Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
6 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ดูแลเท้าให้สวย...ส่งท้ายหน้าฝน (Beauty tips with KIMMY)


แม้ ลมเย็นของหน้าหนาวจะพัดมาแล้ว แต่ช่วงนี้ด้วยอิทธิพลของดินฟ้า อากาศ
ทำให้ช่วงนี้ฝนฟ้าตกกันไม่เว้นแต่ละวัน เวลาออกจากบ้านแต่ละทีคงต้องเดินฝ่าสายฝน
หรือไม่ก็น้ำท่วมขังบนถนนกันบ้างใช่ไหมคะ การดูแลสุขภาพร่างกายในฝนท้ายฤดู...ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ

ดังนั้น อวัยวะสำคัญที่เราไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ "เท้า" ทั้งสองข้าง
เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ วิธีง่ายๆ ที่คุณทำได้ เรามีมาแนะนำดีๆ มาฝาก

อันดับ แรก หากต้องเดินลุยฝน หรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งก็คือ
การถอดรองเท้า และเดินด้วยเท้าเปล่า ด้วยความกลัวว่ารองเท้าคู่โปรดจะต้องเปียกน้ำ
เพราะการเดินด้วยเท้าเปล่าแบบนั้น อาจจะของมีคม เช่น เศษแก้ว บาดเท้าเอาได้
และเมื่อมีบาดแผลแบบนี้แล้ว ยังเดินย่ำน้ำต่อไป โอกาสที่แผลจะเกิดการติดเชื้อมีสูง

และขอแนะนำว่า ขณะเดินอยู่ในน้ำ เราควรยกเท้าเหนือน้ำเมื่อต้องการจะก้าวเท้าต่อไป
ไม่ควรก้าวเท้าโดยให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เดินช้าลง
และใช้เวลาลุยน้ำนานขึ้น โดยได้ระยะทางน้อย

เมื่อ พ้นเขตน้ำท่วมแล้ว สิ่งที่ควรทำโดยทันทีคือ ล้างเท้าด้วยน้ำสะอาด ถูสบู่บริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับน้ำ
โดยเน้นที่ซอกเท้า ซอกเล็บด้วย บริเวณซอกเล็บควรใช้ แปรงอ่อนๆ จุ่มสบู่เล็กน้อยถูเบาๆ
เพื่อให้เชื้อโรคหรือไข่พยาธิต่างๆ หลุดออกไปได้หมด แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง อาจใช้แป้งฝุ่นโรยสักเล็กน้อย
เพื่อให้สบายเท้า ลดความอับชื้นได้ หากมีอาการคันเกิดขึ้น
แสดงว่าผิวหนังได้รับการระคายเคืองมากจากสิ่งปฏิกูลในน้ำ ควรทายาแก้คัน
เช่น คาลาไมน์ หรือครีมแก้คัน อื่นๆ เช่น ไทรแอมซิโนโลน อย่าเกาแบบรุนแรงโดยเด็ดขาด

ส่วน รองเท้าที่เปียกจากการเดินลุยน้ำ หรือโดนฝนมานั้น หากเป็นตอนเช้าที่คุณไปทำงาน
ควรมีรองเท้าสำรองไว้ที่ทำงานสักคู่ เมื่อกลับถึงบ้านก็ควรเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย พึ่งให้แห้ง
หรือนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนจะนำไปเก็บ

เท่านั้นยังไม่พอ
เรามีวิธีง่ายๆ ดูแลสุขภาพเท้าด้วยตัวเอง ที่ควรเริ่มปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่เฉพาะแค่หน้าฝนมาบอกด้วยค่ะ

1.ล้าง เท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ ประมาณ 10 นาที เวลาอาบน้ำ ทุกๆ วัน
ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบริเวณเท้านุ่ม แต่อย่าขัดหรือถู หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้ง

2.เช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าต้องให้แห้งจริงๆ

3.สำหรับ ผู้มีกลิ่นเท้า หลังจากล้างเท้าสะอาดและเช็ดให้แห้งแล้ว
ควรจะโรยแป้งฝุ่นให้ทั่วเท้าและซอกเท้า รวมถึงอย่าใส่รองเท้าคับเกินไป
ควรเลือกรองเท้าที่ใส่สบายและระบายอากาศได้ ถุงเท้าควรเป็นถุงเท้าผ้าฝ้ายจะดีกว่าถุงเท้าไนลอน

4.ถ้า ผิวแห้ง ทาครีมที่ไม่มีน้ำหอมฉุน เพื่อให้ความชุ่มชื้น โดยทาบางๆ ให้ทั่วทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า
ห้ามทาครีมบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อราได้

5.ถ้า เล็บยาวต้องตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี โดยตัดตรงตามแนวขอบเล็บเท่านั้น
ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปด้านข้างหรือจมูกเล็บ และไม่ควรตัดเล็บให้สั้นเกินไป

6.ควร เลือกสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้า และควรเป็นรองเท้าที่เหมาะแก่การสวมใส่ในฤดูฝน
เช่น ผลิตจากวัสดุที่ไม่ทำให้อับชื้น ระบายอากาศได้ดี แห้งเร็ว

7.หมั่น ตรวจเท้าด้วยตนเองเป็นประจำ สังเกตสีผิว กลิ่นเท้า อุณหภูมิของเท้า
และอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวดเท้า มีอาการชา บวม มีเม็ดพอง หรือคัน เป็นต้น
โดยตรวจให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า ซอกนิ้วเท้า และบริเวณเล็บเท้า หากพบความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์

8.ออก กำลังกายเท้า เพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า
ซึ่งมีท่าบริหารทำได้ง่ายๆ เช่น กระดกข้อเท้าขึ้นและลงสลับกันช้าๆ ทำ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง หมุนข้อเท้า
โดยหมุนเข้า และหมุนออกช้าๆ ทำอย่างละ 5-10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง
ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้นสลับกับปล่อย เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆ ในเท้า นั่งยกขาขึ้นพาดโต๊ะ
เหยียดเข่าตึง แล้วกระดกข้อเท้าขึ้น ใช้มือจับปลายเท้าค้างไว้นับ 1-6 ในใจ ถือเป็น 1 ครั้ง ทำจนครบ 2 ข้าง

แค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพเท้าที่ดีได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะคะ


ที่มา //www.naewna.com/news.asp?ID=184350


สารบัญ บทความเรื่อง เคล็ดลับความงาม ที่มีในบล็อกค่ะ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 20:10:19 น. 0 comments
Counter : 842 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.