ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
วิวาทะสงครามน้ำหมึก‘คุณปลื้ม’ปะทะ‘รสนา’สะท้อนภาพสื่อมวลชนใครยึด‘อารมณ์-อาฆาต’

วิวาทะสงครามน้ำหมึก ‘คุณปลื้ม’ปะทะ‘รสนา’ สะท้อนภาพสื่อมวลชน ใครยึด‘อารมณ์-อาฆาต’

หมายเหตุ “ไทยอินไซเดอร์” :

เย็นวันที่ 13 มี.ค. 2551 เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในแวดวงสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อเว็บไซต์ “ผู้จัดการ” กับเว็บไซต์ “มติชน” ได้แปลข้อเขียนที่น่าสนใจของ “ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล” หรือที่รู้จักกันในนาม “คุณปลื้ม” กับ “รสนา โตสิตระกูล” ส.ว.กทม.ที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนนเสียงที่สูงเป็นอันดับ 1 จากคนกรุงเทพฯ

โดยข้อเขียนของทั้งสองคนปรากฏลงในนสพ.บางกอกโพสต์ หน้า 11 ฉบับวันที่ 13 มี.ค.2551 ในหัวข้อเรื่อง Rosana Tositrakul , are you kidding me ? เขียนโดย “คุณปลื้ม” กับ M.L.Nattakorn Devakula, who's kidding whom ? เขียนโดย “รสนา” ซึ่งหากมองในมุมการนำเสนอของนสพ.บางกอกโพสต์ถือว่า แสดงความเป็นกลางในเชิงที่นำเสนอมุมมองและแนวคิดของบุคคลทั้งสอง...ได้เป็นอย่างดี

แต่เมื่อมาพิจารณาถึงมุมมองการนำเสนอของเว็บไซต์ผู้จัดการ เมื่อเทียบกับเว็บไซต์มติชน...ที่มีการแปลจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ...ก็จะพบถึง “อารมณ์-อาถรรพ์-อาฆาต” ได้ดีว่า...เว็บไซต์ไหนมีความเป็นกลางในการนำเสนอเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงกับประชาชนเพียงใด???

เมื่อเว็บไซต์ “มติชน” ตีพิมพ์เนื้อหาดังกล่าว เมื่อเวลา 18:25:13 น. ด้วยการพาดหัวเรื่องว่า “วิวาทะเดือด!'หม่อมปลื้ม'ปะทะ'รสนา'ว่าด้วยคนกรุงเทคะแนนเลือกเป็น ส.ว.”

ขณะที่เว็บไซต์ “ผู้จัดการ” ตีพิมพ์เนื้อหาดังกล่าว เมื่อเวลา 19:23 น. ด้วยการพาดหัวเรื่องว่า “กึ๋นของ “ปลื้ม” มีอยู่แค่ไหน? พิสูจน์รอยหยักในสมองได้ที่นี่!”

ซึ่งเมื่อมาอ่านถึงเนื้อหาการถอดความและการพาดหัวในเรื่องดังกล่าว...ของสื่อ 2 ค่ายก็จะพบว่า...“อารมณ์-อาถรรพ์-อาฆาต” ของเว็บไหนที่แสดงความเป็นกลางในการนำเสนอข้อมูล-ข้อเท็จจริงให้กับประชาชน...และ “สมควร” จะ “น่าเชื่อถือ” ได้มากกว่ากัน!!!

เพราะ “วันนักข่าว” (5 มี.ค.) ก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่กี่วัน (8 วันเอง)...แต่จิตวิญญาณในการนำเสนอ “ความจริง” ของสื่อมวลชนโดยที่ไม่ต้องใส่ “อารมณ์-อาฆาต” ลงไปในเนื้อหา...ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

แต่หากจะเป็นมุมมองของ “ผู้เขียน” ที่ใช้นามปากกาหรือชื่อจริง...แล้วจะใส่ “อารมณ์-อาถรรพ์-อาฆาต” อย่างไร...ก็คงไม่มีใครว่า!!!

แต่การนำเสนอหัวข้อข่าวหรือรายงานพิเศษแบบนี้...ด้วย “อารมณ์-อาถรรพ์-อาฆาต” เช่นนี้...

เชื่อแน่ว่า...ตำราเรียนแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน...คงต้อง “สังคายนา” กันชุดใหญ่อีกครั้งเป็นแน่

ว่าจะเป็น “นกน้อยในไร้ส้ม” ที่มีอิสระเสรี(ทางความคิด)....หรือจะตกเป็น “นกน้อยในกรงขัง”...ที่ไร้อิสระเสรี

นับเป็นเรื่องที่ “ผู้อ่าน”...และ “นักสื่อสารมวลชน” ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง...อย่างสูง...5555

ยกเว้นแต่...จะปล่อยให้พวกงมงาย-ดักดาน-จมปลัก...หลงเชื่ออยู่แต่กับพวกศาสดาจอมปลอม...ก็คงไม่มีใครว่ากัน...!!!

