ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
การให้ข่าวกลับกลอกไปมาจนส่งผลเสียในตลาดหุ้นของกรณ์

Posted: Tue Mar 16, 2010 11:37 am Post subject:

----------------------------------------------------------------

สถาบันวิจัยนครหลวงไทย : ADVANC แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมในกรณีที่ไม่มีผลกระทบใดๆอยู่ที่ 115 บาท

ADVANC รัฐบาลจะไม่ยื่นฟ้องบริษัทที่เกี่ยวข้องในคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post)
นายกรณ์ จาติกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลจะไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งของรัฐวิสาหกิจที่เกิดจากการแก้ไขใดๆในอดีต จากบริษัท ADVANC และ THCOM ที่ถูกนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานาน และ ไม่เป็นการยุติธรรมต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท

ความเห็นนักวิเคราะห์ :
TOT และ CAT จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นการแก้ไขใดๆที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งประกอบด้วย 3 กรณี คือ 1) การแก้ไขสัญญาสัมปทานโดยการลดส่วน แบ่งรายได้ของระบบ Prepaid ลงจาก 25% เป็น 20% ซึ่งมีผลกระทบต่อหุ้น 6.40 บาท และ 2) การจ่ายส่วนแบ่งรายได้ลดลงจากการหักค่าใช้โครงข่ายร่วม (Roaming) ซึ่งมีผลกระทบหุ้นละ 2.40 บาท 3) การเรียกร้องส่วนแบ่งรายได้จากการหักจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต ที่ TOT ได้ยื่นข้อพิพาทไปยังคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อต้นปี 2551 ซึ่งมีผลกระทบหุ้นละ 13.40 บาท
SCRI ประเมินว่า ADVANC ยังมีความเสี่ยงเดียวที่เหลืออยู่ คือ กรณีการเปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้ของระบบ Prepaid กับไปที่สัญญาดั้งเดิม ซึ่งกรณีนี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุน และ ต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยหากว่าคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสัญญาต่อท้ายและให้แก้ไขกลับไปตามฉบับดั้งเดิม จะมีผลทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของ ADVANC ลดลง 15.00 บาท
หากว่ารัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้น มูลค่าเหมาะสมของ ADVANC อยู่ที่ 100 บาท
คำแนะนำการลงทุน : SCRI มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว ทำให้ราคาของหุ้น ADVANC มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในวันนี้ SCRI จึงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมในกรณีที่ไม่มีผลกระทบใดๆอยู่ที่ 115 บาท

เรียบเรียง โดย สุกัญญา ลาสุธรรม
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com

