จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๓

กาหรือหงส์ ตอน ๓




อากาศลมเย็นฉ่ำๆ ในตอนเช้าเช่นนี้แหละที่มะยมแสนจะปรารถนาอยากจะได้พบเจอในทุกวัน เพราะสภาพอากาศที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยละอองหมอกเจือไปด้วยกลิ่นไอของป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้นี่เองที่หล่อหลอมตัวตนของเด็กสาวให้เติบโตเป็นคนเต็มคนมานานสิบเจ็ดฝนแล้ว ....

ในวันนี้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเมื่อครั้งยังเด็ก แต่จะแตกต่างเพียงแค่สภาพบ้านเรือนและผู้คนที่มากขึ้น ความเจริญเส้นทางคมนาคมสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนลิบลับ ...

อำเภอท่าวังหินอาจะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆใกล้ชายแดน ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขาหลวงพระบางอันกว้างใหญ่ทอดยาวสลับซับซ้อน และสูงเสียดฟ้า ใหญ่ทะมึนเหมือนอ้อมกอดขนาดใหญ่ ... ธรรมชาติได้สรรสร้างความมหัศจรรย์ให้กับท้องที่แห่งนี้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นทิวเขาทึบทะมึน น้ำตกที่ที่ซานซ่าใหญ่โต หรือแม้แต่สายน้ำสายชีวิต นั่นคือ ลำน้ำน่านอันทอดยาวไกลหลายร้อยกิโลก็มีต้นสายอยู่ที่อำเภอแห่งนี้ …

วันนี้เป็นอีกวันที่เด็กสาววัยใสอย่างมะยมต้องตื่นเช้าขึ้นมาทำหน้าที่ตามปกติทุกวัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมงานบ้านที่เคยเป็นหน้าที่พลอยใสกลับถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี อาทิจัดเสื้อผ้าให้ครูพล หรืองานกรอกน้ำตู้เย็น ...

มะยมฉิวขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นทุกอย่างวางอยู่เดียวดายและกลับเป็นภาระตนเองไปเสียฉิบ จนหวนนึกถึงปฎิกิริยาชองพี่สาวในห้องเรียนเมื่อวานแล้วอดแปลกใจไปไม่ได้ ทั้งๆที่ใจจริงแล้วอยากจะถามให้รู้ความเมื่อหลับมาจากโรงเรียนแล้ว แต่พลอยใสก้มหน้าหนีหรือไม่ก็หลบหน้าหลบตาเดินเลี่ยงไปทางอื่น จนแอบหนีไปกับอานนท์ เพื่อนชายใกล้ชิดในตอนค่ำ ก่อนจะโผล่หน้ามาให้เห็นเอาตอนสี่ทุ่ม ซึ่งครูพลได้พักผ่อนไปแล้ว
จนมาเช้าวันนี้ ประตูห้องของพลอยใสเปิดอ้าทิ้งไว้โดยไร้ร่องรอยเจ้าของห้อง มะยมจึงเดินไปยังอีกห้องเล็กๆ ถัดไป ก็พบว่าเสื้อผ้าครูพลที่แขวนไว้ยังอยู่ในสภาพเดิมไม่มีการจัดเตรียมรีดไว้เลย ...

เด็กสาวส่ายหน้าช้าๆ ครุ่นคิดประหลาดใจในพฤติกรรมของพลอยใสว่าแปรเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่เป็นพลอยใสที่น่ารักคนเดิมและจู่ ๆ ทำไมถึงต้องลุกขึ้นมาประกาศเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับตนเองนับตั้งแต่ได้เพื่อนเป็นสาวผิวบาง ผู้ดิบผู้ดีจากกรุงเทพฯ คนนั้น

มะยมจดจำสายตาของเด็กสาวเมืองกรุงที่มองเหยียดมาจนเหมือนกลัวความเป็นบ้านนอกกจะกระดอนกระเด็นเข้าใส่ตัวยังไงยังงั้น เฮ้อ...เห็นทีพวกนี้คงต้องรบรากับสาวบ้านป่าอย่างเราไปอีกนาน ...

แต่ใบหน้าคร้ามคม ขาวกระจ่างตาของใครบางคนกลับทำให้มะยมรู้สึกประหลาด ๆ …

มะยมสะดุดความคิดตัวเองไว้แค่นั้น เมื่อเห็นครูพลเดินทำท่างัวเงียๆ ออกจากห้องนอนมาเหมือนคนยังไม่ตื่นนอน จึงเอ่ยถามไปว่า “ อ้าวพ่อจ๋าตื่นนานแล้วเหรอจ๊ะ ..”

