ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
นักเล่าข่าวกับการ “ทำนาบนหลังคน”

โดย เชลยเนชั่น

ที่ยกคำภาษิตโบราณที่ว่า “ทำนาบนหลังคน” ขึ้นมาก็เพื่อจะชี้ให้เห็นภาพว่าในวงการสื่อบ้านเรามีกลุ่มคนที่ทำนาบนหลัง คนอยู่ไม่น้อยและนับวันจะยิ่งมากขึ้นมากขึ้น เพราะมันเป็นการทำมาหากินที่สุดแสนจะสบาย คนพวกนี้คือประเภทนักเล่าข่าวตามจอโทรทัศน์ช่องต่างๆที่วันนี้เป็นเหมือ นไฟต์บังคับต้องมีทุกช่อง ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นเที่ยงคืน ไม่ว่าจะเปิดไปดูช่องไหน เวลาไหน จะมีพิธีกรสวมสูท ผูกไทด์ ผัดหน้าทาแป้ง อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ให้เราฟังตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย ฉบับแล้วฉบับเล่า ฉบับนี้ข่าวหมดไปอ่านอีกฉบับหนึ่ง ฉบับนี้ข่าวไม่น่าสนใจข้ามไปอ่านฉบับอื่น

คนพวกนี้อ่านหนังสือพิมพ์ให้คนทั้งประเทศฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย เล่าเรื่องเป็นฉากๆราวกับว่าได้ไปทำข่าวและเขียนขึ้นมาเองกับมือ แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้อ้างอิงว่าตัวอักษรที่ร้อยเรียงให้เขาหารับประทาน อยู่นั้นอยู่ในหนังสือพิมพ์อะไร เป็นข่าวจากสำนักข่าวไหน นอกจากจะไม่เอ่ยชื่อหัวหนังสือของเขาแล้ว หลายครั้งหลายหนยังทำตนเยี่ยงศาสดาแห่งข่าวสาร ทำการสั่งสอนนักข่าวที่เขียนข่าวทำไมไม่ทำอย่างนั้นทำไมไม่ทำอย่างนี้ ทำไมไม่ถามแบบนั้นหรือแบบนี้ คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากให้ข่าวเป็นแบบไหนก็ลองไปทำดูเองน่าจะดีกว่า

นักเล่าข่าวหากินง่ายมากๆด้วยการลงทุนเพียงวันละร้อยกว่าบาท มาจากค่าหนังสือพิมพ์เล่มละ 10 กว่าบาทใช้ประมาณ 10 ฉบับก็อยู่แล้ว เขามีหน้าที่เพียงอ่านและทำความเข้าใจข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อเวลาหยิบข่าวมาเล่าจะได้เล่าอย่างออกรส ออกชาติ ให้ประชาชนเห็นภาพและเกิดความรู้สึกร่วมโดยไม่ต้องอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ อีก เสร็จแล้วก็รับค่าตัววันละหลายพันหรือหลายหมื่นบาท ซึ่งค่าจ้างวันหนึ่งอาจจะเท่ากับค่าตอบแทนทั้งเดือนนักข่าวหนังสือพิมพ์บาง ฉบับก็ได้

แน่ละหนังสือพิมพ์เป็นสินค้าที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ใครจะหยิบไปอ่านไปเผยแพร่ต่อก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย พอๆกับพฤติกรรมของคนที่ทำนาบนหลังคนก็มีมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง และเอาเข้าจริงลึกๆแล้วคนหนังสือพิมพ์เองก็ภูมิใจไม่น้อยที่ข่าวที่เขียนขึ้นถูกโทรทัศน์หรือวิทยุเอาไปรายงานต่อให้สาธารณชนได้รับรู้

ในแง่ของความเป็นนักข่าวถือว่าเป็นความสำเร็จที่สามารถผลักดันข่าวตัวเองให้เป็นวาระใหญ่ในสังคมได้ แต่จะเสียใจมากถ้าข่าวที่พยายามหาด้วยความเหนื่อยยาก ถูกฉกไปอ่านโดยนักเล่าข่าวที่ตัดตอนไม่ยอมบอกแหล่งที่มาของข่าว ทำอย่างนี้เท่ากับอุปโลกน์ว่าเป็นข่าวของตัวเองทำตนเป็นศาสดาผู้รอบรู้ข่าว ทั้งหมดในประเทศหรือในโลกนี้

หรือถ้านักเล่าข่าวทั้งหลายจะเถียงว่าก็หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวเหมือนกันเป๊ะๆจะให้อ้างก็ต้องอ้างทั้ง 10 ฉบับ ฉะนั้นอย่าไปพูดถึงหนังสือพิมพ์เลยดีกว่า ง่ายดี ถามว่ามันจะถูกต้องหรือ คุณอ่านฉบับไหนคุณก็อ้างฉบับนั้นซึ่งมันจะไปเหมือนกับฉบับอื่นยังไงก็ไม่ต้องสนใจเพราะคุณยืนยันว่าอ่านจากฉบับนี้ฉบับเดียว

เหมือนคุณชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมากคุณก็ชมเขาออกไป ไม่เห็นจะต้องสนใจเลยว่าเธอจะแต่งตัวเหมือนใคร หรือใครลอกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวของเธอ หรือถ้าคิดว่ารังเกียจเหลือเกิน รับไม่ได้กับการที่หนังสือพิมพ์ลอกข่าวกันมาลงเหมือนกันทุกฉบับก็อย่าไปอ่านมันซักฉบับ ส่งทีมงานไปทำข่าวมารายงานเองจะได้ภูมิใจ

การที่รายการเล่าข่าว(บางช่อง)พึ่งพาข่าวของหนังสือพิมพ์เป็นวัตถุดิบส่วนใหญ่ในรายการ นับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการที่จะได้เสพข่าวที่มีคุณภาพ ครบทุกมิติ เพราะสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่งมีเครื่องไม้ เครื่องมือที่ทันสมัยราคาหลายสิบล้าน มีบุคลากรที่มีฝีมืออยู่จำนวนมาก ขณะที่เจ้าของสถานีถือหุ้นร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์จริงๆชาวบ้านจะได้ประโยชน์มาก แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมานั่งรอข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีการลงทุนน้อยกว่าทีวี หลายเท่านัก

บางช่องตอนดึกๆถึงกับลงทุนทำจอบลูสกรีนขนาดใหญ่กว่าตัวคนเพื่อเปิดเป็นจอให้ หนังสือพิมพ์ฉบับละ 10 กว่าบาทได้รับเกียรติขึ้นไปผงาดอยู่บนนั้นแล้วพิธีกรส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ยืนชี้ไปตามข่าวต่างๆที่พาดอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แล้วอธิบายว่าข่าว 1 ว่าอย่างไร ข่าว 2 ว่าอย่างไร มีรายละเอียดอย่างไร

นี่หรือคือศักยภาพของโทรทัศน์ที่มีทุนรอนมหาศาล ทำไมไม่เอาเงินที่ใช้ทำเทคโนโลยีที่ทำไปเพื่อโชว์หนังสือพิมพ์ยักษ์ไปทำข่าว ตามแบบของโทรทัศน์ที่ควรทำ ชาวบ้านจะได้ประโยชน์กว่านี้หรือไม่ ทำไมไม่ทุ่มเททรัพยากรให้สมกับที่รายการเล่าข่าวทำเรตติ้งสูงลิ่ว ปล่อยให้ใช้ต้นทุนวันละ 100-200 บาท หากินอยู่อย่างนี้ไม่อายกันบ้างหรือ

ที่เขียนเรื่องมิได้มุ่งหมายให้นักเล่าข่าวเลิกเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน หรือต้องให้เครดิตหนังสือพิมพ์ที่หยิบขึ้นมาอ่านเพื่อเป็นการโปรโมตหนังสือ พิมพ์ช่วยกระตุ้นยอดขายแต่ประการใด เพราะสิ่งที่พวกนักเล่าข่าวทำอยู่คือการหยิบข่าวฉบับโน้นนิด ฉบับนี้หน่อย มาปะติดปะต่อ เล่าให้ชาวบ้านฟังจนครอบคลุมทุกประเด็น ก็เป็นการทำลายแรงจูงใจคนที่จะซื้อหนังสือพิมพ์อย่างเต็มที่แล้ว ครั้นจะพูดถึงหรือไม่พูดถึงหนังสือพิมพ์ก็ไม่ประโยชน์ เผลอๆยิ่งคุณอ้างว่าข่าวที่เล่ามาจากหนังสือพิมพ์อะไร คนยิ่งไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเพราะรู้สึกว่าเขารู้เรื่องหมดแล้วจากปาก ของคุณ ไม่เห็นต้องอ่านอะไรอีกเลย

แต่ที่เรียกร้องคือการเคารพในหน้าที่ บทบาทของคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ไม่ว่านักเล่าข่าวในจอโทรทัศน์ หรือนักข่าวภาคสนามล้วนแต่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ว่าแต่งตัวดี เสนอหน้าอยู่ในจอทีวีมีคนรู้จักมาก แล้วจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเดินเพื่อปูทางไปสู่ความสำเร็จอยู่ร่ำไป

ไม่อยากให้สังคมข่าวมีชนชั้น วรรณะ มีเทพ มีทาส หรือมีคนทำนาบนหลังคนอีกต่อไปเท่านั้นเอง

/-/-/-/-/-/-/

*หมายเหตุ นักเล่าข่าวคนใดไม่มีพฤติกรรมประเภทนี้ย่อมไม่อยู่ในขอบข่ายของผู้เขียน

ที่มา Blog OK-Nationของสนามข่าวสภา


คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

โดย ลวดหนาม


ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายการ “คุยข่าว” หรือ “เล่าข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ว่าเป็นรายการที่ “อันตราย” เนื่องจากมีการชี้นำผู้ชม และองค์กรวิชาชีพควรหารือกันในเรื่องนี้

