ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

สาทิตย์ “แหลได้ใจ”

Is Sathit “manipulating the truth”?
October 8, 2009
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยประชา ไท (วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒: “นายสาทิตย์แก้ตัวเรื่องโครงการร้องเพลงชาติว่า ใช้งบแค่ ๑๓ ล้านบาทเอง ไม่ใช่ ๖๐ ล้านบาทตามที่ถูกกล่าวหา”) ได้ลงบทความสั้นๆเกี่ยวกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาปฎิเสธเรื่องโครงการขายหัวเราะของรัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัต ย์ที่ว่า ไม่มีการใช้งบ ๖๐ ล้านบาท เขากล่าวว่าใช้ไปแค่เพียง ๑๓ ล้านบาทเท่านั้นเอง

โพลิติคอลพรีซันเนอร์อินไทยแลนด์ (พีพีที) พบว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อกับการที่นายสาทิตย์อ้างว่า “โครงการนี้จะเป็นการร่วมร้องเพลงชาติทั่วประเทศ ใน ๗๖ จังหวัด ใช้เวลา ๗๗ วัน เริ่มต้นและปิดท้ายที่กรุงเทพในวันที่ ๕ ธันวาคม ใช้งบเพียง ๑๓ ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ และการจัดกิจกรรมของจังหวัดต่างๆ”

นั่นหมายถึงจำนวน ๑๖๘,๐๐๐ บาทต่อวัน หรือ ๑๗๑,๐๐๐ บาทต่อจังหวัด ค่าใช้จ่ายจริงในการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ และการมีส่วนร่วมของข้าราชการจำนวนนับพันๆคนในโครงการปัญญาอ่อนนี้ ย่อมสูงกว่าตัวเลขที่ผู้คลั่งเจ้าและคลั่งชาติคนนี้อ้างแน่ๆ

นายสาทิตย์ขี้นชื่อว่า เป็นพวกคลั่งเจ้าขวาจัดซึ่งไม่แยแสกับสิทธิของมนุษย์ ยืนยันว่า “กิจกรรมที่ตัวเองดูแลรับผิดชอบอยู่นี้ มีแต่ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่า แต่ละสถานีโทรทัศน์และวิทยุออกอากาศกี่ครั้ง และค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งเป็นเท่าไร” เขาอ้างว่า “หลายช่องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี และให้เวลาออกอากาศมากกว่าจำนวนเวลาจริงที่ได้ตกลงกันไว้เสียอีก ดังนั้นการกล่าวหาจึงไม่มีมูลความจริง”

พีพีทีเชื่อว่า นายสาทิตย์หมกเม็ดค่าใช้จ่าย และบิดเบือนความจริง ก็เพราะไม่ยอมเอางบประมาณท้องถิ่นที่ถูกนำไปใช้กับโครงการนี้มาคิดรวมไว้ ด้วยไง จึงทำให้ตัวเลขที่นายสาทิตย์อ้างออกมา ถึงมีจำนวนที่น้อยกว่าความเป็นจริง




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2552    
Last Update : 9 ตุลาคม 2552 17:22:51 น.
Counter : 566 Pageviews.  

จ้อนผิดคิวคุมDSIลุยจับต่างชาติกว้านซื้อที่นา ลืมตะครุบมาร์คซุ่มเซ็นสัญญาขายชาติอยู่ทำเนียบ

เรียกต่างกัน - นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี บาห์เรนที่เสด็จเยือนไทย และมีข้อตกลงคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง หรือให้ชาวนาไทยเป็นลูกไร่ ทำนาทำการเกษตรป้อนให้กับบาห์เรน หากทักษิณทำเรื่องเดียวกันนี้เรียกกันว่า"ขายชาติ"

โดย มร.อินไซเดอร์
ที่มา นิตยสารแนวร่วมRED รายสัปดาห์
18 สิงหาคม 2552

กลายเป็นเรื่องหัวร่อมิได้ ร้องไห้มิออก ได้แต่กลอกตาอีกแล้วครับท่าน ก็เรื่องรัฐบาลหุ่นเชิดจ้องเล่นงานคุณทักษิณ ชินวัตร หาว่าชักชวนแขกซาอุฯมากว้านซื้อที่นา พยายามสร้างเรื่องว่าทักษิณขายชาตินั่นแหละ เอาไปเอามานายกฯมาร์คแอบจับมือทำสัญญาขายชาติกับมหาเศรษฐีน้ำมันบาห์เรนไปซะ งั้น...เวรของกรรม!

เรื่องนี้ที่มาที่ไปก็ตอนที่อดีตนายกฯ ทักษิณได้กลับประเทศไทยหนล่าสุดนั่นแหละครับ ก็มีใจอยากช่วยชาวนา ทำยังไงให้ปลูกข้าวแล้วขายได้ราคา ไม่ปล่อยตามยถากรรม

อาศัยความที่ว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับเศษฐีแขกขายน้ำมัน เลยพามหาเศรษฐีซาอุฯบินมาดูลู่ทางที่สุพรรณบุรี จะได้ทำสัญญารับซื้อข้าวล่วงหน้าให้ได้ขายเกวียนละแพงๆ ผลประโยชน์ตกทั้งสองฝ่าย คือทางชาวนาก็จะได้รู้ว่าปลูกข้าวแล้วจะมีตลาดส่งขายแน่ๆ ราคาก็ตกลงกันไว้ในราคาที่ชาวนาพึงพอใจ ส่วนเศรษฐีแขกซาอุฯก็รับประกันซ่อมฟรีว่ามีข้าวกินแน่ๆ