“ ได้สักพักใหญ่แหละลูก ว่าแต่ว่าวันนี้ลูกสาวพ่อตื่นเช้ากว่าทุกวันนะ” คนพูดยิ้มแย้มอารมณ์ดี

“ อากาศดีๆ แบบนี้มะยมเลยลงมือทำแกงจืดเต้าหู้สาหร่ายที่พ่อชอบจ๊ะ ตอนนี้ตั้งอุ่นๆ ไว้บนโต๊ะแล้ว พ่อทานได้เลย มะยมจะขอตัวไปอาบน้ำก่อน..”

“ ไม่เห็นพลอยเลย ไปไหนเสียล่ะลูก ”

“ สงสัยพลอยเค้ามีงานด่วนที่โรงเรียนมั้งพ่อ ประเดี๋ยวมะยมก็ต้องรีบไปเหมือนกัน วันนี้มีซ้อมถือพานด้วยว่าจะขออนุญาตพ่อกลับค่ำหน่อยนะจ๊ะ ..”

เด็กสาวเดินเข้าไปเกาะแขนพ่อเชิงประจบ ก่อนจะกระโดดเขย่งเท้าหอมแก้มผู้เป็นพ่ออย่างที่เคยทำประจำเมื่อต้องการจะขออะไรเป็นพิเศษ...

“ ไม่ต้องมาเอาใจขนาดนี้ก็ได้ลูก พ่ออนุญาต เพราะครูพักตร์กับครูเมตตาโทรศัพท์มาขอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าแต่เราอย่าเถลไถลไปที่อื่นต่อล่ะ เป็นสาวเป็นแส่อันตรายรอบด้าน ยิ่งไม่มีใครคอยกำชับอย่างนี้พ่อนิ่งนอนใจไม่ได้แน่ๆ” ครูหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบคลายอ้อมกอดลูกสาวคนเล็กเพื่อเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลรินลงมา

“ พ่อคิดถึงแม่เหรอ..” เป็นคำถามเดียวเท่านั้นที่ทำให้น้ำตาหยดแรกของครูพลหล่นลงมาในทันที..

“ คิดถึงสิลูก ทุกลมหายใจของพ่อเลย ... นี่ถ้าแม่เค้ายังอยู่คงได้เห็นกุหลาบน้อยของพ่อสองดอกนี้สวยงดงามน่าชื่นชมแค่ไหน ..” เสียงแว่วสะอื้นเล็กๆ เจือปนออกมา จนมะยมเข้าไปสวมกอดผู้เป็นผู้พ่อไว้แน่น โดยที่มืออีกข้างเช็ดน้ำตาที่หยดไหลอยู่เช่นกัน..

“ มะยมคิดถึงแม่ รู้สึกว่าแม่ยังอยู่กับเราตลอดเวลา..”

“ อย่าคิดอย่างนั้นนะลูก เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงไม่ยอมไปไหนอีก เราอยู่กันสามพ่อลูกอย่างนี้ก็สบายดีแล้วนะ ให้แม่มองเราอยู่ข้างบนดีกว่า เอาล่ะเราไปทำธุระต่อเถอะเดี๋ยวพ่อจะลงไปดูตามิ่งเปิดห้องพักครูหรือยัง “ มะยมพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินออกไปยังห้องอย่างคนใจลอย …

-- -- -- -- -- -- -- -- -- -

พอจูงเจ้ามอเตอร์ไซต์คันโปรดจอดชิดด้านในโรงจอดรถของโรงเรียนแล้ว มะยมจับกระเป๋าสีดำด้านซ้าย แล้วจูงน้ำหวานมาด้านขวา ก่อนจะจูงมือกันตรงไปยังสามแยกปากหมาที่ประจำของแก็งสาวซ่าส์ในทันทีที่มองนาฬิกาบนข้อมือว่าเหลือเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะถึงเวลาเข้าแถว ...

พอก้าวขาหยั่งไว้บนม้าหินอ่อนเป็นเชิงเย้าสมาชิกทั้งหมด เสียงแปรนแรนของส้มโอ สาวห้าวประจำกลุ่มดังแทรกอนูความเงียบเมื่อครู่ไปซะหมด ..

