ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

โอ้มายก๊อด‘กษิต’สนุก!ยึดสนามบินแต่โบ้ยกลับว่าถูกตีความคำพูดผิด

23 ธ.ค. 2008 - 00:41:47 น.

* ทูตทั่วโลกอึ้ง “อาหารอร่อย-ดนตรีไพเราะ”

เป็นที่น่าตกใจและน่าอับอายไปทั่วโลก เมื่อคนที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศของไทย มีความชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบยึดสนามบินจนถูกประณาม และสร้างผลกระทบไปทั่วทั้งโลกอย่างมหาศาล แถมซ้ำร้ายยังกล้าหาญออกมากล่าวขอร้องทูตต่างประเทศให้มองเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องดีงาม และออกหน้าแก้ตัวให้ม็อบชั่ว โดยอ้างหน้าตาเฉยว่าการชุมนุมเป็นกระบวนการในการผลักดันประชาธิปไตย ให้ก้าวไปข้างหน้า

โอววว!ยึดสนามบินเป็นเรื่องสนุก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา อ้างสำนักข่าว 'เดลี่ เทเลกราฟ'ในประเทศอังกฤษ ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวัน ศุกร์ที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทูตเหล่านี้ ว่าการเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรฯว่า อยากขอให้เหล่าทูตมองกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า

และควรจะมีความสุขเป็นครั้งแรก ที่มีประชาชนธรรมดาออกมาแสดงพลังอย่างเต็มที่เพื่อคัดค้านการคอร์รัปชั่น โดยหากสังคมยังคงต้องเปลี่ยนแปลง ก็จำเป็นจะต้องแลกกับการสูญเสียบ้าง

ซัดม็อบย่ำยีทัวริสต์3.5แสนคน

สำนักข่าวเดลี่ เทเลกราฟ ระบุว่า เหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง พร้อมประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะทำให้คนตกงานกว่า 1,000,000 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายกษิตที่จะต้องฟื้นภาพลักษณ์ของเมืองไทยต่อนานาชาติ เพราะเคยเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ และปัจจุบันก็ยังคงเป็นอยู่

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่ามีผู้สังเกตการณ์เป็นจำนวนมากที่เชื่อว่ากลุ่ม พันธมิตรฯ จะได้รับการยกเว้นจากการลงโทษและเป็นส่วนหนึ่งในการโค่นล้มอำนาจที่มาจากการ เลือกตั้ง เพราะกองทัพได้ต่อต้านอำนาจของทักษิณที่กลับมาอีกครั้ง

สื่อนอกย้ำนายกฯก็ยังเลือกข้าง

ทางกองทัพเองมีหน้าที่ในการรับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ทำการ ขัดขวางผู้ประท้วงที่เข้ามาปิดล้อมสนามบินที่เป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย เลย

ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่มีความสำคัญในกองทัพมีบทบาทในการชักชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตก เป็นเครื่องมือในการสลับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ถามว่ากองทัพมีบทบาทอะไรในการทำให้พรรคของเขามีอำนาจ นายกษิต ตอบว่า “ไม่รู้”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่กล่าวว่า สัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมแก่กลุ่มพันธมิตรฯ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกข้างอยู่ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เคยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในการ เป็นแกนนำสำคัญและสนับสนุนกลุ่มพันธมิตร พร้อมกันนี้ก็ยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งพรรคประชาธิปัตย์ของนาย อภิสิทธิ์ด้วย

ออกโรงแก้ต่าง-ปกป้องพันธมิตร

ขณะเดียวกันยังอ้างถึง ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ตกเป็นเครื่องมือในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นคิดว่า พวกเรากำลังผิดหวังกับรัฐบาลที่คอยเอาใจกลุ่มพันธมิตรที่ทำกิจกรรมมากมายโดย ใช้กำลังบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวตำหนิบรรดาทูต และผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไม่แสดงความเห็นใจต่อเหตุผลของกลุ่มพันธมิตร

โดยนายกษิต เองก็ควรที่จะมีมารยาทในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านกับชาวต่างชาติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแนวโน้มความรุนแรงที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้กลุ่มการ์ดรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตร ที่พกพาอาวุธปืนมีระเบิดและถูกนานาชาติเรียกว่ากองกำลังติดอาวุธ ก็ถูกนายกษิต แก้ต่างโดยตะแบงว่าแล้วภรรยาของเขาที่มาร่วมชุมนุมทุกเย็นโดยมีเฉพาะอาหาร กับยา เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังด้วยหรือเปล่า

เอาเข้าไป!ถึงจะเป็นพธม.แต่เก่ง

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานเมื่อวันเดียวกันว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย พร้อมกล่าวชื่นชมต่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ว่า เป็นบุคคลที่มีท่าทีที่เป็นมิตร และมีความประนีประนอมมากกว่ารมว.ต่างประเทศของไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีแห่งมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งพรมแดน

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวว่า ไม่กังวลกับเสียงคัดค้านโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อว่าประสบการณ์ด้านการต่างประเทศของนายกษิต จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และจะช่วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการต่างประเทศได้มาก

"กษิต"ยันท่าทีต้องเปลี่ยนไป

ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องท่าทีแข็งกร้าวระหว่างขึ้นเวทีพันธมิตรว่า ขอให้รอดูการทำงานในกระทรวงก่อน แต่ยืนยันว่าท่าทีจะต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้ว เพราะขณะนี้สวมหมวกคนละใบ

ส่วนกรณีที่นายกฯให้พิจารณาจับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จ.เชียงใหม่ นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
นายกษิตยังเปิดเผยว่า เตรียมเดินทางเข้ากระทรวงครั้งแรก ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น. เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ

ปชป.เอาอย่างไรกับเขาพระวิหาร

ส่วนเรื่องของการแก้ปัญหาเขาพระวิหาร ที่นายกษิต เคยพูดจาเอาไว้มากมายบนเวทีพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เคยดาหน้าถล่มรัฐบาลก่อนเอาไว้มากมายนั้น ได้กลายเป็นประเด็นคำถามว่าเมื่อวันนี้นายกษิต ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะจัดการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร โดยที่หลายต่อหลายเสียงต่างแสดงความไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหา ได้

ด้านนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าเป็นที่ทราบดีว่านายกษิต เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความบาดหมางและกระทบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เป็นที่ทราบดีว่าการปราศรัยด้วยถ้อยคำเหล่านั้นเป็นความพยายามดิสเครดิต รัฐบาล โดยเอาความรักชาติมาเป็นเครื่องมือต่อรอง

กษิตต้องตอบคำถาม2ข้อให้ได้

ในเมื่อนายกษิตได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใน รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอธิบายข้อสงสัย 2 ประการต่อสาธารณะคือ1. การกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯเพื่อโจมตีรัฐบาลเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร จนเป็นเหตุให้เกิดกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2. ต้องอธิบายต่อชาวยุโรปถึงการสนับสนุนให้กลุ่มพันธมิตรฯยึดท่าอากาศยานนานา ชาติ หากจะมาดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามแกนนำนปช.ระบุถึงคุณลักษณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศ ว่า ต้องเป็นบุคคลที่สามารถเจรจากับนานาประเทศได้อย่างมีไมตรี และต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกษิต เป็นบุคคลที่มีลักษณะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบสุดโต่ง และเคยกล่าวโจมตีรัฐบาลกัมพูชาจนเป็นเหตุให้เกิดความสั่นคลอนระหว่างกอง กำลังทหาร และประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ

ไม่เชื่อน้ำยาจะทวงคืนได้

ดังนั้นจึงไม่เห็นช่องทางที่นายกษิตจะทำการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาได้อย่าง สนิทใจ และไม่เห็นทางที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนแต่ อย่างใด

"ทำได้ไหมหล่ะที่ต้องเอาความจริงมาพูดในวันนี้ เราต้องยอมรับก่อนว่า ปราสาทเขาพระวิหารได้ตกเป็นของเขมรตามคำตัดสินของศาลโลก ตั้งแต่พ.ศ.2505 ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช อย่างที่ต้องการโจมตีให้เกิดความเข้าใจผิด สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำคืออธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องอธิบาย ตามหลักทางกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดยาวนาน อันที่จริงรมว.ต่างประเทศต้องทำหน้าที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ เจรจาแบบสันติ แต่คุณกษิตมีปัญหาเพราะว่าเคยพูดปลุกระดมให้มวลชนเข้าใจผิด จนส่อที่จะเกิดสงครามระหว่าง2ประเทศ แล้ววันนี้จะมาตั้งโต๊ะเจรจาได้สนิทใจได้อย่างไรกัน" แกนนำนปช.กล่าว

นักก.ม.รอดูนโยบายทวงคืน

ด้านนายนรินทร์พงษ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ทราบกันดีทางประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้เสียปราสาทเขาพระวิหารให้กับ ประเทศกัมพูชาตั้งแต่การตัดสินของศาลโลก พ.ศ.2505 ซึ่งนั่นเป็นในการพิจารณาทางข้อกฎหมายและเอกสารที่มีอยู่ จึงไม่ทราบว่าจะคิดค้นหาวิธีใดที่ให้ไทยได้ครองปราสาทเขาพระหารแต่เพียงผู้ เดียว ส่วนนายกษิตนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งในเบื้องต้นตนยังไม่อยากที่จะตั้งคำถามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศในขณะนี้ คงต้องรอพิจารณารูปแบบของนโยบายของกระทรวงเสียก่อน ว่าจะมีแนวทางทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารตามที่นายกษิตเคยได้อ้างไว้อย่างไร บ้าง แล้วจึงค่อยมาทำการวิเคราะห์กันว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

"เขาพูดโจมตีบนเวทีเรื่องเขาพระวิหาร แต่วันนี้คงไม่ได้เพราะจะยิ่งเป็นผลกระทบถึงความสัมพันธ์ คุณกษิตจะสามารถทำได้หรือไม่เพื่อให้เกิดการเจรจาที่อะลุ่มอล่วยมากที่สุด เพราะผลประโยชน์ระหว่าง 2ประเทศควรได้มาด้วยความประนีประนอม ตรงนี้จะทำได้หรือไม่ต้องรอวิเคราะห์แนวนโบายของพรรคประชาธิปัตย์ ของรัฐบาลเอง" นายกสมคมทนายความฯกล่าว

'กษิต'ทำสลดขอโทษปชช.โบ้ยถูกตีความคำพูดผิด

24 ธ.ค. 2008 - 09:10:03 น.

สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานข่าว 'กษิต ภิรมย์' มีบทบาทบนเวทีพันธมิตร นักวิชาการ เรียกร้อง รมว.ต่างประเทศออกมาแสดงจุดยืน และ ดำเนินการกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ขณะที นายกฯมาร์ค โดดป้องสุดฤทธิ์ เจ้าตัวสลด ขอโทษประชาชน อ้างถูกตีความคำพูดผิด

สื่อมวลชนต่างประเทศได้รายงานข่าวการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุด ใหม่ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 โดยสื่อต่าง ๆ ได้ระบุถึง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คนใหม่ ซึ่ง เป็นผู้มีบทบาทในเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้สำนักข่าว "เดลี่เทเลกราฟ" ได้ระบุว่า นายกษิต ได้กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยว่า การเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งมีการกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรฯว่า การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามเหตุการณ์การยึดสนามบินสุวรรณภูิมิของกล่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในประเทศไทยและเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน


นอกจากนี้ นายโจนาทาน เฮด ผู้สื่อข่าวของบีบีซีประจำประเทศไทย ได้แสดงความกังวลว่า การแต่งตั้งนายกษิต เป็นรมว.ต่างประเทศจะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯอาจจะมีอิทธิพลต่อการทำงานในฐานะรม ว.ต่างประเทศ ทั้งนี้ นายกษิตอาจจะประสบความยากลำบากในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ เคยกล่าวโจมตีกรณีปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนอย่างรุนแรง

นักวิชาการรุมสับ 'กษิต'แสดงจุดยืนและดำเนินการ'เขาพระวิหาร'

นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ท่าทีของนายกษิต เป็นที่จับตามองของสื่อทั้งในและนอกประเทศ ดังนั้น นายกษิต ต้องรีบชี้แจงและแสดงจุดยืนที่มีต่อกลุ่มพันธมิตรฯให้ชัดเจน

ขณะที่ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นายกษิต ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ส่วนควรจะจี้ให้ออกหรือไม่ ตนเห็นว่าควรจะออกจากการเป็น รมว.ต่างประเทศ แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง การที่นายกษิตพูดต่อทูตต่างประเทศ จะทำให้บรรดาทูตและชาวต่างชาติได้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้นายกษิตได้กระทำสิ่งที่ชัดเจนให้ทั่วโลกเห็นว่าการที่มีรัฐบาลชุดนี้ ขึ้นมาได้ เพราะส่วนหนึ่งได้รักการสนับสุนจากกลุ่มพันธมิตรฯ นอกจากนี้นายสุธาชัย ยังกล่าวอีกว่า อยากให้นายกษิตดำเนินการเกี่ยวกับกรณีปราสาทเขาพระวิหารเหมือนกับที่ได้ขึ้น ไปพูดบนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ

ด้านผศ.ดร.วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายกษิตกับกลุ่มพันธมิตรฯมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน มาก เนื่องจาก การยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลทั้งระบบเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น

'มาร์ค'โดดป้อง 'กษิต'สุดชีวิต ชี้สิ่งที่พูดคนสื่อความหมายผิด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้จะมีความชัดเจนในเรื่องการแบ่งงานในคณะรัฐมนตรี ซึ่งตามหลักการไม่ได้ยุงยากอะไร อย่างในส่วนของ พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็มีงานที่เคยกำกับดูแลอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมีงานอื่นเพิ่มเติมบ้าง ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองต้องช่วยกันดูแลไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง
เมื่อถามว่าเรื่องที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พูดเกี่ยวกับเรื่องปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการกระจายวงกว้างให้เกิดการวิจารย์จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เคยได้เรียนไปแล้วว่าได้ออกแนวทางการทำงาน 9 ข้อ ซึ่งคำพูดของนายกษิต เกิดก่อนที่จะมีแนวทางการทำงานของรัฐบาลทั้ง 9 ข้อ และก่อนแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ จึงยังไม่รับทราบถึงแนวทางทั้ง 9 ข้อ ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่นาย กษิตให้สัมภาษณ์กับสื่อของประเทศญี่ปุ่นเพิ่งได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์

อีกทั้งจากที่ได้สอบถามไปยังนายกษิต ก็ได้รับคำชี้แจงว่าเจตนารมณ์ที่พูดกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกไปไม่ตรงกัน แต่ยังไงส่วนตัวคิดว่านายกษิตต้องยึดแนวทางการทำงาน 9 ข้อที่ให้ไว้ อย่างไรก็ตามยืนยันเรื่องการปิดสนามบินรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ ละเมิดการกระทำความผิดโดยเท่าเทียมกัน

เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อภาพความเป็นกลางของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องเอาความจริงมาพูดไม่ต้องเอาภาพ ไม่ต้องพูดว่าจะเป็นเรื่องภาพหรือเรื่องอะไร ต้องเอาความจริงคือคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศกับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นแบบไหน เพราะดูเหมือนจะเป็นการโยงเข้าหากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ นอกจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่มีสิทธิ์ และเป็นสิ่งที่ตนติดตามทุกฝ่ายทุกกลุ่ม ซึ่งบางครั้งข้อเรียกร้องก็ตรงเจตนารมณ์และไม่ตรงเจตนารมณ์ของตน จึงไม่ได้อะไร ซึ่งตนมีสิทธิ์ปกป้องตามระบอบรัฐธรรมนูญของทุกคน ทั้งที่ผ่านมาก็ยืนยันมาตลอดว่าอะไรไม่ตรงจุดยืนและไม่ถูกต้อง ตนก็คัดค้านมาตลอด

ส่วนเรื่องที่นายกษิตขึ้นเวทีกับกลุ่มพันธมิตรฯจะกระทบต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศหรือไม่นั้น ไม่มีความจำเป็นว่าจะพูดกันเรื่องลบภาพไม่ลบภาพ แต่คนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งต้องทำหน้าที่ตามนโยบายรัฐ หากทำอย่างนี้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นายกษิตสามารถทำได้ ตนมีหน้าที่ชี้แจงแต่ยืนยันว่าใครทำอะไรไม่ถูก รัฐบาลก็ไม่ปกป้องและไม่เลือกว่าเป็นการกระทำของใคร

เมื่อถามว่าเรื่องปิดสนามบินจะให้ความมั่นใจกับต่างชาติและคน ไทยอย่างไรว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่าให้มั่นใจเรื่องนี้ และตนก็เข้าใจนายกษิต และตนบอกว่าการดูแลเป็นส่วนหนึ่งในมาตราการที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาหลัง แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
เมื่อถามว่าแล้วอย่างนี้จะถือนายกษิตเป็นสายล่อฟ้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนพร้อมถูกตรวจสอบ และมีหน้าที่ชี้แจงทุกท่าน หากชี้แจงไปแล้วไม่สร้างความเชื่อมั่นก็จะถูกวิพากษ์วิจารย์กันอีกครั้ง แต่ตอนนี้นายกษิตยังมีความมั่นใจว่าจะชี้แจงเรื่องนี้ได้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องของนายกษิตมาเปิดเผยและตอบโต้ในวันแถลงนโยบาย นั้นก็ไม่มีปัญหาเพราะรัฐมนตรีทุกคนก็ถูกวักถามเช่นกัน ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของนายกษิตเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนเป็นรัฐมนตรี และต่อไปนี้นายกษิตต้องมีจุดยืนในการยึดหลักนโยบาย 9 ข้อ

เมื่อถามว่าไม่ว่าจะเกิดก่อนหรือหลังการเป็นรัฐมนตรีไม่สำคัญ เพราะเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีไม่อยู่ในจิตสำนึกหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมว่าสิ่งที่พูดนั้นพูดในบริบทใด พูดในมุมมองไหน ตามที่ตนอ่านก็พอเข้าใจว่าสิ่งที่นายกษิตพยายามจะตอบว่าการชุมนุมที่เกิด ขึ้นคนส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นปัญหาเรื่องความรุนแรง จุดประสงค์ก็คืออย่างนั้น แต่สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาสื่อความหมายผิดก็เป็นได้

'กษิต'ทำสลดขอโทษประชาชนโบ้ยถูกตีความคำพูดผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระ เจ้าวรวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ โดยหลังจากนั้น นายกษิตได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานว่า นายกษิตได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็น สิ่งสวยงาม ว่า คงต้องแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนเข้ามาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี การดำเนินงานและการปฏิตนก็อยู่ในกรอบของการที่มีนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นผู้นำ โดยเมื่อวานก็ได้มีการมีการวางมาตรการ 9 ข้อ ว่าจะประพฤติตนอย่างไรใน ครม. ซึ่งตนจะปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

นายกษิต กล่าวอีกว่า สำหรับชีวิตก่อนวันที่ 22 ธ.ค.เป็นชีวิตช่วงหนึ่ง ซึ่งการพูดหรือทำอะไรไว้ก็คงไม่ไปลบล้างมัน แต่ได้มีการตีความแตกต่างกันไป และอาจมีการหยิบยกบางประโยคมาพูดต่อๆ กัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเจตนาของการพูดผิดไป แต่ทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่า จะพูดหรือทำอะไรโดยตลอดมานั้นก็เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทย เพื่อการเมืองที่มีคุณธรรมและจริยธรรม และผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้จรรโลงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสังคมที่โปร่งใส

