ปิดฝาโลงเนชั่น เปิดสัมพันธ์แก๊งหยุ่นเปรมมาร์ค
สงขลาคอนเน็คชั่น - พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยเชียร์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไว้ว่า เป็นโชคดีของคนไทยที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงก็คงใช่ โดยเฉพาะคนไทย ชาวสงขลาบ้านเดียวกับเปรมที่ชื่อว่าสุทธิชัย หยุ่น
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 4 พฤศจิกายน 2552
องครักษ์พิทักษ์เปรม ล่าสุดแก้ต่างให้กรณีสัมพันธ์ล้ำลึกหนุ่มเสก
กล่าวกันว่าคนปักษ์ใต้นั้นรักพวกรักพ้องในปริมาณและคุณภาพที่สูงกว่าคนในภูมิภาค อื่นๆ และว่ากันอีกว่าในบรรดาคนปักษ์ใต้ที่รักพวกรักพ้องมากนั้น คนสงขลารักพวกพ้องมากสุดๆ และในบรรดาคนสงขลาที่รักพวกพ้องสุดๆนั้น คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์นั้น เป็นที่สุดของที่สุดในด้านนี้
ในวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนนั้น สุทธิชัยมักสั่งสอนคนข่าวเครือเนชั่นว่า คนที่เป็น"บุคคลสาธารณะ"นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ โดยไม่มีข้อยกเว้น...แต่สุทธิชัยก็มักยกเว้นให้พลเอกเปรมเสมอ
ไม่เพียงยกเว้นให้ แต่ในทุกโอกาสที่อำนวยให้ สุทธิชัยจะทำหน้าที่เป็นองครักษ์ให้พลเอกเปรมโดยตลอดเช่นกัน
ซึ่งก็รวมทั้ง"ข่าวร่ำลือ"มานานหลายทศวรรษเรื่องความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาของ"เปรมVSหนุ่มเสก"
เมื่อไวๆนี้สุทธิชัย หยุ่นเพิ่งเขียนลงบล็อกของเขา เมื่อ 30 พฤษภาคม 2552 เพื่อแก้ต่างให้กับเปรม โดยยกบทสัมภาษณ์ที่ไทยโพสต์ตีพิมพ์สัมภาษณ์"หนุ่มเสก"เสกสรร ชัยเจริญ ที่ตกเป็นขี้ปากของคนมาตลอดว่าสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ"ป๋าเปรม"
เปิดใจเป็นครั้งแรกเมื่อ "หนุ่มเสก" หรือ "เสกสรร ชัยเจริญ" อดีตนักร้องชื่อดังเปิดเผยให้ "ไทยโพสต์" ทราบถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "ป๋า" พลเอกเปรม ติณสูลานนท์...6 ปีแล้วที่ไม่ได้พบ "ป๋า" ทรมานใจ และรักเหมือนพ่อ
ตอนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์ที่ "หนุ่มเสก" บอกอนุญาตให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ตีพิมพ์คือ
"ถ้ากล้าถาม ก็กล้าตอบ และยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เอ้า...พูดตรง ๆ เลยว่า แค่หอมแก้ม เพราะผมเคารพรักท่าน ท่านก็เหมือนพ่อ ผมรักท่านเหมือนพ่อ ท่านเป็นผู้มีพระคุณ...6 ปีแล้วที่ไม่ได้พบป๋า...มีคนพยายามกีดกันไม่ให้พบ..."