จากใจ...ไต่กอ
…………………………………….

สำหรับเนื้อหาดังกล่าว...ที่เว็บไซต์ผู้จัดการนำมาลงเมื่อเวลา 19:23 น. มีรายละเอียดดังนี้...

พาดหัวข่าว : กึ๋นของ “ปลื้ม” มีอยู่แค่ไหน? พิสูจน์รอยหยักในสมองได้ที่นี่!

โปรยข่าว : ปลื้ม - ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล เปิดตัวตนและภูมิปัญญา ว่า คับแคบ-กว้างขวาง ตื้นเขิน-ลึกซึ้ง เพียงไร เหยียดคนกรุงเทพฯ “ไม่ฉลาด” ที่เลือก รสนา โตสิตระกูล เป็น ส.ว.เปรียบ กทม.เป็นเมืองฝ่ายซ้าย เหมือนเกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย หญิงเหล็กโต้กลับ หูตาคับแคบ ยกคำหม่อมอุ๋ย สอน “อย่าเดินตามก้นฝรั่ง”

เนื้อหา :ข้อเขียนจากคอลัมน์ Anchorman โดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หน้า 11 หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2551 เรื่อง Rosana Tositrakul , are you kidding me ?

ผมเคยเชื่อว่า กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีอัตราส่วนของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่มีการศึกษาและความรับรู้ทางการเมือง ต่อ ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองสูงที่สุดในประเทศ แต่อัตราส่วนนี้ อาจไม่สูงเสียแล้ว หากดูจากผลเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมา

Imageนอกเหนือจากเป็นเมืองที่เชื่อกันว่า มีผู้ลงคะแนนที่ “ฉลาด” ในเรื่องการเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก กรุงเทพฯอาจไม่ต่างไปจาก เวเนซุเอลา เกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย และประเทศที่เป็น “ซ้าย” ในโลกนี้เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่ว่า รสนา โตสิตระกูล นักเคลื่อนไหวทางสังคม และผู้อ้างว่า เป็นตัวแทนของผู้บริโภค ได้ชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 743,397 คะแนน หรือ 49.78% ของผู้มีสิทธิออกเสียง ในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้

การที่ กรุงเทพฯ เลือกวุฒิสมาชิกได้เพียงคนเดียว ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความสำคัญกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เพราะผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง จะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของคนกรุงเทพฯในสภาสูงที่ทรงอิทธิพล

ทำไม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า

อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นตัวแทนของชนชั้น นักลงทุน และค่านิยมเศรษฐกิจเสรี ขณะที่ นิติพงษ์ ห่อนาค เป็นตัวแทนของชุมชนศิลปะและการบันเทิง เช่นเดียวกับ มานิต วิทยาเต็ม ในฐานะอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นตัวแทนของข้าราชการที่มีประสบการณ์ ในฝ่ายกฎหมาย และยังมีอีกหลายๆ คน ที่มีประสบการณ์และความสำเร็จที่โดดเด่น

แทนที่จะได้คนเหล่านี้เป็นตัวแทน เรากลับได้ใครบางคน ซึ่งเชื่อได้ว่า จะขัดขวางกฎหมายที่สนับสนุนการลงทุน และธุรกิจ สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสถาบัน คอยจ้องจับผิด คนที่มีเหตุผลที่เพียงแต่ทำงานหาเลี้ยงชีพ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจจริง ที่พยายามสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศนี้

รสนา คือ คนที่สร้างความตกต่ำให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทคนไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนนักลงทุนในประเทศนี้ บทบาทของเธอในการทำให้แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ.ต้องเป็นโมฆะ ก็ชี้ชัดว่า เธอยืนอยู่ตรงไหน บนเส้นทางการพัฒนาและเศรษฐกิจ

นอกไปจากพฤติกรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้ 2 เรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกหลายๆ เรื่อง การแสดงบทบาทผู้นำ ขบวนการผู้บริโภค ในนามขององค์กรต่างๆ ที่ผู้บริโภคไม่เคยมีโอกาสเข้าไปร่วมกำหนดนโยบายขององค์กรเหล่านี้ ทำให้ รสนา มีชื่อเสียงขึ้นมาว่า เป็นผู้เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว คะแนนนิยมที่เธอได้ มาจากการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน และการทำให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อ้างว่า เป็นความเสียหายของผู้บริโภค เป็นภาระของศาล

ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่านี้อีกแล้ว ... อย่าฟ้องผม ผมรู้ว่า นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิดจะทำอยู่

ย้อนไปดูผลเลือกตั้ง ส.ว.ก่อนการรัฐประหาร รสนา ชนะด้วยคะแนน 118,332 เสียง เป็นที่ 4 รองจาก นิติภูมิ นวรัตน์ สมัคร สุนทรเวช และ กล้าณรงค์ จันทิก ดูจากผลการเลือกตั้งเหล่านี้ ยิ่งทำให้ผมต้องกลับมาใคร่ครวญ ถึงแนวโน้มที่สังคมไทยจะก้าวไปทาง “ซ้าย” มากขึ้น

รสนา ไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่เข้าใจคุณค่าของตลาดเสรี และลัทธิทุนนิยม เธอไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่พยายามจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของเอเชีย ถ้าจะมีที่ไหนที่คู่ควรให้เธอเป็นตัวแทน ผมนึกถึง เปียงยาง คาราคัส หรือ ฮาวานา ที่ซึ่งเธอจะได้เข้าพวกกับสาวกราอูล หรือแม้กระทั่ง Sucre หรือ Lapaz (เมืองหลวงของโบลิเวีย) ซึ่งเธอจะได้สวมชุดพื้นเมืองเต้นรำกับ Evo Morales (ประธานาธิบดีโบลิเวีย)

อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความหวังกับคนกรุงเทพฯ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้มีสิทธิลงคะแนน ที่ “ฉลาด” และพลังเงียบที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร จะเลือกคนที่สนับสนุนความเติบโต และความก้าวหน้า มากกว่า คนที่นิยมความตกต่ำ และความชะงักงัน

ผมยังหวังว่า คนกรุงเทพฯจะเลือกผู้ที่มีความเข้าใจว่า การเป็นเอ็นจีโอปีกซ้ายที่ใช้วิธีกระจายรายได้ ด้วยการโค่นเสาหลักของระบบทุนนิยม ไม่มีวันที่จะนำผลประโยชน์ที่แท้จริงมาสู้ผู้บริโภคได้ การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯต้องปรับวิธีคิดในเรื่องการเลือกตั้งอีกมาก

************************

ส่วนข้อเขียนจาก คอลัมน์ Guest column โดย รสนา โตสิตระกูล หน้า 11 บางกอกโพสต์ วันที่ 13 มีนาคม 2551 M.L.Nattakorn Devakula, who's kidding whom ?

คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เสรีนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขารักความเป็นธรรม และเกลียดคอร์รัปชั่น การผูกขาดที่ไม่ยุติธรรม และการตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน และไม่ได้ทำให้เขาเป็น “ฝ่ายซ้าย” อย่างที่คุณกล่าวหา คนที่มองว่า นิสัยเช่นนี้เป็นพวกฝ่ายซ้าย ก็มีแต่พวกขวาสุดโต่งเท่านั้น คนกรุงเทพฯรู้ดีว่า ดิฉันไม่ได้ต่อต้าน ระบบตลาดเสรีที่เป็นธรรม สิ่งที่พวกเขาและดิฉันรับไม่ได้ คือ ความไร้ธรรมาภิบาลในการบริหาร และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่โปร่งใส

กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท

ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง ก่อนที่จะมีการขายหุ้น คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ และจะตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขึ้นมาควบคุม เพื่อดูแลผู้บริโภค มติครม.นี้ มีอยู่ในหนังสือชี้ชวน การเสนอขายหุ้น ปตท.อีก 1 ปีต่อมา รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ นักลงทุนที่มีใจเป็นธรรม จะเห็นด้วยว่า นี่คือการขโมยในรูปแบบหนึ่ง

ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชั่นทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม ให้วินิจฉัยตามสิทธิตามกฎหมาย และความชอบธรรม ในฐานะพลเมืองผู้เสียภาษีและสำนึกในหน้าที่ของตนเอง ดิฉันขอถามคุณว่า ความพยายามเรียกร้องเอาทรัพย์สินสาธารณะคืนมานั้น เป็นการบ่อนทำลายพื้นฐานของเศรษฐกิจ หรือว่า เป็นการสร้างเสริม หลักธรรมาภิบาล หลักแห่งกฎหมาย และความมีเสถียรภาพในระยะยาว กันแน่

เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพี (ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ) เท่านั้น

