ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

สตง.สอบกทม.ยุค‘อภิรักษ์’ตุกติกใช้งบ

30 ก.ย. 2008 - 09:35:57 น.

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! ถูกเปิดหลักฐานใหม่คดีรถ-เรือดับเพลิงไม่พอ ล่าสุดโครงการ กทม. ยุค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ยังถูก สตง. ตรวจสอบการใช้งบประมาณพัฒนาสำนักงานเขต ที่ส่อตั้งราคากลางสูงผิดปกติ แถมการปรับปรุงไม่เป็นไปตามเงื่อนไข แต่มีการเซ็นรับงานไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะเดียวกันกรณี “โฆษณาแฝง” พ่นพิษ ลือสะพัดจ่อโดนใบเหลือง ขณะที่ประธาน กกต.กทม. แย้มมติเป็นเอกฉันท์ อีก 2-3 วันรู้ผลแน่

หลังจากมีการเปิดเอกสารใหม่ในการสอบสวนกรณีทุจริตรถ-เรือดับเพลิง ของกทม. มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ที่ประชิดติดตัว นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. เข้าไปมากยิ่งขึ้น และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการสอบสวน และจะรู้ผลในระยะเวลาไม่เกิน 1-2 เดือนข้างหน้า นั้น

ในวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมาก็มีการเปิดประเด็นใหม่ที่เกี่ยวโยงไปถึงนายอภิรักษ์ อีกถึง 2 เรื่องด้วยกัน ทั้งความเดิมที่มีการร้องเรียนว่านายอภิรักษ์ จงใจเอาเปรียบคู่ต่อสู้ด้วยการโฆษณาแฝงผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ของ กทม. และยังมีการติดป้ายหาเสียงที่มีข้าราชการ กทม. ร่วมอยู่ในภาพ ซึ่งส่อว่าจะเข้าข่ายเอาเปรียบคู่แข่งเข้าชิงตำแหน่ง โดยมีข่าวว่าอาจจะถึงกับได้ใบเหลือง

ขณะเดียวกันก็มีเรื่องการใช้งบประมาณพัฒนาสำนักงานเขต ก็ถูกสมาชิกสภา กทม. ออกมาแฉว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ได้มีหนังสือทักท้วงถึงความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว เพราะพบว่ามีการใช้จ่ายงบอย่างผิดเงื่อนไข และยังมีการกำหนดราคากลางในการประกวดราคาไว้สูงเกินกว่าความเป็นจริง

โดยในกรณีแรกนั้นมีข่าวออกมาว่า นายอภิรักษ์ส่อโดนแจกใบเหลือง จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร้องเรียนต่อ กกต. และ กกต.กทม. ให้สอบสวนกรณีป้ายประชาสัมพันธ์ของกทม.ยังมีชื่อของนายอภิรักษ์ ติดอยู่ว่า เป็นการโฆษณาหาเสียงแฝง รวมถึงกรณีที่มีรูปข้าราชการ กทม. ปรากฏในป้ายหาเสียงของนายอภิรักษ์ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ล่าสุด มีรายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่ กกต. อาจพิจารณาให้ใบเหลืองนายอภิรักษ์ ทำให้อาจต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่อีกรอบ และนายอภิรักษ์ จะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 158 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว อาจทำให้มีคำสั่งโยกย้ายผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. ไปเป็นผู้ตรวจราชการ และหาก กกต. สอบสวนแล้วพบว่า ข้าราชการไม่เก็บป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายอภิรักษ์ก็อาจ มีความผิดตามมาตรา 60 ต้องระวางโทษจำคุกระหว่าง1-10 ปี

อย่างไรก็ดี นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระบวนการพิจารณากรณีนายอภิรักษ์ว่า การดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต.กทม. ที่เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนมาจะต้องพิจารณาหาข้อมูลและข้อเท็จจริง หากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดจริง ทาง กกต.กทม. จะยื่นรายงานสรุปมายังกกต.กลาง เพื่อพิจารณาต่อไป และถ้า กกต.กลางพบว่ามีเหตุให้ต้องสอบสวนต่อ ก็จะตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนพิจารณาเช่นเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎร

ทั้งนี้ หากสามารถสรุปผลตัดสินใบแดงใบเหลืองได้ก่อนมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทางกกต. กลางก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นต่อศาล แต่ถ้าผ่านพ้นไป 30 วันหลังจากการเลือกตั้ง กกต.กลางจะต้องนำเรื่องเสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาใบเหลืองใบแดงต่อไป

ด้าน นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างคณะกรรมการสอบสวนของกกต.กทม. จำนวน 3 คน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ซึ่งถึงตอนนี้ผ่านพ้นไปแล้วกว่า 10 วัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 กันยายน ได้มีการติดตามผลการปฏิบัติงานกับคณะกรรมการทั้งสาม ปรากฏมีการรายงานว่าอีกประมาณ 2-3 วัน จะพร้อมนำเสนอต่อที่ประชุม กกต.กทม. เพื่อตรวจสอบว่าได้ทำการสอบสวนครบถ้วนทุกประเด็นตามที่มีผู้ร้องเรียนมาหรือ ไม่

จากนั้นกกต.กทม.จะส่งสำนวนรายงานไปยัง กกต.กลาง ไม่ว่าคำวินิจฉัยกรณีนายอภิรักษ์จะมีข้อสรุปว่ากระทำความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่สามารถชี้แจงขยายความได้ว่ารูปการของคดีมีทิศทางไปทางใด

ทั้งนี้ นายพิงค์ ระบุว่า ผลการพิจารณาจะออกมาเป็นเอกฉันท์แน่นอน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะเป็นใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว

ส่วนกรณีของงบประมาณนั้น นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง พรรคพลังประชาชน ในฐานะกรรมการประสานและติดตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี กทม. สภา กทม. กล่าวถึงความน่ากังวลสงสัยของโครงการปรับปรุงศูนย์บริการ Bangkok Service center ระยะที่ 2 จำนวน 7 เขต ว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหาร กทม. ให้ยกเลิกบันทึกสำนักงานปกครองฯ ด่วนที่สุดที่ กท. 0406/2425 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เรื่องขออนุมัติคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ส่วนประกอบศูนย์บริการ กทม. และให้สำนักงานเขต 7 แห่ง ได้แก่ คลองเตย บึงกุ่ม บางซื่อ ประเวศ บางคอแหลม ห้วยขวาง และมีนบุรี ระงับการดำเนินการ

โดยสาเหตุที่ต้องระงับโครงการเนื่องจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการจ้างโครงการนี้ พบความผิดปกติ 2 เรื่องคือ คณะกรรมการกำหนดราคากลางประมาณราคาสูงกว่าราคาของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และการปรับปรุงไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ และปริมาณงาน แต่คณะกรรมการตรวจการจ้างได้เซ็นตรวจรับงาน จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติพัสดุ ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

โดยโครงการนี้ ริเริ่มสมัยที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม. เสนองบผ่านสภากทม. โดยขอความเห็นชอบในหลักการไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจน แถมโยกงบจากหน่วยงานอื่นมาสมทบ จนกลายเป็นงบ 1,300 ล้านบาท ปรับปรุง 50 สำนักงานเขต เฉลี่ยเขตละ 26 ล้านบาท เป็นการก่อสร้าง 20 ล้านบาท จัดซื้อคอมพิวเตอร์ 6 ล้านบาท

ขณะที่สมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้เงินปรับปรุงสำนักงานเขตเพียงเขตละ 2 ล้านบาทเท่านั้น ในการประชุมสภา กทม. ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาสอบถามข้อเท็จจริงกับปลัด กทม. เพราะพบความผิดปกติ ของโครงการโดยเฉพาะการยื่นซองประมูล ที่บริษัทเอกชน ที่ชนะการประมูลเสนอราคาสูงกว่าราคากลางเพียง รายละ 10,000-14,000 บาท

ด้าน นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. กล่าวยอมรับว่า ได้รับหนังสือแจ้งจาก สตง. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวที่เขตบางขุนเทียน จตุจักร และบางเขน ระบุว่าคิดราคากลางไม่ถูกต้องกับตรวจรับงานไม่ตรงตามแบบ ตนได้แต่งตั้งให้ นายวัฒนา ล้วนรัตน์ ผู้ตรวจ 10 เป็นประธานการสอบฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คาดว่าจะสอบเสร็จราววันที่ 25 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทางด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ยังยืนยันที่จะแฉโครงการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. โดยจะแถลงในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้มีความพยายามจากฝ่ายตรงข้ามที่จะบล็อกและก่อกวนข้อมูลจากคน รอบข้าง เพื่อให้ได้รับข้อมูลในโครงการนี้ไม่ครบถ้วนหรือมีข้อมูลน้อย




 

Create Date : 30 กันยายน 2551    
Last Update : 30 กันยายน 2551 12:46:43 น.
Counter : 664 Pageviews.  