“ต้องกราบขอประทานโทษประชาชนชาวไทยทั้งหมด หากผมพูดอะไรที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือมีการตีความไปต่างๆ แต่เจตนาที่จะมุ่งร้ายหรือทำความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศไทยนั้นเป็นไปไม่ได้ เป็นอันขาด เพราะประวัติการทำงานหรือสิ่งที่ผมได้พูดในที่แจ้งตลอดมา ทุกคนก็ได้ฟังกันทั่วประเทศ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ไม่ได้พูดเช่นนั้น นายกษิตพยักหน้า เมื่อถามย้ำอีกครั้ง นายกษิตได้กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามที่ว่า คิดอย่างไรที่ฝ่ายค้านมุ่งเป้าที่อภิปรายโจมตี นายกษิตกล่าวว่า ไม่เป็นไรพร้อมรับทำหน้าที่ ต่อข้อถามที่ว่า คิดว่าคำพูดของตนจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายกษิตกล่าวว่า มีคนพูดเยอะเยอะ

'เทือก'อุ้ม'กษิต'สุดฤทธิ์ ย้ำไม่ปลด-ไม่ผิด

ขณะเดียวกัน ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมการรับมือการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลว่า การที่ฝ่ายค้านบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะอภิปรายใครบ้าง ถือเป็นความกรุณา ตนไม่ได้หนักใจ เพราะผู้ที่ถูกระบุชื่อว่าจะถูกอภิปราย ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะสามารถชี้แจงได้

ทั้งนี้ในกรณีของพล.อ.ประวิตร ได้ถูกตั้งอขอสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาล ตนขอเรียนว่าพล.อ.ประวิตรเป็นข้าราชการบำนาญ ไม่ได้มีอำนาจคุมกองทัพในขณะนั้น แต่การมีความคิดเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิทธิเหมือนกับประชาชนทั่วไป แต่การที่เชิญพล.อ.ประวิตรมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พวกตนเห็นแล้วว่ามีความเหมาะสม เช่นเดียวกับกรณีของนายกษิต จำเป็นต้องแยกบทบาทว่าเคยพูดอะไรในช่วงไหนอย่างไร แต่ ณ วันนี้นายกษิตเป็นรมว.ต่างประเทศ คงไม่ไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ปลดนายกษิตให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ตนอยากถามว่า จะปลดในข้อหาอะไร นายกษิตทำอะไรผิดในประเทศนี้ การจะปลดได้ก็ต่อเมื่อมีการทำผิดต่อหน้าที่ ทุจริตคอรัปชั่น ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรเข้าข่ายเช่นนั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกษิตเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนเป็นจุดอ่อนทั้งนั้น โดยทุกคนต้องยอมรับการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม นายกษิตเองก็ต้องระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้ แต่นายกษิตไม่ใช่นักการเมืองอาชีพอย่างพวกเรา และการที่ระบุว่านายกษิตมีส่วนในการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้น ตนคิดว่านายกษิตไม่ใช่ผู้นำม็อบ ที่ไปปิดสนามบิน ส่วนจะไปขึ้นเวทีม็อบกี่หน ตนไม่ได้ติดตาม แต่การพูดจาคงจะเป็นการแสดงความคิดเห็น

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า ส่วนในเรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น ทางรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการประชุมเพื่อซักซ้อมอะไร และมั่นใจว่าคนเหล่านี้โตพอ มีความรับผิดชอบ สามารถสู้ได้โดยยึดความจริงเป็นหลัก ซึ่งจะไม่มีการตั้งทีม องครักษ์พิทักษ์อย่างเด็ดขาด ส่วนที่มีการตั้งเป้าจะอภิปราบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการหนีการเกณฑ์ทหารนั้น เป็นเรื่องที่เขาพูดนานกว่า 10 ปี ถ้านายกฯ ทำอะไรที่เป็นความผิดจริง ตอนที่พวกเขาเป็นรัฐบาล เขาคงจัดการเรียบร้อยเป็นผุยผงไปแล้ว ซึ่งถ้าหนีทหารจริง จะไปเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.ทำไม อย่างนี้ก็ชัดเจนแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์

"กษิต"เปิดศึกต่างชาติจวกสื่อนอกมั่ว

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในทำนองว่า การบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องสนุก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะพูดให้ประเทศชาติเสียหาย โดยตั้งข้อสังเกตว่าสื่อดังกล่าว โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ ของประเทศอังกฤษ มีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตนได้ให้สัมภาษณ์ไปตั้งแต่สับดาห์ที่แล้ว และให้สัมภาษณ์พร้อมกันหลายฉบับ เชื่อว่าสื่อต่างประเทศตีความหมายผิด และมีเจตนาที่ไม่หวังดี ส่วนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ตนไม่ทราบตนได้ชี้แจงเรื่องนี้กับนายก รัฐมนตรีแล้ว และไม่รู้สึกหวั่นไหวกรณีที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตี และเรียกร้องให้นายกฯปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งพร้อมชี้แจงหากมีนำประเด็นนี้ไปอภิปรายในวันแถลงนโยบายรัฐบาล

จากหนังสือพิมพ์มติชน

...ขนาดเป็นรมว.ต่างประเทศสำหรับกู้ภาพลักษณ์ประเทศในสายตาชาวต่างชาติยัง ปากพล่อยว่าสื่อมั่วงั้นสื่อไทยอย่างมติชนก็มั่วไปด้วยหรือปล่าว แค่รับตำแหน่งสด ๆร้อน ๆ ตดยังไม่หายเหม็น นายกษิต ก็เปิดศึกกับประเทศทั่วโลกที่รับไม่ได้กับกฏหมู่ที่ทำตัวอยู่เหนือกฏหมาย ด้วยการปิดสนามบินและ ทุกสื่อรายงานตรงกันหมดแล้ว นายกษิตพูดแบบนี้หวังผลทำลายประเทศและรัฐบาลหรือจะสร้างความสมานฉันท์กับ ต่างประเทศกันแน่ ทุกคนแอนตี้ การปิดสนามบินของพันธมิตรฯที่นายกษิต ไปขึ้นเวทีบอกว่า พันธมิตรไม่ใช่องค์กรโจร ไม่บาปถ้าขึ้นเวที แต่นายกษิต กลับปกป้องพันธมิตรราวกับว่าการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรเป็นสิ่งถูก กฏหมายยังงั้น ตัวเองขึ้นเวทีพันธมิตรแล้วจะชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจได้อย่างไรเพื่อให้ ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาต่างชาติดีขึ้นไม่ใช่ไปเปิดศึกกับเค้า แล้วอย่างนี้จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปทำไมกัน ลาออกไปเถอะ หรือ รัฐบาลควรจะปลดออกไป อยู่ต่อไปมีหวังบ้านเมืองไม่รุ่งแหง๋ ๆ

จากคุณ : ไฟเขียวผ่านตลอด - [ 24 ธ.ค. 51 14:50:07 A:115.67.47.237 X: ]




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2551    
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 1:22:22 น.
Counter : 416 Pageviews.  

ได้ตั้งรัฐบาลทั้งทีโดนพวกเดียวกันสาวไส้แย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันเองซะนี่

เมื่อครั้งรัฐบาลที่แล้ว กลุ่มอีสานพัฒนาโดยไพจิตร ศรีวรขาน สส.นครพนม และศักดา คงเพชร สส.ร้อยเอ็ดเคยขู่ว่าจะแฉสาวไส้ความไม่โปร่งใสกันเองถึงคนในกลุ่มภาคีเนวินมาแล้ว จนตอนนี้ภาคีเนวินและสส.บางส่วนได้ทรยศพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคใหม่แล้ว


'นิพิฏฐ์'โชว์ตั๋วแลกเงินใช้หนี้เดือนละ500แทนปชป.

'นิพิฏฐ์'ใจร้าว ดอดพบ 'นายกฯมาร์ค' ทวงถามสาเหตุดึงเขยซีพีนั่งรมต.สำนักนายกฯหักหน้า กลับโดนตอกหน้าป้องว่าเหมาะสม 'ประกาศลั่นยุติบทบาทป้องนาย ขอเดินหน้าสู้ตรวจสอบรบ. แขวะหากพรรคติดหนี้นายทุนจะชูมือสางหนี้แทน สุดท้ายสุดทนเตรียมส่งตั๋วแลกเงินใช้หนี้ 'วีระชัย' แทนปชป.'สุเทพ' ยันต้องชี้แจงกับพรรคให้เข้าใจอีกรอบ รับขอโทษเพื่อนร่วมพรรค

ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(19ธ.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีที่นายวีระชัย วีระเมธีกุลซึ่งเป็นลูกเขยของกลุ่มซีพี และอยู่ในสัดส่วนโควต้าคนนอก ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในด้านฝ่ายกฎหมาย โดยภายหลังการเข้าหารือนายกรัฐมนตรีประมาณ 10 นาที นายนิพิฏฐ์ ได้กล่าวเปิดเผยว่า ตนได้ทำการสอบถามถึงสาเหตุที่มอบให้นายวีระชัย เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อธิบายเหตุผลว่า นายวีระชัย เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ที่จะสามารถทำงานได้

"ผมได้ชี้แจงว่าผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ควรมีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับพรรค แต่ นายวีระชัยทำงานให้กับทุกรัฐบาล จึงไม่ทราบว่านอกจากเรื่องของทุนแล้วมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่า นายวีระชัย เป็นบุคคลที่มีความสามารถ และทำงานได้ และชื่อของนายวีระชัย จะยังอยู่ในโผครม.ไป ผมจึงทำให้ตนตัดสินใจขอยุติบทบาทในการปกป้องหัวหน้าพรรค และจะเดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะนายวีระชัย" นายนิพิฏฐ์กล่าว

ทั้งนี้ตนมองว่าการดึงนายทุนเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะเป็นการเปิดทางให้นายทุนเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้ทางตรงถือเป็นการครอบ งำทางการเมือง พร้อมกันนี้นายนิพิฏฐ์ได้กล่าวอ้างว่าตนได้ทำการพูดคุยกับนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายชวนเอ่ยปากกับตนว่า การดึงนายวีระชัยเข้ามาในครม.เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายอดทน และตนก็ยังคงยืนยันว่าแม้จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็จะขออยู่ทำงานกับพรรค ประชาธิปัตย์ต่อไป

อย่างไรก็ตามนายนิพิฏฐ์ยังได้ตั้งขอสังเกตว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นฝ่ายค้านอยู่นายวีระชัยจะก้าวเข้ามาทำงานกับ พรรคอยู่หรือไม่ ซึ่งหากพรรคมีหนี้บางอย่างติดค้างอยู่กับนายวีระชัย ตนก็พร้อมที่จะยื่นจดหมายเปิดผนึกเพื่อเสนอตัวเป็นคนชำระหนี้ดังกล่าวแทน พรรคเอง โดยตนขอย้ำบุคคลอื่นในครม.ตนไม่ติดใจอะไร ยอมรับได้ทุกตำแหน่ง

'นิพิฎฐ์'โชว์ตั๋วแลกเงินชำระหนี้เขยซี.พี.แทนปชป.