คุณพ่อของคุณ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้พูดถึง ข้อบกพร่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยไม่ระมัดระวัง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2549 ว่า “ตลาดเสรีที่ปราศจากความพอเพียง จะไปไม่รอด คนบางคนเดินตามทฤษฎีตะวันตก และมองว่า ความคิดเรื่องความพอเพียง เป็นอุปสรรคต่อความเติบโตของเศรษฐกิจ-ซึ่งไม่จริง-ในทางตรงกันข้าม ปรัชญาความพอเพียง สร้างสมดุลของการเติบโต ทำให้การเติบโตยั่งยืน และเป็นหลักประกันความผาสุกของประชาชน และปกป้องสิ่งแวดล้อม”

สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างไปจากจุดยืนในเรื่องเศรษฐกิจของดิฉัน พูดให้ชัด ก็คือ ดิฉันเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการ ธปท.อีกท่านหนึ่ง ซึ่งหวังที่จะเห็นระบบทุนนิยมเสรี ทำงานควบคู่ไปกับความพยายามอย่างจริงจัง ในการกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน

ความคิดแบบนี้หรือ ที่เรียกว่า คิดแบบ เปียงยาง หรือ ฮาวานา ที่คุณโจมตีดิฉัน ประเทศอื่นๆต่างก็มีระบบเศรษฐกิจในแบบของตน ซึ่งดิฉันยอมรับว่า ไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้ แต่เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม เราควรเปิดใจกว้าง เพื่อนำไปสู่การเคารพในความแตกต่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะชักนำพวกเขาให้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ให้ดีขึ้น เหมือนกับประเทศของเราที่ได้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับค่านิยมทางสังค มและวัฒนธรรมของเรา

มันไม่สำคัญหรอกที่จุดยืนทางการเมืองและเศรษฐกิจของดิฉัน จะเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ ดิฉันเชื่อว่า มันเป็นจุดยืนเดียวกับคนกรุงเทพฯที่ลงคะแนนให้ดิฉัน

คุณเป็นคนหนุ่มที่มีการศึกษาดี ถ้าคุณจะลองมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่นบ้าง คุณอาจจะรู้จักกรุงเทพฯได้ดีขึ้น และมันจะช่วยเยียวยาอาการอกหักทางการเมืองได้บ้าง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณดูหมิ่นดิฉันผ่านคอลัมน์นี้ แน่นอนว่า ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรปการณ์ และ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรทัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เป็นแนวหน้าของชนชั้นนำแห่งสังคมไทย ในการปลดแอกสยามจากสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่เจ้าอาณานิคมตะวันตกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมเศรษฐกิจ และระบบศาลไทย ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ทำให้ดิฉันอดกลั้นที่จะไม่ทำสิ่งใดๆ อันจะทำความเสียหายต่อตระกูลที่โดดเด่น ซึ่งได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ดิฉันอยากแนะนำคุณว่า ก่อนจะแสดงความคิดเห็นใดๆ ควรคิดให้ถี่ถ้วนและปรึกษาหารือกับคนอื่นให้มากกว่านี้ โดยเฉพะอย่างยิ่ง ถ้าคุณจะแสดงการดูหมิ่นดูแคลนต่อคำพิพากษาของศาลปกครอง ต่อการลงคะแนนของเพื่อนชาวกรุงเทพฯของคุณ และต่อประชาชนของประเทศอื่นๆ

ส่วนตัวดิฉันเองนั้น หลังจากทำงานสาธารณะมา 30 ปี ดิฉันมีจุดยืนที่มั่นคงในสังคม และมีความอดทนพอที่จะค้นหาสาระในข้อเขียนของคุณให้เจอ

……………………………….
สำหรับเนื้อหาดังกล่าว...ที่เว็บไซต์มติชน นำมาลงเมื่อเวลา 18:25:13 น. มีรายละเอียดดังนี้...

พาดหัว : วิวาทะเดือด!'หม่อมปลื้ม'ปะทะ'รสนา'ว่าด้วยคนกรุงเทคะแนนเลือกเป็น ส.ว.

โปรยข่าว : ต่อไปนี้เป็นบทความของม.ล.ณัฏฐกร เทวกุลหรือ'ปลื้ม' เขียนถึงน.ส.รสนา โตสิตระกูล กรณีได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ฝ่ายหลังหลังแสดงทัศนะโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน ในคอลัมน์'บทวิเคราะห์และความคิดเห็น'หน้า 11 ของหนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2551

เนื้อหา : มีดังนี้

บทความของม.ล.ณัฏฐกร เทวกุล
รจนา โตสิตตระกูล,'คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า'?