กลุ่มสื่อสารฯ ร่วงหลัง คลังส่งสัญญาณ ฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 1.23แสนลบ. ด้านโบรกฯ
แนะซื้อขายในกรอบแนวรับ-ต้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มสื่อสาร ปรับตัวลดลง ตั้งแต่เปิดการซื้อขายช่วงเช้า ตามทิศทางของตลาดฯอาทิ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ (ADVANC), บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)(DTAC) และ บริษัท ทูร คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) (TRUE)
ทั้งนี้วันนี้มีกระแสข่าวว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตัดสินใจฟ้องกลุ่มสื่อสารเรียกค่าเสียหายกว่า 1.23 แสนล้านบาท ระบุสัญญาสัมปทานที่เอกชนทำไว้กับ TOT และ CAT ต้องแก้ไขทั้งหมด 8 ฉบับ ประเด็นหลักลดส่วนแบ่งรายได้ Prepaid ภาษีสรรพสามิต เตรียมเสนอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแก้สัญญาสัมปทานมือถือ และ ดาวเทียม สรุปได้ในเดือนหน้าก่อนรายงานนายกรัฐมนตรี
ด้านฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (SCRI)ประเมินว่าประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นลบต่อกลุ่มสื่อสารในระยะสั้น การตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทในกลุ่มสื่อสาร ADVANC DTAC
และ TRUEMOVE เป็นไปตามที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้เคยนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า TOT และ CAT ได้รับผลค่าเสียหายจำนวนมากจากการแก้ไขสัญญาสัมปทาน
ปัจจัยความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ คือ การแก้ไขสัญญาสัมปทานกลับไปเป็นตามฉบับดั้งเดิม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้น โดยจะกระทบต่อ ADVANC มากที่สุด เพราะจะต้องจ่ายค่าสัมปทานสูงถึง 30% ของรายได้ค่าบริการกลุ่ม Prepaid เมื่อเทียบกับระดับปัจจุบันที่จ่ายอยู่ที่ 20%
อย่างไรก็ดี การกลับไปจ่ายค่าสัมปทานระดับเดิมจะต้องใช้เวลาในการต่อสู้ในชั้นของศาลนาน และอาจจะกินเวลานานกว่าระยะเวลาสัมปทานของผู้ประกอบการที่กำลังจะสิ้นสุดลงในอีก 5 – 8 ปีข้างหน้า
SCRI ประเมินว่า ประเด็นข่าวนี้จะกดดันราคาหุ้นในระยะสั้นๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว SCRI เชื่อว่า กลุ่มสื่อสารมีปัจจัยบวกเพียงเรื่องเดียว คือ การที่ กทช. ประกาศเดินหน้าเพื่อเปิดให้มีการประมูลใบอนุญาตของคลื่นความถี่ 2.1 GHz ภายในปีนี้ให้ได้ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการหลุดพ้นจากพันธนาการของการดำเนินธุรกิจภายใต้สัญญาสัมปทาน โดยยังเลือกให้ ADVANC เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินสัญญาณทางเทคนิคของ ADANC ,DTAC, TRUE มีลักษณะแกว่งตัว แนะให้ซื้อขายในกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยประเมิน ADVANC ให้แนวรับที่ 71.00 บาทแนวต้าน 78 บาทหากหลุดแนวรับให้ถือเป็นจุดตัดขาดทุน ส่วน DTAC ให้แนวรับที่ 33 บาท และแนวต้านที่ 35.50 บาท หากหลุดแนวรับให้เป็นจุดตัดขาดทุนเช่นกัน ส่วน TRUE ให้แนวรับที่ 2.66 บาทและแนวต้านที่ 2.84 บาท หากหลุดแนวรับให้เป็นจุดตัดขาดทุน
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.38น. ราคาหุ้น ADVANC อยู่ที่ 74.25 บาท ลดลง 1.75บาทหรือ
2.30% มูลค่าการซื้อขาย167.12 ล้านบาท ,DTAC อยู่ที่ 34.00บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 32.30ล้านบาทและ TRUE อยู่ที่ 2.72บาทลดลง 0.04บาทหรือ 1.45% มูลค่าการซื้อขาย 15.48ล้านบาท

รายงาน โดย พัทธนันท์ เปี่ยมสมบูรณ์
เรียบเรียง โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์
อนุมัติ โดย ประสิทธิ์ กรโชคอนันต์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com

ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 27/04/10 เวลา 10:40:25


“กรณ์"ตัดสินใจฟ้องกลุ่มสื่อสาร เรียกค่าเสียหายกว่า 1.23 แสนล้านบาท
*ADVANC/DTAC/TRUE
-นสพ.รายงาน “กรณ์"ตัดสินใจฟ้องกลุ่มสื่อสาร เรียกค่าเสียหายกว่า 1.23 แสนล้านบาท เอสไอเอสอาการหนักสุด ที่เหลือดีแทค ทรูมูฟ ไม่รอด ระบุสัญญาสัมปทานที่เอกชนทำไว้กับทีโอทีและกสท.ฯ ต้องแก้ไขทั้งหมด 8 ฉบับ ประเด็นหลักลดส่วนแบ่งรายได้พรีเพด ภาษีสรรพสามิต เตรียมเสนอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแก้สัญญาสัมปทานมือถือและดาวเทียมสรุปได้ในเดือนหน้าก่อนรายงานนายกฯ