อย่างไรก็ตาม นายนิพิฏฐ์ ได้เปิดแถลงข่าวอีกครั้งในเวลาต่อมาถึงเรื่องดังกล่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่าตลอดเวลาที่ตนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ 16 ปีนั้น ไม่เคยเห็นนายวีระชัยเดินทางมาที่พรรค จึงต้องการให้นายวีระชัยชี้แจง 3 ข้อ คือ 1. นายวีระชัย เป็นใคร มาจากไหน มีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร และขอให้ประกาศว่า ธุรกิจของนายวีระชัย เป็นผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 2. ขอให้นายวีระชัย สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในทันทีที่ทำได้ และ 3.นายวีระชัยเป็นกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ตนจึงเป็นห่วงว่าพรรคอาจถูกครอบงำจากธุรกิจการเมือง ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายต่อประชาชน ดังนั้น จึงขอใช้หนี้ โดยผ่อนชำระให้เดือนละ 500 บาท

นอกจากนี้ นายนิพิฎฐ์ ยังกล่าวอีกว่า จะนำจดหมายเปิดผนึก พร้อมตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ สั่งจ่ายนายวีระชัย วีระเมธีกุล ไปมอบให้นายวีระชัย พร้อมกับโชว์ตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ให้ผู้สื่อข่าวดู

'เทพเทือก'แจงคุณสมบัติ'วีระชัย'เหมาะสม

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า โดยชี้แจงถึงคุณสมบัติของนายวีระชัยว่า นายวีระชัยเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เคยร่วมของรัฐบาลในอดีต มีความรู้เกี่ยวกับการค้าต่างประเทศ เคยเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินในต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ ส่วนปัญหาภายในพรรคนั้นตนเองคงต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจอีกครั้ง

"เรื่องคนนอกที่เป็นนักธุรกิจที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ จะมีปัญหาข้อผูกพัน มีความลำบากที่จะออกมาอยู่กับรัฐบาล จึงต้องหาคนหนุ่มที่ไม่มีตำแหน่งในบริษัทที่จะต้องดูแลจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ ...ผมดูว่าเขามีความรู้ความสามารถที่มาช่วยทำงานได้ ซึ่งการคัดเลือกใครต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถ แต่ถ้าไปมองลึกลงไปในเรื่องส่วนตัวว่าเป็นใคร คงไม่สามารถหาคนเข้ามาทำงานให้รัฐบาลได้หรอก" นายสุเทพกล่าว

ท้ายสุดนายสุเทพกล่าวย้ำว่า ตนต้องขอโทษกับพรรคร่วมสมาชิกทุกคนที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐมนตรีได้ถูกใจใคร ทุกคน แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในที่สุดหากผลการจัดสรรตำแหน่งเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ทุกฝ่ายก็น่าจะเข้าใจถึงสาเหตุและยอมรับว่าทุกฝ่ายต้องการเข้ามาช่วยกัน แก้ไขปัญหาประเทศ

19 ธ.ค. 2008 - 10:55:38 น. หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์


ส.ส.อกหักคืนบัตรสมาชิก หลังซัด "แก๊งออฟโฟร์ปชป." โผล่อำนาจล้น!

ส.ส.อกหักโผล่โวยอีก แฉมีแก๊งออฟโฟร์ ปชป. คอยล็อบบี้หนุนคนขึ้นเป็น รมต. ขู่นำชาวบ้านคืนบัตรสมาชิกพรรค เผยในพรรคป่วนหนัก ถึงขั้นคิดตั้งกลุ่มใต้น้ำต้าน

เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หลังการจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะผู้ที่พลาดหวังตำแหน่ง ซึ่งถูกคนนอกพรรคเบียดแย่งเก้าอี้ไปครอง จนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ต้องคอยออกมาให้สัมภาษณ์สยบแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้นที่ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังการพลาดเก้าอี้รัฐมนตรี

ล่าสุด นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ว่า ขณะ นี้ได้เกิดแก๊ง ออฟ โฟร์ ในพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นแล้ว ประกอบด้วย นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เหรัญญิกพรรค

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เนื่องจากมีการล็อบบี้กรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีทั้งหมด 19 เสียงให้สนับสนุนบุคคลที่จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี และนับจากนี้แนวทางของพรรคจะเดินไปทางใด ขึ้นอยู่กับ 4 คนนี้

นายเฉลิมชัย กล่าวว่าในวันที่มีการโหวตเลือกผู้ที่จะได้เป็นรัฐมนตรี รายชื่อทั้งหมดอยู่ในมือนายสุเทพตลอด และมีการแจกโผดังกล่าว ให้คณะกรรมการบริหารพรรคทุกคน แต่ตนกลับเป็นกรรมการบริหารคนเดียว ที่ถูกอุ้มไปเชือด

เนื่องจากในวันดังกล่าว มีการเชิญกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมประชุม เพื่อโหวตเลือกผู้เหมาะสม ยกเว้นกรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนได้เสีบจะให้ออกจากที่ประชุม

" ผมก็ถูกเชิญออกจากที่ประชุม หลังการประชุมเสร็จกลับไม่มีการแจ้งผลของมติที่ประชุมให้ทราบ จึงสอบถามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับคำตอบ ก็หมายความว่ามาทิ้งกันกลางอากาศ แต่นายอภิสิทธิ์ตอบผมได้คำเดียว คือ ขอโทษ" นายเฉลิมชัยกล่าว

"หลังเหตุการณ์ความวุ่นวาย มีกลุ่มส.ส.และสภาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทราบข่าว และโทรศัพท์มาสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมทั้งจะนำมวลชนมาชุมนุมที่หน้าพรรค ผมห้ามไว้

แต่ทั้งหมด ยังมีความต้องการคืนบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลาออกจากสภาชิกพรรค แต่ผมก็ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น เพราะผมกล้าพูดได้ว่า ส.ส.ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หากไปที่ไหน ทุกพรรคอ้าแขนรับ" นายเฉลิมชัยกล่าว

นายทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ภายหลังทราบมติกรรมการบริหารพรรค สมาชิกองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นประจวบคีรีขันธ์ ได้ส่งทีมขึ้นมารับ ส.ส .ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย

นายประมวล พงศ์ถาวราเดช นายมนตรี ปาน้อยนนท์ กลับพื้นที่ เนื่องจากต้องการคำตอบ และเหตุผลที่ดีพอจากผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเหตุใด นายเฉลิมชัย รองหัวหน้าภาคอันดับ 1 ซึ่งมีชื่อติดโผรัฐมนตรีมาตลอดจึงไม่มีชื่อ

"นายเฉลิมชัยยังถือว่ามีความพร้อมมากกว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ไม่มีผลงานอะไรเลย ที่ผ่านมาทีมการเมืองประจวบคีรีขันธ์ทุกระดับ ใช้เวลา ทุ่มเทกว่า 10 ปี ที่จะปักธงในจังหวัดนี้ได้ทั้งหมดทุกระดับ

เรียกว่าเราเป็นทีมการเมืองที่ดำเนินงานการเมืองของจังหวัด ในทิศทางเดี่ยวกัน ที่เรียกว่าประจวบคีรีขันธ์ โมเดล ขณะนี้มีสมาชิกพรรคหลายหมื่นคน จะขอคืนบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หากไม่ได้รับคำตอบที่ดีพอจากผู้ใหญ่ในพรรค" นายทรงเกียรติกล่าว

รายงาน ข่าวจากกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พลาดหวังจากเก้าอี้รัฐมนตรี แจ้งว่า สมาชิกพรรคจำนวนมาก ข้องใจถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค อาทิ ตำแหน่งของ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายธีระ สลักเพชร และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

เนื่องจากบุคคลทั้ง 3 ถือว่ายังไม่มีอาวุโสเท่าที่ควร และไม่ได้ทุ่มเททำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ ในขณะที่กลุ่มคนที่อยู่กับพรรคมานาน ทำงานด้วยความทุ่มเทอย่าง นายนิพิฏฐ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ กลับไม่ได้รับการตำแหน่ง

รายงาน ข่าวแจ้งว่า กรรมการบริหารพรรคซักถามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ระหว่างการสัมมนาที่เกาะสมุย ถึงเหตุผลในการคัดเลือกบุคคลเป็นรัฐมนตรี ทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เพราะหลายคนมีความอาวุโสน้อย และหลายคนไม่ได้ช่วยงานพรรคอย่างเต็มที่

แต่ทางนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยังคงยืนยันในโควตาเดิม ที่แจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคทราบ ทำให้ส.ส.บางกลุ่ม ถึงกับตะโกนในห้องประชุมด้วยความไม่พอใจว่า หากเป็นเช่นนี้ให้ย้ายไปอยู่พรรคอื่น

นอกจากนี้ ส.ส.กลุ่มหนึ่งยังหารือกันด้วยความน้อยใจ ถึงขั้นคิดอยากตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์และ นายสุเทพในลักษณะคลื่นใต้น้ำ เพื่อให้กลุ่มผลัดใบของนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถบริหารพรรคได้

เพื่อส่งผลให้ มีคณะบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจากไม่อยากให้อำนาจบริหารพรรค เบ็ดเสร็จอยู่กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ขณะที่ส.ส.ของพรรคภาคอื่นยกเว้นภาคใต้ เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องแยกตัวออกจากพรรค

ทั้งนี้ นาย อภิสิทธิ์พยายามโทรศัพท์ติดต่อส.ส.ที่พลาดเก้าอี้เพื่อขอเคลียร์ แต่ส.ส.เหล่านั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์ ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่เกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรม และเตรียมเดินทางไปสหรัฐอเมริกาแทน




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2551    
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 16:50:51 น.
Counter : 488 Pageviews.  