“ วันนี้มาโรงเรียนแต่หัววันเลยนะเพื่อน พวกฉันยังนินทาแกได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยอ่ะ..”

“ เป็นโรคจิตหรือไงวะชอบนินทาชาวบ้าน นิสัยไม่ดีอย่างงี้น่าจะส่งไปอยู่ภาคใต้นะ..” มะยมชี้หน้ากวาดไปที่สมาชิกทุกคน ตั้งแต่ส้มโอ แมว หยาดทิพย์ ฝน และนังชะนีจำแลงที่ชื่อมะหมี่..

“ แล้วรู้เหรอว่าพวกเรานินทาเรื่องอะไรนังต๊อง..” แมวโพล่งขึ้นมาเพราะอดขำท่าทางกรีดนิ้วเป็นหญิงจ๋าของมะยมไม่ได้ “ จะเรื่องอะไรอีก ถ้าให้เดาต้องเป็นเรื่องฉันถือพานคู่นายหน้าจืดขวัญใจคนใหม่ของพวกแกใช่มั้ย ” มะยมเอ่ยสวนขึ้นไปพร้อมยกไหล่ทำท่าน่าหมั่นไส้ กวนคนเล่นๆ ไปยังงั้น ..

“ แหม ! ทีงี้ทำเป็นแสนรู้ขึ้นมาเชียวนะหล่อน อ้าวแล้วเมื่อตะกี้เม้าท์ว่านังยมต้องนอนฝันหวานทั้งคืนที่ได้ถือพานกับอิสรา”

“ จะโทษใครกัน แกเป็นคนเปิดเรื่องนี้ก่อนใครไม่ใช่เหรอ อย่ามั่วนิ่มนะโว้ย ”

“ ขอถามหน่อยว่ะเพื่อนๆ การที่ดิฉันถือพานกับนายนั่นมันแปลกประหลาดตรงไหนมิทราบคะ…”

มะยมแห้วกลับไปมั่ง ซึ่งก็ได้ผลเมื่อสมาชิกแก๊งสาวซ่าส์เงียบเสียงลงไปในบัลดล กระทั่งมีเสียงแหบต่ำดังลอดขึ้นมาจนทุกคนต้องหันไปมอง เป็นมะหมี่สาวสวยในกลุ่มนั่นเอง …

“ ก็ไม่แปลกหรอกค้าคุณรักยมขา เพราะหล่อนผูกขาดการถือพานไหว้ครูมาทุกปีตั้งแต่ ม.1โน้นแล้ว แต่ เอ่อ .. แต่ครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่ได้ถือพานกับคุณชายแห่งไร่ฟ้าเมฆาอันใหญ่โตแสนโก้หรูบนเนินเขาจอมทองนั่นไงล่ะจ๊ะ นี่ถ้าไม่ติดเป็นกรรมการจัดงานนะ ฉันคงจะสละตัวเพื่อรักแท้ในวันไหว้ครูเป็นแน่ ... ฉันล่ะย้าก อยากได้โอกาสแบบแกจังเลยมะยม ทำไมนะทำไมถึงไม่มีใครเห็นความสวยความงามของฉันบ้าง พวกบ้านนอกตาต่ำซะไม่มี ”

“ เฮ้ยๆ นังนี่ลามปามคนที่แกพูดถึงกำลังเดินตรงมาทางนี้ใช่มั้ย” มะยมพูดเสร็จบุ้ยปากไปยังทางเดินเมื่อเห็นครูพักตร์ หรือ อาจารย์พักตร์พิไลเดินตรงดิ่งมายังโต๊ะเสวนาใต้ต้นดอกแคฝรั่งแห่งนี้ …

“ ปละ .. ละ .. เปล่า ฉันไม่ได้เจตนานะมะยม ..” มะหมี่เริ่มพูดตะกุกตะกัก เหงื่อตก มือไม้สั่นสะเปะสะปะไม่เป็นสุขเมื่อเห็นบุคคลที่มายืนเท้าสะเอวตรงหน้าคือคนที่ตัวเองกำลังนินทาเมื่อครู่ ..

“ ใครนินทาครูไม่ทราบ นายประโดนเธอหรือเปล่า..” คนพูดส่งสายตาจิกกัดไปยังลูกศิษย์สลับเพศที่นั่งตัวสั้นหน้าซีด ท่ามกลางหมู่เพื่อนที่อยู่ในอาการไม่ต่างกันเท่าใด ..