มาลองมองย้อนกลับ แล้วทบทวนกัน นะครับ


1 มี.ค. 53 / หลังจากมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ฯ ในวันที่ 26 ก.พ. 53
------------------------------------------------------------------------

"กรณ์" ยืนยันคำพิพากษายุติธรรมทุกฝ่าย

เรียก 3 หน่วยงานประชุมด่วนเดินหน้า 3 ภารกิจสานต่อยึดทรัพย์ ย้ำล็อกเงินภาษี 1.2 หมื่นล้าน พร้อมให้ศึกษาความเสียหายของทีโอทีและเอ็กซิมแบงก์ กำชับกรมบัญชีกลางวางขั้นตอนยึดทรัพย์ 4.63 หมื่นล้าน

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยหลังเรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการภายหลังศาลตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 4.63 หมื่นล้านบาทวานนี้ (1 มี.ค.) ว่า

เพื่อซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติหลังจากนี้ ซึ่งประเด็นหลัก คือ ให้ทุกหน่วยงานอ่านคำพิพากษาของศาลอย่างละเอียด พร้อมกับดำเนินภารกิจสำคัญใน 3 ส่วน คือ

1.กรมสรรพากร ที่รับผิดชอบคดีภาษีหุ้นชินคอร์ปที่ยังค้างอยู่ 1.2 หมื่นล้านบาทซึ่งศาลได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องต่างหากจากกรณียึดทรัพย์

โดยเบื้องต้นได้ให้กรมสรรพากร หาแนวทางดำเนินการกับเงินในส่วนที่ศาลไม่ได้มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ด้วย ยืนยันตอนนี้เงินทั้ง 7.6 หมื่นล้านบาทยังเคลื่อนย้ายไม่ได้ทันที

2.กรมบัญชีกลาง ต้องประเมินว่ามีขั้นตอนในการที่จะรับโอนทรัพย์สิน ที่ศาลพิพากษาให้เป็นของแผ่นดินจะดำเนินการอย่างไรต่อไปและ

3.ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ดำเนินการประเมินความเสียหายของหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคำพิพากษาของศาล อาทิ บริษัท ทีโอที และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)

ซึ่งคำพิพากษาของศาลระบุชัดเจนว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สร้างความเสียหายให้แก่หน่วยงานทั้งสองแห่ง


//www.suthichaiyoon.com/detail/634

ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 53

มีรายงานข่าวว่า
--------------------------------

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า รัฐบาลอาจจะไม่ยื่นคำฟ้องร้องเรื่องค่าเสียหายจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานในอดีตกับบริษัทเอกชนผู้ประกอบการ

ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเห็นว่าการฟ้องร้องจะกระทบต่อผู้ถือหุ้นในขณะนี้

----------------------------------------------------------------

บล.ทรีนิตี้ เห็นว่า เป็นประเด็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีสัมปทานกับภาครัฐ และมีการแก้ไขสัมปทานในอดีต โดยเฉพาะ ADVANC, SHIN, THCOM อาจสบายใจได้ว่า

รัฐน่าจะไม่เรียกเก็บผลประโยชน์ย้อนหลัง แต่ยังไม่แน่ว่าอาจต้องปรับสัมปทานไปเป็นฉบับก่อนแก้ไขหรือไม่


//www.efinancethai.com/investor_station/filepdf/INV190310.pdf


เริ่มเห็นภาวะ งูกินหาง หรือ การขว้างงูไม่พ้นคอของ คำพิพากษา นี้แล้ว หรือยังครับ

---

จากข้อความ ...ย่อหน้าแรก...