“รศ.ใจ อึ้งภากรณ์”ระบุ“รัฐบาล ปชป.”เกิดจาก“การรัฐประหารเงียบ”ตั้ง10คำถามแทงใจดำ

'ใจ' ตั้งคำถามจี้รัฐบาลใหม่ฟันธงแนวทางดำเนินคดีพันธมารป่วนประเทศ บุกยึด"ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ" ย้ำยี"เศรษฐกิจ-ความมั่นคง"ประเทศชาติ :

หลังจากเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกิดเป็นประเด็นคำถามอย่างกว้างขวางว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถแก้ไขสารพัด ปัญหาที่หมักหมมมาได้หรือไม่ โดยเฉพาะปัญหาการชุมนุมผิดกฎหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีการกล่าวหากันว่ามีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบางกระแสถึงกับชี้ว่าการจัดการเรื่องดังกล่าวจะเท่ากับเป็นการพิสูจน์ ตัวเองของพรรคประชาธิปัตย์เลยทีเดียว

โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนบทความเป็นคำถาม 10 ข้อถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีข้อที่น่าสนใจโดยเฉพาะในข้อแรกเกี่ยวกับการจัดการกับการกระทำผิด กฎหมายของพันธมิตรฯ ความเห็นต่อการพกพาอาวุธรวมถึงพฤติกรรมของการ์ดพันธมิตรฯ การยึดสนามบินจนเกิดความเสียหาย และความเห็นต่อ ส.ส. ที่ไปมีส่วนร่วมในการยึดสนามบิน

รวมไปถึงการจัดการกับผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ไม่ยอมปกป้องสนามบินของชาติเอา ไว้ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่หรือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่จัดการกับเรื่องดังกล่าว จะถือว่ามีท่าทีกับการใช้กฎหมายและหลักนิติรัฐอย่างไร
ที่จริงอยากให้อภิสิทธิ์ลาออก :

รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ กล่าวถึงการเขียนบทความดังกล่าว ว่าใจจริงแล้วตนก็อยากให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา และทั้งหมดใน 10 ข้อที่ตนเขียน ประเด็นสำคัญอีกหนึ่งข้อที่ลืมไม่ได้เลยคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้นำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตในปี 2540 และมีนโยบายเอาหนี้ของรัฐบาลไปอุ้มคนรวย

“ตอนนี้ประเทศของเรามีสองวิกฤติด้วยกันคือ ประเด็นแรกเป็นวิกฤติปัญหาเศรษฐกิจโลก และอีกประเด็นคือ วิกฤติการท่องเที่ยว ที่มีผลเสียหายมาจากการปิดล้อมสนามบินทั้งสองแห่งของกลุ่มพันธมิตรฯ รัฐบาลทั่วโลกกำลังใช้นโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ เราจะต้องมาจับตาดูว่ารัฐบาลชุดนี้จะใช้นโยบายแบบไหนในการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ดังกล่าว”


ต้องตอบนานาชาติให้ได้ :

ส่วนเรื่องคำถามที่ได้มีการเขียนขึ้นนั้น รศ.ใจ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลซึ่งนำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องมีความชัดเจน เพราะว่าตอนนี้ประชาคมโลกกำลังจะจับตามองดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้กระทำความผิดทั้งเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล และปิดล้อมสนามบินทั้ง 2 แห่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง

“กับความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ควรที่จะมีการฟ้องร้องค่าเสียหายกับกลุ่มพันธมิตรฯ รวมถึงมีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนดังกล่าว และควรมีท่าที่ที่ชัดเจนกับส.ส. บางคน อย่างนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ว่าจะมีการไล่ออกจากพรรคหรือไม่อย่างไร หลังจากที่มีพฤติกรรมในการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ”

รศ.ใจ กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้มาจากการทำ “รัฐประหารเงียบ” เราต้องตั้งคำถามกับคนกลุ่มนี้ เพราะว่าการที่เขาไม่ยอมรับในเสียงข้างมาก ว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือว่าจะออกมาปกป้องคนจนหรือไม่ คนที่รักในประชาธิปไตยจะต้องช่วยกันตั้งคำถามในลักษณะนี้

ล่าสุดบท ความของรศ.ใจ อึ้งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย ผ่านทางเว็บไซด์ประชา(www.prachathaiwebboard.com) หัวข้อ คำถามต่อรัฐบาลบงการโดยทหาร ได้ตั้งคำถามต่อรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ จำนวน 10 ข้อโดยมีเนื้อหาระบุกว่ารัฐบาลชุดดังกล่าวอยู่ในฐานะของรัฐบาลที่ไม่มีความ ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมทั้งตั้งคำถามต่อนโยบายและแนวทางในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทีได้กระทำความเสียหายต่อประเทศไทยต่อระบบเศรษฐกิจ และความมั่นคงโดยทำการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังต่อไปนี้

1.รัฐบาลจะนำแกนนำพันธมิตรฯ มาขึ้นศาลกรณีการละเมิดกฎหมายและการสร้างความเสียหายในการยึดทำเนียบรัฐบาล และสนามบินนานาชาติอย่างไร? จะมีการจับคุมการ์ดพันธมิตรที่พกและใช้อาวุธปืนในที่สาธารณะอย่างไร? จะมีการจับกุมพันธมิตรที่ขโมยปืนและเครื่องคอมพิวเตอร์จากทำเนียบรัฐบาล อย่างไร? และจะดำเนินการอะไรกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำในการยึดสนามบิน?

2.รัฐบาลจะลง โทษผู้บัญชาการทหารที่ละเลยหน้าที่ในการปกป้องสนามบินอย่างไร? จะลงโทษผู้บัญชาการทหารที่ละเมิดรัฐธรรมนูญโดยการเข้ามาแทรกแซงการ เมืองอย่างไร? รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทหารเพื่อนำประชาธิปไตยเต็มใบกลับมาหรือไม่? หรือรัฐบาลนี้เป็นเพียง “นอมินี” ของทหารเผด็จการ?

3.ถ้ารัฐบาลไม่กระทำอะไรตามข้อหนึ่งและสอง รัฐบาลยังอ้างได้ไหมว่าปกป้องกฎหมายและนิติรัฐ?

4. รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรในการปกป้องคนจนจากวิกฤตเศรษฐกิจ? มีมาตรการอะไรในการปกป้องค่าจ้างสวัสดิการ? มีมาตรการอะไรในการสร้างงาน? มีมาตรการอะไรในการปกป้องประชาชนจากการถูกเลิกจ้าง? จะมีการยกเลิกภาษีมูลค้าเพิ่มและเก็บภาษีเพิ่มจากคนรวยหรือไม่? หรือจะใช้นโยบายเก่าๆ ในรูปแบบ “วินัยทางการคลัง” และบอกให้คนจนกลับบ้านไปพึ่งครอบครัวและพอเพียง อย่างที่เคยเสนอในวิกฤตปี 40?

5.รัฐบาลจะทำลายระบบรักษาพยาบาลถ้วนหน้า (บัตรทอง) โดยเริ่มเก็บค่ารักษาพยาบาลใช่ไหม? หรือจะปรับปรุงคุณภาพของการรักษาพยาบาลฟรีอย่างถ้วนหน้า โดยเพิ่มงบประมาณรัฐและการเก็บภาษีจากคนรวย?

6.ในฐานะที่รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตย รัฐบาลจะยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนภายในหนึ่งปีหรือไม่?

7. รัฐบาลจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและก่ออาชญากรรมใน กรณีตากใบ การหายไปของทนายสมชาย และสงครามปราบยาเสพติด ฯลฯ อย่างไร? หรือรัฐบาลไม่สนใจปกป้องสิทธิมนุษยชน?

8.รัฐบาลจะปกป้องและขยาย สิทธิเสรีภาพของสื่อสาธารณะ โดยการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในสื่อ ให้เท่ากับกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลอย่างไร?
หรือจะเพิ่มการควบคุมสื่อและการเซ็นเซอร์สื่อในลักษณะเผด็จการ?

9.รัฐบาลจะยกเลิกการคุมสื่อและการหารายได้อย่างคอร์รัปชั่นของทหาร ผ่านการคุมสื่อและรัฐวิสาหกิจหรือไม่?

10. รัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบและวิจารณ์ศาลตามประเพณีประชาธิปไตย สากลหรือไม่? หรือรัฐบาลจะเดินหน้าปกปิดสิทธิเสรีภาพมากขึ้น?

คำถามเหล่านี้ประชาชนชาวไทยจำนวนมาก และประชาคมโลกรวมถึงสื่อต่างประเทศกำลังรอฟังคำตอบ

(ที่มา ประชาทรรศน์ออนไลน์ , 15 ธ.ค. 2551)




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2551    
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 3:44:54 น.
Counter : 1080 Pageviews.  

เปิดข้อเท็จจริง“SMS”เพื่อชาติของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและพรรคประชาธิปัตย์

ปรากฏการณ์ของ SMS เชิญชวนให้คนไทยที่มีเครื่องมือถือในทุกระบบ ได้รับข้อความและเสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งถึงเพื่อร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ อีกทั้งให้ประชาชนส่ง SMS กลับมาที่หมายเลขตามรหัสไปรษณีย์ที่กำหนดในวันที่ 17-18 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ทำให้ผู้ใช้บริการของทุกระบบต่างเกิดข้อสงสัย ถึงปรากฏการณ์ดังกล่าวว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร !

จากการตรวจสอบพบว่าจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ทีมงานของนายกรณ์ จาติกวณิช ได้ประสานงานมายังทุกโอเปอเรเตอร์ ว่าจะนัดพบเพื่อเจรจาในวันรุ่งขึ้น (16 ธันวาคม) ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่น เวลา 09.30 น. ซึ่งทุกโอเปอเรเตอร์ต่างสงสัยแต่จำต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม โดยได้พบกับ นายกรณ์ จาติกวณิช และมีการเจรจาขอความร่วมมือกัน แต่การนัดหมายดังกล่าวล่วงรู้ถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ซึ่งได้พากันไปเพื่อหวังทำรายงานข่าว ทำให้นายกรณ์ จาติกวณิช ต้องแอบหนีสื่อมวลชนออกไปจากโรงแรมอย่างทุลักทุเลกลับไปยังพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมา นายกรณ์ จาติกวณิช ได้ออกมาให้ข่าวกับสำนักข่าว INN ยอมรับว่าได้มีนัดแต่ขอเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิม ด้วยเหตุผลเพราะเขาอยู่ในสถานะของแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

จากนั้น ช่วงบ่ายวันที่ 16 ธันวาคม ทางทีมงานนายกรณ์ จาติกวณิช ได้ส่งอีเมล์แจ้งกลับมายังทุกโอเปอเรเตอร์ดังนี้

เรียน.........ที่เคารพ
ผมขออนุญาตส่ง (!) ความต้องการของระบบ SMS (!!) ข้อความ SMS ของคุณอภิสิทธิ์ และ (!!!) เสียงของคุณอภิสิทธ์ (MAC file) ตามที่ท่านได้คุยกับคุณกรณ์ จาติกวณิช ไว้เมื่อเช้า มาให้ท่านพิจารณา

ด้วยความเคารพอย่างสูง
ลงชื่อผู้ประสานงาน

หมายเหตุ:
1. ส่ง SMS ไปยังลูกค้าวันพุธที่ 17 ธันวาคม - 18 ธันวาคม เวลา 08.00-18.00 น. ข้อความดังนี้ “ผมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ ผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ/สนใจมาร่วมกันกับผมกรุณาส่ง รหัสไปรษณีย์ของท่านมาที่เบอร์นี้ (3บ/ครั้ง)”

2. ประชาชนผู้สนใจส่ง SMS กลับมาที่หมายเลข (ของแต่ละโอเปอเรเตอร์) ที่กำหนดไว้เป็นรหัสไปรษณีย์

3. ฝ่าย SMS ส่ง Data เบอร์โทรศัพท์ที่ประชาชนส่งกลับมาให้ฝ่าย IVR/Voice Page เพื่อส่งข้อความเสียงของคุณอภิสิทธิ์ ความยาวประมาณ 40 วินาที ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป



ทั้งหมดข้างต้นนี้คือเบื้องหลังขั้นตอนปฏิบัติการ “นำประเทศไทยออกจากวิกฤติ” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรณ์ จาติกวณิช ที่ต้องถูกตั้งคำถามและตอบกับสังคมให้ได้ว่า

1. พรรคประชาธิปัตย์และท่านทั้งสองได้ใช้ “ตำแหน่งและสถานะภาพ” เช่นใดมาสั่งดำเนินการกับทุกโอเปอเรเตอร์ในสิ่งที่ต้องการ

2. พรรคประชาธิปัตย์และท่านทั้งสองได้ใช้ “อำนาจ” เช่นใดมาล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนผู้ใช้บริการของทุกโอเปอเรเตอร์ ที่กำหนดขึ้นตามต้องการ

3. ณ ห้วงระหว่างวันที่ 17-18 ธันวาคม “สถานะภาพทางการเมือง” ของพรรคประชาธิปัตย์ และท่านทั้งสองยังถือว่าไม่ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรี” อย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะกล่าวอ้างความเป็น “รัฐบาล” ล่วงหน้าเพื่อขอความร่วมมือจากทุกโอเปอเรเตอร์ก็คงเป็นเรื่องที่ “ไม่ถูกต้อง” และชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง

4. หากลูกค้าผู้ใช้บริการจากทุกโอเปอเรเตอร์ ยื่นเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิผ่านหน่วยงาน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่

5. กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะนำประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ถึงการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะขณะนี้ถือว่าอยู่ในช่วงการรณรงค์การเลือกตั้งซ่อมจากพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ที่มา เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน
18 ธันวาคม 2551

ประชาธิปัตย์เตรียมการส่ง SMS หาผู้ใช้ทั้งประเทศ

พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายกรณ์ จาติกวณิช ได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสามค่ายใหญ่คือ เอไอเอส, ดีแทค, และทรูมูฟ เข้าประชุมเพื่อขอความร่วมมือในการส่ง SMS ที่มีข้อความดังนี้

ผม นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ สนใจได้รับการติดต่อจากผม กรุณาตอบ 1 มาที่เบอร์ 9191 (3 บ.)

หากผู้ใช้ทำตามข้อความใน SMS จะมีเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า

ผม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผมทราบดีกว่า พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน เครียด ผมจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทุ่มเทใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ช่วยเหลือ บ้านเมือง แต่ผมคงจะทำไม่สำเร็จหากคนไทยไม่สามัคคีกัน จึงอยากขอโอกาสจากทุกคน

การประชุมเพื่อขอความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ธันวาคม

ผมเชื่อว่าถ้าความร่วมมือนี้สำเร็จ นี่จะเป็นสแปม (ข้อความขยะ) จากรัฐบาลครั้งแรกๆ ในโลก

ที่มา ไทยรัฐ

คบท. ชี้ 'SMS นายกฯ' ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล [18 ธ.ค. 51 - 15:00]

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า จากกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการมือถือทุกค่ายทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เข้าพบเพื่อขอความร่วมมือในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปถึงผู้ใช้บริการในเครือข่าย ที่เชิญชวนรับฟังข้อความจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความว่า “ผมนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติสนใจ ได้รับการติดต่อจากผม กรุณาตอบ 1 มาที่เบอร์ 9191 (3บ.)” นั้น

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง หนึ่งในกรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (คบท.) กล่าวว่า คบท.ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุ ใดทางพรรคประชาธิปัตย์จึงเลือกใช้ช่องทางสื่อสารด้วยการส่งเอสเอ็มเอส ที่เข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นช่องทางการสื่อสารส่วนบุคคลเจ้าของจึงควร เป็นผู้มีสิทธิเลือกใช้ ไม่ควรถูกรุกล้ำในลักษณะมัดมือชก

“การส่งเอสเอ็มเอส เป็นเหมือนการเคาะประตูบ้าน บุกเข้าถึงตัวผู้รับ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากเจ้าของมิได้ให้ความยินยอม” กรรมการ คบท.กล่าว

กรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ข้อ 12 ระบุว่า ผู้ให้บริการจะนำข้อมูลที่ได้มาจากการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการนั้นไปใช้ เพื่อประโยชน์อย่างอื่นโดยมิได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการ มิได้ เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนี้ วิธีการที่เปิดให้กดรับข้อความเสียงยังก่อให้เกิดภาระกับประชาชน ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อฟังเสียงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ดังนั้นจึงเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ ควรใช้ช่องทางอื่นที่ไม่สร้างภาระและไม่เป็นการละเมิดสิทธิประชาชน

“ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวีที่มีอยู่หลายช่อง หรือระบบสื่อสารสาธารณะต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐบาล ไม่อยากให้รัฐบาลใหม่กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิของประชาชนเสียเอง” นางสาวสารีกล่าว

ที่มา ไทยรัฐ

ค่ายมือถือโวยการเมืองจุ้น มาร์คทำเท่ดึงคนไทยส่งเอสเอ็มเอส [18 ธ.ค. 51 - 04:59]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่ รมว.คลัง พรรค ประชาธิปัตย์ ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการมือถือทุกค่ายอันประกอบด้วยบริษัทเอไอเอส, ดีแทค และทรูมูฟ เข้าพบที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เพื่อขอความร่วมมือในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปถึงผู้ใช้บริการในเครือข่าย เชิญชวนรับฟังข้อความจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใน วันที่ 18 ธ.ค.นี้

โดยค่ายมือถือถูกขอให้ความร่วมมือแก่รัฐบาลในการส่งข้อความเสียงของนายอภิสิทธิ์เชิญชวนให้เข้าไปฟังนโยบายของรัฐบาล โดยข้อความมีใจความว่า ผม นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ สนใจได้รับการติดต่อจากผม กรุณาตอบ 1 มาที่เบอร์ 9191 (3 บ.) หากผู้ใช้บริการตอบ 1 ก็จะได้รับฟังเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR) ซึ่งเป็นเสียงของนายอภิสิทธิ์ มีข้อความโดยสรุปดังต่อไปนี้คือ ผม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผมทราบดีกว่า พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน เครียด ผมจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทุ่มเทใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ช่วยเหลือ บ้านเมือง แต่ผมคงจะทำไม่สำเร็จหากคนไทยไม่สามัคคีกัน จึงอยากขอโอกาสจากทุกคน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ให้ บริการส่วนใหญ่ต่างมีคำถามว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการดึงค่ายมือถือให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์การ เมืองหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาหลายค่ายถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองจนเข็ดหลาบไปตามๆกัน เพราะต่างได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ ถูกต่อต้านและปฏิเสธการใช้บริการมาแล้ว

ด้านนายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสยินดีสนองนโยบายของรัฐบาล แต่ต้องเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นนโยบายจากรัฐบาล ไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลให้แก่พรรคใดพรรคหนึ่งมาก่อน อย่างไรก็ตาม ระบบของเอไอเอสทั้งหมดถูกทำขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่มีอยู่ 27 ล้านคนก่อน อีกทั้งระบบ IVR ก็ถูกออกแบบเพื่อตอบรับลูกค้าที่โทรเข้ามายังคอลล์เซ็นเตอร์เป็นหลักด้วย

ส่วน นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด แต่หากเป็นคำขอร้องจากทางรัฐบาลก็ยินดีดำเนินการให้ แต่ต้องทำในฐานะสมาชิกหนึ่งในอุตสาหกรรมมือถือ อย่างไรก็ตาม ต่อกรณีดังกล่าวดีแทคอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยอาจร่วมอนุมัติและรับรู้เรื่องดังกล่าวด้วย เพราะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานของนายกรณ์ได้ขอความร่วมมือค่ายมือถือส่งข้อความตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. เป็นต้นไป โดยเริ่มต้นจากลูกค้าระบบจดทะเบียน (โพสต์เพด) ก่อน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 5 ล้านเลขหมาย ซึ่งค่ายมือถือทั้ง 3 ค่ายจะส่งเอสเอ็มเอสไปยังลูกค้า ส่วนระบบ IVR นั้นเป็นการอาสาทำจากค่ายทรูมูฟ ซึ่งระบุว่าสามารถทำระบบดังกล่าวให้แก่รัฐบาลได้.

