Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
3 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิว



เนื่องจากสิวเป็นโรคที่พบได้บ่อย และบางครั้งอาจก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย
อีกทั้งผู้ป่วยอาจมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิวได้ ซึ่งในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร
แพทย์สาขาโรคผิวหนัง เปิดเผยในบทความเรื่อง “โรคสิวในเวชปฏิบัติ-ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับ
โรคสิว” ว่า “เนื่องจากโรคสิวเป็นโรคที่พบบ่อย และก่อความกังวลให้แก่ผู้ป่วย ผู้ป่วยมักมี
ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคสิว ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ความเชื่อที่ผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสิว
เช่น

1.กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น
ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่า อาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ถั่วทอด
พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม ไอศกรีม เป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้น
เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกไม่ให้กินช็อกโกแลตเลย อีกกลุ่มให้กินช็อกโกแลต
ผลปรากฏว่า ไม่พบว่าอัตราการเกิดสิวในทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม
หากผู้ป่วยยืนยันว่า อาหารบางชนิดกินแล้วสิวกำเริบก็ควรงดอาหารนั้นๆ เป็นรายๆ ไป


2.เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น หรือทำให้สิวกำเริบ
บางคนเชื่อว่า เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งยุโรปโบราณ ที่ว่า
การแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ แต่แท้ที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไป
เพราะวัยที่แต่งงานนั้นผ่านพ้นวัยรุ่น จึงเป็นวัยที่พบสิวน้อยลง ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่า
สิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นจริง
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวหลั่งออกมา
จึงไม่เกี่ยวกับการเกิดสิว สรุปแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้สิวเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด


3.แสงแดดทำให้สิวดีขึ้น
แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและคล้ำลง
ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบและรอยจากการอักเสบ แต่แท้ที่จริงแล้ว
นอกจากแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ


4.ผิวมันทำให้สิวกำเริบ
สิวไม่ได้เกิดจากผิวมัน แต่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่บุท่อรูขุมขนที่หลุดออกตามธรรมชาติ
ไม่ถูกขจัดสู่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดการตกค้าง เมื่อรวมกับไขมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้น
จะก่อให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนั้น ผิวมันเป็นอาการ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว


5.การรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี
วัยรุ่นเป็นวัยที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี เช่น
ถ้าใช้ยาทา 2.5% benzoyl peroxide แล้วได้ผล
ถ้าเพิ่มความเข้มข้นเป็น 10% ก็น่าจะได้ผลมากขึ้น แต่ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดี
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว
ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้นตามมาได้

ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับสิวยังมีอีกมาก แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวนั้นคือ
ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก จึงควรล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ แม้ว่าจะมีผิวหนังสะอาดที่สุด
โดยการล้างหน้าฟอกสบู่เสมอๆ ก็อาจเป็นสิวได้ ในทางตรงกันข้ามบางคนที่ใช้เพียงน้ำเปล่า
ล้างหน้าเท่านั้นกลับไม่เป็นสิวเลย สิวหัวดำที่เห็นเป็นจุดดำนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกไปอุดตัน
แต่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อต่อมไขมันมีเม็ดสีเมลานินมาสะสม ความเชื่อที่ว่า
สิ่งสกปรกทำให้้้เกิดสิว ทำให้ผู้เป็นสิวหลายคนล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปและใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา
หากใช้บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าอักเสบ ระคายเคืองและสิวกำเริบมากขึ้น

โลชั่นเช็ดหน้าป้องกันสิวบางตัวพยายามเน้นว่า สิ่งสกปรกทำให้เกิดสิว เพราะเมื่อใช้สำลีชุบโลชั่น
เช็ดใบหน้าแล้ว จะได้คราบสีดำติดสำลีออกมา ที่จริงแล้วคราบดำนั้นเป็นผิวหนังชั้นขี้ไคลส่วนที่
ตายและพร้อมที่จะหลุดลอกออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีใบหน้าสะอาดเพียงใด
หากใช้โลชั่นที่มีแอลกอฮอล์ผสมเช็ดหน้า ย่อมได้คราบดำติดมาทุกคน
แท้จริงแล้วสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกหรือไขมันที่อยู่บนผิว
โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนวันละ 2 ครั้ง และซับหน้าให้แห้ง
ไม่ควรเช็ดหน้าแรง เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้


ที่มา เดลินิวส์




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552
3 comments
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 12:23:14 น.
Counter : 922 Pageviews.

 

ขอบคุณค่ะ.สำหรับข้อมูลดีๆ ^^

 

โดย: ลั้นลา~ร่าเริง 3 กุมภาพันธ์ 2552 12:45:03 น.  

 

อย่างงี้นี่เองงงง...

 

โดย: coyotemomay 4 กุมภาพันธ์ 2552 1:30:39 น.  

 

มาเก็บความรู้จร้าดีมั่กๆ

 

โดย: Angel_pink... 4 กุมภาพันธ์ 2552 10:15:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.