ตกลงว่า รมว.คลัง สามารถใช้ ดุลยพินิจของตัวเองในเชิงนโยบายเหนือคำพิพากษา ของศาลฏีกาฯได้ด้วยหรือ

=================================

รมว.คลัง มีสิทธิที่จะเลือกฟ้อง หรือ ไม่ฟ้อง ได้ด้วยหรือ

คำพิพากษาของศาลฏีกาสามารถให้เลือกจะปฏิบัติ หรือ ไม่ปฏิบัติ ได้ด้วยหรือ

จะไม่เป็นการ ละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนละเว้นการปฏิบัติให้สอดคล้องตามคำพิพากษา แล้วหรือ

เพราะ การไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากบริษัทฯ คืนกลับรัฐจะไม่เป็นการ ทำให้รัฐเสียหาย เช่นเดียวกันกับในคำพิพากษา หรอกหรือ

---

คำพิพากษา ได้ตัดสินให้บุคคล มีความผิดโดยเอาความเสียหายต่อรัฐเป็นข้ออ้าง

ด้วยเหตุผล เรื่อง มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานในบริษัทเอกชน ที่ผู้นั้นถือหุ้นอยู่

---

เมื่อ ศาลฏีกา มีวินิจฉัยแบบนี้ และพิพากษาออกมาแบบนี้

ประเด็นก็คือ หากนำคำพิพากษาไปขยายผลและปฏิบัติตาม ในทุกประเด็นอย่างเคร่งครัด

อาจจะพบว่า คำพิพากษานี้ กลับไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เสียเองทั้งในแง่ที่เป็นตัวเงิน และ ไม่ใช่ตัวเงิน

แต่หาก ผู้เกี่ยวข้องไม่นำไปปฏิบัติ โดยเคร่งครัด ผู้ดำรงตำแหน่งทั้ง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ในขณะนี้ ในอนาคตอาจถูกฟ้องร้องและพิพากษา ว่า ละเว้นการปฏิบัติ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้เช่นกัน

คือ ไม่ว่าฝ่ายบริหาร ในขณะนี้ จะตัดสินใจ อย่างไร มีเหตุให้นำไปสู่ การทำความเสียหายต่อรัฐ ได้ทั้ง สองกรณี

---

สุดท้ายแล้ว อาจจะพบว่า คำพิพากษาของศาลฏีกา ในวันที่ 26 กุมภาฯ ที่ดำเนินการไป โดยพยายามจะเอาผิดย้อนหลังกับ คนคนเดียว ให้ได้นั้น

ได้ก่อให้เกิด ความลักลั่นในกระบวนการยุติธรรม และ ปรากฎการณ์ ย้อนคำพิพากษา ในตัวของมันเอง

ซึ่งอาจจะกลายเป็นทั้ง งูกินหาง และ ขว้างงูไม่พ้นคอในเวลาเดียวกัน

เพราะเมื่อ ฝ่ายตุลาการพาตัวเอง เข้ามาล้ำเส้นในอาณาบริเวณ ของอำนาจฝ่ายบริหาร โดยเข้ามาตัดสิน ถูก-ผิด ในเชิงนโยบาย ของฝ่ายบริหาร

นั่นหมายถึง คำตัดสินนี้ จะกลายเป็นนโยบายในการบริหารประเทศ เสียเอง

กรณีการแก้ไข สัญญาสัมปทานนี้ ฝ่ายบริหารในปัจจุบัน อาจจะไม่สามารถดำเนินการ ในเรื่องนี้ ตามนโยบายของตนให้แตกต่าง จากคำพิพากษานี้ เลยด้วย

เพราะ คำพิพาษา ถือว่า เป็นที่สุด และทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม

ดังนี้แล้ว จะเกิดคำถาม ตามมาอีกว่า การบริหารประเทศ ด้วยนโยบายใดๆก็ตามแต่ ซึ่งออกมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนและรัฐหรือ เน้นไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วแต่กรณีของนโยบาย

ทำไม ไม่ให้ศาลฏีกา ตั้งองค์คณะ มาตัดสิน ความถูก-ผิดของนโยบาย นั้นๆ ก่อน เสียเลยล่ะและถ้าหาก เป็นเช่นนั้น อำนาจในการบริหารประเทศ จะถือว่า อยู่ในมือของฝ่ายใด

---

โดยส่วนตัว จึงถือว่า คำพิพากษานี้เป็นปรากฎการณ์ และ เป็นกรณีศึกษา ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


