ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
ฝันล่ม-อาณาจักรสลาย โมกุลดับชีพ

ระหว่างปี 2531 - 2537 เป็น 7 ปีทองของสนธิ ลิ้มทองกุล นักธุรกิจสิ่งพิมพ์ธรรมดาๆ คนหนึ่งในวงการหนังสือพิมพ์เมืองไทย ที่ถีบทะยานตัวเองขึ้นเป็นนักธุรกิจสื่อสารมวลชน ระดับภูมิภาค และระดับโลก ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของเพื่อนๆ ในวงการหนังสือพิมพ์ ว่าสนธิ ไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร เขาเจอกล่องมหัศจรรย์ หรือไปเจอประตูทะลุมิติ หรืออย่างไร จึงไปไกลถึงระดับโลก ทั้งๆ ที่ เพื่อนร่วมวงการจำนวนมาก อย่างดีก็ยังแค่เลื่องชื่อในขอบเขตประเทศไทยเท่านั้น

ในขณะเดียวกันนักธุรกิจสื่อสารมวลชนระดับโลก ต่างก็พากันให้ความสนใจกับ ปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล ว่านักธุรกิจไทยคนนี้เป็นใคร อยู่ดีๆ ก็พรวดพราดขึ้นมาท้าทายอิทธิพลของสื่อตะวัน ตกได้อย่างไร ไม่ใช่เพียงแค่ท้าทายธรรมดา แต่ยังกล่าวหาสื่อตะวันตกอย่างตรงไปตรงมาว่าเข้ามาครอบงำวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมเอเซีย

เท่านั้นไม่พอ สนธิ ลิ้มทองกุล ยังสถาปนาตัวเองเป็น โมกุลสื่อแห่งเอเซีย ที่ประกาศศักดายกพาพวกไปสู้รบ ขยายอาณาเขตไปยังดินแดนตะวันตก ไกลถึงฝั่งอเมริกา และยุโรป ด้วย

การขยายอาณาจักรธุรกิจสื่อสารมวลชนของสนธิ ลิ้มทองกุล ดำเนินไปอย่างดุดันและก้าวร้าว ซึ่งบ่งบอกถึงความทะเยอทะยาน และเป้าหมายที่เขาหวังครอบครอง คือการแย่งชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งของนักธุรกิจสื่อสารมวลชนของโลก

รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ผู้ครอบครองตำแหน่งราชันย์แห่งสื่อของโลก คือ เจ้าของตำแหน่งที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งเป้าจะช่วงชิง

กล่าวกันว่า กุญแจดอกแรกที่เปิดกล่องมหัศจรรย์ หรือ ประตูทะลุมิติให้แก่สนธิ ก็คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลาดหุ้น นั่นเอง

ส่วนต่างของราคาหุ้นแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ที่เรียกชื่อในวงการนักเลงหุ้นว่า MGR ที่ถูก "ปั่น" ถูกสร้างขึ้นไปจนเกินราคาจริงหลายเท่าตัว คือกำปั่นวิเศษของสนธิ ที่มีเงินไหลเข้ามา อย่างมากมายมหาศาล

ว่ากันว่า สนธิ ได้เงินจากการนำหุ้น MGR เข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งในขณะนั้นมีสภาพไม่แตกต่างจากบ่อนพนันขนาดใหญ่ ใครมือยาวสาวได้สาวเอา นับพันล้านบาท จากหุ้นราคาพาร์ 10 บาท ถูกสร้างราคาให้ขึ้นไปมากกว่า 300 บาท ด้วยทฤษฎีปลาใหญ่กินปลาเล็ก

เงินที่ได้มาจากการนำหุ้น MGR เข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้น ทำให้แมวอย่างสนธิกลายเป็นเสือที่ใครๆ ก็ต้องระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้ เพราะเขามีทั้งอำนาจเงิน และอำนาจปากกา ที่จะยกย่องให้ใครเป็นคนดี ก็เพียงแค่กระพริบตา ทำให้ใครเป็นคนชั่ว ก็เพียงแค่ขยับปาก โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น และโบรกเกอร์ ในสมัยนั้น ต่างต้องพึ่งพาสนธิ และสื่อในเครือผู้จัดการ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์บริษัทที่ดี ผู้บริหารที่เก่ง กันอย่างถ้วนหน้า

