ล้างใบหน้าให้สวยใส
รู้หรือไม่ว่าการล้างหน้าเป็นพื้นฐานการดูแลผิวหน้าที่สำคัญที่สุด การกำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออก คงไว้ซึ่งผิวที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นหนทางนำไปสู่การมีผิวสวย มาเรียนรู้วิธีการล้างใบหน้าอย่างถูกขั้นตอน เพื่อให้ผิวสวยกำเนิดขึ้นบนใบหน้าคุณ
การล้างหน้า ซึ่งทำเป็นประจำทุกวันนั้นทำให้ลืมความสำคัญที่แท้จริงไป สิ่งสกปรกที่ชะล้างออกไปไม่หมด เหลือตกค้างอยู่บนใบหน้า ก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาได้มากมาย
การล้างหน้าที่กระทำอย่างถูกวิธี จะทำให้ระบบการผลัดเซลล์ผิวดำเนินได้อย่างราบรื่น ทำให้ผิวคงความเนียนสวยไว้ได้
ระบบการผลัดเซลล์ผิว หมายถึง การที่เซลล์ผิวใหม่ๆกำเนิดขึ้นจากชั้นล่างสุด แล้วลอยตัวขึ้นมาเป็นชั้นๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ชั้นบนสุดของผิว และจะหลุดลอกออกไปกลายเป็นขี้ไคลหรือเซลล์ผิวเก่าๆที่ตายแล้ว ผิวที่เกิดใหม่จะขึ้นมาแทนที่ วงจรที่ดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้จึงเป็นรากฐานของผิวสวย ทำให้ผิวแลดูชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดีนั่นเอง
ในทางกลับกัน การล้างหน้าที่ไม่พิถีพิถันพอ ทำให้สิ่งตกค้างสะสมบนใบหน้าหรืออุดตันแน่นตามรูขุมขน จึงเป็นอุปสรรคต่อการผลัดเซลล์ผิว เกิดปัญหาผิวกระด้าง สิวอุดตัน สิวเสี้ยน หรือปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำได้ในที่สุด นอกจากนี้เซลล์ผิวเก่าที่ตกค้างอยู่มักจะขาดความชุ่มชื่น ทำให้ใบหน้าแห้งและเป็นต้นเหตุของการเกิดริ้วรอยได้
การล้างหน้าในทุกๆ วัน จึงเป็นการจัดให้ระบบการผลัดเซลล์ผิวดำเนินไปอย่างปกติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ผิวสวยและแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวพร้อมรับสารบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้นด้วย
สิ่งสกปรก ก็มีหลายแบบด้วยกัน
สิ่งสกปรกที่ตกค้างบนใบหน้า เกิดได้จากหลายๆปัจจัย ตามปกติผิวหน้าจะมีการขับน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวออกมา เคลือบผิวชั้นนอกเอาไว้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นภายในผิว แต่เมื่อน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวเหล่านี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงถูกออกซิไดซ์ไป จะก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อผิวได้
สิ่งสกปรกภายนอกไม่ว่าจะเป็นผุ่นละออง ควันท่อไอเสียหรือรอยเครื่องสำอางที่เช็ดทำความสะอาดออกไม่หมด เมื่อสะสมบนใบหน้านานๆ เข้าก็ทำให้ระบบการทำงานของเซลล์ถูกระทบเช่นกัน
ข้อสำคัญคือ หมั่นล้างทำความสะอาดใบหน้าทั้งเช้าและเย็น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว และใช้เพียงฟองครีมสัมผัสใบหน้าอย่างอ่อนโยน
ประเภทของสิ่งสกปรก มีทั้งจากจากภายในและภายนอก
ไขมัน มีหน้าที่ในการรักษาระดับความชุ่มชื่นและช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม แต่ถ้าตกค้างอยู่บนใบหน้านานเกินไป จะเปลี่ยนสภาพและเป็นสาเหตุให้ผิวร่วงโรยเร็วขึ้น
เหงื่อ เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว และป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เสียสมดุล pH ของผิวได้
เซลล์ผิวเก่า ระบบผลัดเซลล์ผิวที่ดำเนินไปอย่างไม่ปกติ เป็นสาเหตุให้เกิดการตกค้างของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวแลดูหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื่นอันเป็นต้นเหตุของปัญหาสิวและริ้วรอย
แบคทีเรียบนผิว ช่วยป้องกันผิวจากเชื้อแบคทีเรียภายนอกต่างๆ แต่ถ้าทำปฏิกิริยากับไขมันที่ตกค้างบนใบหน้า จะเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอักเสบได้
ฝุ่นละออง ควัน ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว ทำให้เกิดการอักเสบหรือแพ้ต่างๆ