“ เปล่านินทาใครค่ะอาจารย์ พวกหนูกำลังพูดถึงอิสรานักเรียนใหม่กันอยู่น่ะค่ะ” สาวน้อยหน้าหวานสุดในวงสนทนามากอบกู้สถานการณ์เอาไว้อย่างเฉียดฉิว ... น้องน้ำหวานหวานใจสาวมะยมนั่นเอง ..

“ เธอไม่ได้นินทาครูแน่น่ะนายประโดน..” ครูพักตร์ถามสาวร่างยักษ์ไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ แน่ใจค้าครูขา พวกเราไม่ได้นินทาใครเล้ยสาบานได้คะ เพียงเกิดอาการอิจฉานังยมที่ได้ถือพานกับคนหล่อสุดในโรงเรียนตอนนี้แค่นั้นเองค่ะ ไม่เชื่อถามทุกคนดูสิคะ” มะหมี่ลากเหตุผลแสนแปดพันประการมาอ้างด้วยสีหน้าซื่อๆ ตาใส ๆ พรางขอความเห็นจากเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งคราวนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันจึงพยักหน้าช่วยแก้สถานการณ์นี้ให้ผ่านไปก่อน ….

“ เออดีแล้ว ... พวกเราอย่านินทาใคร มันไม่ดี เดี๋ยวจะติดตัวเป็นนิสัยแก้ไม่ได้ในตอนโต เอาล่ะมาเข้าเรื่องดีกว่า ที่ครูเดินมาหาพวกเรานี่ก็อยากจะขอให้เราทั้งหมดไปช่วยครูจัดคิวพวกที่มาซ้อมถือพานในตอนเย็นหน่อย มีใครไม่ว่างมั่งจ๊ะ ..”

ครูพักตร์ส่ายตามองยังลูกศิษย์สาวหน้าใสทุกๆ คนทันทีที่พูดจบ สาวๆนั่งกันนิ่งๆหันซ้ายขวาเพื่อขอความเห็นกันแล้ว จนได้ข้อสรุปจึงพยักหน้าอีกครั้ง...

“ ถ้างั้นเย็นนี้สี่โมงเย็นเจอกันที่หอประชุมนะจ๊ะทุกคน แล้วนี่มะยมได้คุยกับอิสราหรือยัง ...เรารู้นะว่าครูจะให้เราสองคนเป็นพิธีกรคู่กันด้วย” มะยมสะดุ้งโหยงเมื่อครูพักตร์หันมาถามเอาตอนที่ตัวเองกำลังเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อยู่พอดี ..

“ หนูยังไม่ได้คุยกับนายอิสราเลยค่ะอาจารย์ ”

“ งั้นตอนบ่ายวันนี้ เธอกับอิสราคุยซักซ้อมจังหวะการพูดกันซะนะ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกครูได้ ”

“ ค่ะอาจารย์..”

แก๊งสาวซ่าส์ทั้งหมดยกมือไหว้ครูพักตร์พิไลที่เดินลับจากไปในทันทีที่พูดจบ แต่วงสนทนากับกระหึ่มเสียงขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเซ่งแซ่จนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงใครเป็นเสียงใคร แต่จับถ้อยคำที่สนทนาได้ว่า

“ แกได้เป็นพิธีกรคู่พ่ออิสของฉันด้วยเหรอ โอ๊ยตายแล้ว นังเพื่อนโลภมาก นี่ใจคอแกคิดจะแย่งทุกอย่างของฉ้านไปจนหมดเลยเหรอนี่ นังทอมบ้า ”

ด้วยอากาศที่ร้อนจากข้างนอกหอประชุมยังผะผ่าวพัดเอาลมร้อนเข้ามาภายในเป็นระยะๆ จนทำให้บรรยากาศการซ้อมถือพานคึกคักไปพร้อมร้อนระอุของอากาศในช่วงบ่าย เมื่อยังไม่ถึงคิวได้เดินเข้าไปซ้อมจริง อิสรายืนแกร่วอยู่ใกล้กับประตูทางออกแล้วจ้องสาวหน้าคมสีหน้าบอกบุญที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนักอย่างพินิจพิเคราะห์จนลืมตัวไปชั่วขณะ ...

กระทั่งตัวแทนนักเรียนทุกระดับชั้นได้ซักซ้อมเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว คณาจารย์จึงให้ทุกคนเข้ามารวมกันบริเวณด้านหน้าเวทีที่ทำไว้ลอยสูงระดับอก เพื่อนัดแนะอีกครั้งก่อนจะถึงวันจริง ...