กรณีนี้ยังมีปมปัญหาที่ต้องมาพิจารณากันอีกเยอะ และอีกนานครับ

ที่สำคัญ กระบวนการยุติธรรม น่าจะย้อนศรจริงๆ อย่างที่เคยตั้งข้อสังเกต ไว้แล้วล่ะครับ

================================

...ทำไม กระบวนการยุติธรรม ตรงนี้ เสมือนหนึ่ง ทำย้อนศร

คือ กล่าวหาและตัดสิน บุคคล หนึ่ง ให้มีความผิดในภาพรวมก่อน แล้วย้อนไปพิจารณา ความผิด และ ความเสียหายจริงๆ ในรายละเอียด

ทำไม กระบวนการในการระบุความเสียหายต่อรัฐไม่ดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง ในตัวบริษัทและจนท.ของรัฐ ก่อน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไข สัญญา สัมปทาน โดยตรง

ซึ่งต้องถูกกล่าวโทษ และตัดสินให้ ถือว่า กระทำความผิดโดยก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ก่อนด้วยซ้ำ

จากนั้น ต้องทำการแก้ไข สัญญาสัมปทาน ให้ถูกต้อง โดยเรียก ประโยชน์ที่มิควรได้ทั้งหมด กลับคืน จากบริษัท

จากนั้น จึงค่อยมาฟ้องและกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกในขณะนั้น

ซึ่งจะทำให้ ความผิดที่ก่อ ความเสียหายต่อรัฐที่เกิดตลอดจน โทษ และ ความรับผิด ที่พึงมี

ของบุคคลต่างๆต่อสิ่งต่างๆในประเด็นต่างๆ นั้น มีความชัดเจน และได้รับการพิจารณา อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เป็นกรณีๆ ไป...


ความเห็นเพิ่มเติม ต่อข่าวในวันที่ 19 มีนาคม 2553
----------------------------------------------------

-----------
คำถาม ที่1
-----------

ถ้าปฏิบัติ ตามแนวทางของคำพิพากษา คือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ( เท่าไหร่ก็ยังไม่รู้)จากบริษัท คืนกลับสู่รัฐ ตรงนี้ ถือว่าเป็นธรรม ต่อ ผู้ถือหุ้น ที่ไม่ได้ร่วมกระทำผิดแค่ไหน และอย่างไร เพราะการตัดสินใจลงทุนนั้น ผู้ลงทุนกระทำไปด้วยความสุจริต โดยเห็นว่า บริษัทฯได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ในขณะนั้นอย่างถูกต้อง ทุกประการ

-----------
คำถาม ที่2
-----------

ถ้าไม่ปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับคำพิพากษา ด้วยการใช้นโยบาย เพื่อให้ความเป็นธรรม ต่อผู้ถือหุ้นตามเหตุผลข้างต้น ก็ต้องถือว่า ได้ใช้นโยบาย ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐโดยเอื้อประโยชน์ให้บริษัทและผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกัน ตามบรรทัดฐาน ของคำพิพากษา นั้นเอง ใช่ หรือ เปล่า

====================================

----------------
คำถาม ชวนคิด
----------------

บริษัท สื่อสารที่ไม่ได้มีชื่อยู่ใน คำพิพากษา เช่น Dtac True ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ร่วมกันในบางแง่ และ ได้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ในบางลักษณะที่คล้ายคลึงกันควรจะต้องได้รับการปฏิบัติ แบบใด จึงจะเหมาะสม

เพราะ บริษัท Dtac และ True ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบาย ของรัฐในขณะนั้น ทุกประการ อีกทั้ง ผู้มีอำนาจที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิด ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทเหล่านี้เลยด้วย

รวามถึง การแก้ไขสัญญา เป็นความตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายระหว่าง บริษัท และ รัฐฯ ซึ่งไม่ได้มีอำนาจของผู้ถูกกล่าวหามาเอื้อประโยชน์ ให้แต่อย่างใด เพราะ อยู่ในสถานะคู่แข่ง เสียด้วยซ้ำ