สาเหตุที่BTSส่วนต่อขยายถึงไม่คืบหน้าซะทีในช่วงที่อภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯ

มีเพื่อน ทำงานเป็นวิศวกรอยู่บริษัท เอกชน (ทำงานระบบทั้งหมดเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย) ได้มาระบายความอึดอัด ให้ฟังว่า ทำงานระบบควบคุมรถไฟฟ้า (ด้วยระบบคอมพิวเตอร์) ยุ่งยากมาก เนื่องจากระบบควบคุมทั้งหมดของเดิมเป็นระบบของ SIMENS ซึ่งเป็นระบบที่ค่อนข้างป๊อปปูล่า (ใช้กันทั่วไป)

แต่ทาง กทม. กลับไปใช้ระบบของสถานีใหม่ ช่วง ตากสิน บางแค และ โรงซ่อมที่ หมอชิต ดันไปใช้ระบบของ บอมบาเดีย ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ ระบบเดิมของสถานีอื่นๆได้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ที่ผ่านมา 4 ปี แล้ว ยังไม่สามารถเดินรถไฟฟ้า สาย ตากสิน บางแคได้

เพราะเหตุว่า จะต้องทำการรื้อระบบเก่าของ SIMENS ออกทั้งหมด ทุกสถานี แล้วติดตั้งระบบใหม่เข้าไปแทน เนื่องจาก ระบบใหม่ เชื่อมต่อกันกับระบบเดิมไม่ได้ (Interface กันไม่ได้) ทำให้งานทั้งหมดล่าช้า เนื่องจากแทนที่จะไปทำระบบเฉพาะสถานีใหม่ แต่กลับต้องไปรื้อของเก่าที่ยังใช้ได้ดีอยู่ แล้วใส่ระบบใหม่เข้าไปก่อน หมายความว่า รื้อระบบเก่าที่ใช้ได้ดีอยู่แล้ว ถอดกองไว้เฉยๆ

ชาวฝั่งธนฯ ตรองดูให้ดีครับ

จากคุณ : Little Villager - [ 29 ก.ย. 51 17:32:56 A:124.121.64.100 X: ]

ใครมีขอมูลเกี่ยวกับสัญญาระหว่างBTSกับ กทม ล่าสุดเป็นอย่างไรเท่าที่ผมทราบ
1 กทมต้องจ่ายให้เปล่ากับBTSปีละ 70ล้านบาทขึ้นทุก3ปี
2ค่าโดยสารถ้ามาจากBTS ให้ถือว่าเป็นรายได้ของBTS
3ถ้าขึ้นจากสาทรข้ามไป2สถานีให้แบ่งกับBTSคนละครึ่ง
4ค่าไฟฟ้า ค่ายาม ค่าดูแลระบบ และอื่นๆๆ กทม เป็นผู้รับผิดชอบ
ใครป็นประธาน BTS เชื่อมโยงอะไรกับพรรคแมลงสาปใครมีข้อมูลใหม่ๆๆขอด้วยครับ

จากคุณ : คนบางรัก (sengw) - [ 29 ก.ย. 51 18:09:11 A:58.8.21.108 X: ]

ข่าวว่าถ้าเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณใหม่ อาจจะต้องใช้งบ 3000 ล้านบาทเพราะระบบซีเมนต์ต้องใช้รถไฟของซีเมนต์เองเท่านั้น แต่ถ้าเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณเป็นบอบมาดิเอร์แล้วใช้งบ 3พันล้าน แบบนี้รวมค่าตัวรถไฟแล้วหรือยัง
แล้วที่ตกลงสัญญากับทางซีเมนต์แล้วจะเป็นอย่างไร

เรื่องนี้ยาวแหง เพราะยังตกลงกันไม่ได้แน่นอน

จากคุณ : NICE130 - [ 29 ก.ย. 51 19:13:03 A:203.146.148.130 X: ]

อ่านประกอบการพิจารณา ไว้ยืนยันข้อมูลที่แน่นอนอีกทีละกันนะครับ




 

Create Date : 30 กันยายน 2551    
Last Update : 30 กันยายน 2551 12:44:48 น.
Counter : 457 Pageviews.  