อิสรามองเห็นว่าปฏิกิริยาของมะยมโดยตลอด ว่ามีสีหน้าที่บูดบึ้งไม่ยิ้มแย้มเลย ตั้งแต่ตนเองได้ทักทายครั้งแรก เลยมีความคิดอยากจะทำอะไรสนุกๆคลายเครียดสักอย่างดู จึงเดินตรงเข้าไปหาแล้วเอ่ยทักว่า...

“ เราไปซ้อมบทพิธีกรทางโน้นมั้ยครับมะยม ”อิสราถามไปด้วยไมตรีที่เปี่ยมล้นหวังว่าจะได้รับคำยินยอมโดยดี แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ...

….เงียบ….เงียบ….เงียบ เงียบ ……

ไม่มีเสียงใดใดกลับมาเลย เด็กหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็คาดเดาฤทธิ์เดชของแม่เสือสาวมาดทอมบอยคนนี้ได้บ้างแล้ว จึงพูดต่อไปอีกหนึ่งประโยคว่า …

“ผมชอบมะยมครับ ”


ได้ผล ทันทีที่พูดจบประโยคแม่สาวรสเปรี้ยวแห่งท่าวังหิน หันควับตาลุกวาวกลับมาในทันที พร้อมกับจ้องมองเหมือนมีไฟดวงใหญ่กำลังลุกคึ่กอยู่ในนั้น อิสราอมยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้เวลาโกรธจัดดูน่ารักเหมือนผู้หญิงธรรมดาๆไม่ใช่สาวทอมบอยอย่างที่เจ้าตัวพยายามปั้นจะให้เป็นอยู่ในตอนนี้

“ วอนซะจริงพวก อยากเจ็บตัวหรือไง..”

มะยมถลึงตา กำหมัดแน่นเตรียมชกไปข้างหน้าทันทีที่ได้จังหวะ แต่เด็กหนุ่มยังคงทำหน้ายิ้มแย้มล้อเลียนไปอีกครั้ง ก่อนจะทำทีเป็นถอยหลังอย่างเกรงกลัว แต่มะยมก็รู้ว่ามันเป็นการล้อเลียนตนเองสนุกๆ คึกคะนองไปตามประสาเท่านั้น หามีความจริงใจไม่ จึงเท่ากับโหมเพลิงแห่งความโกรธเพิ่มมากขึ้นไปอีก...
“ ผมพูดจริงมะยม ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น...”

“ นายบ้าหรือเปล่า อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย ..”

“ ไม่กล้าล้อเลียนเจ้าแม่ของที่นี่หรอก แค่อยากซ้อมบทพิธีกรเท่านั้น สาบานก็ได้เอ้า ..”

อิสรายกมือทำท่าชูนิ้วมือสองนิ้วเหมือนลูกเสือสำรอง มะยมที่ยืนจ้องเกือบหลุดขำกิ๊กออกไปแล้วเหมือนกัน แต่ก็คุมอารมณ์ได้ในสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่อ่อนแรงลงบ้างแล้ว

“ โอเค ... ฉันพยายามจะเข้าใจสิ่งที่นายทำนะ เอาล่ะไหนบทที่ว่า เอามาดูหน่อยสินายอิส..”

“ นี่ครับ”

คนพูดยังคงสีหน้าแช่มชื่นอยู่มิคลาย มะยมเตรียมจะแห้วหลับไปอีกครั้งแต่ก็ชะงักไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงฮือฮาๆดังลั่นบนเวที จึงรับเดินหนีไปยังที่นั่นทันที ..

“ เอาล่ะน้องๆตอนนี้ทุกคนคงรู้จักพี่มัดหมี่ เอ๊ยมะหมี่กันแล้วนะ วันนี้พี่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์พักตร์วิไลนามไพเราะให้มาสาธิตวิธีการเดินแบบ เอ๊ย เดินถือพานให้ทุกคนชม ขอให้ทุกคนจงดูให้ดีอย่ากระพริบตาโดยเด็ดขาดนะคะ ”

แล้วมะหมี่สาวสวยประจำแก๊งสาวซ่าส์ค่อยๆ เดินนวยนาด ตูดบิดตูดเบี้ยวไปข้างหน้าเสมือนไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน กระทั่งสียงหัวเราะของนักเรียนทั้งหมดที่มาซ้อมถือพานในวันนี้ดังสนั่นห้องประชุมจนแทบระเบิด จนคณะกรรมการไม่มีสมาธิทำอะไรกันแล้ว …

ครูพักตร์วิไลเห็นท่าจะไม่ได้งานแล้ว จึงเดินตรงมาพร้อมกับยกมือช้าๆขอความสงบ แต่ก็ไม่ได้ผลเลย ทุกคนหัวเราะกับท่าทางการเดินถือพานเหมือนแย้ลงรูของมะหมี่อยู่ตรงนั้น ..

