ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ป้าส.ส.และส.ว.พิษณุโลกฟ้องหลานโกง-เนรคุณทั้งที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ก.พ. นายอมร กุศล ทนายความได้พา น.ส.จงสวัสดิ์ ไกรฤกษ์ อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ซอยสายมิตร แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางประดับ ไกรฤกษ์ น.ส.ดวงตา ไกรฤกษ์ น.ส.พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ส.ว.พิษณุโลก นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ดวงตา ไกรฤกษ์ กับพวกอีก 6 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานความผิดร่วมกันปลอมเอกสารราชการ เอกสารสิทธิและเอกสาร และร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม เอกสารสิทธิปลอม และเอกสารปลอม ในการยื่นงบดุลของบริษัทโฮเต็ลพัทยาบีช จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านโรงแรม เหตุเกิดระหว่างวันที่ 30 เม.ย.47 ถึงวันที่ 22 พ.ค. 51

โจทก์บรรยายฟ้องระบุว่า จำเลยที่ 1 เป็นน้องสะใภ้ ส่วนจำเลยที่ 2-4 เป็นหลานของโจทก์ ร่วมกับพวกได้นำเอกสารปลอมลายเซ็นของโจทก์ยื่นบัญชีงบดุลของบริษัทดังกล่าว ซึ่งโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 350 หุ้น จากจำนวนทั้งหมด 3,000 หุ้น หรือประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เรื่องดังกล่าว โจทก์ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน และในปัจจุบันกลุ่มจำเลยนำธุรกิจโรงแรมไปให้ผู้อื่นเช่าต่ออีกทอดหนึ่ง โดยไม่เคยแจ้งรายได้ให้โจทก์ทราบ

น.ส.จงสวัสดิ์ ไกรฤกษ์ เปิดเผยว่า เป็นลูกสาวคนโตของ ร.ท.จงกล ไกรฤกษ์ และเป็นพี่สาวของนายโกศล ไกรฤกษ์ สามีและบิดาของจำเลย เรียนจบด้านการโรงแรมจากประเทศอังกฤษ กลับมาทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมสมิหรา จ.สงขลา ต่อมาปี พ.ศ. 2509 ตนและนายโกศล น้องชาย ร่วมกันลงหุ้นเปิดบริษัทดำเนินกิจการโรงแรมพัทยาบีช ซึ่งเป็นโรงแรมแถวหน้าของเมืองพัทยาในสมัยนั้น โดยที่ตนดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับน้องชาย น้องสะใภ้ และช่วยเลี้ยงดูหลานๆทั้ง 3 คน คือนายจุติ น.ส.พิกุลแก้ว และ น.ส.ดวงตา มาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีเศษที่ผ่านมา นายโกศลได้เสียชีวิตลง ก่อนตายน้องชายขอร้องให้ตนอยู่ที่บ้านเดิมกับนางประดับ น้องสะใภ้ แต่หลังจากน้องชายเสียชีวิต น้องสะใภ้กับหลานๆกลับแสดงความรังเกียจตนชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ให้ความเคารพนับถือ ปฏิบัติกับตนเหมือนเป็นคนอาศัย รู้สึกแปลกใจมากที่หลานๆที่เลี้ยงมากับมือแสดงอาการแบบนั้น

น.ส.จงสวัสดิ์กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นไม่นานก็ทราบว่าจำเลยทั้งหมดได้นำธุรกิจของบริษัทไปดำเนินการเอง โดยเฉพาะในส่วนเอกสารที่ตนต้องเซ็นก็ถูกจำเลยทั้งหมดปลอมแปลง ทั้งยังนำเงินมาแบ่งปันให้เพียงเดือนละไม่กี่พันบาท น้อยกว่าค่าจ้างคนรับใช้เสียอีก โดยอ้างว่ากิจการขาดทุน ต่อมาทราบว่าจำเลยได้นำธุรกิจโรงแรมไปให้ผู้อื่นเช่าในราคาหลายแสนบาท เห็นว่ากลุ่มจำเลยซึ่งเป็นหลานแท้ๆไม่น่าทำกับตนผู้เป็นป้า จึงนำเรื่องไปปรึกษาทนายความก่อนตัดสินใจมายื่นฟ้องดังกล่าว

“รู้สึกเสียใจที่อาจทำให้ตระกูลไกรฤกษ์ไม่สง่างาม แต่ดีกว่าจะจมอยู่กับความชั่วร้ายในวงญาติ จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านน้องสาวอีกคนหนึ่งแล้ว คิดว่าก่อนตายจะได้ช่วยสังคมในเรื่องการเนรคุณต่อผู้มีคุณนั้นเป็นสิ่งไม่ดี งาม อีกทั้งวันข้างหน้าหากทางราชการรู้ว่าการยื่นงบดุลของโรงแรมพัทยาบีช ไม่ถูกต้อง ตนก็อาจจะได้รับโทษทัณฑ์ แปดเปื้อนมลทินไปด้วย” น.ส.จงสวัสดิ์ กล่าวอย่างอัดอั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลุ่มจำเลยซึ่งเป็นหลานๆจะมาขอโทษและเจรจาตกลงกันใหม่จะยินดีพูดคุยหรือ ไม่ น.ส.จงสวัสดิ์ตอบว่า พร้อมที่จะพูดคุยเจรจา เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เนื่องจากตระกูลไกรฤกษ์มีชื่อเสียงและคนรู้จักมานาน ไม่อยากให้เกิดความแตกแยก อีกทั้งอยากให้บรรดาหลานๆ รู้จักบุญคุณบ้าง ไม่ใช่ไม่เห็นความสำคัญของคนเป็นป้า

ที่มา ไทยรัฐ




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 21:30:52 น.
Counter : 877 Pageviews.  