โอ้โห!เป็นเรื่องยกใหญ่ ทั้งนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทั้งสื่อสารมวลชนสายโจร ทั้งผู้รักชาติจนตัวสั่นออกมาดิ้นเร่าๆว่าทักษิณทำแบบนี้มันเข้าข่ายขายชาติ นี่หว่า

จากนั้นก็ออกข่าวใหญ่โตว่าตาสีตาสายายมาป้าเมี้ยน พากันขายที่นาให้ต่างชาติ หรือพวกเมียฝรั่งกลายเป็นนอมินีให้ฝรั่งอั้งม้อเข้ามากว้านซื้อที่นา ถึงขั้นต้องให้ตำรวจสืบสวนคดีพิเศษ(DSI)ลุยจับชาวนาล้างบาง กะจะกระทบชิ่งเอาให้ทักษิณงอมพระรามไปอีกเรื่อง

คนรับบทนี้ ไม่มีใครถนัดไปเกิน”เสี่ยจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มือตามล่าทักษิณทั่วมุมโลก(แต่แห้วทุกที่เหมือนกัน...ฮา!)

ล่าสุดเสี่ยจ้อนข้ามกระทรวงมาสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสมาคมชาวนาไทยให้ลุยถั่วเรื่องนี้ โดยเพิ่งจัดประชุมกันไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ อ้างว่า หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อและเช่าพื้นที่ทำนา ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฏหมายการประกอบธุรกิจของ คนต่างด้าวปี 2542 ที่กำหนดการทำนา เป็นอาชีพสงวน ให้สำหรับคนไทย โดยชาวต่างชาติไม่มีสิทธิที่จะเข้าทำนา

อย่างไรก็ตามในรายละเอียด เข้าตรวจสอบโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ต้องตรวจสอบงบดุลของนิติบุคคล จำนวน 5 แสนราย ซึ่งได้จัดแบ่งหมวดหมู่และกลั่นกรองการจดทะเบียนในลักษณะเช่าและซื้อที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ที่มีต่างชาติถือหุ้นอยู่จำนวน 3 หมื่นราย และได้ดำเนินการคัดกรองเหลือ 300 ราย และได้ตรวจสอบแล้ว 200 ราย เหลือเพียงอีก 100 รายกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมายต่างด้าว

รม ช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับ ดีเอสไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมชาวนาไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมที่ดินจะเริ่มเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในเชิงลึก ซึ่งจะลงพื้นที่ตรวจสอบในภาคกลางและภาคเหนือตอนบนตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. เป็นต้นไป แต่ขณะนี้ยังไม่ถือว่าทุกจังหวัดเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมาย เพียงแต่รับทราบข้อมูลในลักษณะเป็นการบอกเล่า แต่เมื่อดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบ และมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ก็จะโอนคดีเป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะมีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษลงตรวจสอบพื้นที่ คาดว่าจะตรวจสอบเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และเมื่อโอนเป็นคดีพิเศษ ทางดีเอสไอจะลงตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากตรวจพบพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฏหมายไม่ว่าจะเป็นต่างด้าว หรือคนไทยรับเป็นนายหน้า ถือเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 1แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท

ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) กล่าวว่า พร้อมที่จะเข้าปฎิบัติงานเพื่อให้เกิดความกระจ่างด้วยการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทั้งภาคกลางและภาคเหนือ ตามคำบอกเล่าจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน หากเห็นว่ามีมูลความจริง ก็จะดึงเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ น่าจะมีความชัดเจนบางส่วน แต่ยอมรับว่า จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะชาวนา เพื่อให้ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์ พฤติกรรมชาวต่างชาติ

ส่วน นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มได้รับการบอกเล่าว่ามีพฤติกรรม ชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อ หรือเช่าที่ดินทำนาซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และพร้อมที่จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะหากไม่มีแนวทางการป้องกัน การทำนาในอนาคตจะเป็นของชาวต่างชาติหมดประเทศแน่นอน

เรื่องมันตลก บริโภคก็ตรงที่ว่าในวันเดียวกันนั้นเอง นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการหารือทวิภาคี ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกับเชค คอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

ผลการหารือนั้น ไทยและบาห์เรนตกลงที่จะเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความร่วมมือ เพื่อสร้างมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน พร้อมกับข้อตกลงที่จะให้มีการตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทย (TDC) หรือคลังสินค้าเกษตรที่บาห์เรน เพื่อสนองความต้องการของบาห์เรน ในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เช่น ข้าว สินค้าเกษตร อาหารฮาลาล

นอก จากนี้ บาห์เรนมีความต้องการที่จะสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากไทยหลายรายการ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ขณะที่ไทยเองมีความต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

ทั้ง นี้ บาห์เรนได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเกษตร เช่น เรื่องข้าว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไทยไม่ขัดข้อง แต่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย ซึ่งความร่วมมือน่าจะเป็นลักษณะ การทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง หรือการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

นาย เกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยในบาห์เรนนั้น สำนักงานผู้แทนการค้าไทยจะหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยพิจารณาสินค้าที่บาห์เรนมีความต้องการและไทยมีรายการสินค้าใดตอบสนองได้ จากนั้นจึงค่อยมีพิจารณารูปแบบการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า