ปปช.ส่อฟัน‘อภิรักษ์’พลิกคดีเปิดแอลซี

29 ก.ย. 2008 - 09:00:42 น.

* เปิดหลักฐานใหม่มัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง

ประเด็นความอื้อฉาวของการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วไปอย่างกว้างขวาง เพราะต้องถือว่าเป็นการทุจริต และเป็นมหกรรมการแหกตาประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลสำคัญหลายคน รวมถึงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นผู้ลงนามใน แอลซี (Letter of credit) จนเป็นผลให้เกิดการผูกพันและเกิดปัญหาต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดเว็บไซต์ “ประชาไท” //www.prachatai.com/webboard/wbtopic.php?id=723748 ได้ตั้งข้อสงสัยถึงการออก แอลซี ดังกล่าว พร้อมกับเสนอเอกสารที่ชวนให้เกิดข้อสงสัย 4 ชิ้นด้วยกัน โดยระบุว่าสิ่งที่ยังเป็นข้อสงสัยและยังไม่มีความกระจ่างก็คือ ทำไมต้องมีการออก แอลซี และตั้งข้อสังเกตว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ เพราะในสัญญาที่ทำกันไว้นั้น ข้อ 9.1 ระบุไว้ชัดเจนว่า...This Agreement will come into force with opening of L/C in a favour of and acceptable for the Seller.

ซึ่งแปลตามตัวก็คือ... “สัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับเมื่อมีการเปิดแอลซี ให้กับผู้ขาย และผู้ขายยอมรับ”

จากหลักฐานดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า บริษัท สไตเออร์ฯ มีการทำหนังสือตรงถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 (เอกสารหมายเลข 1) ซึ่งระบุชัดเจนเลยว่า สัญญามีผลบังคับทันทีที่มีการเปิด แอลซี หากนายอภิรักษ์ไม่เปิดแอลซี สัญญานี้ก็จะยังไม่มีผล และสิ่งที่ตามมาคือ จะไม่มีการส่งมอบรถดับเพลิงที่เป็นปัญหาดังกล่าว

ซึ่งกรณีดังว่ายังถูกตั้งข้อสงสัยต่อไปอีกว่า ทำไมจึงมีการเปิดแอลซี ทั้งที่รู้ว่าอาจจะมีปัญหา เพราะมีการทักท้วงกันแล้ว แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์อย่าง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ก็ยังได้มีการตั้งข้อท้วงติงแล้ว แต่นายอภิรักษ์ก็อ้างถึงคำยืนยันของกระทรวงมหาดไทยว่า การจัดซื้อดังกล่าวไม่สามารถยกเลิกได้

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่ถูกมองข้าม คือ ทำไมถึงต้องมีการแก้ไขแอลซี เพราะเดิมในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช นั่งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ขอเปิดแอลซีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 โดยระบุให้...”ส่งมอบสินค้าได้ที่ท่าเรือในยุโรป หรือสนามบินยุโรป หรือสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย” (European Portland or European airport and / or any place in Thailand for transportation to Thailand)

แต่พอมาถึงสมัย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กลับมีการเสนอขอแก้เงื่อนไขในแอลซีใหม่เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 ให้เป็น... “ให้ส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือหรือสนามบินในยุโรปเท่านั้น” (Any European port and / or any European airport) โดยไม่ได้ระบุว่า... “ต้องมีสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย”

จากนั้นอีกเพียง 11 วันคือวันที่ 21 มกราคม 2548 นายอภิรักษ์ก็ขอแก้ไขแอลซีอีก โดยกลับมาเพิ่มข้อความ “ให้มีการส่งมอบสินค้า ณ สถานที่ใดๆ ในประเทศไทย” (Please insert: and / or any place in Thailand) เข้าไปใหม่อีกครั้ง

ซึ่งเหตุผลหลักที่มีการกลับไป-กลับมา ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นเพราะ รู้ว่าสินค้าที่สั่ง ไม่ได้ผลิตที่โรงงานของสไตเออร์ฯ ที่ประเทศออสเตรีย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา จึงมีความพยายามที่จะหาทางแก้ไข เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้จากเอกสารที่ นายนิยม กรรณสูต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม. ทำถึงบริษัท สไตเออร์ฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 (เอกสารหมายเลข 2) ที่ระบุชัดถึงการปฏิเสธการตรวจรับเรือดับเพลิง ว่า...After the Fire and Rescue Department, as the department in charge, inspected the Purchase / Sale Agreement and the company’s letters, we found that the fireboat is not manufactured at the Seller’s factory as indicated in the Purchase / Sale Agreement. We, therefore, request the company to proceed according to the Agreement.