นักข่าวสายตลาดหุ้นของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ รายวัน ในยุคนั้น ยิ่งใหญ่มากถึงขนาดมีห้องนักข่าวส่วนตัว ที่ตึกสินธร ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของตลาดหุ้น ในขณะที่นักข่าวจากหนังสือพิมพ์อื่นๆ ต้องไปแออัดรวมกันอยู่ในห้องสื่อมวลชนรวมที่ตลาดหลักทรัพย์ จัดไว้ให้

ข้อมูล ข่าวตลาดหุ้น และการวิเคราะห์หุ้นของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ในห้วงเวลานั้น แม่นยำยิ่งกว่าบทวิเคราะห์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ใดๆ เชียร์ 5 ตัว ต้องมีเข้าเป้าถึง 4 ตัว อย่างน้อยๆ หรือเลวๆ ก็ต้องไม่น้อยกว่า 3 ตัว ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เป็นหนังสือพิมพ์อันดับหนึ่งของนักเลงหุ้น ในสมัยนั้น เพราะ อ่านแล้วรวย

แต่มีข้อพึงสังเกตประการหนึ่ง ก็คือ หุ้นหลายๆ ตัว ที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ รายวัน เชียร์ กว่าครึ่งเป็นหุ้นเก็งกำไร หรือที่เรียกขานกันในแวดวงว่าหุ้นปั่น ซึ่งหุ้นเหล่านั้น ขณะนี้นอนแน่นิ่งอยู่ในหมวดรีแฮปโก้ หรือ หุ้นที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เช่นเดียวกับหุ้น MGR ของสนธิ ลิ้มทองกุล นั่นเอง

ไม่มีข้อมูลหลักฐานใดๆ สาวไปถึงว่าสนธิ กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มีส่วนกับการทำราคาหุ้น หรือปั่นหุ้น ตัวใดตัวหนึ่ง ถึงขนาดที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่เป็นรับทราบกันในวงการว่า สนธิ ลิ้มทองกุล กับ สอง วัชรศรีโรจน์ อดีตเจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย ซึ่งเคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น คบหากันด้วยสัมพันธ์ลักษณะ น้ำ กับ เรือ เสือ กับ ป่า ที่ต้องพึ่งพาอัชฌาสัย ในฐานะ นักลงทุนที่มีอิทธิพลส่วนตัวในการชี้นำราคาหุ้น กับสื่อหนังสือพิมพ์ ที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ข่าวสาร และการตัดสินใจของลักเล่นหุ้น ได้

ข่าวหลายข่าว ข้อมูลหลายชิ้นของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ได้รับการยอมรับและชวนติดตามในหมู่นักเลงหุ้นรายย่อย ที่ด้อยโอกาสเข้าถึงข้อมูลอินไซด์ ก็เพราะความสัมพันธ์แบบน้ำ กับ เรือ เสือกับ ป่า ระหว่าง สนธิ ลิ้มทองกุล กับ สอง วัชรศรีโรจน์ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ระดับ มือเซียน อย่างสนธิ กับ ระดับเจ้าพ่อตลาดหุ้น อย่างสอง ย่อมรู้ดีว่าการคบหากันในลักษณะเปิดเผย ไม่ใช่สิ่งที่ประเสริฐนัก จักแต่ชักนำเภทภัยร้ายแรงมาให้เท่านั้น ทั้งสองคนจึงพึงพอใจความสัมพันธ์ในลักษณะต่างคนต่างอยู่ เกี่ยวพันร้อยรัดกันไว้เพียงผลประโยชน์ ที่ผ่านสื่อบุคคลคือ นักข่าวสายตลาดหุ้นของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน บางคน