ทั้งนี้ ปัจจุบันบาห์เรนมีความต้องการสั่งซื้อสินค้าจากไทยหลายรายการ ทั้งอาหาร กุ้ง ไก่ สินค้าเกษตร และวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ โดยล่าสุดบาห์เรนมีความต้องการที่จะสั่งซื้อบ้านต้นทุนต่ำและอุปกรณ์ที่จำ เป็น เช่น แอร์ เครื่องทำน้ำร้อนและเฟอร์นิเจอร์ จากไทยเป็นจำนวน 2 หมื่นยูนิต ซึ่งสำนักงานผู้แทนการค้าไทยจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อรับออเดอร์เหล่านี้ไป ซึ่งการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-บาห์เรน ได้หลายเท่าจากปัจจุบันไทยส่งออกเฉลี่ยปีละ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันว่า”คอนแทร็คฟาร์มมิ่ง”นี้ฟังแล้วอาจดูดี คือเป็นประโยชน์ของ2ฝ่าย คือฝ่ายนายทุนก็มีผลิตผลมาเข้าเล้าเข้าฉางแน่นอน ฝ่ายเกษตรกรก็มีตลาดนอนแน่ และราคาก็กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ แต่ในภาคปฏิบัติจริงร้อยทั้งร้อยชาวนาเสียเปรียบพ่อค้าครับ ยิ่งหากได้รัฐบาลที่เป็นเทวดาเทพประทาน ไม่รู้เรื่องการเกษตร หรือการค้าอย่างนี้ คิดฉวยทุกอย่างไม่ว่าสลึงหรือบาท ขนาดชื่อโครงการชุมชนพอเพียง ยังโกงซะหน้าด้านๆ

ว่าแต่พวกที่เคยออกมาต่อต้านว่าทักษิณพาแขกซาอุฯมากว้านซื้อที่นาเป็นการขายชาติทั้ง หลายแหล่ ทั้งนักการเมือง ทั้งสื่อ ทั้งผู้ดีตีนบางทั้งหลาย รวมทั้งท่าน"เมธเฟอรารี่" ไม่ทราบว่าตอนนี้อมอะไรอยู่ ตอนทักษิณแค่พาซาอุมาดูงาน ทำไมดิ้นเร่าๆจะเอาเป็นเอาตาย นี่มาร์คมีข้อตกลงเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว กลับเฉย

ส่วนเสี่ยจ้อนไหนๆ ก็ลงทุนแอ็คชั่นขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาตรวจสอบ หรือตามไล่จับตาสีตาสายายมาป้าเมี้ยนว่าแกขายที่ขายชาติหรอกครับ จับเลยนายกฯมาร์คที่ทำเนียบนี่แหละทำคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง ทำสัญญาทาสกับมหาเศรษฐีบาห์เรนไปแล้ว

ไหนๆก็ได้แอ็คอาร์ตขนาดนี้แล้ว เสี่ยจ้อนอย่าถอยนะ

ถอยนี่เสียหมาไม่รู้ด้วย




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2552    
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 17:18:43 น.
Counter : 506 Pageviews.  

ถ้าไม่มีผลงาน ต่อให้ทุ่มเงินโฆษณาแค่ไหนก็ไม่มีผลงานอยู่ดี

ถ้าไม่มีผลงาน ต่อให้ทุ่มเงินโฆษณาแค่ไหนก็ไม่มีผลงานอยู่ดี

โดย คุณ ลมเปลี่ยนทิศ
ที่มา เวบไซต์ ไทยรัฐ
15 สิงหาคม 2552

ทุกรัฐบาล เมื่อถูกประชาชนวิจารณ์ว่า ไม่มีผลงาน ก็มักจะออกมาแก้ตัวว่า รัฐบาลมัวแต่ทำงานหนัก มีผลงานดีๆ มากมาย แต่ประชาสัมพันธ์ไม่เป็น คนเลยไม่รู้ ทั้งๆ ที่สื่อทีวีและวิทยุทั้งหมด ก็เป็นสื่อของรัฐบาลร้อยเปอร์เซ็นต์

ล่าสุด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนกัน ผลงานรัฐบาล 6 เดือนที่ผ่านมา ได้คะแนนแค่สอบผ่าน หรือใช้ได้ ก็ออกมาแก้ตัวว่า ประชาสัมพันธ์อ่อน

นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไป ทาบทาม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้มาเป็น "โฆษกรัฐบาล" บอกว่า ที่ต้องยกเครื่องกองงานโฆษกรัฐบาล ก็เพราะรัฐบาลมีนโยบายดีๆมากมาย แต่กองงานโฆษกสื่อสารออกไปให้ประชาชนรับทราบน้อยมาก

รัฐบาลนี้อ่อนประชาสัมพันธ์จริงหรือ

คำตอบของผมก็คือ ไม่จริง

เมื่อสองวันนี้เอง บริษัทวิจัยสื่อโฆษณา เอซี นีลสัน เพิ่งรายงาน ตัวเลขการโฆษณาผ่านสื่อในรอบเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า

สำนักนายกรัฐมนตรี มีการใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของยอดโฆษณาทั้งหมด เป็นเงินกว่า 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสองเท่าจากเดือนมิถุนายน ที่ใช้เงินโฆษณาไป 76 ล้านบาท

แค่สองเดือน สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เงินโฆษณาไปแล้วกว่า 236 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ใช้ไปเท่าไรแล้ว ใครอยากรู้ คงต้องไปขอข้อมูลจาก เอซี นีลสัน

ยอดการใช้เงินโฆษณาของ สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ใน อันดับ 3 รองจาก ยูนิลิเวอร์ และ พีแอนด์จี มากกว่า ไบเออร์ รถยนต์โตโยต้า โคคาโคลา และมากกว่า เอไอเอส ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เกือบเท่าตัว