“3สัปดาห์” ผลงานโบว์ดำ "รบ.อภิสิทธิ์"

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี เคยประกาศไว้ต่างกรรมต่างวาระว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ลดความแตกแยกในบ้านเมือง

โดยขอเป็นรัฐบาลที่เข้ามา "สมานแผล"

นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้สังคมให้กำลังใจ และลุ้นให้ฝ่ายบริหารชุดใหม่ "อยู่ยาว"

ทว่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คนในรัฐบาล "อภิสิทธิ์" กลับ "ก่อการลบ" ทำหลายเรื่องที่ท้าทายต่อความรู้สึกของประชาชน


๏ ตบรางวัลพธม. ๏

แกน นำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดฉากกระชากความเสื่อมใส่รัฐบาล ด้วยการบรรจงจัดชื่อ "กษิต ภิรมย์" อดีตดาวไฮด์ปาร์ก บนเวทีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เจ้าของวาทะ "การปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุก" เป็น รมว.การต่างประเทศ

ตามด้วยการอัพเกรด "ประพันธ์ คูณมี" ขึ้นเป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

และดัน "พิเชฐ พัฒนโชติ" เป็นกุนซือ รมว.สาธารณสุข

ทำ ให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ปชป. กำลัง "ตบรางวัล" ให้ "คุณพ่อพันธมิตร" ในฐานะผู้จัดลู่ปูทางให้เกิดการพลิกขั้วการเมืองหรือไม่ และขัดแย้งกับไอเดียสร้างสมานฉันท์ในภาวะที่ "ม็อบเสื้อแดง" เกลื่อนเมืองหรือเปล่า?


๏ งบ(กระ)จุกรมต.ปชป. ๏

ต่อมา รัฐบาล "อภิสิทธิ์" ได้ทุ่มงบกลางปี 2552 วงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ภายใต้สโลแกนสวยหรู "ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย" แต่มิวายถูกฝ่ายตรงข้ามวิจารณ์ว่าจงใจ "หาเสียงล่วงหน้า" เพราะรู้ในอนาคตอันแสนสั้น

โดยโครงการส่วนใหญ่ที่ได้กินงบกลางปี อยู่ในนโยบายหาเสียง "99 วันทำได้จริง" ของ ปชป. แทบทั้งสิ้น เป็นผลให้งบฯกระจุกอยู่กับกระทรวงสะตอ อาทิ โครงการเรียนฟรี 15 ปีของกระทรวงศึกษาธิการ 1.9 หมื่นล้านบาท, โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของกระทรวงการคลัง 1.5 หมื่นล้านบาท, โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของกระทรวงแรงงาน 9 พันล้านบาท ฯลฯ

งานนี้เรียกว่าแปลงทรัพย์สินหลวงเป็นต้นทุน ปชป. นิ!


๏ ถุงทำลายชีพพม. ๏

ขณะ ที่ ปชป. เร่งสั่งสมบารมีให้ตนเอง ได้เกิดประเด็นสกัดดาวรุ่งขึ้น เมื่อพบว่าปลากระป๋องยี่ห้อ "ชาวดอย" ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงยังชีพที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำไปแจกจ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนใน ต.ชัยบุรี จ.พัทลุง กลายเป็น "ของเน่า"

ทันทีที่ "ข่าวฉาว" เล็ดลอดออกมา "วิฑูรย์ นามบุตร" รมว.พม. ได้ออกมาตั้งข้อสังเกต (โดยไม่ทันได้ตรวจสอบก่อน) ว่าเป็นเรื่องของบริษัทเอกชนผู้รับสัมปทานจัดซื้อจัดจ้างถุงยังชีพของ พม. ดำเนินการผิดสเปคที่กำหนดไว้ ทั้งที่บริษัทดังกล่าวยกเลิกกิจการไปแล้ว

แต่ ต่อมากลับเปลี่ยนบทใหม่ โดยโยนบาปให้เป็นเรื่องของเอกชนที่มาร่วมบริจาคของ ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตว่า พม. กำลังสร้างหนังเรื่องใหม่หรือไม่?

ไม่ว่าท้ายที่สุดปม "ปลาเน่า" จะลงเอยอย่างไร แต่การทำงานด้วยปากของเสนาบดีผู้นี้ ได้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งข้องแล้ว


๏ สะกิดแผลเก่าส.ป.ก. ๏

ยัง ไม่รวมกรณีที่ "ถาวร เสนเนียม" รมช.มหาดไทย ออกมาเปิดประเด็นว่ารัฐบาลมีนโยบายไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน และแจกเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้ประชาชน

เพราะถือเป็นการสะกิด "แผลเก่า" ของบิ๊ก ปชป.

เรื่อง แบบนี้มีหรือที่ "พรรคฝ่ายแค้น" จะปล่อยผ่าน จึงมีการเปิดซีรีส์ "นอมินีคนในรัฐบาล" ถือครองที่ดินหลายแสนไร่ใน 4 จังหวัดชายฝั่งอันดามันขึ้นมาทันทีทันควัน

แม้นโยบายแจกที่ดิน ส.ป.ก. จะเป็นประโยชน์แก่ "ชาวรากหญ้า" แต่การผลักดันเป็นวาระเร่งด่วนอาจทำให้รัฐบาล "อภิสิทธิ์" พบจุดจบทางการเมืองได้

ทั้งหมดนี้ "เพื่อนเก่า-นโยบายเก่า-ของเก่า-แผลเก่า" ที่อาจทำให้ "รัฐบาลชุดใหม่" ต้องพ้นจากอำนาจ ก่อนวัยอันควร!!!