จนกระทั่งมีฮีโร่ได้ขึ้นเวทีไปช่วยให้เวลาสำหรับพิธีการซักซ้อมได้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีก็คือสาวหน้าคมประธานนักเรียนนั่นเอง มะยมส่ายหน้าช้าๆก่อนจะตรงไปยืนข้างหลังมะหมี่จอมซ่าส์แล้วยกขาขึ้นสูง ก่อนจะยันโครมไปข้างหน้าที่ก้นอันงามงดของมะหมี่ในทันที …

“ ว้าย ยยยยยยย ….. ตาเถรหกจกกะเปรต ..”

ภาพมะหมี่พุ่งถลาเซไปกองกับพื้นในทันทีที่มะยมยกเท้าขึ้นยันโครมไปที่บั้นท้าย ทำเอาเสียงหัวเราะที่ดังกระหึ่มในตอนแรกเพิ่มดีกรีความดังเข้าไปอีกหลายเท่าตัว แต่เสียงๆหนึ่งก็ทำเอาทุกคนต้องหันไปมองยังต้นเสียงอีกครั้ง “ เฮ้ย ทั้งสองคนหยุดเล่นได้แล้วลงมาช่วยครูทางนี้หน่อย” เสียงแหลมปรี๊ดของอาจารย์เมตตา
ทำเอาสองสาวที่กำลังฟัดนัวเนียบนเวทีต้องหยุดชะงัก แล้วลงมาตามคำสั่งทันที ..

“ ครูขานังรักยมมันเริ่มก่อนนะคะ มันกระโดดถีบหนูตอนกำลังจะสอนโพสต์ท่ากับน้อง ๆ ..”

“ แหกตาดูชาวบ้านเค้ามั่งอีบ้าผีบ้า ตอนนี้เขากำลังทำอะไรกันอยู่ …หน่อย ! ทำมาเป็นโพสต์ท่าอวดพวกผู้ชาย ก็สมควรแล้วที่ถูกถีบ ..”

คนพูดทำปากเบะพร้อมแลบลิ้นล้อเลียนเพื่อนร่วมแก๊งอย่างไม่เกรงใจครูผู้อาวุโสที่ยืนตรงหน้าเลย ครูเมตตาอารมณ์เดือดพุ่งสูงปรี๊ดขึ้นทันที สีหน้าท่าทางแดงกล่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัว ก่อนจะถูกข่มลงในทันทีเมื่อเหลือบตามองรอบ ๆ ว่ามีครูอีกหลายคนยืนอมยิ้ม จัดนักเรียนเข้าแถวให้เรียบร้อยอยู่ด้านหน้าเวที ..

“ เอาล่ะทั้งสองคนหยุดได้แล้ว มาช่วยครูด้านนี้ มะยมไปยืนคู่นายอิสราด้านโน้น มะหมี่ตามขึ้นไปนั่งเป็นตัวแทนอาจารย์ใหญ่ มามะเร็วๆ เข้าอย่าให้เสียเวลาอีกเลย ..”

มะยมแยกตัวเดินเข้ามาจับคู่กับอิสราอีกครั้ง เด็กหนุ่มหัวเราะหึหึจนมะยมอยากจะโมโหแล้วฟาดเปรี้ยงไปอีกรอบ แต่ตัวต้นเหตุกลับยังคงทำสีหน้าล้อเลียนพร้อมกับชี้ไปยังอาจารย์เมตตาที่กำลังจ้องมองมาจากบนเวที .. มะยมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก แต่ก็ต้องฝืนทำหน้าที่ต่อไป...

พอถึงการซ้อมถือพานมาถึงคู่ของทั้งสอง อิสรากับมะยมเดินตรงไปยังหน้าเวทีด้วยอาการสั่นและประหม่าเหมือนมีเรื่องคิดอยู่ในใจ กระทั่งต้องคุกเข่าลงแล้วคลานไปด้านหน้าเวที มะยมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมาอิสราทำไมเงียบเสียงผิดปกติไปจากเมื่อครู่ ....