ที่มา ไทยรัฐ


3ค่ายมือถือเซ็งSMSแผนพีอาร์"อภิสิทธ์"

แฉ SMS "มาร์ค"ขอส่งหาประชาชนฟรี ไม่ให้ค่ายมือถือเรียกเก็บค่าบริการ ทั้งที่ต้นทุนข้อความไม่ต่ำกว่า 1 บาท ชี้ค่ายมือถือต้องไปหารายได้เอาเอง จากประชาชนที่ตอบกลับมา AIS อ่วมต้นทุนเยอะสุด จากลูกค้าในระบบมีมากถึง 26 ล้านบาทด้าน TRUE แจงไม่มีผลทำให้รายได้บริการเสริมสูงขึ้น เพราะจำกัดวงแคบ

แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม เปิดเผยถึง กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อความสั้น(SMS)ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่าข้อความดังกล่าวส่งมาจากYour PM. และมีเนื้อหาว่า "ผมนายกรัฐมนตรีใหม่ ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ / สนใจได้รับการติดต่อจากผมกรุณาส่งรหัสไปรษณีย์ 5 หลัก ของท่านมาที่เบอร์ 9191 คิดค่าบริการ 3 บาท

โดยจากกรณีดังกล่าว รัฐบาลได้ขอความร่วมมือมายังค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ทั้งบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ TRUE บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ

DTAC เพื่อส่ง SMS ไปทักทายประชาชน แต่ขอให้ค่ายมือถือไม่เรียกเก็บค่าบริการจากรัฐบาล ซึ่งได้ระบุมาในเอกสารอย่างเป็นทางการว่าขอความร่วมมือ

แหล่งข่าว กล่าวว่าในส่วนนี้ถือว่าค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ต้องรับภาระในการส่ง SMS ไปยังลูกค้าในระบบของตัวเอง รวมทั้งหมดในประเทศกว่า 56 ล้านบาท โดยต้นทุนการส่ง SMS อยู่ที่ราว 1-2 บาทต่อข้อความ ขึ้นอยู่กับการใช้โครงข่ายของแต่ละราย โดยในกรณีนี้ถือว่า ADVANC มีต้นทุนมาก เพราะมีฐานลูกค้าในระบบ 26 ล้านบาท

"รัฐบาลขอมาว่า จะติดต่อกับประชาชน โดยข้อความจากนายกฯ ขอเป็นการบริการฟรี แต่ให้ค่ายมือถือสามารถคิดค่าบริการตอบกลับจาก SMS ที่ส่งตอบกลับมา ข้อความละ 3 บาท แต่ก็ไม่ใช่ว่า คนที่ได้รับ SMS จากนายกฯ จะส่ง SMS ตอบกลับมาทุกคน แต่ในขณะที่ต้นทุนมันตายตัวอยู่กับทุกโอเปอเรเตอร์แล้ว และหากในอนาคต นายกฯต้องการจะส่ง SMS ไปหาประชาชนแบบฟรีๆ อีก ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย"

นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการสายงานบริการมัลติมีเดีย TRUE กล่าวว่า ตนต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เกรียติ ให้บริการส่งSMS ผ่านเครือข่ายทรูมูฟ ไปยังลูกค้าในระบบจำนวน12 ล้านคน ซึ่งในความเห็นส่วนตัวนั้น ตนก็อยากให้การรับส่งข้อความระหว่างประชาชนกับนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นทั้ง อุตสาหกรรม

โดยขั้นตอนต่อจากนี้ตนกำลังรอนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงของ TRUE ก่อนว่าแนวทางในการดำเนินจะเป็นลักษณะใด เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าทรูมูฟ เลือกเข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่ง สำหรับการรับส่ง SMS ของทรูมูฟจากกรณีดังกล่าวนี้ ไม่น่ามีผลทำให้รายได้ในด้านบริการเสริม (นอนวอยซ์) มากขึ้น เพราะถือว่ายังจำกัดอยู่ในวงแคบ อีกทั้งในปัจจุบันรายได้บริการเสริม ก็มีอัตราส่วนที่เติบโตขึ้นมากทุกๆปี แต่ส่วนใหญ่จะมาจากบริการด้านดาต้า เช่น การรับส่งข้อมูลผ่านเทคโนโลยีเอดจ์ และ จีพีอาร์เอสมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า TRUE ตั้งเป้าหมายในส่วนของบริการเสริมไว้ที่2,200-2,500ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดรวม ที่คาดว่าจะขยายตัว 10-15% จากปี 2550 โดยมูลค่าตลาดรวมนอนวอยซ์ของไทยอยู่ที่ประมาณ 11-12% ของรายได้รวมผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ

ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวการสำนักบริการเสริม ADVANC กล่าวว่า ในวันนี้ (18 ธ.ค.) ลูกค้าของค่ายมือถือทั้ง 3 ระบบจะได้รับ SMS เหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าลูกค้าทรูมูฟ จะได้รับก่อน ซึ่งอาจเป็นเงื่อนไขในการตกลงกับรัฐบาลได้ก่อน รวมทั้งทรูมูฟก็มีฐานลูกค้าน้อยที่สุดในตลาดด้วย ส่วนของเอไอเอสเอง หลังจากได้รับหนังสือขอความร่วมมือจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการในกรณีดังกล่าว ก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งเชื่อว่าลูกค้าจะได้รับSMS ในช่วงเย็นของวันนี้

อย่างไรก็ตาม เอไอเอสยืนยันว่า ยินดีสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งจะต้องเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยรวมของประเทศ แต่หากเป็นนโยบาย ที่ใช้เพื่อหวังผลประโยชน์จากประชาชนของพรรคใดพรรคหนึ่ง เอไอเอสเองก็มีนโยบายไม่ขอเข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด ในส่วนของค่าบริการ SMS ที่ส่งกลับมายังนายกรัฐบาล คงอยู่ในราคาเดียวกันทั้งหมด คือ 3 บาท ซึ่งก็จะถือเป็นรายได้ของผู้ประกอบการแต่ละราย แต่ก็ต้องต้นทุนด้วย ซึ่งไม่ถือเป็นการช่วยสร้างรายได้บริการเสริมเลย

-----------------------------
วันที่ 19 ธ.ค. 2551

ที่มา ข่าวหุ้น




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2551    
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 12:21:44 น.
Counter : 570 Pageviews.  

"สามเกลอ"งัด เอกสาร"ลับ"ทบ.สกัด "อภิสิทธิ์"นั่งนายกฯซัดหนีทหาร-บรรจุ อจ. รร.จปร.ขัดกฎหมาย

หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการทหารต้อง ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย1 ใน 3 พิธีกรรายการ"ความจริงวันนี้"ได้นำสำเนาเอกสารที่ แจกจ่ายให้สื่อมวลชนระหว่างแถลงข่าวทักท้วงการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทยโดย อ้างว่าเป็นเอกสาร "ลับ" ที่ พล.ต.วันชัย อิทธิวิบูลย์ เจ้ากรมจเร

ทหารบก (จก.ทบ.) ทำเสนอผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2542 เรื่อง "รายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (รร.จปร.)"

ผลสอบสวนตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า การบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการบกพร่องและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมาย ที่กำหนดโดยไม่มีการส่งตัวไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ก่อน

เอกสารลับดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
-----------------------

เรียน ผบ.ทบ. (ผ่าน กพ.ทบ.)

อ้างถึง อนุมัติ ผบ.ทบ.ท้ายหนังสือ กสร.ทบ.ลับ ที่ กห 0426/654 ลง 8 มี.ค. 2542 เรื่องตรวจสอบข้อมูลการตรวจเลือกฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

สิ่งที่ส่งมาด้วย รายงานผลการสอบสวนพร้อมเอกสารประกอบ จำนวน 292 แผ่น

1.ผบ.ทบ.สั่งการตามอ้างถึงให้ จบ.(จเรทหารบก)สอบสวนข้อเท็จจริง กรณี กสร.ทบ.(กรมการกำลังสำรองทหารบก )ตรวจพบว่า นายอภิสิทธิ์ ขาดการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการทหารเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.อาจใช้หลักฐานทางทหารไม่ถูกต้อง

2.จบ.แต่งตั้งให้ พ.อ.สมบูรณ์ เมฆประยูร และ พ.ต.สมโชค ไกรศิริ เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน มีข้อเท็จจริงโดยละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย สรุปได้ดังนี้

2.1 การบรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการของ ทบ.ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2524 ประกอบกับอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการของ ทบ. เมื่อ 28 พ.ย. 2528 และอนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักฐานการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการฯ เมื่อ 7 ม.ย. 2522 ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบันสรุปว่า บุคคลพลเรือนประเภทชายที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการทหารได้แบ่งคุณลักษณะไว้ 2 พวกคือ ผู้ที่อายุยังไม่ครบเกณฑ์ทหารโดยมีอายุระหว่าง 18-20 ปี หลักฐานทางทหารที่ใช้ประกอบการบรรจุได้แก่ใบสำคัญ (สด.9) และผู้ที่ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วโดยมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปหลัก ฐานทางการต้องใช้ใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับหลักเกณฑ์ของ ทบ.เรื่องนี้ โดยเฉพาะอายุของผู้ที่จะบรรจุเข้ารับราชการกำหนดไว้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497