กล่าวได้ว่า ทั้ง สนธิ กับ สอง จัดอยู่ในชั้นเซียน เหยียบหิมะไร้ร่องรอย จริงๆ ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน สักชิ้นเดียวว่าทั้งสองเกี่ยวพันกัน คงมีแต่คำร่ำลือในวงการหุ้นว่า ถ้า ผู้จัดการรายวัน ชี้หุ้นตัวไหน นั่นหมายถึงว่า สอง จะเข้าแล้ว (เข้า แปลว่าเข้าทำราคา)

โดยเฉพาะสนธิ นั้น เขามีประสบการณ์ในเรื่องตลาดหุ้นดี ตั้งแต่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของตึกดำ ที่รวบรวมนักธุรกิจรุ่นหนุ่ม เข้ามาเขย่าวงการธุรกิจ และวงการหุ้นไทย โดยมีสื่อสิ่งพิมพ์ ในมือพร สิทธิอำนวย เป็นเครื่องมือในเชิงกลยุทธ์ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ก่อนที่อาณาจักร ตึกดำ จะล่มสลายไป โดยทิ้งหนี้สินไว้ให้กับประชาชนผู้เล่นหุ้นรายย่อย ที่ถูกเรียกขานเป็นแมลงเม่า สิ้นเนื้อประดาตัว กันไปเป็นจำนวนมาก

วีรกรรมของคนตึกดำในยุคนั้น ถูกเล่าขานกันไม่รู้จบจวบจนถึงวันนี้ เป็นบาดแผลหนึ่งของระบบธุรกิจไทย เป็นรอยด่างดำรอยหนึ่งของวงการหุ้นไทย

ย้อนกลับมาถึงเงินจำนวนมหาศาลที่สนธิ สูบออกไปจากตลาดหุ้น ทั้งจากหุ้น MGR และหุ้นอื่นๆ อีกหลายตัว ด้วยชั้นเชิงแบบมือเซียน เขานำเงินจำนวนดังกล่าวไปทำธุรกิจแบบเงินต่อเงิน ซื้อบริษัทที่ง่อยเปลี้ยเสียขา เข้ามาอยู่ในมือ แล้วก็ปัดฝุ่นตบแต่งหน้าตา ประแป้ง แต่งบัญชีให้น่าดู น่าชม และน่าเชื่อ แล้วก็เพิ่มทุนเข้าไป ตีข่าวใหญ่ๆ ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ของตัวเอง เพื่อสร้างราคาให้กับหุ้นบริษัทนั้นๆ

เพียงแค่เท่านี้ หุ้นของบริษัทที่เคยง่อยเปลี้ยเสียขา ก็กลายเป็นหุ้นชั้นดี มีพี่เลี้ยงชั้นเยี่ยม ปล่อยเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง ก็ไม่มีใครยั้งราคาอยู่ เพราะมีเครือข่ายการทำราคาครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่ง กลุ่มนักเลงหุ้นที่พร้อมเข้าทำ กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ที่พร้อมจะชี้ เชียร์ ให้เชื่อ และซื้อ

หุ้นตัวอย่างที่ สนธิ ชอบยกขึ้นมาอ้างอิงบ่อยๆ ก็คือหุ้น IEC ซึ่งเขาซื้อมาถูกๆ จากเครือปูนซีเมนต์ไทย แล้วก็เอามาแต่งเนื้อแต่งตัวกันยกใหญ่ แล้วก็สร้างข่าวจนทำให้เป็นหุ้นที่ดี มีอนาคตไกล ดูดเงินจากนักเล่นหุ้นไปได้หลายพันล้านบาท แล้วก็จบลงด้วยการล่มสลาย

IEC ง่อยเปลี้ยเสียขา เหมือนเมื่อวันที่ได้มา เมื่อ IEC ถูก ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตรวจพบว่าปลอมมติผู้ถือหุ้น ไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับบริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของ IEC ซึ่งเป็นฐานบัญชาการธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของสนธิ

การค้ำประกันดังกล่าว ทำให้ IEC ต้องรับภาระหนี้เงินกู้ของเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นคดีความกันอยู่จนทุกวันนี้ โดยผู้อยู่เบื้องหลังการปลอมมติผู้ถือหุ้นของ IEC ไปค้ำประกันเงินกู้ให้เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล นั่นเอง และคดีนี้สนธิ ก็ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยเช่นกัน