ผมชอบคิดถึงกลุ่มคนชั้นสูงของเมืองหลวง สถานที่ที่ผมเชื่อว่า มีอัตราสูงสุดของผู้ใช้สิทธิของชนกลุ่มมีการศึกษา ไปจนถึงคนหลายกลุ่มที่หลากหลายทางการเมือง แต่ทว่าอัตราของผู้ใช้สิทธิของกลุ่มดังกล่าวไม่ได้สูงอีกต่อไป เมื่อพิจารณาจากการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมา ถ้าไม่นับการเป็นสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งผู้ใช้สิทธิ'กลุ่มฉลาด'ที่ตระหนักถึงการเมืองส่วนใหญ่ของทั้งหมด

บางทีค่านิยมที่แท้จริงของคนกรุงเทพอาจจะเหมือนกับเวเนซูเอล่า, เกาหลีเหนือ, คิวบา, โบลิเวีย และประเทศฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ในโลกนี้

และนี่คือข้อเท็จจริง นางรสนา นักกิจกรรมสังคม และผู้ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้บริโภค ได้คะแนนเสียง 743,397 เสียง หรือ 49.78 % จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ซึ่งในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่

การที่คน ๆ เดียวจะกลายเป็นผู้แทนคนเดียวของกทม.จึงทำให้การเลือกตั้งเช่นนี้มีความหมาย มากกว่าที่เคย เพราะเท่ากับผู้ชนะจะกลายเป็นวุฒิสมาชิกหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนคนทั้งกทม.นั่งอยู่ในสภาทรงอิทธิพลของส.ว.ทั้งหมด

แน่นอน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผลเลือกตั้งที่ออกมาจึงเป็นเรื่องน่าเศร้า ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นตัวแทนของคนกลุ่มนักลงทุนและคนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจตลาดเสรี ส่วนนายนิติพงษ์ ห่อนาค เป็นตัวแทนของคนกลุ่มบันเทิงและศิลปิน

ขณะที่นายมานิต วิทยาเต็ม อดีตตุลาการ (ความจริงนายมานิตย์ วิทยาเต็มเป็นอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนุญ-ผู้แปล) เป็นคนกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ ซึ่งในที่นี้มาจากภาคกฎหมาย คนเหล่านี้เป็นหัวแถวของคนที่มีพื้นเพเดียวกัน และคนที่ประสบความสำเร็จ

แต่แล้ว เรากลับได้คนที่เชื่อได้ว่าจะปิดกั้นกฎหมายสนับสนุนธุรกิจ-สนับสนุนการลงทุน สร้างอุปสรรคขัดขวางต่อกระบวนการอันราบรื่นของการแก้ไขกฎหมายจำนวนมากที่จำเป็น และท้ายที่สุดแต่ไม่ใช่สิ่งสุดท้าย ก็คือ การเป็นเสียงที่ไร้ค่าของคนที่มีเหตุผลที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ และการเป็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจอันแท้จริงที่พยายามจะนำการเติบโตทางเศรษฐกิจคืนมาสู่ประเทศ

นางรสนาเกือบเป็นคนผู้เดียวที่นำความล่มสลายมาให้แก่บริษัทปตท.บริษัทที่ ประสบความสำเร็จที่สุดของเมืองไทย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจและความยินดีของกลุ่มนักลงทุนในประเทศ บทบาทของเธอในการเรียกร้องให้การเข้าตลาดหุ้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทยถูกประกาศเป็นโมฆะได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เธอต่อสู้กับวิถีของการพัฒนาและเศรษฐกิจต่าง ๆ ในรูปแบบไหน

สิ่งที่ไม่น่าอภัยเหมือนการกระทำสองครั้งในอดีตก็คือ การมีคนจำนวนมากขึ้น ที่กำลังทำสงครามในนามของผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวแทนของจากองค์กรที่ไม่เคยมีโอกาสได้มีบทบาทบริหารนโยบายของหน่วยงานเหล่านี้ ได้เลือกนางรสนาให้มีชื่อเสียงอย่างมากในทุกวันนี้ มันได้สร้างชื่อเสียงให้เธอสู่แถวหน้าของบรรดาผู้ที่สละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ

และจริง ๆ แล้ว ความนิยมจำนวนมากที่เธอได้รับมาจากการสนับสนุนของนักลงทุนและตุลาการที่ต้อง เกี่ยวข้องกับคดีมากมายที่เกี่ยวกับการร้องเรียนของผู้บริโภคสารพัด ถือเป็นสิ่งที่ได้ช่วยแผ่วทางให้เธอประสบความสำเร็จสู่การเมือง ไม่มีอะไรที่จะน่าเกียจกว่านี้แล้ว อย่าฟ้องผม เพราะผมรู้แล้วว่า คุณมีแผนจะทำอะไร!