แบคทีเรีย เชื้อรา ต้นเหตุของโรคที่เกิดกับผิว เครื่องสำอางตกค้างอยู่บนใบหน้า เนื่องจากการทำความสะอาดออกไม่หมดจะไปขัดขวางการทำงานของระบบ ผลัดเซลล์ผิว สิ่งสกปรกต่างๆ เมื่อตกค้างอยู่บนผิวหน้า จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา อันจะก่อให้เกิดปัญหาสิว ผิวหมองคล้ำ หรือปัญหาริ้วรอย เป็นต้น จึงควรทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจดอยู่เสมอ
สิ่งสกปรกนั้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Water-base และ Oil-base สิ่งสกปรกจำพวก Water-base สามารถทำความสะอาดออกได้ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แต่สิ่งสกปรกพวก Oil-base เช่น เครื่องสำอางหรือครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ จำพวกคลีนซิ่ง ทำความสะอาดใบหน้าเสียก่อน จึงเข้าสู่กระบวนการล้างหน้าในขั้นตอนต่อไป
เผยผิวสวยอย่างมั่นใจด้วยเทคนิคใหม่การล้างหน้าด้วย " ฟอง" วิธีการล้างหน้าด้วยฟองสบู่นั้นเชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพมาก ล้างสิ่งสกปรกออกได้อย่างหมดจด ยิ่งฟองครีมละเอียดเล็กเท่าไร พื้นที่ผิวในการดักจับสิ่งสกปรกก็จะเพิ่มมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามฟองสบู่ที่ใหญ่ จะมีพื้นผิวสัมผัสกับสิ่งสกปรกได้น้อยกว่า จึงอาจชะล้างออกไม่หมด และฟองสบู่ใหญ่ๆ ยังมีข้อเสียคือ แตกง่ายอีกด้วย จึงควรถูให้เกิดฟองครีมเล็กละเอียดจนมีปริมาณมากพอ
ผิวหน้าเปราะบางและละเอียดอ่อนมาก อ่อนไหวได้ง่ายกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ จึงควรใช้ฟองสัมผัสอย่างเบามือ การขัดถูใบหน้าแรงๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจก่อให้เกิดรอยเล็กๆบนผิวหน้า ซึ่งอาจเป็นช่องเปิดให้ความชุ่มชื่นระเหยไป ทำให้ใบหน้าแห้งได้ง่ายขึ้น ไวต่อการถูกกระตุ้นจากรังสียูวีมากขึ้น
ในกรณีที่ผิวหน้าถูกขัดถูเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา จึงทำให้เกิดการสะสมตัวของเมลานินเป็นจุดด่างดำบนใบหน้าได้ วิธีที่ถูกต้องทำได้โดยไม่ต้องออกแรงขัดถู เพียงใช้ฟองครีมอันละเอียดอ่อนเป็นเหมือนตัวกลาง ระหว่างมือกับผิวหน้าและถูให้ฟองสบู่กลิ้งไปมา เพื่อเป็นตัวจับเอาสิ่งสกปรกออกมาแทนนั่นเอง
มอบความชุ่มชื่น หลังล้างหน้าทันที ภายหลังการล้างหน้า สิ่งที่สำคัญคือควรเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหน้าทันที เพราะสารเคลือบผิวตามธรรมชาติจะถูกชำระล้างออกไปด้วย ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ใบหน้าแห้งได้ ซึ่งกว่าสารเคลือบผิวนี้จะก่อตัวขึ้นใหม่ต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง หลังการล้างหน้าจึงจำเป็นต้องเติมความชุ่มชื่นให้ผิว เพื่อใช้เป็นปราการป้องกันแทนสารเคลือบผิวตามธรรมชาติ โดยการเติมน้ำให้ผิวด้วยโลชั่น จากนั้นจึงบำรุงด้วยครีมน้ำนมในขั้นตอนต่อไป
How to ล้างหน้าด้วย " ฟอง "
การใช้ฟองอันละเอียดอ่อนสัมผัสกับใบหน้าแทนฝ่ามือ จะช่วยลดการเสียดสี ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองค่ะ
1. ล้างมือให้สะอาด มือที่ไม่สะอาดอาจจะทำให้เกิดฟองได้ยากกว่า จึงควรล้างให้สะอาดเสียก่อนและล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก่อนด้วย
2. เทคนิคการปั่นฟอง ใช้มือข้างหนึ่งรองผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไว้ หยดน้ำลงไปทีละนิดแล้วเริ่มถูให้เกิดฟอง โดยมือที่รองอยู่ด้านล่างให้ห่องุ้มเหมือนถ้วย ส่วนมือด้านบนให้กวนฟองเร็วๆ โดยทำนิ้วให้บานออกเล็กน้อย เพื่อเปิดให้อากาศเข้ามาสัมผัสได้มากขึ้น
3. ใช้ครีมฟองนุ่มสัมผัสใบหน้า ใช้ครีมฟองเป็นตัวกลางลดแรงเสียดทานระหว่างมือกับใบหน้า จากนั้นลูบไล้ฟองให้ทั่วใบหน้า
4. ล้างหน้าด้วยน้ำตามไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง ล้างด้วยน้ำตามหลายๆ ครั้งจนสะอาด ตรวจดูกับกระจกให้แน่ใจว่าไม่มีคราบสบู่หลงเหลือ
5. ใช้ผ้าขนหนูค่อยๆซับน้ำออก หลังจากล้างหน้าเสร็จให้ใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดค่อยๆซับน้ำออกจนแห้ง ไม่ควรถูไปมาบนใบหน้า จากนั้นควรบำรุงต่อโดยการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวทันที
ที่มา : www.dhc.co.th
สารบัญ ความงาม
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2553 18:30:34 น. |
Counter : 720 Pageviews. |
|
|
|