จะเป็นธรรม ต่อ บริษัท และ ผู้ถือหุ้น ของ Dtac และ Trueหรือเปล่า หากต้องถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ย้อนหลัง จากที่นโยบายดังกล่าวถูกพิพากษา ย้อนหลัง ว่าเป็นนโยบาย ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ

แต่ถ้าไม่ฟ้อง Dtac กับ True ก็จะมีคำถามแย้ง มาอีกว่า

ทำไม กรณี AIS รัฐ จึงเกิดความเสียหาย แต่ Dtac กับ True รัฐ ถึงไม่เกิดความเสียหาย


ประเด็นเรื่อง การแก้ไขสัญญาสัมปทานและการฟ้องเรียกค่าเสียหายมีมาตั้งแต่ ปลายปีที่แล้ว แล้วนะครับ

ก่อนมีคำพิพากษา ในวันที่ 26 ก.พ. 53 ประมาณ 3 เดือน

และในตอนนั้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ระบุชัดเจนว่า

การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต้องฟ้องร้องเอากับบริษัทเนื่องจากเป็นคู่สัญญา กับ รัฐฯ

ดังนั้น การที่ รมว.คลัง ออกข่าวว่าจะไม่ฟ้อง บริษัทฯตามที่ปรากฎ

หลังจาก มีคำพิพากษาของศาลฏีกาแล้ว (ก.พ. 53 )
และหลังจากมี รายงานของ สคร. แล้ว ( พ.ย. 52)

---

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ให้สัมภาษณ์ว่า

ได้เสนอเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานไม่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัททีโอทีฯ และบริษัท กสท โทรคมนาคมฯ กับคู่สัญญา 3 แห่ง ได้แก่

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส,
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค
และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู

ให้กับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบแล้ว เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจพิจารณาเห็นชอบในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เพราะที่ผ่านมามีการแก้ไขสัญญาสัมปทานหลายครั้ง ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและไม่ทำตามขั้นตอน ส่งผลให้รัฐเกิดความเสียหายนับแสนล้านบาท

น.ส.สุภา กล่าวว่า แนวทางการทำสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องเป็นผู้ดำเนินการและเสนอมาให้ ครม.พิจารณาว่าเห็นชอบหรือไม่ โดยไอซีที รวมถึงทีโอที และ กสท ต้องกลับไปทบทวนสัญญาที่แก้ไขไปแล้วว่า สมควรหรือมีเหตุผลหรือไม่

เธอระบุด้วยว่า หาก ครม.พิจารณาแล้ว ไม่เห็นชอบตามที่ไอซีทีเสนอมา เพราะเห็นว่าเหตุผลในการแก้ไขสัมปทานที่ผ่านมาไม่สมควร ก็ต้องยกเลิกสัญญาสัมปทานที่แก้ไขแล้วกลับไปใช้สัมปทานเดิม ซึ่งส่งผลให้เอกชนต้องจ่ายค่าเสียหายจากการแก้ไขสัญญาสัมปทาน
ให้ทีโอทีและ กสท ซึ่งจากการประเมินของ สคร.พบว่า

การแก้ไขสัญญาสัมปทานจำนวน 10 สัญญา ตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ทีโอทีเสียหายโดยได้รับส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทานน้อยลง 1.3 แสนล้านบาท และ กสท เสียหาย 8.3 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินที่ทั้งสองแห่งได้รับความเสียหาย 2.2 แสนล้านบาท

สำหรับตัวอย่างการแก้ไขสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การแก้ไขสัญญาสัมปทานของเอไอเอส ที่เดิม 5 ปีแรกต้องจ่ายรายได้ให้กับรัฐ 15% หลังจากนั้นปีที่ 6-10 จ่าย 20% ปีที่ 11-15 จ่าย 25% ปีที่ 16-20 จ่าย 30% ปีที่ 21-25 จ่าย 35%

ซึ่งในส่วนนี้มีการแก้ไขให้จ่ายค่าสัมปทานเหลือ 30% ทำให้รายได้ของทีโอทีหายไป 5 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขสัญญาของเอไอเอส ให้ในส่วนของโทรศัพท์ประเภทเติมเงิน (พรีเพด) ให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้แค่ 20% เท่านั้น