หากมองย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกยุคก่อนรัฐประหาร นางรสนาเคยได้รับคะแนนถึง 118,338 คะแนน ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นผู้สมัครที่มีคะแนนสูงเป็นอันดับสี่ เชื่อไหมว่าเธอมีคะแนนแพ้แค่นิติภูมิ นวรัตน์, สมัคร สุนทรเวช และกล้านรงค์ จันทิก ยิ่งผมคิดถึงผลคะแนนทั้งหมดนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้เริ่มผมทำให้ต้องนึกถึงศักยภาพอันแท้จริงของความเป็นซ้ายที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในสังคมนี้

นางรสนาไม่ได้เป็นตัวแทนของคนกรุงที่เข้าใจถึงเรื่องตลาดเสรีและทุนนิยม เธอไม่ควรจะเป็นตัวแทนของเมืองที่พยายามจะเป็นแหล่งลงทุนขนาดใหญ่ของเอเชีย หากมีเมืองที่เธอควรจะได้เป็นผู้แทน ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกกรุงเปียงยาง (เมืองหลวงเกาหลีเหนือ) หรือคาราคัส (เมืองหลวงเวเนซูเอลา) หรือบางทีฮาวานา (เมืองหลวงคิวบา) ซึ่งเธอสามารถจะร่วมวงกับลัทธิราอูล หรือดีกว่าคือ 'เมืองซูเคร' หรือ'กรุงลาปาซ'ซึ่งเธอสามารถสวมชุดพื้นเมืองเพื่อเต้นรำร่วมกับนายอีโว โมลาเรซ (ผู้นำโบลิเวีย) ได้

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ผมยังคงตั้งความหวังกับกรุงเทพ เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ผู้ใช้สิทธิกลุ่ม'ฉลาด'และคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นพลังเงียบแท้จริง จะเลือกคนที่เอื้อต่อการเติบโตและความก้าวหน้า มากกว่าเลือกการปฎิเสธ และการถดถอย การตั้งความหวังที่สูงกว่าหมายถึงการเลือกใครบางคนที่เข้าใจว่า การเป็นเอ็นจีโอฝ่ายซ้ายที่ต้องการกระจายรายได้ด้วยการล้มเศรษฐกิจทุนนิยม จะไม่มีวันสร้างผลประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภค และผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (2 มีนาคม 2551) ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ยังมีที่ว่างของการปรับปรุงแก้ไขที่จะต้องเกิดขึ้นบนฐานความรู้สึกของผู้ใช้ สิทธิกทม.

**************************
บทความของ'นางรสนา โตสิตระกูล'
ม.ล.ณัฏฐกร เทวกุล,'ใครล้อใครเล่น'?

Imageชาวกรุงเทพส่วนใหญ่สนับสนุนประชาธิปไตยสายกลางและเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขารักความยุติธรรมและเกลียดการคอรัปชั่น, การผูกขาดที่ไม่ยุติธรรม และพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป หรือทำให้พวกเขาเป็น'พวกซ้าย'เหมือนที่คุณอ้าง มีคนเดียวที่จะมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องซ้ายได้ก็คือพวกขวาจัด

ชาวกรุงเทพรู้ว่า ดิฉันไม่ได้ต่อต้านเศรษฐกิจตลาดเสรีที่เป็นธรรม แต่สิ่งที่พวกเขาและดิฉันไม่อาจทนได้ก็คือ ธรรมาธิบาลที่แย่และข้อตกลงแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีเบื้องหลังซ่อนเร้น

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีมูลค่าสูงถึง 3.8 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลกลับพยายามขายมันทางตลาดหุ้นด้วยมูลค่าหุ้นเพียง 20,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ถูกขึ้นบัญชีเข้าตลาดหุ้นอย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะมีการเสนอขายต่อสาธารณะ รัฐบาลได้ผ่านมติให้ท่อก๊าซสามารถยับยั้ง และให้มีการตั้งหน่วยงานกำกับดูแลขึ้นมา เพื่อช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค หนึ่งปีต่อมา รัฐบาลทักษิณกลับยกเลิกมติดังกล่าว และให้บริษัทปตท.ได้สิทธิในสิ่งที่ควรจะเป็นทรัพย์สินของชาติ นักลงทุนที่มีใจเป็นธรรมจะเห็นด้วยว่า นี่เป็นรูปแบบของการปล้น ในการต่อสู้กับคดีคอรัปชั่นเชิงนโยบายเหล่านี้ ดิฉันไม่เคยใช้การชุมนุมบนท้องถนน แต่ใช้การพึ่งอำนาจศาลเพื่อตัดสินสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมตามกฎหมาย ดิฉันขอถามคุณบ้าง ในฐานะประชาชนที่เสียภาษี ความพยายามที่อ้างเอาทรัพย์สินของประชาชน มันทำลายฐานของเศรษฐกิจหรือไม่ หรือมันได้ซึมซับเข้าใจถึงธรรมาภิบาลอันดี กฎเกณฑ์ทางกฎหมาย และความมั่นคงในระยะยาวหรือเปล่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายธนาคารที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งบอกว่า เมืองไทยไม่ใช่แค่ตลาดหุ้น และอนาคตของประเทศก็ไม่ได้พึ่งแต่เฉพาะตัวเลขจีดีพี คุณพ่อของคุณเอง ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ยังได้ฝากมุมมองถึงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังไว้เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2549 ว่า 'ตลาดเสรีที่ปราศจากความพอเพียงจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ คนที่ทำตามทฤษฎีตะวันตก และมองว่าหลักการความพอเพียงเป็นสิ่งคุกคามต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นั่นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตรงกันข้าม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะถูกใช้เป็นเครื่องสร้างความสมดุลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างความพอเพียง และรับประกันว่าความผาสุกของผู้คนและสิ่งแวดล้อมจะได้รับการคุ้มครอง