ซึ่งแปลตามความหมายก็คือว่า...”หลังจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ได้ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายแล้ว พบว่า เรือดับเพลิงไม่ได้มีการผลิตที่โรงงานของบริษัท สไตเออร์ฯ ตามที่ระบุไว้ชัดเจนในสัญญา ดังนั้นจึงขอให้บริษัทสไตเออร์ฯดำเนินการตามข้อตกลงในสัญญาด้วย”

โดยที่ก่อนหน้านั้นมีการเปิดโปงกันว่า เรือดับเพลิงดังกล่าว ผลิตกันที่พัทยา โดยว่าจ้างให้บริษัท เซียทโบ๊ท พัทยา ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ผลิต และกลายเป็นการสอดรับกับข้อสงสัยเรื่องการแก้ไขแอลซี เพื่อเปิดทางให้มีการส่งมอบสินค้าในประเทศไทยได้

อย่างไรก็ดีเอกสารอีกชิ้นก็ยืนยันว่า บริษัท สไตเออร์ฯ เองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำท้วงติงของ นายนิยม กรรณสูต ที่ปฏิเสธการตรวจรับเรือดับเพลิง เพราะต่อมาในวันที่ 8 ธันวาคม 2548 ทางบริษัท สไตเออร์ฯ ได้ทำหนังสือตรงถึง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ( เอกสารหมายเลข 3) เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจะส่งมอบเรือดับเพลิงครั้งที่ 2 ที่พัทยา ในวันที่ 28 ธันวาคม 2548 โดยไม่สนใจกับคำท้วงติงของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง

การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวระบุด้วยว่าทั้งหมดนั้น ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับนายอภิรักษ์ มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันกลับไม่มีคำตอบ หรือคำชี้แจงที่ชัดเจนจากนายอภิรักษ์ในเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้นำเอาประเด็นของการเปิดสัญญาแอลซีมาเป็นหนึ่งในการพิจารณา ด้วยแล้ว ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการกำลังเร่งพิจารณาอยู่

“ทางคณะกรรมการก็ได้มีการตรวจสอบเอกสาร และดำเนินการสอบพยานไปเรื่อยๆ ซึ่งจะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ อาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งอาจจะประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากว่าคดีดังกล่าวมีพยานเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก”

นายวิชา กล่าวต่อไปว่า กระบวนการดำเนินการสอบเกี่ยวกับการเปิดสัญญาแอลซี ก็เป็นกระบวนการเดียวกับการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้ เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่สอบ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการตรวจสอบไปพร้อมๆ กัน




 

Create Date : 29 กันยายน 2551    
Last Update : 29 กันยายน 2551 23:38:26 น.
Counter : 403 Pageviews.  

ฝันที่ไม่เป็นจริงของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน

โดย จอร์จ บางกะปิ
30 สิงหาคม 2551

เหตุการณ์เมื่อวานนี้ เซียนการเมืองมองทะลุขาด ไม่มีอะไรซับซ้อน

พรรค การเมืองหนึ่งสมทบกับผู้ต้องหาคดีกบฏ ก่อการ Up-Rising ใจกลางกรุง สมทบด้วยแนวร่วมทางภาคใต้และสมาชิกสหภาพรัฐวิสาหกิจบางส่วน เพื่อกดดันให้นายกฯ ลาออก (สถานเดียว) ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดมิคสัญญี ปฏิเสธกฎหมายและต่อต้านอำนาจรัฐอย่างอุกอาด