เห็นไหมว่าสำนักนายกฯ ใช้เงินโฆษณามากมายขนาดไหน แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนยังสู้ไม่ได้

แล้วจะมาบอกว่า รัฐบาลอ่อนประชาสัมพันธ์ ได้อย่างไร

นี่แค่งบโฆษณาของหน่วยงานเดียวเท่านั้น ยังไม่นับเงินโฆษณาของกระทรวงต่างๆ ที่ทุ่มงบโฆษณากันอีกมากมาย รวมทั้ง กรุงเทพมหานคร มีการโฆษณาตามสื่อทุกวัน โดยมี รัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กทม. เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณากันตรงๆ เลย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีแต่ละคน ยังมีการใช้งบ จ้างเอเยนซีโฆษณา และจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ แยกเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก ขนาด รัฐมนตรีว่าการ กับ รัฐมนตรีช่วย ก็ยังจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์แยกกันเลย ของใครของมัน เพื่อใช้เผยแพร่งานของตัวเอง เพื่อให้เข้าถึงสื่อและมวลชนให้มากที่สุด ตรงนี้ไม่รู้ใช้งบประมาณไปอีกกี่ร้อยล้านบาท

จ้างประชาสัมพันธ์มืออาชีพมาทำงานกันมากมายขนาดนี้ แล้วยังจะมาบอกว่า รัฐบาลอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ คงฟังไม่ขึ้น

เมื่อนับรวมเม็ดเงินทั้งหมด ที่รัฐบาลใช้ไปในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ผมประเมินคร่าวๆ ว่า น่าจะไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 160 กว่าล้านบาท

ด้วยเม็ดเงินโฆษณาประชาสัมพันธ์ขนาดนี้ คะแนนนิยมของรัฐบาล น่าจะพุ่งขึ้นไปสูงลิ่ว แต่ผลที่ออกมา กลับตรงกันข้าม ประชาชนรับรู้ผลงานของรัฐบาลแค่ไม่กี่เรื่อง นักธุรกิจและนักวิชาการ ให้คะแนนรัฐบาลแค่สอบผ่านด้วยความเกรงใจ

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้รัฐบาลเข้าใจก็คือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้อง จะต้องมีผลงานที่ดีเป็นรูปธรรมจับต้องได้เป็นตัวตั้ง การโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงจะได้ผล ไม่ใช่การขายฝันด้วยนโยบาย เหมือนตอนหาเสียง มันคนละเรื่องเดียวกัน

ถ้าไม่มีผลงาน ต่อให้ทุ่มเงิน โฆษณามากกว่านี้หลายเท่า ก็ไม่มีผลงานอยู่ดี

ถ้ารัฐบาลมีผลงานเมื่อไร ไม่ต้องเสียเงินไปโฆษณาประชาสัมพันธ์แม้แต่บาทเดียว แค่บอกเล่าผ่านสื่อที่มีอยู่เท่านั้น ประชาชนย่อมรู้สึก และรับรู้ได้เองว่า นี่คือผลงานของรัฐบาลอย่างแท้จริง.


ผลาญภาษีเพื่อ ปชส.สร้างภาพผลงาน ... อย่าลืมว่า นี่คือเงินของประชาชน !!!!

โดย คุณอัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
15 สิงหาคม 25552

... เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะ แถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือน

ระดมสื่อของรัฐที่มีในมือ ถ่ายทอดสดทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ ก็ยังไม่บูม ไม่มีคนสนใจเท่าที่ควร เลยมีการมองหาแพะ

ในที่สุดนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็กลายเป็นแพะ สารพัดข้อกล่าวหาขุดมาถาโถมเข้าใส่ พูดไม่เก่ง ทำงานไม่เป็น ตอบโต้ทางการเมืองไม่ได้ ไม่ทันเกมฝ่ายตรงข้าม

ทำให้รัฐบาลอยู่ในฐานะเพลี่ยงพล้ำในสงครามสื่อ ทั้งที่มีอำนาจและมีสื่ออยู่ในมือมากมาย ทำให้ต้องมองหาคนมาทำงานแทน โดยจับจ้องไปที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.

ความจริง เรื่องที่ชาวบ้านไม่ค่อยสนใจรัฐบาล ไม่ค่อยรับรู้เรื่องของรัฐบาล จะโทษนายปณิธานก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะหากรัฐบาลมีอะไรให้น่าสนใจมากกว่านี้ แม้ไม่ต้องยึดครองสื่อ ชาวบ้านก็หันมาสนใจเอง

แต่นี่เข้าข่ายข้างนอกสดใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง กลวงโบ๋จนไม่อาจสัมผัสจับจ้องอะไรได้

งบประมาณกว่า 15 ล้านบาท ที่ใช้ตีปี๊บผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือน เหมือนตำพริกละลายแม่น้ำ สูญเปล่า เข้าไม่ถึงชาวบ้าน

เรื่องการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน เพื่อตีปี๊บผลงานและสร้างภาพให้กับรัฐบาล ความจริงไม่ใช่มีเพียงแค่ 15 ล้านบาท ดังที่กล่าวมาเท่านั้น

ความจริงรัฐบาลผลาญภาษีประชาชน สำหรับประชาสัมพันธ์ตัวเองทุกเดือน เพียงแต่ไม่ค่อยมีคนรู้

แต่ว่ามีคนพวกหนึ่งรู้ คือคนที่อยู่ในแวดวงโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะหลายเรื่อง รัฐบาลทำประชาสัมพันธ์ผ่านเอเยนซี่