(ที่มา มติชนรายวัน , 21 ม.ค. 2552)




 

Create Date : 29 มกราคม 2552    
Last Update : 29 มกราคม 2552 2:53:02 น.
Counter : 434 Pageviews.  

ย้อนรอย ปชป.วิพากษ์ประชานิยม-ทุนนิยมสามานย์ มติชน

กว่า 6 ปีที่พรรคไทยรักไทยบริหารประเทศ ปฏิเสธไม่ได้ว่า "นโยบายประชานิยม" อย่าง กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ กลายเป็นสารเสพติดสำหรับคนรากหญ้า ที่ทำให้ชื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ถูกลืม แม้จะถูกปฏิวัติจนตกเก้าอี้ ถูกศาลจำคุก กลายเป็นผู้ร้ายหนีคดีร่อนเร่ไปทั่วประเทศ

และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ "พลิกขั้ว" ได้สำเร็จ "นโยบายประชานิยม" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกลายเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ที่รัฐบาล ปชป.ต้องนำมาเตรียมรับผลกระทบจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบกับธุรกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาค "ส่งออก" และ "การท่องเที่ยว" แล้ว

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีเลือกวิธีนำงบฯ 3 แสนล้านเข้าไปกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน ตามแนวคิดลัทธิเคนส์เชียน (Keynescian) โดยการคลอด "ประชานิยม" มาเป็นระลอก เหมือนกับที่ทักษิณเคยใช้เมื่อปี 2544 แม้จะอ้างว่า ไม่ได้ "ลอกข้อสอบ" ใครก็ตาม

แต่อย่าลืมว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองอยู่พรรคหนึ่งที่โจมตี "นโยบายประชานิยม" อย่างดุเดือดและเผ็ดร้อนตามประสาพรรคคนใต้ เพื่อไม่ให้นักการเมืองบางกลุ่มกลายเป็น "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" "มติชน" จึงรวบรวมคำพูดของบุคคลสำคัญในรัฐบาลชุดนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า คิดอย่างไรต่อ "นโยบายประชานิยม"

เริ่มจากปี 2544 ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย มีนักการเมืองหนุ่มวัย 37 ที่ชื่อ "อภิสิทธิ์" ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายประชานิยมของรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน ทั้งนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ โดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เจ้าตัวลุกขึ้นตั้งคำถามกับ "นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" รมช.สาธารณสุขขณะนั้น ถึงแหล่งที่มาของเงินทุนว่า

"นโยบายนี้ของพรรค ไทยรักไทยโดนใจประชาชน เพราะเป็นการสร้างความหวังว่าประชาชนทุกคนจะอยู่ใต้ระบบการรักษาพยาบาลระบบ เดียวกัน ไม่มีใครมีสิทธิเหนือใคร ทุกคนใช้บัตรประชาชนเดินเข้าโรงพยาบาลก็สามารถรับการรักษาพยาบาลใต้มาตรฐาน เดียวกัน แต่นโยบายนี้รัฐบาลต้องใช้งบฯเพิ่มแน่นอน ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านต่อปี ซึ่งตอนที่ นพ.สุรพงษ์คิด มีหลักฐานว่าทุกคนต้องจ่ายเงินสมทบเดือนละ 100 บาท แต่วันนี้ไม่มี แล้วเงินจะลอยมาได้เองเป็นไปไม่ได้ ซึ่งจากการศึกษาทางเลือกคือต้องเก็บภาษีท้องถิ่นมากขึ้น ยังต้องเอาเงินจากรัฐบาลกลางอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือทำเป็นรัฐสวัสดิการซึ่งต้องขึ้นภาษีเป็นร้อยละ 50-60 ซึ่งต้องถามนักธุรกิจว่าพร้อมจ่ายหรือไม่ หรือมิเช่นนั้นก็ต้องให้โรงพยาบาลบริการไปเองตามงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบนี้ในประเทศอังกฤษคือ การรักษาบางโรค เช่น ผ่าตัดต้องรอคิวกันเป็นปี"

พร้อมตอกหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ "ประชานิยมตัวพ่อ" ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยว่า นโยบายของไทยรักไทยเป็นนโยบายตลาดนำการเมือง ที่รัฐบาลควรหยุดทำ เพราะไม่จำเป็นต้องหาเสียงแล้ว!

และนับจากบรรทัดนี้คือ "คำปรามาส" ในนโยบายประชานิยม จากบรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่มองว่านี่คือระบบ "ทุนนิยมสามานย์"

" นโยบายเอสเอ็มแอลถือว่าเป็นหนึ่งในนโยบายที่อัปยศที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากเป็นการทำลายระบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะการนำงบประมาณลงไปถึงประชาชนในลักษณะนี้เป็นการสร้างบุญคุณระหว่าง รัฐบาลกับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลจริงใจกับระบอบประชาธิปไตยและท้องถิ่น ควรจัดงบประมาณไปตามที่กฎหมายกำหนดโดยผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มี อยู่" (บัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ปชป.ขณะนั้น กล่าวระหว่างการสัมมนาสาขาพรรค เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2547)