หัวหน้าพรรคการเมืองนั้น อดใจไม่ไหว เขาลิงโลดที่จะได้พบกับสิ่งที่ปรารถนามาแสนนาน ปรากฏกายท่ามกลางความวุ่นวายนั้นหวังให้เป็นสัญลักษณ์ เขาแสดงบทบาท “ยืนข้างประชาชน” อย่างผิดธรรมชาติ ผู้ชุมนุมคนหนึ่งแค่เป็นลม แต่เขากลับทำทีเหมือนญาติผู้ใหญ่กำลังเข้าใกล้ตรีทูต ผสานกับท่าทีที่ผิดปกติของส.ว. ฝ่ายพันธมารและนายทหารใหญ่เครือข่ายนอกรัฐธรรมนูญ หลายคนมองออกทันที นี่คือการควบแน่นระหว่างเครือข่ายการเมืองในรัฐสภากับกลุ่มผู้ต้องหากบฏที่ ยึดทำเนียบรัฐบาลอย่างผิดกฎหมาย ยิ่งหัวหน้าพรรคการเมืองคนนั้นเข้าไปข้างในและขึ้นเวทีให้กำลังใจกลุ่มนอก กฎหมาย เขาต้องมีเป้าหมายอยู่ในใจ อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เขาจะได้รับสิ่งที่ต้องการ

นายกฯจะต้องลาออก เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และสิ่งที่โผล่ให้เห็นเป็นรูปธรรมตอนนั้นก็คือ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเรียกประชุมด่วนเพื่อแสดงท่าทีที่ชัดเจน...เขาฝันหวาน และเคลิบเคลิ้มจนไม่รู้ว่าเท้าที่เขากำลังยืนอยู่นั้นกำลังติดหล่มสิ่ง ปฏิกูลกองใหญ่

เขาคาดการณ์อย่างไร้เดียงสาว่า อย่างไรเสีย พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องถอนตัว เพราะนายกฯ ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมอันเป็นเงื่อนไขที่ครั้งหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ประกาศออกมาชัดเจนว่า “จะถอนตัวทันที” เช่นเดียวกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่หมกมุ่นกับมวลชนจนไม่ตระหนักถึง “สัจธรรมทางการเมือง (ของไทย)”

ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านนิยามขึ้นมาคือการที่ตำรวจผลักดัน ขับไล่ ทุบตี ชกต่อย เพื่อให้เลิกชุมนุมโดยไม่สนใจที่มา เขาพลาดอย่างแรงที่ไม่ได้พิจารณาก่อนว่า ก่อนที่ตำรวจจะ “วีน” ขั้นมานั้น มันมีพื้นฐานด้านกฎหมายรองรับอยู่อย่างถูกต้องชอบธรรม ตำรวจและเจ้าหน้าที่บังคับคดีกำลังทำหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อถูกขัดขวางก็ต้องเกิดการกระทบกระทั่ง มันก็เหมือนเทศกิจไปรื้อแผงของแม่ค้าที่ตลาดปากน้ำเมื่อสองสามปีก่อน หรือที่ตลาดนัดซันเดย์เมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์แรงกว่านี้เยอะ แต่เมื่อหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและ สว. ลงทุนมาสร้างภาพ มันก็เลยเป็นการเมืองขึ้นมาอย่างฉับพลัน

สื่อหลายสำนักในเครือข่าย พันธมารกระหน่ำตีข่าวอย่างเมามัน พร้อมถือโอกาสส่งสัญญาณให้แนวร่วมผนึกกำลังต่อต้านรัฐอย่างรุนแรงถึงขั้นปิด ท่าอากาศยาน เรียกว่าเล่นกันเป็นทีม...ใครก็รู้ คนที่หยุดงานไม่เดินรถไฟ คนที่ปิดถนนและบุกเข้าสนามบินสองสามแห่งในภาคใต้นั้น เป็นใครและมาจากไหน มันก็เหมือนการปิดโรงแรมล้อม อดีต รมว.มหาดไทยนั่นแหละ

“สัจธรรมทาง การเมือง (ของไทย)” ที่หลายคนพยายามปฏิเสธมาตลอดก็คือ “การคำนึงฐานเสียงของตัวเอง” พวกเขาคิดตื้นๆว่า การต่อรองผลประโยชน์สำคัญที่สุด ทั้งๆที่เป็นเป็นเรื่องรอง

พรรค ร่วมรัฐบาลรู้อยู่เต็มออกว่า การก่อเหตุวุ่นวายครั้งนี้ ฐานเสียงของพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วม ประชาชนคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและสาปแช่งอยู่ในใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นมาโดยฝีมือของตัวละครเดิมๆ ที่เริ่มโหมโรงกันมาตั้งแต่ปี 2548 จวบจนขั้นแตกหักเมื่อวานนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย สรุปสั้นๆ ก็คือ การลุกฮือเป็นฝีมือของกลุ่มคนไม่เอาทักษิณล้วนๆ