เชิดชูครูเปรมเอาใจเต็มพิกัด
อาจจะเป็นเพราะมีหนังสือเกี่ยวกับพลเอกเปรมในทำนองเชิดชูยกย่องไปเยอะแล้ว สุทธิชัยก็เลยพิมพ์หนังสือ"ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ"ที่พลเอกเปรมบอกว่ารักเคารพเหมือนพ่อเพื่อเอาอกเอาใจเปรม
หนังสือ เล่มนี้จัดพิมพ์ในนามของสำนักพิมพ์เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด มหาชน ของสุทธิชัย ซึ่งนับเป็นกรณีพิเศษ เพราะปกติสุทธิชัยมีสำนักพิมพ์อยู่แล้วคือสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ แต่คราวนี้พิมพ์ในนามบริษัทมหาชนเสียเลย
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกและวางขายในเดือนตุลาคม 2549 พูดง่ายๆว่าหลังรัฐประหารยึดอำนาจ19กันยายน 2549เพียงไม่กี่วัน
พลเอกเปรม ได้เขียนคำนิยมในหนังสือ "ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ "ตอนหนึ่งไว้ ว่า....."สำหรับผม ครูเคล้าเป็นมากกว่าครู ครูเคล้าเป็น "ทั้งครูและพ่อผมในเวลาเดียวกัน"
"ครา ใดที่ครูเคล้ามองผม ผมจะมองเห็นแววตาแห่งความรัก ความเมตตาความห่วงอาทรของครูเคล้าเสมอ คราใดที่สั่งสอนผม ผมจะได้ยินคำสั่งสอนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี ห่วงใย และบริสุทธิ์ เหมือนพ่อสั่งสอนลูก ผมจึงรักครูเคล้ามาก และจากสายตาและคำพูด ผมรู้ว่า ครูเคล้าก็รักผมมาก"
ครูเคล้าเป็นครูประจำโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดเปรม ซึ่งเปรมบอกว่า เป็น"ครูผู้มีส่วนสำคัญสำหรับชีวิตผม ทำให้ผมเป็นผมจนถึงทุกวันนี้"
หลังรัฐประหาร19กันยายน2549 สุทธิชัยหยุ่นได้เวลาเข้าไปทำรายการทางฟรีทีวีแทบทุกช่องคือ 3 5 9 11 ส่วนTPBSเทพชัย หย่อง น้องชายเข้าไปทำ และกลายเป็น"จุดเด่น"สำคัญให้เขานำมาเป็นข้อมูลชี้ชวนขายหุ้นจองNBCในช่วง นี้
ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานใดๆว่าเปรมเป็นผู้ดลบันดาลรายการฟรีทีวีต่างๆให้สุทธิชัยเนชั่น หรือไม่ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ต้องมีหลักฐานใด แต่คนที่ยังมี"สามัญสำนึก"ไม่บกพร่องก็เชื่อมโยง และสรุปฟันธงไม่ยากนัก
เป็นขาใหญ่วงการสื่อเคลียร์ให้นักข่าวสยบรัฐประหาร19กันยา
หลังเกิดการรัฐประหาร19กันยายนใหม่ๆ ทางเปรมและคณะรัฐประหารอยากตอบแทนสื่อที่ช่วยกันโค่นล้มทักษิณ จึงยื่นข้อเสนอให้ตัวแทนสมาคมสื่อ3สมาคมเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิจิบัญญัติแห่ง ชาติ(สนช.)
ตัวแทนสมาคมสื่อตอนนั้นมี
-ภัทระ คำพิทักษ์ จากโพสต์ทูเดย์ เป็นนายกสมาคมนักข่าวฯ -ตัวแทนสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีบัญญัติ ทัศนียเวศ เป็นประธานสภา -ตัวแทนของสมาคมนักข่าวโทรทัศน์วิทยุ มีสมชาย แสวงการ เป็นนายก
เรื่องไม่ได้ง่ายนัก เพราะนักข่าวภาคสนาม53คน ส่วนใหญ่เป็นนักข่าวสายประจำรัฐสภา และเป็นคนข่าวค่ายเนชั่นซะเยอะ แสดงความไม่เห็นด้วย ทั้งล่ารายชื่อคัดค้านอยากให้ตัวแทนสมาคมถอนตัว เพราะไม่อยากให้เกิดconflict of interst หรือเป็นภาพน่าเกลียดว่าสื่อโค่นทักษิณสำเร็จแล้วมารับรางวัลจากคณะรัฐ ประหาร
ผู้ใช้นามแฝง"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"เขียนถึงฉากตอนนี้ใน บทความชุด"ลากไส้สื่อเห้"อันลือลั่นของเขาไว้ว่า...คือโดยปกติอาชีพสื่อนี่ ไม่เคยนะครับที่จะร่วมมือกับฝ่ายอำนาจฝ่ายการเมืองกันแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวแทนสื่อแล้วแม่งน่าเกลียด ก็ถึงขั้นที่ว่ามีการเขียนในข้อกำหนดว่าห้ามนักข่าวไปดำรงตำแหน่งการเมือง
แต่ไอ้เหี้ยนายกสมาคมนักข่าวนี่เสือกหน้าด้านอยากเป็นขึ้นมา แต่จะเป็นคนเดียวแม่งก็จะน่าเกลียด เลยทำฟอร์มว่าขอไปปรึกษาพรรคพวกหน่อยนะท่านบัง เสร็จก็มาล็อบบี้นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ คือไอ้เอ๋สมชาย แล้วก็เจ๊หยัดตอนนั้นเจ๊เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ไอ้เหี้ยนี่ก็ไปโน้มน้าวว่า ตอนทักษิณนี่พวกเราโดน"คุกคามสื่อ"เยอะ มาตอนคมช.ปฏิวัติก็บอกให้พวกเราใช้วิจารณญาณห้ามออกข่าวเหลี่ยมเด็ดขาด หากใครฝืนออกบังมันจะมาใช้วิจารณญาณแทนพวกเราคือสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ
นี่บังเขาก็มีไมตรีเชิญไปเป็นสนช. ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าไปปกป้องไม่ให้คุกคามสื่อ เพราะมันมีกฎหมายเยอะแยะ อย่างน้อยพวกเราก็จะได้ท้วงหากกฎหมายไหนออกมาคุกคามสื่อ....(ดูมันตอแหล!)