"กองทุน หมู่บ้านในภาคอีสานกลายเป็นกองทุกข์ กองหนี้ เป็นเรื่องพันธนาการ นโยบายพักชำระหนี้ สามปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการซื้อเวลาเท่านั้น และจะครบเวลากำหนดเวลาชำระในเดือนมีนาคมในปี 47 แต่จากการพบตัวแทนเกษตรกร เขายังนึกไม่ออก และไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาชำระหนี้ สุดท้ายคงหนีไม่พ้นกู้ยืมเงินนอกระบบ เช่นเดียวกับหนี้กองทุนหมู่บ้าน เท่ากับเป็นการซ้ำเติมหนี้ให้สาหัสสากรรจ์มากขึ้น เป็นกองทุนที่นับวันใหญ่โตมากขึ้น น่ากังวล" (บัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ปชป.ขณะนั้น กล่าวระหว่างการสัมมนาสาขาพรรค เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2547)

"พรรคประชาธิปัตย์ จะต้องตั้งคำถามว่าอนาคตเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไร หากประชาชนจะต้องนำเงินในอนาคตมาใช้ เพราะการที่รัฐบาลใช้จ่ายเงินอย่างทุกวันนี้ อาจจะก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างในอาร์เจนตินา เม็กซิโก และเปรูได้ ซึ่งประเทศต่างๆ นี้ ใช้จ่ายเงินอย่างที่รัฐบาลไทยรักไทยกำลังทำอยู่ เพียงเพื่อต้องการให้ได้เสียงสนับสนุนจากประชาชน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 8 ปีก็ทำให้เศรษฐกิจล้มเหลวต่อเนื่องในระยะยาว เพราะการล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจจะมีระยะเวลาของมันอยู่ ไม่ใช่เห็นผลในทันที แต่ในช่วงที่ยังไม่เห็นผล ประชาชนก็ยังให้การสนับสนุนอยู่ ดังนั้นฝ่ายค้านจึงต้องเร่งทำหน้าที่ในการบอกความจริงให้ประชาชนรับรู้ และไม่เห็นว่าจะมีสถาบันใดในประเทศขณะนี้ที่จะหยุดยั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำทั้งหมดเป็นภาพลวงตา" (ไตรรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2546)

" สำหรับนโยบายการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลคุณทักษิณ ที่ทีมเศรษฐกิจของไทยรัฐเรียกว่า "ของแท้" ไม่ว่าจะเป็นโครงการเอสเอ็มแอลในอดีตหรือโครงการอำเภอละ 250 ล้านบาท โครงการใหม่เพื่อแก้ความยากจนนั้น ผมขอโต้แย้งว่าเป็นการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างขาดหลักการ ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการหาเสียงเท่านั้น ครั้งแรกที่พรรคไทยรักไทยลงเลือกตั้ง ใช้นโยบายมอบเงินกองทุนให้หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ครั้งที่สอง รัฐบาลไทยรักไทยเสนอนโยบายแจกเงินแบบให้เปล่า หมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท หมู่บ้านจะนำไปใช้ทำอะไรก็ได้ มาวันนี้มาแนวใหม่พรรคไทยรักไทยมีนโยบายแจกเงินอำเภอละ 250 ล้านบาท เพื่อแก้ความยากจน ถ้าจะเรียกนโยบายอย่างนี้ว่าเป็น "ของแท้" และสงวนลิขสิทธิ์ เชิญเลยครับ ไปจดลิขสิทธิ์ได้เลย เชื่อว่าคนที่รู้จริง ย่อมเข้าใจดีว่า นโยบายอย่างนี้ไม่มีใครอยากที่จะเลียนแบบอย่างแน่นอน" (กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ทีมนโยบายพรรค ปชป. เขียนไว้ในเว็บไซต์ //www.korbsak.com เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2549)

"สิ่งที่รัฐบาลทำหลาย มาตรการคงจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้บ้าง แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือหลักคิดของผู้นำที่มองว่าการบริหารเศรษฐกิจใน วันนี้ยังเป็นเพียงเรื่องของการที่จะให้มีเงินหมุนเวียนมากๆ โดยการเอาเงินไปให้ประชาชนใช้จ่าย สิ่งที่ทำไปถ้ารัฐบาลไม่ดูให้ครบวงจรปัญหาจะตามมา" (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวหลังขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.ได้ 4 เดือน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548)

หน้า 11

ที่มา มติชน




 

Create Date : 24 มกราคม 2552    
Last Update : 24 มกราคม 2552 15:55:12 น.
Counter : 400 Pageviews.  

กรณีรับเงิน250ล้าน ปชป.หนาว โทษถึงขั้น"ยุบพรรค"

ถูกนำไปกล่าวถึงบนเวทีคนเสื้อแดงอีกครั้ง สำหรับประเด็นเงินจากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีการโอนไปให้พรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้านบาท ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด

นายณัฐวุฒิ กล่าวปราศรัยบนเวทีชัดถ้อยชัดคำว่า มีข้อมูลการรับเงินของพรรคประชาธิปัตย์จากบริษัททีพีไอโพลีน ที่มี นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นผู้บริหาร

ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นใน ช่วงปี 2547-2548 ระหว่างการเลือกตั้ง โดยบริษัทเมซไซอะฯ ซึ่งมีนายประจวบ สังขาว เป็นผู้บริหาร และมีกรรมการบริหารพรรคที่น่าสนใจคือ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ลูกสาวนายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติ

นายณัฐวุฒิกล่าว อีกว่า บริษัทเมซไซอะฯ ได้รับการโอนเงินจากบริษัท ทีพีไอโพลีนเพื่อจ้างงานประชาสัมพันธ์ เกือบ 250 ล้าน โดยโอนเงินครั้งละ 1.8-1.9 ล้านบาท เพื่อป้องกันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ แต่กลับไม่มีหลักฐานว่าบริษัทเมซไซอะฯ ไปจัดซื้ออุปกรณ์การทำงานมาอย่างใด

