ผิวหมองคล้ำเพราะลดน้ำหนัก
Q : ลดความอ้วนทำให้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ซูบ ซีด และมีผิวหมองคล้ำลง ไม่ทราบว่าจะมีวิธีเติมน้ำให้ผิวอย่างไร เดิมเป็นคนผิวไม่คล้ำ แต่พอผิวคล้ำลง และจะทำให้ ผิวขาวขึ้นได้อย่างไร (มนัสนันท์ มิ่งขวัญ / นนทบุรี)
A : การลดน้ำหนักเป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ที่สามารถส่งผลกระทบต่อการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวที่แข็งแรง ดังนั้นเซลล์ผิวที่เคยทำงานปรกติก็อาจเสียสมดุล ขาดแร่ธาตุวิตามินที่จะไปสนับสนุน ผลที่ได้คือการผลัดเปลี่ยนเซลล์ที่เคยเป็นไปอาจช้าลง ทำให้ผิวหม่นหมองและมีพื้นผิวด้านบนที่แห้ง เป็นขุยง่าย และไม่สดใส และเมื่อรวมกับเซลล์ผิวที่เกิดใหม่ที่ไม่แข็งแรงอีกเช่นกัน จึงเป็นการเพิ่มความหมองคล้ำ และสูญเสียความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื่น
ในสภาวะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ คุณจำเป็นต้องเน้นการเพิ่มสารอาหารสู่ผิวโดยตรง เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมเซลล์ผิว เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้น เป็นเซลล์ที่ดี แข็งแรง และเสริมประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ แต่หากคุณรู้สึกว่าผิวคุณมีปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ และเป็นเหตุความกังวลใจอยากให้ผิวขาวขึ้น ก็ขอให้เลือกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไวท์เทนนิ่ง และสามารถเสริมด้วยการขัดและพอกผิวหน้าในการดูแลผิวประจำวัน เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ก่อให้เกิดความหมองคล้ำ และเร่งผลการบำรุงผิวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่การขัดผิวควรทำด้วยความอ่อนโยน และขัดเพียงอาทิตย์ละครั้ง หรือ 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์
สาธิดา เตชะภัทรพร (National Training Manager )
ข้อมูลจาก : นิตยสาร Hair ฉบับภาษาไทย
เมนูอาหารบำรุงผิว
ขึ้นชื่อว่า "ผู้หญิง" ย่อมอยากจะมีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่งกันทั้งนั้น
อาหารคือสารบำรุงผิวที่ดีที่สุด เพราะอาหารช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น เปล่งปลั่ง และดูอ่อนวัยได้ เนื่องจากอาหารที่ดีกับสุขภาพ จะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและช่วยขับพิษออกจากร่างกาย อาหารที่ช่วยให้ผิวสวยสดใส ลดเลือนริ้วรอยได้ แถมจ่ายไม่แพงมีหลายชนิดที่สามารถหาทานได้ใกล้ตัว เช่น
เนื้อปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริง ซึ่งมีข้อดีคือ มีกรดไขมันจำเป็นและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม
น้ำดื่มสะอาด หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันเซลลูไลต์อีกด้วย
ตัวอย่างเมนูอาหารบำรุงผิวที่น่าสนใจและปรุงไม่ยาก มีดังนี้ มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส มื้อเที่ยง : ปลาจะละเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง มื้อว่าง : นมถั่วเหลือง หรือน้ำผลไม้คั้นสดๆ มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุปเต้าหู้ ข้าวกล้อง
เมล็ดข้าวและธัญพืช ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้กับผิว ผักและผลไม้สด วิตามินเอมีมากในผักสด ซึ่งช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งและยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้ จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนูอาหารทุกมื้อของคุณ
เมื่อเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิวแล้ว อย่าลืมที่จะหลีกเลี่ยงบรรดาอาหารที่จ้องจะทำร้ายผิวสวยๆ ของคุณด้วยนะคะ ไขมันอิ่มตัวจากเบคอน ไอศกรีม เนยสดต้องหลีกให้ไกล เพราะเป็นตัวการสร้างสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่นและเสื่อมโทรม นอกจากนี้ ต้องหลีกเลี่ยงชากาแฟที่เป็นตัวการร้ายทำลายความชุ่มชื้นของผิว ร้ายสุดคือ "แอลกอฮอล์" ที่ถ้ายังห่วงสวยต้องหลีกให้ไกล
หากเลือกปฏิบัติได้ตามนี้ ต้องอย่างนี้สิ "สวยเลือกได้" ตัวจริง !!!
ข้อมูลโดย : ประชาชาติธุรกิจ
ที่มา : //lifestyle.th.msn.com //www.thaihealth.or.th
ภาพจาก : //www.thaihealth.or.th //www.beautycv.co.za
สารบัญความงาม
Create Date : 13 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 14:42:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6497 Pageviews. |
|
|
|
|
|