จึงผินหน้าไปมอง ... จนพบว่าระดับสายตาของอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าอกของตน มะยมจึงก้มลงไปมองตามสายตาคู่นั้นทันที ก่อนจะรู้สึกช็อกสุดขีด เมื่อมองเห็นว่ากระดุมเสื้อเม็ดแรกได้หลุดหายไปถึงสองเม็ด...

เด็กสาวรู้สึกตกใจมือไม้สั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงปล่อยพานพุ่มที่ถืออยู่ร่วงหล่นไปบนพื้นต่อหน้าต่อตาครูเมตตา ....

แต่ทว่าพานพุ่มก็ยังไม่ตกถึงพื้นในทันที เพราะมีมือคู่หนึ่งสอดมาจากด้านหลัง แล้วเอื้อมรับพานพุ่มในจังหวะพอดิบพอดี ...

ทุกคนที่ยืนและนั่งบนเวทีต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนทั้งสองประคองพานพุ่ม โอบกอดกันด้วยความบังเอิญยิ่ง ... จนมะยมถึงกับใบหน้าแดงกร่ำเป็นลูกตำลึงสุก เพราะภาพที่คนทั้งหอประชุมในตอนนี้คือ อิสรากำลังโอบกอดตัวเองมาจากด้านหลัง ....

มะยมรู้สึกอายแสนอาย อยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้ไกลที่สุด …

อิสราก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเช่นเดียวกัน แต่เป็นเวลาแห่งความหฤหรรษ์ที่ได้แกล้งคนเล่น…

จึงแกล้งสูดกลิ่นกายจากสาวม้าพยศคนนี้เข้าเต็มปอด จนรู้สึกได้ว่าเป็นกลิ่นแป้งหอมกรุ่นของกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นนิยมใช้กันในวันนี้ ...

เด็กหนุ่มนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวจนสาวหน้าใสในอ้อมแขนเริ่มรู้สึกตัว แล้วผลักร่างใหญ่ที่โอบรอบตัวเองไปให้พ้นตัวอย่างรวดเร็ว มะยมหน้าแดงจนเขียวคล้ำ รู้สึกอายที่ตนเองดูเหมือนจะเสียท่าผู้ชายตัวสูงหน้าขาวคนนี้อีกแล้ว จึงทำได้แค่เพียงกำหมัดแน่นจ้องตาถลึงใส่ไปเท่านั้น ก่อนจะพึมพรำในใจว่า นี่ถ้าไม่ติดที่ครูประสงค์ ครูเมตตา ครูพักตร์วิไล และคนอื่นอีกสามสี่ท่านอยู่แถวนี้ ...

นายหน้าขาวคนนี้มีหวังถูกชกหน้า ตาบวมปูดไปแล้วแน่ๆ มะยมจึงกลั้นใจเดินก้มหน้างุดแล้วลุกขึ้นเดินไป กระทั่งเวลาแห่งความยุ่งยากผ่านไปด้วยความเรียบร้อยกึ่งทุลักทุเล ทั้งงานเป็นพิธีกรคู่กับอิสราที่ได้รับคำชมอย่างท่วมท้น …

นายอิสรา… คนที่มะยมไม่ชอบขี้หน้าเลย กลับกลายเป็นคนที่ทำหน้าที่พิธีกรในวันนี้ได้ดียอดเยี่ยมไม่มีที่ติแถมยังช่วยมะยมในหลายครั้งที่ต่อบทพูดยาวๆอีกด้วย

มะยมบอกตัวเองว่าใจข้างในทำไม เต้นตูมตาม เป็นประหม่าเมื่อยืนอยู่ข้างนายคนนี้ รู้สึกใจสั่น หวามไหวอย่างบอกไม่บอก .... เป็นอะไร? ฉันเป็นอะไรไป? เด็กสาวเฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนี้ …

-- -- -- -- -- -- -- -- -- -
จบกาหรือหงส์ ตอนที่ ๓ อีกแล้ว ..ติดตามความเข้มข้นได้ในวันสองวันนี้แหละครับ .. ขอบพระคุณที่สละเวลามาอ่านงานนักหัดเขียนคนนี้นะครับ .. นายอิส /เมฆชรา




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2553
0 comments
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 14:51:24 น.
Counter : 830 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.