แต่มีหลักฐานว่าบริษัทเมซไซอะฯ ได้โอนเงินเข้าบัญชีญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคในขณะนั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน นายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา และเป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจโดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 มีการโอนเงินภายในวันเดียวกว่า 20 ล้านบาท

จริงๆแล้วประเด็นนี้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เคยอภิปรายในรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 ในช่วงที่นายสมัคร สุนทรเวช ยังเป็นนายกรัฐมนตรี จนทำให้ น.ส.สุพัชรี ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอย่างอัดอั้นน้ำตาคลอว่า "ท่านไม่สงสารดิฉันบ้างเหรอคะ" มาแล้ว

"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับวันที่ 11 กันยายน 2551 สัมภาษณ์ ส.ส.สุพัชรีในครั้งนั้น ใจความตอนหนึ่งว่า

" เรื่องก็คือดิฉันมีบริษัทอยู่บริษัทหนึ่งที่กรุงเทพฯ เมื่อตอนปี 2543 ซึ่งตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดิฉันถือหุ้นแต่ไม่ได้มีอำนาจในการลงนามในบริษัท หลังปี 2544 ดิฉันก็ไปลาออกจากบริษัทนี้ เพราะเขาเป็นบริษัทบิลบอร์ด ทำโฆษณา อะไรอย่างนี้ ดูท่าทางว่าจะไปไม่ได้ ดิฉันก็เลยขอลาออกจากบริษัท ตอนปี 2544 ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ได้มีอำนาจลงนามอะไรในบริษัทนั้น"

"ที่คุณสุ นัยกล่าวถึงนั้นเป็นช่วงปี 2547-2548 เขากล่าวว่าบริษัทนี้ให้เงินพรรค ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไร เพราะดิฉันออกมาแล้ว ส่วนบริษัทเขาจะให้เงินหรือไม่ให้เงินดิฉันไม่ทราบตรงนั้น ต้องให้พรรคดำเนินการอีกทีหนึ่ง ให้พรรคตรวจสอบ อีกที ส่วนตัวของดิฉันจบสิ้นไปแล้ว บริคณห์สนธิเป็นของปี 2543 ก็คือเป็นอันเก่า นายสุนัยไม่มีใบลาออก ไม่มีใบเปลี่ยนแปลงหุ้นมาให้ ของปี 2544 เขาไม่มีหลักฐานตรงนั้นมา"

น.ส.สุพัชรีบอกอีกว่า หลังจากที่ตรวจสอบเอกสารที่นายสุนัยส่งให้นายสมัครแล้ว ก็พบว่าไม่ได้มีอะไรที่ทำให้หนักใจ ส่วนเรื่องที่ถูกอ้างว่านายประชัยโอนเงินมาให้เพื่อนำไปสนับสนุนม็อบ พันธมิตรฯก็ไม่เป็นความจริง

"ไม่ใช่บัญชีของดิฉัน เป็นบัญชีของบริษัท แต่ดิฉันไม่รู้ว่าขณะนั้น ปี 2547-2548 ดิฉันไม่ได้อยู่ในบริษัทนั้นแล้ว ดิฉันเลยไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร"

" ดิฉันก็ตกใจเหมือนกัน เพราะว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 แล้วพอปี 2544 ดิฉันก็ ลาออกไปเลย ดิฉันลืมไปเลยว่าดิฉันเคยอยู่ ชื่อบริษัทก็จำไม่ได้ รู้ว่าเป็นของญี่ปุ่น นานมาก ทางพรรคก็ตกใจ เพราะเรื่องนี้มันนานมาก แล้วทางพรรคก็เพิ่งจะรู้เรื่อง คือไม่มีใครคาดเดามาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ขึ้น ส่วนตัวดิฉันเองก็ลาออกมาตั้งแต่ปี 2544 ไม่รู้ว่านายสุนัยจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเล่น"

"ดิฉันมองว่าหนึ่งอาจ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง อาจเป็นการฆ่านักการเมือง ดิฉันเป็นนักการเมืองใหม่ อาจจะมีบางคนหรือคู่แข่งของดิฉันเขาอาจจะลง แข่งด้วยครั้งหน้า อาจจะเอาข้อมูลตรงนี้ มาพูด ในสภา แต่พอดีเราไม่ผิด สามารถพูด ชี้แจงได้"

นั่นคือสิ่งที่ น.ส.สุพัชรีเคยชี้แจง

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบ บริษัทที่ น.ส.สุพัชรีกล่าวถึงคือ บริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2543 ทำธุรกิจประเภทประกอบกิจการรับจ้างผลิตสื่อสิ่งพิมพ์-บริการ มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยนายประจวบ สังขาว เป็นผู้มีอำนาจในบริษัท ตั้งอยู่ที่ 108/12 หมู่ที่ 11 ถ.พหลโยธิน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ปัจจุบัน ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2551

บริษัทเมซไซอะฯ มีกรรมการบริษัท 3 คน คือ นายประจวบ สังขาว น.ส.วลัยลักษณ์ ประสงค์ และนายปณิธิ ศิริเขต

มีผู้ถือหุ้น 7 คน ได้แก่ 1.นายประจวบ สังขาว (80,000 หุ้น) 2.น.ส.วลัยลักษณ์ ประสงค์ (10,000 หุ้น) 3.น.ส.ฐิติพร อยู่ไว (9,960 หุ้น) 4.น.ส.กรุณา คอนแหยม (10 หุ้น) 5.น.ส.เบญจวรรณ คอนแหยม (10 หุ้น) 6.นายปรีดี คอนแหยม (10 หุ้น) และ 7.น.ส.วิสุดา มีสุโข (10 หุ้น) โดยคิดเป็นหุ้นละ 10 บาท ส่วนกรรมการบริษัทมี 3 คน คือ นายประจวบ น.ส.วลัยลักษณ์ และนายปณิธิ ศิริเขต