เจ๊ หยัด(บัญญัติ ทัศนียเวช)วงการรุ่นหลังเขาเรียกป้าหยัด แต่ผมเรียกเจ๊หยัดก็บอกว่าชั้นไม่เอาด้วยหรอก สื่อที่ไหนเคยไปเป็นตำแหน่งการเมืองแบบนี้ มันมีconflict of interest เธอว่าไงเอ๋?(หันมาถามสมชาย นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์) ไอ้เอ๋แม่งแสบครับ แทนที่จะค้านเหมือนเจ๊หยัด ดันข้างๆคูๆเข้าข้างไอ้ภัทระ เลยเสร็จโจร...
เจ๊หยัดก็ตกกระไดพลอยโจร คือหากจะเป็นก็ต้องเป็นทั้ง3สมาคม หากเจ๊หยัดถอน ไอ้2ตัวนั่นอดแดกไปด้วย แกก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กรุ่นหลัง ก็เอาวะเป็นก็เป็น แต่อย่าทำให้น่าเกลียดก็แล้ว ต้องอธิบายสังคมให้ได้
สรุปแม่งก็กลับไปหาบังว่า บังครับที่บังเชิญผมเป็นสนช.นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผมสมาคมสื่อมี3สมาคมไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้ บังก็กัดฟันยกให้สามต้องไปตัดโควต้าเด็กเส้นเด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปอะไรมันก็โล่ง ทำชั่วก็ผ่อนเบา ทำดีแม่งก็ตีปี๊บเชียร์ ปากกาอยู่ในมือพวกมัน...
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้ยซะทีเดียวหรอก...
ความที่มันกระสันก็ดันไปปล่อยข่าวไปทั่วว่า กูจะได้เป็นสนช.กินเงินเดือนแสนสองโว้ย เรื่องมันก็หึ่งออกไป พวกนักข่าวสนามแถวใต้ถุนสภาก็เฮ้ย!นายกสมาคมกูเหี้ยแล้วมั๊ยสัดด ดันมารับใช้ทหารที่ปฏิวัติเข้าไปนั่งในสภาซะเอง แล้วงี้สื่อก็โดนด่าสิว่าตกลงพวกมึงจะเป็นเหี้ยอะไรแน่ระหว่างสื่อกับนักการ เมือง จะเป็นสื่อหรือเป็นเบ๊คณะปฏิวัติ.....
ไอ้พวกนี้ก็รวมหัวกัน เขียนหนังสือหางว่าวส่งไปต่อต้านว่า พวกกรูไม่เห็นด้วยที่นายกสมาคมจะไปเป็นสนช. ให้พวกมึงถอนตัวก่อนจะเสียหายวงการ
ไอ้ภัทระก็นะ คนมันเงี่ยนได้ที่หงี่เต็มพิกัด ก็วิ่งหาผู้ใหญ่ในวงการสื่อ เพราะมันเป็นนายกสมาคม แต่เด็กนักข่าวในสนามก่อกบฎเข้าให้แล้ว(ก็มันเหี้ย เขาก็ต้องก่อกบฎ)
ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือหยุ่นเนชั่น แล้ว ก็พี่มานิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจากไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียกไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามมากินข้าวเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วนไอ้ภัทระก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ
แล้วก็มันจะเหลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่าเป็นกรรมการกลางอย่างหยุ่นเนชั่นก็รู้อยู่ว่ามันเกลียดเหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19กันยาฯนี่บังก็แค่นอมินีของป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับหยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจป๋า หยุ่นแม่งก็โน้มน้าวโน่นนี่สารพัด สรุปฟันธงว่าพวกมึงนายก3สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดด
ไอ้พวกนักข่าวสนามก็ใบ้แดก เพราะไอ้พวกที่ลงชื่อในบัญชีหางว่าวต่อต้านในงานนี้นี่..ก็ลูกน้องกินเงิน เดือนหยุ่นซะเยอะ มันก็ไปไม่ถูก เลยบอกงั้นเอางี้ ให้พวกนายกสมาคม3ตัวนี่ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมสื่อซะ แล้วก็จะไปเป็นอะไรก็ไป หากไม่ลาออกแล้วถ่างขาควบ2เก้าอี้นี่อย่าเลย พวกกูอายหมามัน....
