแล้ว…

ถ้าเป็นเมื่อครั้งเมื่อตบตีกันที่หลังโรงเรียน ... มะยมไม่ทันได้ตั้งตัวและชุลมุนจนเกินไป แต่ในคืนนี้เด็กสาวเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว พอแก้วตาถลามาก็เข้าทางเท้ามะยมพอดี ..

“ โอ๊ย ….โอ๊ย …” แก้วตาเซถลา มือไม่สเปะสปะหาหลักยึดจนร่างบางปะทะกองฟางที่อยู่ข้าง ๆ มะยมมองเห็นจังหวะและช่องทาง จึงดีดตัวกระโดดขึ้นคร่อมร่างนั้นในทันที ..

.. ผว๊ะ ..ผ๊วะ .. ผว๊ะ ….

“ ..โอ๊ย ….โอ๊ย …ยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว ”

คนรูปร่างเล็กบางกว่าเอามือปิดป้องหมุดหลุน ที่กระหน่ำฟาดชกไปทั่วหน้า จนได้กลิ่นเลือด กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าฟาง ไม่รู้กลิ่นไหน …

“ รู้สึกเจ็บเป็นเหมือนกันเหรอเพื่อน ... เย็นวันนั้นแกทำฉันก่อน กลับบ้านเจ็บปางตาย … วันนี้ทีของฉัน ขอเถอะนะ ขอเอาคืนบ้าง ... เป็นนักเลงจริงก็อย่าร้องโอดโอย”

.. ผว๊ะ ..ผ๊วะ .. ผะ ….

แก้วตาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด รู้แต่ว่าของเหลวที่อยู่ในปากตัวเองในตอนนี้คือ กลิ่นคาวเลือดกลบรวมกับน้ำลายตัวเอง ความแค้นพุ่งพ่านขึ้นขีดสุด เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ จนร่างสูงที่คร่อมอยู่บนร่างตัวเองหายลับไปในทันทีแก้วตาร้องไห้ฟูมฟายออกมา ...

“ โอ๊ยอีบ้า …. เลือด ๆๆ ฉันออก … ฮือ ๆๆๆ ฟันฉันหลุดด้วย! ฮือ ๆๆ อีมะยมฉันต้องฆ่าแกแน่ ๆ คอยดูสิ แน่จริงแกกลับมานี่สิ อีบ้ากลับมานะ …”

เสียงของผู้หญิงแว่วดังมาจากดงมะพร้าวทางด้านโน้นทำให้อิสรารีบสาวเท้าไปในทันที แต่ก็ต้องรีบกระโดดหลบไปใต้ต้นมะม่วงข้างทางเดิน เมื่อเห็นร่างสูงบางของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาอย่างเร่งรีบ เป็นมะยมนั่นเอง อิสราสงสัยว่าผู้หญิงทางด้านโน้นอีกคนเป็นใครทำไมร้องไห้คร่ำครวญโหยหวนได้ขนาดนั้น จึงรีบออกจากที่ซ่อนตัวแล้วตรงไปยังกองฟางด้านหน้าในทันที …

“ ยายแก้วตามาทำอะไรที่นี่ …”

อิสราเห็นสภาพยับเยินของแก้วตาก็เดาเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นได้ คราวนี้มะยมคงลงมือหนัก เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงสาวน้อยร่างสูงหน้าคมเข้าแล้วสิ ! …

… เด็กหนุ่มรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะตามมา ….

-------------------------------------
กาหรือหงส์ ตอน ๗ จบลงแล้ว .. เพื่อนหนอนอ่านแล้วเป็นยังไงบ้างคอมเม้นท์ได้ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ .. ผมเป็นนักหัดเขียนนวนิยาย .. ยังต้องการกำลังใจจากเพื่อนๆอีกมากมาย .. ขอบคุณที่เข้ามาติดตามกันหนาตาพอควร .. ขอบพระคุณมากครับ .. แค่เข้ามาผมก็ตื้นตันจนมีแรงเขียนเรื่องใหม่ๆๆต่อปีอีกเยอะแยะ .. ติดตามตอน ๘ วันสองวันนี้ครับผม ..

นายอิส / เมฆชรา






 

Create Date : 18 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 20:07:16 น.
Counter : 1009 Pageviews.

 

เป็นคนที่ชอบอ่านนวนิยายมากคะ...

 

โดย: อุษา IP: 157.7.205.214 20 เมษายน 2558 11:00:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.