งบฯย้อนหลัง ปี 2545 บ.เมซไซอะฯ มีสินทรัพย์รวม 3.4 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 1.7 ล้านบาท, ปี 2546 มีสินทรัพย์รวม 2.7 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 921,997 บาท และปี 2547 มีสินทรัพย์รวม 19.3 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 14.1 ล้านบาท

บ.เมซไซอะฯ มีบริษัทที่เกี่ยวข้อง คือ บริษัท ดีพ แอ็ด จำกัด และบริษัท เวิลด์ สตาร์ ทีวี (ไทยแลนด์) จำกัด

บริษัท ดีพ แอ็ด มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 62/182 หมู่ที่ 3 ซอย 5 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.ประกอบธุรกิจ รับออกแบบและผลิตสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณา และประชาสัมพันธ์ ทุกประเภท มี น.ส.วลัยลักษณ์ ประสงค์ เป็นผู้มีอำนาจ

บริษัท เวิลด์ สตาร์ ตั้งอยู่ที่ 59/8 หมู่ที่ 9 ถ.โชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ทุนจดทะเบียน 1 พันล้านบาท ประกอบกิจการเกี่ยวกับประกอบดาวเทียม ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ วิทยุ โทรทัศน์ วีดีโอ วีซีดีรวมทั้งการผลิตสินค้าอุปกรณ์ มีนายปรีชา ภมรพิบูลย์ เป็นผู้มีอำนาจ

กรรมการ บริษัท มี 5 คน ได้แก่ 1.พล.อ.อัครเดช ศศิประภา 2.พล.ต.ท.พิทยา เจริญพานิช 3.นายสมบูรณ์ ยืนยงสุวรรณ 4.นายชาญบุณฑ์ สุนทรวิภาต และนายปณิธิ ศิริเขต

มี ผู้ถือหุ้น 19 คน อาทิ นายปรีชา ภมรพิบูลย์ ถือหุ้นร้อยละ 91, นาย เดชสฤษฎิ์ หาญรัตนกูล ถือหุ้นร้อยละ 3, พล.อ.อัครเดช ศศิประภา ถือหุ้นร้อยละ 1, นายเก่งกาจ จงใจพระ ถือหุ้นร้อยละ 0.5, นายนิสสัย เวชชาชีวะ ถือหุ้นร้อยละ 0.1, น.ส.พาพร ตั้งตรงจิตร ถือหุ้นร้อยละ 0.1, พล.ต.ท.พิทยา เจริญพานิช ถือหุ้นร้อยละ 0.1, นายอนันต์ ฉายแสง ถือหุ้น ร้อยละ 0.1 เป็นต้น

การออกมาแฉเรื่องเงินที่โอนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ หากพิสูจน์ได้ว่ามีใบเสร็จอย่างที่บางคนออกมากล่าวอ้าง ว่ากันว่าเดิมพันสูงถึงขั้นอาจต้องมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์

ในระหว่างที่เส้นทางการเมืองของพรรคสะตอกำลังติดลมบนสูงลิ่ว

ข่าวร้ายก็มาเยือนอีกครั้งหนึ่ง !!!

จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ หน้า 28 วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4071
ที่มาต้นขั้ว ประชาชาติธุรกิจ

รายการความจริงวันนี้ทางสถานีประชาธิปไตย วันที่21มกราคม
สามเกลอได้เปิดเผยหลักฐานเป็นหนังสือสัญญาโอนเงินเพื่อจ้างงานประชาสัมพันธ์มีลายเซ็นของประจวบ สังขาวกับประชัยเลี่ยวไพรัตน์กำกับ
สลิบการโอนเงินครั้งละล้านแปดล้านเก้าล้านเก้าล้านแปดที่มีหมายเลขสมุดเช็คมาจากเล่มเดียวกันระหว่างประจวบ สังขาวกับเครือญาติสส.ปชป.
นอกจากนี้ก็มีสำเนาโทรสารที่มีชื่อของประจวบ สังขาวกับเบอร์โทรสารของที่ทำการพรรคปชป. สำหรับใช้ยืนยันว่าได้ทำการโอนแล้วหรือได้รับเช็คแล้ว
โดยกระบวนการได้มาซึ่งหลักฐานนั้นมาจากนายตำรวจชั้นประทวนคนหนึ่งซึ่งรับเรื่องดำเนินคดีที่เมซไซอะปลอมแปลงเอกสารทางภาษี เพื่อหลบเลี่ยงภาษีจากเงินที่ได้รับการโอนมา โดยตอนนี้นายประจวบ สังขาว ตกอับถึงขนาดต้องไปเป็นลูกจ้างในร้านอาบอบนวดแห่งหนึ่งแถวพญาไท




 

Create Date : 16 มกราคม 2552    
Last Update : 22 มกราคม 2552 1:42:43 น.
Counter : 806 Pageviews.  

หลายเรื่องราวซุบซิบของหม่อมสุขุมพันธ์ ผู้สมัครผู้ว่ากทม.

วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 17:48:03 น. มติชนออนไลน์

"ลีน่า จัง"พาน้องสะใภ้"สุขุมพันธุ์" ฟ้องศาลแพ่งพินัยกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. นางลีนา จังจรรจา นำ นางวรภาทิพย์ บริพัตร ณ อยุธยา ภรรยา พ.อ.ม.ร.ว.วโรรส บริพัตร และทนายรับมอบอำนาจจาก พ.อ.ม.ร.ว.วโรรส เข้ายื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ให้เพิกถอนพินัยกรรมลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2535 และเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้จัดการมรดก โดยคำฟ้องระบุว่า พินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยพระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ บริพัตร ซึ่งยกมรดกให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เพียงผู้เดียวนั้น อาจเป็นไปได้ว่าจำเลยใช้วิธีการฉ้อฉลเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ เนื่องจากในขณะนั้น ผู้ทำพินัยกรรม มีอาการป่วยทางสมอง ไม่มีสติสัมปชัญญะ อีกทั้ง ในพินัยกรรมยังระบุด้วยว่า หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เสียชีวิตให้ยกมรดกแก่ลูกชายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต่อไป

ทั้งนี้ ศาลแพ่งรัชดาได้ประทับรับฟ้อง และนัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 20 เมษายนนี้ เวลา 13.3

เมื่อหลายวันก่อนปีใหม่เห็นบางคนเอาเรื่องราวของคุณชายมาโพสต์ แล้วก็ตามด้วยคุณลีน่าจัง แกพาน้องสะใภ้ของคุณชายไปฟ้องศาลเรื่องคดีอะไรสักอย่าง ผมเลยลองไปตามแคะ ตามแกะ ตามเกา ตามประสา งานนี้ขอสะแหล๋นหน่อย ก็เพราะไม่ใช่อะไรหรอก ก็เนื่องจากว่าคุณชายก็เป็นที่สนใจของประชาชน เพราะว่าแกเป็นตัวเกร็ง(โคตรๆ) ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพเมืองฟ้าอมรครั้งนี้

จะว่าการ เลือกตั้งผู้ว่าฯครั้งนี้นั้น หากว่าปชป.รู้ว่าได้ตั้งรัฐบาลแน่นอนก็คงไม่เอาคุณชายมาลง แล้วดันไอ้กษิตปากหมามาเป็น รมว. ต่างประเทศหรอก เพราะว่าคุณชายแกเป็นมือวางกระทรวงนี้อยู่แล้ว

แต่ที่ต้องมาลงผู้ ว่ากทม.ก็เพราะว่าปชป.ไม่มีตัวเลือกคนอื่น ครั้นจะเอากรณ์วันเวย์มาลงก็ไม่ได้ เพราะกรณ์หวังมากกว่าตำแหน่งผู้ว่าฯ ดังนั้นหวยจึงมาออกที่คุณชายเขานี่ล่ะ

เอาล่ะ หลังจากที่ไปขุดแคะเรื่องราวของคุณชายออกมาก็ได้ความอยู่ว่า คุณชายร่ำรวย โดยมีทรัพย์สินจากกกองมรดกที่ได้มาจากพระบิดาของคุณชาย เรียกว่านับเป็นพันล้าน แต่ที่มันแปลกอยู่อย่างหนึ่ง เท่าที่ได้ทราบใมว่าคุณชายสุขุมพันธุ์ เธอมีน้องชายที่คลอดตามกันมาที่รู้มาว่าไม่ได้ส่วนแบ่งมรดกเลยแม้แต่สตางค์ แดงเดียว แล้วก็ทราบมาว่าทางพระบิดาของคุณชายก็หาได้รังเกียจในตัวน้องชายคนนี้แต่ อย่างไร

เรื่องราวการมอบมรดกผ่านทางพินัยกรรมที่เขียนด้วยลายมือ และมีการกล่าวกันว่าพระบิดาของคุณชายนั้น ได้เขียนใมรดกเอาไว้เป็นลายพระหัตถ์และทำไว้เป็นสองฉบับ ซึ่งทางเจ้าตัวเก็บไว้หนึ่งฉบับ(หรือไม่ก็ทนาย) และทางคุณชายได้เก็บไว้อีกหนึ่งฉบับ ซึ่งมีข้อความเหมือนกันแต่เขียนคนละครั้ง

ซึ่งมันก็แปลกว่าทางคุณชายนั้นทำไมจึงได้ถือพินัยกรรมไว้กับตัว และที่แปลกไปกว่านั้น พินัยกรรมนั้นได้ระบุให้คุณชายเป็นผู้จัดการมรดกไว้แต่เพียงผู้เดียว และทรัพย์สินทั้งหมดก็ตกเป็นของคุณชายทั้งหมด ตรงนี้น่าคิดว่าคุณชายไปกล่อมพ่อของตัวเอง หรือว่าไปเล่นแร่แปรอักษรอะไรหรือไม่อย่างไร ก็ยากที่จะเดา แต่ที่แน่ๆเรื่องมรดกนี้ เคยมีการร้องคัดค้านและคดีนี่โดนเป่าเงียบไปเฉยๆในภายหลัง และมีเหตุอันควรเชื่อได้อย่างมากว่า พระบิดาของคุณชายป่วยเป็นอัลไซเมอร์ในช่วงก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ และช่วงนั้นน้องชายของคุณชายได้ไปศึกษาต่อที่ตางประเทศ ซึ่งเรื่องพินัยกรรมนั้น เมื่อเปิดขึ้นมาภายหลังการสิ้นพระชนม์ หลายคนที่คุ้นเคยกับลายพระหัตถ์ ก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เหมือนกับลายพระหัตถ์ของพระบิดาเท่าไรนัก เพราะว่ามีหลายจุดที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