นี่เป็นสิ่งที่คล้ายกับจุดยืนทางเศรษฐกิจของดิฉัน จริง ๆ ดิฉันมีมุมมองเหมือนดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติผู้ล่วงลับ ที่ปรารถนาจะเห็นกลไกของทุนนิยมตลาดเสรี เดินไปพร้อมกับความพยายามอย่างจริงจังในการกระจายความมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อให้ประโยชน์แก่ประชากรกว่า 70% ที่ยังคงยากจน

นี่เป็นวิถีคิดแบบเปียงยางหรือฮานาวาที่คุณประณามดิฉันหรือเปล่า? ประเทศอื่น ๆ ล้วนมีระบบเศรษฐกิจของตัวเอง ดิฉันต้องสารภาพว่า ไม่ค่อยรู้รายละเอียดลึกมากมาย หรือรู้ว่าพวกเขาพัฒนาเศรษฐกิจกันอย่างไร แต่เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นอย่างดูถูก เราควรจะบ่มเพาะทัศนคติของการใช้ขันติ เพื่อให้เราสามารถยอมรับความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม และมันไม่สำคัญว่า จุดยืนของดิฉันจะเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ แต่ดิฉันเชื่อว่าจุดยืนของดิฉัน สอดคล้องกับของคนกรุงเทพที่ใช้สิทธิเลือกดิฉัน

คุณเป็นคนหนุ่มมีการศึกษาดี หากคุณพยายามมองสิ่งอื่น ๆ จากมุมมองของคนอื่นแล้ว คุณก็อาจจะเข้าใจคนกรุงเทพยุคใหม่ดีขึ้น และมันจะดีกว่าการที่คุณต้องรู้สึกหดหู่กับการเมือง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณดูถูกดิฉันในคอลัมน์ของคุณ และแน่นอน ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงด้วยการฟ้องหมิ่นประมาทคุณ แต่ในฐานะคนไทยที่ถูกเติบโตกับมาวัฒนธรรมขงจื้อ ดิฉันเคารพในบรรพบุรุษของคุณ ซึ่งเคยเป็นหัวหอกของกลุ่มบุคคลหัวแถวของประเทศที่พยายามจะปลดปล่อยประเทศสยามจากสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ถูกใช้โดยมหาอำนาจล่าอาณานิคม ที่ต้องการจะควบคุมเศรษฐกิจไทยและระบบตุลาการตลอดยุคสมัยของรัชกาลที่ 5, 6 และรัชกาลที่ 7 ดังนั้น ดิฉันจะระงับการกระทำใด ๆ ที่จะสร้างความผลกระทบแก่ครอบครัวที่มีชื่อเสียง ที่ทำประโยชน์อย่างมากแก่ประเทศไทย

ดิฉันอยากจะแนะนำให้คุณคิดให้ลึกซึ้ง และปรึกษาคนให้เยอะ ๆ ก่อนจะแสดงความคิดเห็นออกมา โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้แสดงการดูถูกต่อการตัดสินของศาลปกครอง, การใช้สิทธิของเพื่อนชาวกรุงเทพของคุณและประชาชนของประเทศอื่น ในฐานะตัวดิฉันเอง หลังจากที่เคยทำงานให้แก่สาธารณะมากว่า 30 ปี ดิฉันได้บรรลุแล้วซึ่งตำแหน่งที่มั่นคงทางสังคม และมีความอดทนที่รับฟังความเห็นที่คุณเขียนออกมา

//thaiinsider.info/portal/content/view/6969/59/


Create Date : 14 มีนาคม 2551
Last Update : 14 มีนาคม 2551 0:30:26 น. 12 comments
Counter : 612 Pageviews.