จากที่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้เหมือนกับโทรศัพท์จ่ายรายเดือนปกติทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไป 8.1 หมื่นล้านบาท

ส่วนความเสียหายที่เหลือ เป็นการแก้ไขสัญญาสัมปทานของ ดีแทค และ ทรู

-----------------------------
หวั่นอายุสัมปทานหมดก่อน
-----------------------------
"กระทรวงการคลังเห็นว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและเอาเงินที่สูญเสียจากการแก้ไขสัญญาที่ไม่ถูกต้องกลับคืนมาให้ได้ก่อน
ส่วนเรื่องหาคนรับผิดชอบเป็นเรื่องทีหลัง ที่ต้องมาดูเจตนาว่าเป็นอย่างไร เพราะหากปล่อยไปช้ากว่านี้แล้วอายุสัมปทานเอกชนหมด รัฐอาจไม่ได้อะไรคืนเลย"

น.ส.สุภากล่าว

ที่มา : thaipost 30 พฤศจิกายน 2552


ที่สำคัญ

หลังจากมีคำพิพากษา ในวันที่ 26 ก.พ. 53 แล้วอีก 1 เดือนต่อมา

ทางสคร. ก็ยังยืนยันว่าต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย กับ บริษัท ฯ

---

คลัง ดักคอไอซีที ไล่บี้ หน่วยงานใต้สังกัด "ทีโอที-กสท" เร่งฟ้อง 4 ค่ายมือถือ เรียกค่าเสียหายเรียงตัวทั้งเอไอเอส,ดีแทค,ทรูมูฟ และดีพีซี

กรณีภาครัฐเสียรายได้แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตรวมมูลค่า 75,798 ล้านบาท

ชี้หากซื้อเวลา ส่งผลให้คดีความหมดอายุ คนรับผิดชอบ เจอข้อหาเองฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ...

---

"ส่วนที่เสียหายในมุมของกฎหมายต้องฟ้องบริษัทเอกชนด้วย เพราะเป็น นิติบุคคล ผู้รับประโยชน์

ส่วนเอกชนจะต่อสู้อย่างไรเป็นเรื่องของเอกชน แต่ทีโอที และ กสท ต้องฟ้องไปตามขั้นตอน เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาชี้ขาด" นางสาวสุภา กล่าว

*** ละเว้นหน้าที่มีสิทธิ์ติดคุก........

นางสาวสุภา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องทำเรื่องเพื่อขอบังคับคดีไปยังศาลฎีกาฯ เพื่อบังคับให้ทรัพย์สินที่ยึดตกเป็นของแผ่นดิน

ขณะที่ตัวบุคคลที่ศาลฎีกาฯ ชี้ ว่ามีส่วนกระทำการที่ไม่ถูกต้องหรือทำให้รัฐเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรี ข้าราชการประจำ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ได้มีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีส่วนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นก็ให้ดำเนินคดีทางแพ่งและคดีอาญาต่อไป

ใครทำให้เสียหายก็ต้องฟ้องไล่เบี้ยตามลำดับ

"อายุความของคดีนี้สิ้นสุด 2 ปีนับจากวันที่ศาลตัดสิน ถ้าปล่อยให้อายุความหมดไป ผู้ที่รับผิดชอบคือเจ้าของเรื่องที่ถือเรื่องนี้ เอาไว้ตอนนี้ สคร.มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว

ซึ่งทาง ไอซีที ,ทีโอที และแคท ต้องทำ

ถ้าไม่ทำหรือทิ้งไว้จนขาดอายุความ จะกลายเป็นความผิดเสียเอง ในประเด็นละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของรัฐ"


//www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=26260:4-13-&catid=89:2009-02-08-11-24-05&Itemid=417

โยงใย ที่ซ่อนเร้น
-------------------

ข่าวในวันอังคารที่ 16 มีนาคม 2553

ADVANC,THCOM,TRUE เทรดคึกคักตอบรับข่าวกรณ์ไม่ฟ้องย้อนหลังแก้สัมปทาน

----

น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)