สรุปพวกนายก3สมาคมยอมลาออกจากตำแหน่งสมาคมสื่อ ไปเป็นสนช.เงินเดือนคนละแสนสอง สุทธิชัยก็คาบข่าวไปบอกใครบางคนว่า
"ผมเคลียร์พวกสื่อกบฎจบแล้วครับป๋า..."
เปรมกับสื่อโล้นโยนมุกรับมุกกันสนุก ปากมันภาษีกลายเป็นค่าโฆษณา เชิดชูเผด็จการระรานเสื้อแดง
นอกจากเปรมจะประเคนฟรีทีวีให้หยุ่นเป็นรางวัล และเป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายเผด็จการ คอยระรานดิสเครดิตกระทืบฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ก็ยังมีลูกเล่นมีน้ำจิ้มมีชุดใหญ่ประเคนให้หยุ่นตามมาอีกเพียบ
ก็อย่างเช่นโทรทัศน์เนชั่นแชนัลของนายสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งอาศัยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลเอกเปรมมักจะคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสด รายการที่อภิสิทธิ์ไปเกาะโพเดียมพูดทุกนัด ยังกับหวยล็อกไว้ ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ถ่ายทอดสดฟรี แต่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่าคนจ่ายคือรัฐบาลอภิสิทธิ์(แน่นอนอีกทีคือมาจากภาษีประชาชน) หลายครั้งทางเนชั่นก็เป็นคนครีเอตeventพวกนี้ขึ้นมากับมือ
จะบอกว่า น้ำขึ้นให้รีบตักก็ได้ แต่เอาให้ตรงกว่าก็คือทำเหมือนตายอดตายอยากมานาน พอโค่นรัฐบาลประชาชนเลือกตั้งมาได้ และเอาพวกตัวเองขึ้นได้ ก็มูมมามสวาปามกันเต็มพิกัด จนเข้าข่ายน่าเกลียด พรรคพวกวงการสื่อ และพวกเอเยนซี่ร้องเซ็งกันเป็นแถว เพราะยุคนี้อะไรๆก็ต้องประเคนให้เนชั่น...โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ
ส่วนเปรมจะปรากฎตัวไปงานทำนองนี้ไม่บ่อยนัก แต่งานประจำที่ต้องไปคืองานของสปอนเซอร์พันธมิตรรายสำคัญ คืองานแฟร์ประจำปีของเครือสหพัฒน์
แน่นอนอยู่แล้วว่าเนชั่นแชนัลได้สิทธิในการถ่ายทอดสดงานสหกรุ๊ปแฟร์ โดยพิธีกรคู่หูกนก-ธีระ กล่าวถึงพลเอกเปรมว่า"ฯพณฯท่านพลเอกเปรม"ทุกคำ ตรงข้ามตอนพูดถึงอดีตนายกฯทักษิณ สองคนนี้จะพูดแค่"ทักษิณ"เฉยๆ หรือบางทีก็เรียกแบบยาวๆว่า"นักโทษชายทักษิณที่อยู่ระหว่างหนีคดี"
ก่อนการถ่ายทอดสดประจำปีนี้จะเริ่มขึ้นนั้น ก็มีบทวิเคราะห์ของสุทธิชัยออกทางเนชั่นแชนัลเรื่อง"แผนตากสิน2"โดยอ้างตามสูตรว่าหากมีแผนนี้จริงๆทักษิณต้องเป็นคนรับผิดชอบ
พอเปรมไปปรากฎตัวที่งานสพัฒน์ก็ปรากฎว่าให้สัมภาษณ์นักข่าวเรื่องแผนตากสิน 2เป็นตุเป็นตะ แต่พูดราวกับก๊อปปี้มาจากสุทธิชัย ยังไงยังงั้น
โบรกใหญ่ฟันธงไม่แนะนำจองซ้อหุ้นNBC
ด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ใหญ่แห่งหนึ่งจึงให้ความเห็น"ไม่ แนะนำให้จองซื้อหุ้นใหม่NBC"เนื่องจากแม้สายสัมพันธ์ทางการเมืองของเนชั่นจะ แนบแน่นกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ และพลเอกเปรม จนได้เวลาทำฟรีทีวีแทบทุกช่อง และได้โฆษณาจากรัฐบาลจนพลิกสถานการณ์ให้เนชั่นบรอดแคสติ้ง(NBC)จากมียอดขาด ทุนสะสมบักโกรกมามีกำไร
แต่ในด้านกลับกันก็เป็นจุดอ่อนของ เครือเนชั่น เพราะหากเปรมกับอภิสิทธิ์หมดอำนาจไป ก็ไม่วายถูกฝ่ายประชาธิปไตยที่อยู่ตรงข้ามเช็คบิล แน่นอน!