มีคนบอกให้ฟังว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบประมาณตีปี๊บสร้างภาพให้ตัวเอง ไม่น้อยกว่า 156 ล้านบาท

มากกว่าที่บริษัทโตโยต้า ใช้ในการโฆษณาเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่คัมรีไฮบริดเสียอีก และมากกว่าบริษัทน้ำดำชื่อดังอย่างโค้กที่ใช้โฆษณาผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้ ใช้อยู่ในระดับไม่เกิน 100 ล้านบาท

ย้อนหลังไปเดือนมิถุนายน รัฐบาลหมดงบประมาณไปกับการประชาสัมพันธ์ตัวเองอีก ประมาณ 76 ล้านบาท
ตัวเลขที่เอามาบอกกันนี้ บางคนอาจคิดว่า ยกเมฆมาด่ารัฐบาล ถ้าคิดอย่างนั้นก็ขอว่า อย่าเพิ่งเชื่อเสียทีเดียว เพราะกำลังจะหาตัวเลขอย่างเป็นทางการ ที่รายงานการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์กันในหมู่แวดวงคนทำโฆษณามายืนยัน

เหนืออื่นใด สิ่งที่อยากจะบอกรัฐบาลคือ ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไรในการสร้างภาพโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ตัวเอง ก็ไม่ได้ผล หากสินค้าที่โฆษณาไม่ดีจริง

จะหลอกประชาชนได้บ้าง ก็เป็นแค่บางครั้งบางคราว และในช่วงแรกๆ เท่านั้น เมื่อชาวบ้านทดลองให้โอกาส ทดลองใช้สินค้าแล้ว ไม่ดีจริงอย่างคำโฆษณาชวนเชื่อ ต่อให้หมดงบประมาณอีกมาก หรือเอาคนหล่อๆ หน้าตาดีๆ มานั่งเป็นโฆษกรัฐบาล ก็ช่วยอะไรไม่ได้

ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ว่า เป็นคนของใคร แต่ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ


พรรคโฆษก

ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาเซย์โน ไม่รับตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ตามที่ นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทาบทาม

โดยระบุว่าอยากทำเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การศึกษา การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การพัฒนาเขตพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจในภาคใต้ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

ทำให้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ต้องทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลต่อไป จนกว่าจะมีคนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ พอใจและเห็นว่าเหมาะสมมานั่งแทน

นายปณิธานอาจไม่สันทัดกับการตอบโต้ทางการเมืองจริง แต่ก็แทบไม่ได้มีผลกระทบต่อรัฐบาลเลยด้วยซ้ำ

เพราะคนของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่หัวยันหาง ต่างถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว อาจเพราะเป็นฝ่ายค้านมานานก็ได้

นายอภิสิทธิ์เอง ก็เคยนั่งโฆษกรัฐบาลมาก่อน เก่งกาจขนาดไหน ฉายา "โฆษกเทวดา" คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ใช่ย่อย เคยยอมให้รัฐบาลและพรรคตัวเองถูกด่าฟรีที่ไหน

ยิ่งโฆษกและรองโฆษกพรรค ก็ล้วนแต่ "ดังทางด่า" ทั้งนั้น

น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค ก็เปิดแถลงได้ทุกเรื่องรายวัน วาจาไม่แพ้ใคร

ตอบโต้ได้แม้กระทั่งประเด็นไข้หวัดพันธุ์ใหม่ดื้อยาว่าเป็นเรื่องปกติ ที่อื่นพบมากกว่าในไทยเสียอีก

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษก ก็ฮึกเหิมขนาดจะเล่นงานการ์ตูนิสต์ ข้อหาด่าพรรค วิจารณ์รัฐบาล

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคอีกคน ก็ไม่เบา ลุยแม้กระทั่งอดีตรัฐมนตรีที่ล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่าต้องการดิสเครดิตรัฐบาล

ยังไม่นับโทรโข่งประจำตัวนายกรัฐมนตรี อย่าง นายเทพไท เสนพงศ์ ที่ออกมาชนดะ สะใจซาดิสต์ทั้งนั้น แต่จะสมานฉันท์หรือไม่

ถามชาวบ้านร้านตลาดดูได้

ที่น่าสนใจ ก็คืองบประมาณการประชาสัมพันธ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้จ่ายสำหรับซื้อสื่อโฆษณาตีปี๊บสร้างภาพให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี

บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี ประเทศไทย ได้รายงานตัวเลขยอดเงินในการซื้อสื่อโฆษณาประจำเดือนก.ค.2552 ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 7,423 ล้านบาท

อันดับ 1 บริษัทยูนิลีเวอร์(ไทย)โฮลดิ้ง ใช้เงิน 507.12 ล้านบาท

อันดับ 2 บริษัทพีแอนด์จี ใช้เงิน 211.54 ล้านบาท

อันดับ 3 สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เงิน 160.04 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเดือนมิ.ย.2552 ที่ใช้ไป 76 ล้านบาท

ลงทั้งเงินและใช้ทั้งคนมากมายขนาดนี้ ยังต้องใช้ฝีปากจากโฆษกรัฐบาลอีกหรือ

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์เอง ก็ยึดจอทีวีจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แถมยังเกาะโพเดี้ยม เดินสายบรรยายปาฐกถาเกือบทุกวัน ประชาสัมพันธ์ตัวเองทุกที่

เป็นโฆษกยิ่งกว่าโฆษกทั้งปวงอยู่แล้ว!!




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2552    
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 20:50:00 น.
Counter : 436 Pageviews.  