เมื่อ เป็นเช่นนี้ พรรคร่วมไม่กล้าเสี่ยงเด็ดขาด เพราะทันทีประกาศถอนตัว นายกฯจะประกาศยุบสภาตามมาแค่ไม่กี่อึดใจ อะไรจะเกิดขึ้น...พรรคเล็กๆ จะสิ้นอายุไข พรรคใหญ่อย่างพลังประชาชนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ส่วนประชาธิปัตย์ก็จะดำรงที่จุดเดิม ไม่โตขึ้นหรือเล็กลง

ใครมันจะ บ้าขนาดนั้น มีตำแหน่งการงานใหญ่โตอยู่ดีๆ จะต้องไปเดินท่อมๆ หาเสียง ยกมือไหว้ชาวบ้านประหลกๆ แล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับเข้าสภาอีกครั้ง

สถานการณ์ เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่กระทำการโดยมีกฎหมายรองรับ ไม่มีอะไรเสียหาย พรรคร่วมอ้างได้อย่างชอบธรรม....ชอบธรรมที่จะร่วมรัฐบาลต่อไป แถมยังหันมาแยกเขี้ยวใส่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่เข้าไปอยู่ในวังวนของความขัด แย้ง ถึงขั้นที่จะต้องมีการพูดคุยกันในสภาร่วมสองสภาในวันพรุ่งนี้ ตัดหน้า สว.ที่สะเหร่อขอเปิดในวันจันทร์จึงโดนแซงหน้าอย่างเจ็บแสบ

หัวหน้า พรรคฝ่ายค้านอ่อนไหวเกินไป จึงเผยให้เห็นไส้ในชัดเจนทุกขด...เอาเข้าจริงแล้ว มวลชนที่เต็มร้อยกับเขามีอยู่ภาคเดียวและอีก 1 กลุ่มซึ่งก็อยู่ในสถานะที่ผิดกฎหมาย (ถูกหมายจับข้อหากบฏ) เขามีอยู่แค่นี้จริงๆ มันเทียบไม่ได้เลยกับ พรรคแกนนำรัฐบาล...และแม้ว่าพรรคร่วมจะสติแตกไปจับมือฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล ใหม่ ในกรณีนายกฯลาออก พวกเขาก็มองเห็น “นรกบนดิน” รออยู่ข้างหน้า เมื่อมวลชนคนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบันออกมาต่อต้านรัฐบาลชุด ใหม่

หลงจู๊ผู้เชี่ยวชาญ พี่ใหญ่ของน้องๆ นักเลือกตั้ง บอกอย่างกระตือรือร้น “เราไม่ถอนตัว” ประโยคนี้คนทั่วไปชาชินและไร้ความรู้สึกใดๆ เมื่อได้ยิน แต่สำหรับคนๆหนึ่ง มันเสมือนดาบปลายแหลมคมกริบเสียบทะลุขั้วหัวใจ

ความเจ็บปวดของผู้ชายคนนี้ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา แต่มันได้แผดขึ้นอย่างโหยหวนบนเวทีกบฏหน้าทำเนียบในเช้าวันต่อมา




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2551    
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 16:41:40 น.
Counter : 578 Pageviews.  

แฉ!ตั๋วหนังมัด 'วิฑูรย์ นามบุตร'จับตามติ กกต. -ถ้ารอดได้ก็แปลก

27 ส.ค. 2008 - 07:06:44 น.