กล่าวว่า เช้านี้ แนะ "ซื้อเก็งกำไร"

หุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC),บมจ.ไทยคม(THCOM) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) ภายหลังจากที่มีข่าวออกมาว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง

จะไม่ฟ้องร้องย้อนหลังเพื่อเรียกค่าเสียหาย กรณีการแก้ไขสัมปทานในอดีต เพราะเห็นว่าอาจกระทบผู้ถือหุ้นในปัจจุบันที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขสัมปทาน


//www.ryt9.com/s/iq05/864057

----

มนตรี ศรไพศาล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)

แม้มนตรีจะอายุเพียง 43 ปี แต่ก็วนเวียนอยู่ในแวดวงการเงินมานานเกือบ 20 ปี เรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ(การเงิน)ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตร DAP รุ่น 21/2004 ของสถาบันส่งเสริมสถาบัน
กรรมการบริษัทไทย...

เริ่มต้นสายงานวาณิชธนกิจที่ บริษัทหลักทรัพย์ เจ เอฟ ธนาคม

ภายหลังลาออกไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนที่ เอไอเอ และผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอส จี สินเอเชีย และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ วิคเคอร์ส บัลลาส(ประเทศไทย) ก่อนมาร่วมงานกับ บมจ. กิมเอ็งฯ ในปี 2544 จนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่าเขากำลังจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองจากแรงสนับสนุนของ กรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

อดีตลูกพี่เก่าที่ เจ เอฟ ธนาคม


//www.giggog.com/economic/cat5/news8813/

จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 53 08:32:39


ที่มา โต๊ะสินธร

ที่ผมยกข่าวเอามาให้อ่านเป็นข้อเท็จจริงนี่ก็เพื่อจะสรุปให้ทราบว่า การให้ข่าวว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสัมปทานของกลุ่มธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ มีผลต่อการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ต่อให้ยกข้ออ้างเรื่องการลงทุนมีความเสี่ยงผู้ซื้อขายต้องศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจทุกครั้ง แต่ผู้ลงทุนเองก็ต้องล่วงรู้ในเล่ห์กลการปั่นหุ้นอันทุจริตและแจ้งให้กลต.ทราบเพื่อดำเนินการเอาผิด รักษาผลประโยชน์ของผู้ที่ถือและปล่อยหุ้นปั่นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ด้วยเช่นกัน
ถ้าการให้ข่าวเรื่องนี้ไม่ชัดเจนมีการชัดออกชักเข้าอย่างที่เอามาให้อ่านกันอยู่นี่ จะกลายเป็นช่องว่างสำคัญของพวกนักปั่นที่สามารถล่วงรู้ข้อมูลวงในการตัดสินในรัฐบาลในการปั่นหรือทุบราคาหุ้นเพื่อหาผลประโยชน์ของตัวเองได้ ยิ่งถ้ารมต.คลังมีการติดต่อกับกลุ่มบุคคลที่ได้ประโยชน์จากการปั่นและทุบหุ้นละก็ ยิ่งต้องสงสัยอย่างมากว่าได้กระทำการทุจริตรับผลตอบแทนจากนักปั่นเพื่อแลกกับการกลับกรอกไปมาในการให้ข่าว
ขอดักคอพวกคนที่ยังเชียร์รัฐบาลว่า พวกนี้ก็จะพยายามปกป้องโดยโทษนักลงทุนที่ไม่มีความสามารถเอง หรือ โง่เองว่างั้นเถอะ หรือพยายามบอกว่านี่เป็นผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ (เงินที่ได้เข้าคลังจากนั้นพวกนักการเมืองก็เอาไปทำงบประมาณรายจ่ายให้พรรคพวกได้โกงกินกัน นั่นจะเรียกว่าผลประโยชน์ของชาติได้ไหม?)


Create Date : 01 พฤษภาคม 2553
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 15:04:51 น. 0 comments
Counter : 600 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.