เศรษฐกิจพอเพียงการโกงกินและผลประโยชน์ที่ไม่เข้าใครออกใคร

วันอังคาร 11 สิงหาคม 2009 — chapter 11

Sufficiency economy, corruption and conflicts of interest
August 8, 2009
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – chapter 11

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแกนนำในการใช้แผนการเข้าสู่อำนาจเมื่อเดือนธันวาคมที่แล้ว ได้ประกาศจุดยืนว่าจะปกป้องและเชิดชูสถาบันกษัตริย์ วัตถุประสงค์ทางการเมืองส่วนหนึ่งคือ รัฐบาลประกาศการจัดงบประมาณหลายพันล้านบาทในโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน และบริหารโดยสำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนที่่จัดตั้งขี้นมาใหม่

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวคิดของพระมหากษัตริย์ ได้รับการส่งเสริมในยามที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ต่อมารัฐบาลทหารนำโดยองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำการผลักดันโครงการนี้ ที่แปลกคือ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ได้ร่วมให้การสนับสนุนด้วย พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งเสริมแนวคิดนี้เช่นเดียวกับรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อเหตุผลทางอุดมการณ์ โครงการนี้เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมาก และเศรษฐกิจพอเพียงนี้เป็นหลักสำคัญของนโยบายด้านการพัฒนา พูดได้ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์โฆษณาความคิดเรื่องนี้น้อยกว่าสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อในความคิดเรื่องนี้

เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาสื่อได้ เริ่มวิจารณ์เรื่องการคอรัปชั่นของโครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำและไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ของสำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน พีพีทีจำได้ถึงรายการสารคดีจากช่องไทยพีบีเอสซึ่งนำเสนอรายการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องน้ำและ ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์นี้ เรื่องราวได้เงียบหายไปสักพักหนึ่ง แต่ได้กลับมาใหม่ และคิดว่าคงสร้างปัญหาหนักให้กับรัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ (บางกอกโพสต์ ในหัวเรื่องว่า “สำนักงานกองทุนพยายามช่วยนักการเมืองให้หลุดจากปัญหา” ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการนี้ได้ให้สัมภาษณ์ปฎิเสธกรณีมีจดหมายจาก “ชุมชนต่างๆ ร้องเรียนเกี่ยวกับการขาดการประสานงาน และกล่าวหาว่ามีการทุจริตในโครงการพัฒนาชุมชนนี้” นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียงตระหนักถึงความไม่พอใจของชาวบ้านที่กำลังขยายไปในวงกว้าง และพยายามให้มองเป็นเรื่องเล็ก: “เราได้รับจดหมายร้องเรียนมาหลายร้อยฉบับ แต่มีแค่เพียง ๘๐ เรื่องที่สมเหตุสมผลให้มีการติดตามสืบสวนต่อไป…” ทางโครงการได้มีการตรวจสอบภายในกันเองนำโดย “พล.อ.ชัชวาลย์ ณัฐนันท์ อดึตเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในซึ่งปลดเกษียณแล้ว”

สำนักงานนี้บริหารงบประมาณที่มากพอควร ผู้อำนวยการแถลงว่า “รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณให้โครงการนี้ ๒,๑๐๐ ล้านบาท เงินจำนวนประมาณ ๘๕๐ ล้านบาทได้ถูกใช้ในชุมชนและหมู่บ้านประมาณ ๓๑,๐๐๐ แห่งในจำนวน ๘๐,๐๐๐ แห่ง ของโครงการเพื่อชุมชนไปแล้ว แต่ละชุมชนได้รับเงินประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ – ๗๐๐,๐๐๐ บาท ขี้นอยุ่กับขนาดของหมู่บ้านหรือชุมชุม และโครงการ”

ผู้อำนวยการรับทราบถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขี้น แต่ยกความผิดทั้งหมดให้กับ “นักการเมืองท้องถิ่น” โดยกล่าวว่า “ผมไม่ต้องการเห็นนักการเมืองเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับโครงการชุมชน แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงความฝัน การเข้ามาก้าวก้ายในโครงการชุมชนนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าเป็นเรื่องดีในอนาคตข้างหน้า นักการเมืองที่ดีควรสนใจเกี่ยวกับความทุกข์ร้อนของประชาชนมากกว่าเรื่องตัวเอง”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ได้มีปฎิกิริยาจากฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด “โครงการชุมชนพอเพียง” (สพช.) นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะปฎิเสธว่าไม่มีนักการเมืองระดับชาติเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่อง นี้ จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ (วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หัวข้อว่า “อภิสิทธิ์ เข้าตรวจสอบโครงการพอเพียงที่อื้อฉาว”) ซึ่งเขาได้ รับรายงานจากเรื่องที่ร้องเรียนว่า “ชุมชนท้องถิ่นได้รับข้อมูลที่บิดเบือนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกี่ยวกับ โครงการชุมชนพอเพียง และอาจจะ “ถูกหลอกให้มีการเซ็นสัญญา”

อึกครั้งที่พีพีทีได้พบว่า อภิสิทธิ์มักอ้างเป็นประจำว่า ชาวบ้านถูก “หลอก” ให้ทำการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นมุมมองของเขาอย่างชัดเจนว่า ชาวบ้านทั่วไปนั้นไม่ฉลาดพอที่จะตัดสินใจให้กับตัวเองได้