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งให้รับหุ้นสามัญของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) - NBCเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป
เนชั่นสิ้นท่าต้องแบกรับหุ้นจองNBCไว้เอง "จึงรุ่งเรืองกิจ"เข็ดเขี้ยวไม่จองซักหุ้น
ทั้งนี้แม้ผู้บริหารNBCจะอ้างว่ามีคนจองซื้อจนล้น จนหุ้นไม่พอจะขาย แต่ความจริงที่โกหกไม่ได้ก็คือตัวเลขจำนวนและสัดส่วนการถือครองหุ้นภายหลัง การกระจายหุ้นสู่มหาชนแล้ว(ดูลิ้งค์ข่าวตลาดหลักทรัพย์) ปรากฎว่าบริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป-NMGซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้องแบกรับไว้เองถึง105ล้านหุ้น(ก่อนกระจายNMGถืออยู่120ล้านหุ้น) ประการสำคัญที่สุดคือผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมของNMGคือตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจไม่จองซื้อหุ้นNBCแม้แต่หุ้นเดียว เพราะเข็ดเขี้ยวกับความไม่ตรงไปตรงมาของผู้บริหารเนชั่นที่นำโดยสุทธิชัย หยุ่น
หุ้นบริษัทแม่ร่วงทันที8%หลังรู้ข่าวร้ายขายหุ้นจองNBCไม่ออก
หลังการแจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ ยังผลให้หุ้นบริษัทแม่คือNMGร่วงลง8.33%เมื่อตอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 9 พ.ย. สวนทิศทางกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นเกือบ15จุด หรือ2.13% โดยติดอันดับTOP10ของหุ้นที่ร่วงลงแรงที่สุดของวันนี้ คือร่วงลงแรงมากที่สุดเป็นอันดับที่6
รายชื่อผู้ถือหุ้นNBC หลังกระจายหุ้นต่อมหาชน ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552
ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว
1.บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป 104,999,940 61.76 2.นายทวีฉัตร จุฬางกูร 2,888,888 1.70 3.นางมยุรี สุขศรีวงศ์ 1,885,882 1.11 4.นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ 1,808,034 1.06 5.นายณัฐพล จุฬางกูร 1,800,000 1.06 6.นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 1,622,228 0.95 7.นายนที พานิชชีวะ 1,500,000 0.88 8.นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล 1,100,000 0.65 9.น.ส.วันทนีย์ รุจิราวรรณกร 1,100,000 0.65 10.นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล 1,000,000 0.59 รวม 119,704,972 70.41
เป็นที่น่าสังเกตว่าการกระจายหุ้นNBCครั้งนี้ ทางเนชั่นหวังผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมของเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป หรือNMGมาจองซื้อเต็มที่ ถึงกับให้สิทธิ์ได้จองซื้อก่อนนักลงทุนทั่วไป แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจที่ถือหุ้นใหญ่อันดับ1ของNMG ไม่ใช้สิทธิ์จองหุ้นNBCแม้แต่หุ้นเดียว
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 17:07:54 น. |
|
9 comments
|
Counter : 611 Pageviews. |
|
|
|