2.2 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการเป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุประกอบด้วย รร.จปร.เป็นหน่วยขอรับการบรรจุ, สบ.ทบ.(กรมสารบรรณทหารบก)และ กพ.ทบ.(กรมกำลังพลทหารบก)เป็นหน่วยตรวจสอบหลักฐานการบรรจุ ปรากฏว่า

2.2.1 นายอภิสิทธิ์ มีอายุเกิน 21 ปี ขณะสมัครเข้ารับราชการทหารที่ รร.จปร.โดยมีอายุ 21 ปี จึงมีคุณลักษณะของการเข้ารับราชการโดยต้องผ่านการตรวจเลือกทหารแล้วหรือมี สิทธิผ่อนผัน ซึ่งต้องใช้หลักฐานทางทหารคือใบสำคัญ (สด.9) และใบรับรองผลฯ (สด.43) ประกอบกับเท่านั้น

แต่เมื่อ 7 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ ได้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ปี 2530 และเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 และ 45 นายอภิสิทธิ์จึงไม่มีหลักฐานทางทหารเพื่อประกอบเอกสารการบรรจุ

2.2.2 รร.จปร.ดำเนินการทำหลักฐานขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 และส่งเรื่องให้ สบ.ทบ.ตรวจสอบ แต่หลักฐานการบรรจุที่ รร.จปร.ดำเนินการ ไม่มีหลักฐานทางทหารประกอบการบรรจุซึ่ง รร.จปร.ทำหนังสือขออนุมัติบรรจุถึง สบ.ทบ.เมื่อ 18 มี.ค. 2530 สบ.ทบ.ตรวจสอบและทำหนังสือทักท้วงถึง รร.จปร.เมื่อ 31 มี.ค. 2530 ให้ รร.จปร.แก้ไขเอกสารและเพิ่มเติมหลักฐานทางทหารหนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

รร.จปร.ได้แก้ไขเอกสารตามการทักท้วงโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 และส่งเรื่องขออนุมัติบรรจุให้ สบ.ทบ.จนกระทั่ง กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.3 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานและเอกสารประกอบการบรรจุโดยต้องยึดถือหลัก เกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ สบ.ทบ.ได้มีหนังสือทักท้วงเมื่อ 31 มี.ค. 2530 ว่า รร.จปร.ต้องแก้ไขหลักฐานการบรรจุและส่งเอกสารหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมได้แก่ หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร

ภายหลัง รร.จปร.ได้ส่งหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ที่ได้แก้ไขโดยไม่มีหลักฐานทางทหารเพิ่มเติมไปให้ สบ.ทบ. ไม่ปรากฏว่า สบ.ทบ.ได้ทำการทักท้วงความไม่ถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐานทางทหารแต่ อย่างใด จนกระทั่งกระทรวงกลาโหม (กห.) มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.2.4 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ โดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์ของ ทบ.ดังกล่าวไว้ในข้อ 2.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ สบ.ทบ.ส่งหลักฐานการขออนุมัติบรรจุให้ กพ.ทบ.ซึ่งไม่มีหลักฐานทางทหารไม่ปรากฏว่า กพ.ทบ.ตรวจพบหรือทักท้วงหลักฐานการบรรจุนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่มีหลักฐานทางทหารและดำเนินการต่อไปจน กห.มีคำสั่งให้นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร

2.3 การขอใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ภายหลังการตรวจเลือกฯ ปี 2530 ของนายอภิสิทธิ์ เมื่อ 8 เม.ย. 2531 ปรากฏว่า พ.ต.ทองคำ เดชเร หัสดีเขตพระโขนง (ปัจจุบันลาออกจากราชการ) ดำเนินการเพื่อออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้กับนายอภิสิทธิ์ จน.ผช.ผอ.เขตพระโขนง ลงนามในใบแทนใบสำคัญ (สด.9) และมอบให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ ดำเนินคดีฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจเลือกฯ ตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 และ 7 เม.ย. 2531 ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2457 มาตรา 27 และ 45

3.จบ.พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า

3.1 กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็น อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร.

3.3.1 รร.จปร.ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของระเบียบ กห.ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2429 แต่ขัดต่ออนุมัติ ผบ.ทบ.เรื่องหลักเกณฑ์การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเมื่อ 31 พ.ค. 2522 โดยทำหลักฐานเพื่อบรรจุนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของ ทบ.ที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ผ่านการตรวจเลือกฯ และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบประกอบเอกสารการบรรจุเพราะเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2530 หากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการต้องภายหลังนายอภิสิทธิ์ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 ตามมาตรา 27 และ 45 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดก่อน

แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่กำลังพล รร.จปร.เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามอนุมัติ ผบ.ทบ.ดังกล่าวข้างต้น แม้ว่า สบ.ทบ.จะได้ทักท้วงแล้วถือได้ว่า เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่กำลังพลในขณะนั้นคือ พ.อ.สมศักดิ์ พุ่มนิคม รอง ลก.บก.ทหารสูงสุด(รองเลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด) ขณะเป็น ทก.กกพ.รร.จปร., (กองกำลังพล รร.จปร.)ส่วน พล.อ.เผด็จ วัฒนะภูติ ขณะเป็น รอง ผบ.รร.จปร.ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกำลังพล และ พล.อ.นิยม ศันสมาคม ขณะเป็น ผบ.รร.จปร.บุคคลทั้งสองปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ซึ่งจะต้องควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของ รร.จปร.ทั้งหมด

3.1.2 สบ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสาร ประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ รร.จปร.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร. และการที่ สบ.ทบ.มีหนังสือทักท้วง รร.จปร.ขอให้แก้ไขและส่งเอกสารเพิ่มเติมโดยเฉพาะหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ ทหารของนายอภิสิทธิ์ ซึ่ง รร.จปร.ก็จะต้องส่งหลักฐานตามที่ สบ.ทบ.ได้ทักท้วง

เมื่อ สบ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาดหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้า รับราชการ สบ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายทหารสัญญาบัตร แสดงให้เห็นว่า สบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการ บรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.คง หงษ์ทอง ขณะเป็น หน.แผนกบรรจุฯ กคว.สบ.ทบ., พ.อ.ประหยัด คล้ายทอง หก.กคว.สบ.ทบ.,พล.ท.มานิต ทรัพย์สกุล ขณะเป็น รอง จก.สบ.ทบ. และ พล.อ.วีระ เสวิกุล ขณะเป็น จก.สบ.ทบ. บุคคลเหล่านี้ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.1.3 กพ.ทบ.มีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานขออนุมัติบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเอกสาร ประกอบของนายอภิสิทธิ์ที่ สบ.ทบ.ส่งเรื่องมาโดยต้องยึดถือหลักเกณฑ์การพิจารณาตรวจสอบเช่นเดียวกับ รร.จปร.และ สบ.ทบ. เมื่อ กพ.ทบ.ได้รับเอกสารแล้วต้องตรวจพบว่า ขาด หลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการบรรจุบุคคลเข้ารับ ราชการ กพ.ทบ.ก็จะต้องทักท้วงทำให้ไม่สามารถบรรจุนายอภิสิทธิ์ได้

แต่เมื่อ กห.มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายทหารสัญญาบัตรแสดงให้เห็นว่า กพ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบกพร่องต่อหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารการ บรรจุในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะเป็น หน.แผนก กจก.กพ.ทบ., พล.ต.ณรงค์ สารรักษ์ ผทค.ทบ.ขณะเป็น หก.กจก.กพ.ทบ., ส่วน พล.อ.ชัยวุฒิ ศรีมาศ ขณะเป็น รอง จก.กพ.ทบ. และ พล.อ.ประเสริฐ สารฤทธิ์ ขณะเป็น จก.กพ.ทบ.ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ

3.2 หน่วยสัสดีเขตพระโขนง เป็นหน่วยที่รับผิดชอบการลงบัญชีทหารกองเกินและการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้า กองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2487 และคำสั่ง ทบ.ที่ 1173/2528 ลง 25 ธ.ค. 2528 โดยมี พ.ต.ทองคำ เดชเร เป็นสัสดีเขตพระโขนงในปี 2530 ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนขาดการตรวจเลือกตั้งแต่ 7 เม.ย. 2530 ซึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนออกใบแทนใบสำคัญ (สด.9) ให้ พ.ต.ทองคำต้องตรวจพบว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนขาดการตรวจเลือกและต้องสั่งตัวดำเนินคดีตามความผิด แต่ พ.ต.ทองคำ ไม่ส่งตัวนายอภิสิทธิ์ดำเนินคดี แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ทองคำละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีมูลความผิดทางอาญา

3.3 บุคคลที่บกพร่องต่อหน้าที่ในการดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการในครั้งนี้บางนายได้เกษียณอายุราชการ, บางนายรับราชการนอกสังกัด ทบ. และบางนายเป็นนายทหารชั้นนายพลซึ่งไม่สามารถรับทัณฑ์ทางวินัยได้

คงมีบุคคลที่จะต้องได้รับทัณฑ์เพียงผู้เดียวคือ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.ขณะปฏิบัติหน้าที่ หน.แผนก กจก.กพ.ทบ.

4.ข้อเสนอ เห็นควรดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องดังนี้

4.1 ลงทัณฑ์ทางวินัยต่อ พ.อ.หญิง สายไสว มาสมบูรณ์ ประจำ กพ.ทบ.

4.2 ดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.ทองคำ เดชเร

จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณา หากเห็นสมควร กรุณาอนุมัติในข้อ 4
---------------------------------------

จากเว็ปมติชน
//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1228745189&grpid=00&catid=01




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 3:09:39 น.
Counter : 688 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.