ปัจจุบันรายการเล่าข่าวมีอยู่หลายช่องที่ ผู้ประกาศข่าว พิธีกรจะหยิบยกหนังสือพิมพ์ หรือ ภาพข่าว ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก

หากเป็นเรื่องที่ทั่วๆ ไปก็พอให้อภัยได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องบอกว่า คนเหล่านี้ “เสียมารยาท” อย่างยิ่งที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นเกินขอบเขต

เพราะสังคมไทยที่มีความขัดแย้งเรื่องการเมืองอย่างสูงนั้น ไม่สมควรที่จะชี้นำประชาชนไปทางใดทางหนึ่ง

ช่วงหลังๆ ผมเห็น นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการ "ข่าวข้นคนข่าว" ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี มักจะแสดงตัวตนว่า “เก่ง” เป็นผู้รู้ทุกเรื่อง

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะทราบบ้างหรือไม่ว่า ประชาชนที่นั่งดูข่าว กำลังหมั้นไส้ ในความอวดรู้ อวดฉลาด ของเขาที่ระยะหลังมักมีมากเกินความพอดี
รวมทั้ง นายวิศาล ดิลกวณิช ที่อวดฉลาดจนกระทั่งโดน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ฟันศอกใส่หน้ามาแล้ว

นอกจากนี้ยังมี นางอัญชลี ไพรีรัก นักเล่าข่าวจากค่ายพันธมิตรฯ เธอคนนี้ดีกรีร้อนแรง เป็นนักเล่าข่าวหญิงที่น่าสมมาคุณด้วยอวัยวะบางส่วนมากที่สุด

หันไปดูข่าวในแวดวงอินเตอร์เนท บล็อกโอเคเนชั่น ได้นำบทความเรื่อง นักเล่าข่าวกับการ “ทำนาบนหลังคน” ที่เขียนโดยผู้สื่อข่าวรัฐสภากลุ่มหนึ่งจากหลายสำนักพิมพ์ ในบล็อกชื่อ “สนามข่าวสภา” มาเผยแพร่เป็นเรื่องแนะนำ

โดยบทความดังกล่าว วิพากษ์วิจารณ์รายการประเภทเล่าข่าวว่า การที่รายการเล่าข่าว(บางช่อง)พึ่งพาข่าวของหนังสือพิมพ์เป็นวัตถุดิบส่วน ใหญ่ในรายการ นับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการที่จะได้เสพข่าวที่มีคุณภาพ ครบทุกมิติ

เพราะสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่งมีเครื่องไม้ เครื่องมือ ที่ทันสมัยราคาหลายสิบล้าน มีบุคลากรที่มีฝีมืออยู่จำนวนมาก ขณะที่เจ้าของสถานีถือหุ้นร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์จริงๆชาวบ้านจะได้ประโยชน์มาก

แต่นักเล่าข่าวเหล่านั้นกลับมานั่งรอข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีการลงทุนน้อยกว่า ทีวีหลายเท่านัก จากนั้นก็มาเล่าเรื่องเป็นฉากๆ ราวกับว่า ได้ไปทำข่าวและเขียนขึ้นมาเองกับมือ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อ้างอิงว่า ตัวอักษรที่ร้อยเรียงให้ตนเองหากินอยู่นั้นอยู่ในหนังสือพิมพ์อะไร เป็นข่าวจากสำนักข่าวไหน หลายครั้งหลายหนยังทำตนเยี่ยงศาสดาแห่งข่าวสาร สั่งสอนนักข่าวที่เขียนข่าวว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่ถามแบบนั้นแบบนี้

บทความชิ้นนี้ ระบุว่า ข้อเขียนนี้มิได้มุ่งหมายให้นักเล่าข่าวเลิกเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน หรือต้องให้เครดิตหนังสือพิมพ์ที่หยิบขึ้นมาอ่านเพื่อเป็นการโปรโมตหนังสือ พิมพ์ช่วยกระตุ้นยอดขายแต่ประการใด

แต่ที่เรียกร้องคือการเคารพในหน้าที่ บทบาทของคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ไม่ว่านักเล่าข่าวในจอโทรทัศน์ หรือนักข่าวภาคสนามล้วนแต่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ว่าแต่งตัวดี เสนอหน้าอยู่ในจอทีวีมีคนรู้จักมาก แล้วจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเดินเพื่อปูทางไปสู่ความสำเร็จอยู่ร่ำไป
ไม่อยากให้สังคมข่าวมีชนชั้น วรรณะ มีเทพ มีทาส หรือมีคนทำนาบนหลังคนอีกต่อไปเท่านั้นเอง
บทความชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อเตือนสติ “นักเล่าข่าว” อย่าเป็นแค่นักฉวยโอกาส มีความสุขกับการ “ทำนาบนหลังคน”
มุ่งหน้าโกยรายได้ เหยียบอุดมการณ์ “คนทำข่าว” ไว้อย่างนี้อีกเลย!

ที่มา ประชาทรรศน์ออนไลน์


Create Date : 16 มกราคม 2552
Last Update : 16 มกราคม 2552 12:28:02 น. 0 comments
Counter : 566 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.