ในวันที่รุ่งเรือง เฟื่องฟู สนธิ ลิ้มทองกุล ใช้เงินที่สูบออกจากกระเป๋าประชาชนทุกวิถีทาง ทั้งจากกลไกของตลาดหลักทรัพย์ ผ่านการซื้อขายหุ้น และกลไกสถาบันการเงิน ด้วยการกู้เงินจากบริษัทเงินทุน และธนาคาร ตลอดจนกองทุนต่างๆ ด้วยการนำใบหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไปสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง และใช้จ่ายอย่างเกินตัว เพียงเพื่อจะสนอง ตอบต่อเป้าหมายและความฝันของตัวเองให้ได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง และความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากว่าความฝันของเขาไม่บรรลุเป้าหมาย

อาณาจักรทางธุรกิจที่สนธิ สร้างขึ้น เต็มไปด้วยเครือข่ายโยงใยสลับซับซ้อนอย่างมาก เชื่อกันว่ามีเพียงสนธิ คนเดียวเท่านั้นที่จะอธิบายถึงความสัมพันธ์ของทุกธุรกิจ ได้ และหากใครได้ฟังแล้ว ก็จะตกอยู่ในอาการเหมือนถูกมนต์สะกด เทใจเชื่อแบบหมดเนื้อหมดตัว เหมือนที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายใหญ่ของสนธิ เชื่อ จนเป็นที่มาของหนี้เน่า หนี้เสียหลายพันล้านบาท ที่ธนาคารกสิกรไทย กำลังแก้ไขอยู่จนถึงทุกวันนี้ และ บริษัทเงินหลักทรัพย์ศรีมิตร (CMIC) ที่หลงเชื่อสนธิ และเป็นเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ของสนธิ จวบจนวันสุดท้ายของการดำเนินกิจการ ก็ยังคงเชื่อไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งนับเป็นอวสานที่น่าสมเพชยิ่งนัก

เฉพาะเครือข่ายอาณาจักรที่สังกัดอยู่ในเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด จำนวน 11 บริษัท ที่ลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีเงินทุนจดทะเบียนนับหมื่นล้านบาท เมื่อนับไปถึงเงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้สำหรับการดำเนินธุรกิจ ประมาณการได้ว่าต้องมีไม่น้อยกว่าหลักหมื่นล้านบาท

ยังไม่นับบริษัทอื่นๆ ที่สนธิ ทำในนามส่วนตัวอีกหลายสิบบริษัท ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และในต่างประเทศ โดย เฉพาะในลาว และ จีน ซึ่งเป็นฐานหลักทางธุรกิจของสนธิ ในเวลานั้น เพราะ สองประเทศนี้ ระบบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการเงินยังล้าสมัยมาก และยังรวมไปถึง เวอร์จิ้น ไอส์แลนด์ หรือ เกาะเคย์แมน แดนสวรรค์ ของนักฟอกเงิน

ประมาณการณ์คร่าวๆ เงินทุนที่สนธิ ลิ้มทองกุล ลงทุนและใช้ผ่านมือในห้วงเวลานั้น ต้องมีไม่น้อยกว่าสี่ถึงห้าหมื่นล้านบาท ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่กล้าคิดแย่งชิงตำแหน่งเจ้าพ่อสื่อของโลก มาจากรูเพิร์ต เมอร์ด็อก อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดยุทธภูมิ "เอเซียไทม์" และ "ลาวสตาร์" รวมทั้งฝันจะไปจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดแนสแดค ของอเมริกา

ในห้วงเวลานั้น ประเทศไทย เล็กเกินไปแล้วสำหรับ สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มีอะไรท้าทายความ สามารถของเขาอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาต้องการแล้วยังไม่ได้ ทั้ง อำนาจ เงินตรา บริวาร และ นารี