 
เนื้อหายาวมากกกก ถึงมากที่สุดดดดดด
ตาลาย
แต่สะใจดี ชอบความใจกล้าของคุณปลื้ม ด่าได้ถึงใจ




โดย: CindyD วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:0:46:35 น.  

 
มุมมองที่เกิดจากทัศฯคติส่วนตัว ทำให้การเลือกข้างที่จะฝักฝ่ายยากจิงๆ เหนื่อยจิงๆ


โดย: เงี้ยว IP: 58.9.136.224 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:1:12:22 น.  

 
ก็ได้อ่านแล้วก็ไม่กล้าวิพากวิจารณือะไรเลยกลัวโดน ฟ้อง


โดย: nut IP: 119.42.66.213 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:1:29:21 น.  

 
ถ้าจะเป็นคนดีโดยแยกเรื่องส่วนตัว ออกจากเรื่องส่วนรวม ผมว่าเป็นตรรกะขี้หมา.. และ ผมไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียว ที่จะคิดว่าเรื่องส่วนตัว แยกออกไปจากเรื่องส่วนรวมได้...นี่แหละเรามักฉลาดโดยส่วนตัว.. แต่เรามักโง่โดยส่วนรวม..
คำพูดเรื่องความยุติธรรมนั้น จะมีน้ำหนักพอ เมื่อคนพูดอยู่ในสถานะที่เหมาะสม ความได้เปรียบ เสียเปรียบบางทีอยู่ที่สถานะของคนพูด ไม่ใช่อยู่ที่คำพูด ของผู้พูด
ความยุติธรรมที่แท้จริง สำหรับผม คือการอนุญาตให้คนอื่นมองคุณว่าเป็นคนเลวได้..
และอย่าเดือดร้อนให้มาก.. แค่นั้นเอง


โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:3:37:01 น.  

 
ขยายความจากความเห็นที่ 4 เพิ่มเติม
ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง ควรยอมรับให้ได้ว่า
เรามีรายรับ และรายจ่าย
โปรดอย่าคิดแต่จะรับอย่างเดียว โดยไม่ต้องการที่จะจ่าย

เวลาคุณเดินทาง ไปห้าง หรือไปไหนต่อไหน ในกรุงเทพฯก็แล้วแต่ ในกรุงเทพฯ
ถ้าคุณเจอคนเยอะๆ รถเยอะๆ บนท้องถนน ที่ต้องแข่งกันไป
ถ้าคุณนึกจะด่า พวกเขาว่า "พวกxx มาทำxxอะไรว่ะ"
ก็เปิดโอกาสให้เขาได้ด่า คุณได้ว่า
"แล้วxxล่ะ มาทำxxอะไร"

ดังนั้น สำหรับผม คนที่พยายาม จะดีเท่าไหร่ ก็มักเลวได้เท่านั้น..


โดย: เนื่อง มาจากเหตุ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:3:49:02 น.  

 
เปลี่ยนจากคุณปลื้ม เป็นไอ้ปลื้มแทนละกัน ไอ้ขี้เก๊กคิดแต่ว่าตัวเองเก่ง ฉลาดอยู่คนเดียวหรือไง มาด่าคุณกรุงว่าไม่ฉลาด ไปตายซะไอ้ปลื้ม


โดย: ไอ้มืด IP: 203.170.150.235 วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:11:43:16 น.  

 
พวกกราก


โดย: gear38 IP: 202.28.27.6 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:16:24:06 น.  

 
นอกจากความคิดจะตื้นแล้วยังโง่อีกด้วย สงสารพ่อคุณจังเลยคุณปลื้ม


โดย: ไม่ปลื้มเลย IP: 117.121.208.2 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:12:33:11 น.  

 
^
^
สงสารพ่อตัวเองเถอะ .... ที่มีลูกแบบคุณ


โดย: ไม่เอาพันธมาร IP: 58.136.127.14 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:9:58:32 น.  

 
สงสารพวกคุณจังเลย ครั่งไคร้ทรราช ถ้าบริสุทธิ์จริง หนีไปอังกฤษทำไม
ถ้าได้รับตัดสินที่ไม่ได้เข้าข้างตนเองและพวกพ้อง ก็ว่าตัดสินไม่ยุติธรรม
มีแต่อันตพาลขี้เมาทั้งนั้น


โดย: เวรกำมันตามทัน IP: 58.8.93.102 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:19:22:56 น.  

 
สุดปลื้มจริง ๆ กับความเป็นตัวตนของคุณปลื้ม นักประชาธิปไตยตัวจริง


โดย: คนรักชาติ IP: 117.47.129.241 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:16:17:43 น.  

 
ชอบคุณปลื้ม


โดย: บาส IP: 124.121.174.223 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:11:00:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.