อภิสิทธิ์ยังได้ชี้นิ้วป้ายความผิดไปยัง “เจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพ” และลงที่ทักษิณ ชินวัตร โดยแสดงความเห็นว่า “การกล่าวหาเรื่องการบกพร่องต่อหน้าที่อาจจะเริ่มต้นมาจากช่วงเวลาดูแลของสำนักงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนเอสเอ็มแอล..โครงการเอสเอ็มแอลตั้งขี้นมาในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” เขาได้กล่าวต่อว่า “ได้มีการตั้งข้อหาอาชญากรรมกับเจ้าหน้าที่ที่สงสัยว่าได้มามีส่วนพัวพันในการทุจริต”

ดูเหมือนจะเป็นการขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ สมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมการของสภาฯเพื่อตรวจสอบการบริหาร เงินได้กล่าวว่า “ชุมชนต่างๆ ที่มองหาหน่วยงานเกี่ยวข้องที่รับผิดชอบกับเงินทุนของโครงการพอเพียง ได้ถูกสั่งให้ซื้อเครื่องมือที่ราคาสูงมากกว่าราคาปกติ เช่นเครื่องกรองน้ำ ในบางกรณี งบจากสำนักงานได้โอนเข้าชุมชนต่างๆก่อนที่โครงการจะได้รับการอนุมัติเสียอีก สมาชิกวุฒิสภากล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่บางคนได้เลือกโครงการให้ชุมชนนั้นเอง แทนที่จะให้ชุมชนนั้นตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผู้อำนวยการของสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียง ได้เรียกประชุมสื่อ “เพื่อปฎิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาได้อนุญาตให้ภาคเอกชนได้รับประโยชน์จากโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน” (จากฐานเนทเวิร์ค วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หัวข้อข่าว: “หัวหน้าสำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงปฎิเสธเรื่องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทเอกชน”) นายสุมิทอ้างว่า “เขาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเอกชน บีเอนบีอินเตอร์กรุ๊ป ที่ทำการจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน เขากล่าวว่าเขาได้ลาออกอย่างเป็น ทางการแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ จากตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอนจิเนียริ่ง (ไออีซี) ก่อนที่บริษัทนี้จะซื้อบริษัทบีเอนบีอินเตอร์กร๊ป” เขากล่าวต่อว่า เขาจะไม่ลาออก

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ “ยืนยันว่าหัวหน้าโครงการจะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานจริงเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์”

จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ (วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หัวข้อว่า: “ปล้นชาวบ้านตาดำๆ”) แสดงความเสียใจว่า “คุณค่าของความพอประมาณ จากปรัชญาพอเพียงที่เป็นเลิศขององค์พระมหากษัตริย์ได้ถูกนำมาใช้เป็นวลีอย่างฟุ่มเฟือยโดยปราศจากความหมาย และการปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาลต่อๆมา แนวคิดเรื่องพอเพียงนี้หมดความหมายอย่างสิ้นเชิง” และเสริมต่อว่า “เนื่องจาก ความพอเพียงถูก มองว่าเป็นปรัชญาของกษัตริย์ คำเหล่านี้จึงปรากฎในแผนปฎิบัติและโครงการทุกๆอย่างที่รัฐบาลต้องการย้ำว่า สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเรื่องที่มีความชอบด้วยกฎหมายเพื่อผลทางการเมือง และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เพื่อ สยบคำวิจารณ์”

บางกอกโพสต์ตำหนินักการเมืองท้องถิ่นในเรื่องทุจริตโครงการพอเพียงนี้ โดยกล่าวว่า “ชุมชนท้องถิ่นส่วนใหญ่แล้วตกอยู่ในการควบคุมของเจ้าพ่อท้องถิ่นซึ่งควบคู่ไปกับกำนัน ผู้นำหมู่บ้าน และสมาชิกขององค์การบริหารตำบล ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความรู้น้อยมากหรือแทบจะไม่ รู้เลยเกี่ยวกับแผนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าจะร่างข้อเสนออย่างไรเพื่อให้เข้ากับข้อกำหนด ของระเบียบการที่ยุ่งยาก ดังนั้น ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นและนักการเมืองหลายๆคนจะก้าวเข้ามาตัดสินใจให้กับชุมชนทั้งหมด การขอรายชื่อจากชาวบ้านเพื่อนำเสนอโครงการไม่ใช่เรื่องยาก ผลประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการต่างๆ นำมาแบ่งปันกันในระหว่างบุคคลต่างๆที่อยู่ในเครือข่ายอิทธิพลนั้น”

ผู้ที่หลบซ่อนตัวอยู่อย่างสบายในห้องทำ งานอย่างเช่นอภิสิทธิ์ ดูเหมือนจะคิดว่าชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นโง่ จนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขี้นในชุมชนของตัวเอง พวกเขาอยู่กับความสะดวก จนลืมไปว่า ไม่ใช่เพราะชาวบ้านหรือที่เป็นผู้ออกมาร้องเรียนตั้งแต่แรก พีพีทียิ่งแน่ใจมากขี้นเมื่อเห็นไทยพีบีเอสรายงานข่าวถึงจุดนี้อย่างชัดเจน

บทบรรณาธิการของบางกอกโพสต์สรุปไว้ว่า: “โครงการชุมชนพอเพียงนี้ ไม่เกี่ยวกับความพอเพียง เป็นการรีบยื่นประชานิยม เพียงเพื่อต่อต้านความนิยมในตัวทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับจากชาวชนบท และเตรียมสะสมคะแนนนิยมจากการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งหน้า ทั้งการใช้อำนาจในทางผิด การทุจริตที่เกิดขี้นทุกหัวระแหง เป็นการปล้นกลางวันแสกๆ ในเวลาที่ประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงวินาทีที่อยู่ในภาวะมืดแปดด้านทางการเงินแบบนี้