ยังมีเรื่องที่ดินแถวๆ หัวหินติดทะเลที่คุณชายได้รับมอบให้จากญาติ โดยให้เพราะความรักและความไว้เนื้อเชื่อ โดยได้สั่งว่าอย่าขายที่ดินแปลงนี้ แต่คุณชายกลับขายให้ลูกชายของนายเฉลียวแห่งกระทิงแดงไปอย่างหน้าตาเฉย โดยผู้ที่มอบให้ต้องเสียใจและช้ำใจทุกครั้งที่เห็นที่ดินแปลงนี้

นอก จากนี้ยังมีเรืองราวที่ต้องชวนให้สงสัยในการทำธุรกิจของคุณชายอีกหลายอย่าง ที่ไปร่วมลงทุนกับเพื่อนหลายคน ที่สุดท้ายผลประโยชน์กลับมาตกที่คุณชายแต่เพียงผู้เดียว และเพื่อนเหล่านั้นต่างตัดมิตรและไม่คิดคบหาคุณชายอีก

และเรือง หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือเรื่องนิสัยที่เป็นเหมือนเพลย์บอย ภริยาคนปัจจุบันของคุณชายก็เคยเป็นลูกศิษย์ของคุณชายเอง ที่ไม่รู้อีท่าไหนจับพลัดจับผลูมาลงเอย แต่เมื่อตามหาความจริงก็พบว่า ทีต้องแต่งานร่วมหอลงโรงด้วยนั้นก็เพราะว่า พ่อทางฝ่ายหญิงจะเอาเรื่อง เพราะว่าพาลูกสาวเขาไปเที่ยวเมืองนอกสองต่อสอง เลยต้องเลยตามเลย เล่ากันว่าคุณชายถึงกับน้ำตาตกในวันแต่งาน

นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรม เก็บค่าเช่าห้อง กล่าวคือ คุณชายนั้นมีธุรกิจคอนโดให้เช่าอยู่ที่ทางเหนือ และมีบรรดานักศึกษาสาวๆมาเช่าอยู่หลายห้อง หากว่าใครไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง คุณชายก็จะบินไปเก็บค่าห้องแบบส่วนบุคคล แบบว่าจ่ายกันในห้องนั้นล่ะ จนผู้จัดการของคอนโดต้องพาคุณชายไปตรวจเลือดแทบทุกเดือน

กลับมาที่เรื่องมรดกเจ้าปัญหา เท่าที่ทราบมาว่าตอนนี้กำลังดำเนินการฟ้องร้องอย่างที่เป็นข่าว แต่ว่าไม่ใช่เท่านั้น คุณชายยังทำหนังสือแสดงเจตน์จำนงให้น้องชายของตัวเองย้ายออกไปจากบ้านที่ อยู่ เพราะว่าน้องชายนั้นไม่ได้มีสิทธิ์ในมรดกนี้แต่อย่างใด เรียกง่ายๆว่าไล่ออกจากบ้านนั่นล่ะ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีการแจ้งความเอาผิดกับน้องสะใภ้ด้วยข้อหาแปลกๆ เรียกว่าครอบครัวหาได้มีความสุขแต่อย่างใด

และที่ติดตาติดใจมากที่สุดตอนนี้ก็คือป้ายหาเสียคือรอยยิ้มให้คนกรุงเทพฯ ก็เลยมางงๆว่า คุณชายยังไม่ยิ้มให้ครอบครัวตัวเองเท่าไรเลย แล้วจะมาให้คนกรุงเทพฯยิ้มได้อย่างไร เพราะจากที่ทราบมาว่า บางวันเข้ามาที่บ้านแล้วตาขวางหาเรื่องน้องสะใภ้บ้าง ด่าหลานบ้าง และการบริหารธุกิจต่างๆของคุณชายก็แปลกๆ และมีเรื่องแปลกๆซุกซ่อนอยู่เสมอๆ ก็ไม่รู้ว่าหากมาเป็นผู้ว่าฯ จะมีเป็นอย่างที่เคยหรือไม่ เพราะว่าผู้ว่าฯคนเก่าก็ต้องกระเด็นตกเก้าอี้ด้วยว่ามีเรื่องราวคอร์รัปชั่น เข้ามานี่ล่ะ

เมื่อคืนได้ดูดีเบตไปนิดหน่อยเห็นคุณชายบอกว่าให้เลือกตนเองเพราะว่า พรรคตนเองนั้นบริหารประเทศอยู่ถือเป็นโอกาสอันดี
แต่ โดนทางคุณแซมเธอสวนโครมให้ว่า ตอนที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลคุณอภิรักษ์ ก็ขอให้โอกาสพรรคฝ่ายค้านได้ทำงานตรงนี้เพราะว่าจะเป็นการคานอำนาจกัน เล่นเอาคุณชายหน้าเจื่อนไปเหมือนกัน

จริงแล้วไม่ได้ต้องการมาโจมตี คุณชายเพราะว่าคิดไปคิดมา คุณชายเองเหมือนโดนพรรคปชป.หลอกให้มาลงผู้ว่ากทม. เพราะหาตัวเลือกไม่ได้ ทั้งที่ตำแหน่งของคุณชายที่เหมาะสมนั้นต้องเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่าง ประเทศ ไม่ใช่ไอ้คุณเวรกษิต ที่ปากเสียจนตอนนี้ ฮุนเซ็นกำลังจ้องตบกะบาล

บทความโดย NARAK
ที่มา เว็บบอร์ดประชาไท
5 มกราคม 2552




 

Create Date : 07 มกราคม 2552    
Last Update : 7 มกราคม 2552 1:23:33 น.
Counter : 3474 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.