เผยหลักฐาน “ตั๋วหนัง” มัด “วิฑูรย์ นามบุตร” แถมมีภาพถ่ายตั้งแต่รับบัตรกำนัลจนถึงเข้าคิวรับตั๋วเข้าดูหนัง สอดคล้องกับคำให้การพยานหลายปาก ทั้งยังพบข้อน่ากังขาของอนุกรรมการฯ ปัดสอบพยานให้ครบทุกปาก และไม่ยอมพิจารณาเอกสารให้ครบ อ้างสอบสวนมามากพอแล้ว จนเกิดเป็นข้อสงสัยมีเจตนาช่วยเหลือใครหรือไม่ ตั้งข้อสังเกต กกต. มีหลักฐานในมือแน่นหนาขนาดนี้ ถ้ารอดใบแดงก็เป็นเรื่องแปลก
หลังจาก “ประชาทรรศน์” ได้เปิดเอกสารสำคัญให้เห็นชัดเจน ถึงความไม่ชอบมาพากลของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.อุบลราชธานี ที่มีการเสนอความเห็นให้ยกคำร้อง ในคำคัดค้านข้อกล่าวหาที่ 1 ว่าด้วยการให้ทรัพย์สินสิ่งของที่อาจคำนวณเป็นเงินได้ (บัตรชมภาพยนตร์) และมีความเห็นให้ยุติคดี และในข้อกล่าวหาที่ 2 การโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพรื่นเริงต่างๆ ซึ่ง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขานุการ กกต. ได้มีความเห็นแย้งไปทั้งหมดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 จนนำไปสู่การสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งนั้น
ล่าสุดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังพบสาระสำคัญตามเอกสารการประชุมของอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 2 รวม 2 ฉบับ ที่ส่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ร้องเรียน คือนายวิฑูรย์ นามบุตร ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ถูกร้องเรียนพร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จ.อุบลราชธานี อีก 3 คน
โดยการประชุมอนุกรรมการฯ ที่มีนายสุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน ในครั้งที่ 38/2551 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 กลับพบว่ามีการบอกปัดที่จะสอบพยานให้ครบถ้วนทุกปาก โดยอ้างง่ายๆ ว่าการสอบสวนพยานมีความเพียงพอแล้ว โดยระบุไว้ท้ายรายงานการประชุม ว่า
“ในวันนี้ (7 ส.ค. 51) คณะอนุกรรมการได้สอบปากคำ นายกำพล มุจลินทร์ ไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับพยานบุคคลอื่นๆ ที่ผู้คัดค้านทำหนังสือขอให้ปากคำในวันนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้รับหนังสือไว้พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานที่นำมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพยานที่ทำการสอบสวนได้สอบสวนเพียงพอแล้ว คณะอนุกรรมการฯ จึงไม่ได้ทำการสอบปากคำในวันนี้”
กรณีดังกล่าวได้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ว่า กกต. จะมีเจตนาบอกปัดการสอบพยานเพื่อจงใจให้ความช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรหรือไม่
โดยที่ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม การประชุมครั้งที่ 43/2551 ของคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดียวกันนี้ ที่มีการส่งเอกสารเพิ่มเติม ที่ประชุมก็ยังปฏิเสธ โดยไม่ยกเอกสารดังกล่าวขึ้นพิจารณา
ขณะเดียวกันในส่วนขอข้อร้องเรียนว่าด้วยการให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของที่อาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ ซึ่งหมายถึงตั๋วหนัง ที่ กกต.อุบลราชธานี มีการเสนอความเห็นให้ยกคำร้องนั้น กลับพบว่าในเอกสารการสอบสวนที่มีอยู่ในมือ กกต. นั้น มีหลักฐานต่างๆ ชัดเจน สอดคล้องกับคำให้การของพยานที่ระบุว่าหัวคะแนนของพรรคการเมืองใหญ่ นำบัตรอนุญาตชมภาพยนตร์ของโรงภาพยนตร์เนวาด้ามัลติเพล็กซ์ ออกแจกจ่ายระหว่างวันที่ 15-20 ธันวาคม 2550
และบัตรดังกล่าวได้ถูกนำไปแลกบัตรเข้าดูหนังใน 2-3 วันถัดมา ดังที่ปรากฏหลักฐาน จากพยานหลายปากที่มีตั๋วหนังในวันที่ 22 ธันวาคม 2551 พร้อมทั้งยังมีภาพถ่ายประชาชนที่เข้าแถวรอแลกบัตรเข้าชมภาพยนตร์ และมีใบปลิวเชิญชวนฟังปราศรัยแนวนโยบายพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งทั้งหมดนั้นยังไปสอดรับกับวีซีดีที่มีการถ่ายจากในโรงภาพยนตร์ ที่มีการกลาวปราศรัยหาเสียง อย่างโจ่งแจ้ง
ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานเอกสารที่มีอยู่ในมือ กกต. ดังกล่าว จึงเป็นที่จับตาอย่างยิ่งว่า กกต. ยังจะสามารถสรุปสำนวนตามที่มีโผออกมาก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็จะยิ่งทำให้เกิดความกังขาในบทบาทของ กกต. มากยิ่งขึ้น

//www.prachatouch.com/content.php?id=8680




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551    
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 12:44:23 น.
Counter : 457 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.