สนธิ ใช้เงินที่ได้มาด้วยวิธีการแบบของเขา ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ทั้ง ธุรกิจ บริวาร อำนาจการเมือง และ นารี

ในวันที่รองเรืองด้วยทรัพย์สินเงินทอง สนธิ เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาเคยให้เงินพรรคการเมืองหนึ่งไปถึง 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง แต่ต่อมาในภายหลังต้องผิดใจกัน เพราะหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น ไม่เชื่อฟังเขา ไม่ยอมถอนตัวออกจากรัฐบาล ตามที่เขาสั่ง

ในวันที่เรืองอำนาจ สนธิ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ด้วยการเสนอให้ใช้บ้านพีเค วิลล่า ถนนสุโขทัย ของเขา เป็นที่จัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา ไปถึงบ้านพีเค วิลล่า ปรากฏว่าแกนนำพรรคการเมือง ที่คาดว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้มารออยู่พร้อมหน้าแล้ว นายบรรหาร จึงได้แต่เล่นไปตามเกมที่มีการขีดเขียนบทไว้ล่วงหน้าแล้ว และแน่นอนว่าหนึ่งในผู้เขียนบท ย่อมต้องมีชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล รวมอยู่ด้วย ในฐานะเจ้าของบ้าน เจ้าของสถานที่จัดตั้งรัฐบาล

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สนธิ ลิ้มทองกุล สนใจ และใฝ่หาอำนาจการเมือง มานานแล้ว เพราะระดับเซียนอย่างสนธิ ที่ใช้อำนาจเป็น ย่อมรู้ดีว่าการมีอำนาจการเมืองอยู่ในมือ จะสามารถดลบันดาลได้ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา นั่นจึงทำให้สนธิ ว่ายเวียนอยู่ในแวดวงธุรกิจที่ล้ำเข้ามาในแดนการเมืองอยู่ตลอด เวลา นับแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้

ในวันที่เงินทองห้อมล้อมตัว สนธิ เคยเซ็นเช็คลงจำนวนเงิน 30 ล้านบาทให้กับดาราสาวคนหนึ่ง เพียงเพราะเขาต้องการได้เธอมาเป็นคู่นอนแบบชั่วคราว

การรุกทางธุรกิจอย่างดุดัน ก้าวร้าว และใช้เงินเป็นหัวหอกในการรบของสนธิ ในขณะนั้น ถูกเปรียบประหนึ่งจักพรรดิเจงกีสข่าน ยกไพร่พลและม้ารบ กรีฑาทัพไปตีหัวเมืองต่างๆ ทั่วแว่นแคว้นในเอเซีย และข้ามไปยังยุโรป ซึ่งเป็นการประเมินสถานการณ์ ประมาณการกำลังแห่งตนเองที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง จึงต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับและดับชีพในสมรภูมิ ที่ตัวเองสร้างขึ้นนั่นเอง

เฉกเช่นเดียวกับสนธิ ลิ้มทองกุล เขายกทัพบุกตะลุยเข้าไปในเกือบทุกประเทศของเอเซีย เท่านั้นไม่พอ ความมักใหญ่ใฝ่สูงที่เป็นพื้นฐานอันแท้แห่งจิตใจของเขา กำหนดให้เขามุ่งหน้าสู่ยุโรป และอเมริกา แล้วเขาก็มีสภาพไม่แตกต่างจากจักพรรดิเจงกีสข่าน คือ พ่ายแพ้ และตายคาสนามรบ เนื่องจากเป็น เขาเป็นโมกุลเทียม ที่สถาปนาตัวเอง มิใช่ โมกุลแท้ ที่ชาวโลกยกย่อง

ความไม่พร้อมของสนธิ ในขณะนั้น ถูกเปิดเผยขึ้นมาเมื่อเขาพ่ายแพ้สงคราม ประกอบด้วย ความไม่พร้อมด้านทุน เนื่องเพราะทุนที่สนธิ อวดอ้างว่ามีเยอะ มีมหาศาล เพียงพอต่อการรบพุ่งในสมรภูมิสื่อระดับโลก นั้น แท้จริงแล้ว เป็นทุนที่ระดมมาจากการเก็งกำไร และเงินกู้ระยะสั้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และความไม่พร้อมด้านเนื้อหา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจสื่อ สนธิ มีเกินพอสำหรับการทำสื่อในประเทศ แต่ยังมีไม่เพียงพอ สำหรับการทำสื่อระดับโลก