อาจเป็นเรื่องจริง แต่จากเดอะเนชั่น (วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ “ชะงักโครงการที่จะยังประโยชน์ต่อชาวบ้านบางคน”) แฉเรื่องราว ที่ควรค่าต่อการอ่าน นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีได้ยับยั้ง “การอนุมัติโครงการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานทางเลือกใหม่…..” อ้างว่าผลประโยชน์ตกอยู่ที่ผู้ขายเพียงไม่กี่คน

นายกอร์ปศักดิ์ยอมรับว่า “พบความผิดปกติบ้าง” และพูดอย่างนกแก้วนกขุนทองตามอภิสิทธิ์ว่า “เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตได้เปลี่ยนร่างเสนอของชาวบ้านเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง บางโครงการที่มีพิรุธ มักจะโดนอิทธิพลจากนักการเมืองท้องถิ่น”

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น การที่นายกอร์ปศักดิ์ปกป้องน้องชายของเขา “รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขาไว้ใจประพจน์น้องชายของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน ซึ่งเป็นผู้อนุมัติงบประมาณให้โครงการชุมชนทั่วประเทศ” นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า: “ผมจะไม่ให้ตำแหน่งนี้ ถ้าน้องผมเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ เขาเป็นตัวแทนผมและผมเชื่อใจเขาให้เป็นหูเป็นตาให้ ถ้าน้องผมทุจริต ผมก็ต้องออกเพราะน้องผมได้ทำงานให้ผม…”

นายกอร์ปศักดิ์อ้างว่า “ความผิดปกติ” เกี่ยวข้องกับ “เจ้าหน้าที่ระดับล่างเพียงห้าคน” และ “นายสุมิท ผู้อำนวยการหน่วยงาน….” หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ในระดับที่สูงกว่า และระดับที่ต่ำกว่าน้องชายของเขา แต่ไม่ใช่ตัวน้องชายของเขา

นายกอร์ปศักดิ์เคยเข้าตรวจสอบการปฎิบัติงานของหน่วยงานซึ่งน้องชายของเขาดำรงตำแหน่งระดับสูงอยู่นั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นอีกคือ ทำไมนาย กอร์ปศักดิ์ได้แต่งตั้งน้องชายตัวเองทำงานกับหน่วยงานนี้ ยิ่งกว่าผลประโยชน์ทับซ้อนเสียอีก แล้วทำไมอภิสิทธิ์ถึงได้ปกป้องการทุจริตและการเล่นพรรค เล่นพวกกันได้ขนาดนี้

ที่มา liberalthai.wordpress.com




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2552    
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 18:44:46 น.
Counter : 671 Pageviews.  

เลขากรณ์ถ่อยใส่Facebookแม้ว

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 สิงหาคม 2552

ผู้เล่นในเฟสบุ๊คแจ้งข่าวว่า ในfacebookของคุณทักษิณมีคนๆ นึงท่าทางจะไม่ชอบ หรือพูดง่ายๆ ว่าเกลียดคุณทักษิณโพสภาพไม่เหมาะสมลงไป
รูปหลักฐานจากFacebook

แล้วมีคนไปขุดคุ้ยมาอีกว่า คนที่โพสคือ Joey Tulyanond หรือ โจอี้ (//www.facebook.com/tulyanond)หรือ นาย จิรายุ ตุลยานนท์ เลขานุการส่วนตัว นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

พอโจอี้โพสภาพไปแล้ว ก็มีคนมา comment ถึงความไม่เหมาะสม แต่แล้วโจอี้, เลขานุการส่วนตัวของรัฐมนตรีกรณ์ฯ ก็กลับตอบโต้ไปว่า "You may not like what I say, but you should defend with your life my right to say it. That is the essense of democracy my friend..."

นี่คือมาตรฐานการกระทำของคนที่มีคุณธรรมจริยธรรมตามแบบแผนของพรรคประชาธิปัตย์ และคือพฤติกรรมของบุคคลที่ใกล้ชิดรัฐมนตรี พฤติกรรมแบบนี้คงไม่แปลกถ้านายโจอี้เป็นไม่มีการศึกษา หรือเป็นกุ๊ย แต่นี่โจอี้เป็นคนการศึกษาดี และที่สำคัญ คือเป็นถึง "เลขานุการส่วนตัวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ฯ" สงสารประเทศชาติที่คนใกล้ชิดรัฐมนตรีมีพฤติกรรมเช่นนี้

ป.ล. โจอี้คนนี้คือเจ้าของไอเดียที่ส่ง SMS เข้ามือถือในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกใหม่ๆ

ข้อมูลของโจอี้ ในface book

เพศ:ชายวันเกิด:25 กรกฎาคม 1976
บ้านเกิด:Bangkok, Thailand
มุมมองด้านการเมือง:Democrat Party (Thailand)
ศาสนา:Religion is the opiate of the masses

ข้อมูลส่วนบุคคล
รายการทีวีโปรด:West Wing, Heroes, Roots, 60 Minutes
หนังสือโปรด:The Lexus and the Olive Tree, Free to Choose, Humanure Handbook


การศึกษาและการทำงาน

บัณฑิตวิทยาลัย:Johns Hopkins - SAIS '02 MA, SE Asia Studies
มหาวิทยาลัย:Chulalongkorn University '99 Pol Sci
โรงเรียนมัธยม:Ruamrudee International School '95

นายจ้าง:Democrat Party (Thailand)




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2552    
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 15:06:14 น.
Counter : 595 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.