การพ่ายแพ้ของสนธิ ทำให้เขากลายเป็นอดีตไทคูน อดีตโมกุล ที่ถูกลบชื่อออกจากทำเนียบนักธุรกิจสื่อที่มีสีวัน น่าตื่นเต้นเร้าใจ ไปอย่างรวดเร็ว และต้องหวนกลับคืนสู่รากเหง้าที่แท้จริงของตัวเอง นั่นคือ การทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เพื่อเป็นฐานอำนาจ และเป็นหัวเชื้อเรียกหาความยิ่งใหญ่ในอดีตของตัวเองกลับคืนมาอีกครั้ง

ในห้วงเวลา 7 ปีทองของสนธิ ลิ้มทองกุล เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ มากกว่าอยู่ในประเทศไทย เนื่องเพราะความเชื่อในทฤษฎีโลกานุวัตร ที่ตัวเองสร้างขึ้น และพาให้ผู้คนทั้งประเทศหลงเชื่อตามไปด้วย จนได้รับบาดเจ็บเจียนตาย ทั้งเจ้าทฤษฎีและผู้ปฏิบัติตาม พากันเป็นหนี้สินรุงรัง กระทั่งมาหูตาสว่าง เมื่อได้รับฟังพระราชดำรัส "เศรษฐกิจพอเพียง" เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540

วิญญาณเสือตัวที่ 5 จึงถูกสะบัดออกจากร่างของสนธิ ลิ้มทองกุล ให้กลับกลายมาเป็นแมวไทยอีกครั้งหนึ่ง

สนธิ ก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมที่เกิดจากความผิดพลาดของเขาเอง โดยมีทฤษฎี "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นทางลง และคำอธิบายให้แก่ผู้คนทั้งหลายว่า เขาเปลี่ยนตัวเอง เพราะเขาคิดผิดทั้งหมด

"มันเป็นอดีต ตอนนี้ไม่ต้องการเลย เสียใจที่เคยคิดอย่างนั้น เพราะว่าเราทำความใหญ่ พิเศษในเรื่องเล็กๆ ได้ดีที่สุด สิ่งที่ทำไม่จำเป็นต้องใหญ่ ถึงมันจะเล็กขอให้มันใหญ่ในตัวมัน ใหญ่ในแง่คุณภาพมันก็ใหญ่" คือคำตอบของสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อถูกถามว่าเขากำลังทวงความยิ่งใหญ่ในอดีต กลับคืนมาหรือไม่ ในการขับเคลื่อนทัพ ชนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้

ถึงแม้ สนธิ จะยอมรับแล้วว่า ฝันของเขาได้สลายไปแล้ว อาณาจักรธุรกิจเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พังทลายลงแล้ว และโมกุลแห่งเอเซีย ได้ดับสิ้นไปแล้ว

แต่กลับมีการเกิดขึ้นของ อาณาจักรไทยเดย์ดอทคอม ขึ้นมาแทน และเขากำลังจะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ด้วยการออกตัวจากจุดสตาร์ท ในประเทศ อีกครั้งหนึ่ง

สนธิ คาดหวังที่จะมีผลงานการล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นประกาศนียบัตร เป็นใบเบิกทางการกลับคืนสู่วงการธุรกิจ ของเขา อีกครั้งหนึ่ง

จากหนังสือล้มแล้วรวย อีกด้านหนึ่งของสนธิ เล่ม 2


Create Date : 24 มีนาคม 2551
Last Update : 24 มีนาคม 2551 13:42:49 น. 1 comments
Counter : 556 Pageviews.

 
ทำไมหรอแล้วทำไมถึงรัก


โดย: เกอร์ IP: 58.8.136.197 วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:15:14:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.