Group Blog
 
All Blogs
 

ไปดิ้นเฉยๆ แล้วบาปตรงไหน?

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

คำถาม:

การไปเที่ยวดิสโก้เธค เที่ยวกลางคืน ทางพระพุทธศาสนาถือ ว่าเป็นบาปไหมครับ ?



คำตอบ:

การไปเที่ยวดิสโก้เธคถือว่าเป็นอบายมุขชนิดหนึ่ง คนที่ประพฤติอย่างนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความหายนะ เอาเถิดความประพฤติบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ไปยุ่งกับใคร กิน ๆ ดิ้น ๆ อยู่ในบ้านของเราเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ว่าคุณไปเต้นให้มันเป็นอะไรขึ้นมา จะบอกว่าไปดิ้น ๆ เฉย ๆ

หลวงพ่อ ว่ามันไม่เฉย ๆ หรอก กามมันกำเริบโดยคุณไม่รู้ตัว ตอนนั้นกามกำเริบนะ ไม่กำเริบดิ้นไม่ได้ คราวนี้เถียงไม่ขึ้นหรอก

กรณีนี้แม้จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น แค่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน พระพุทธศาสนาก็ถือว่าทำชั่วแล้ว ยิ่งไปเต้นไปร้องทำความรำคาญให้หนวกหูชาวบ้าน ไปยุ่งกับคนอื่น ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงว่าจะไปได้รับอันตรายหรือเปล่า ทำชั่วขนาดนี้จะบาปหรือไม่ล่ะ




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2554    
Last Update : 17 สิงหาคม 2554 16:44:47 น.
Counter : 2913 Pageviews.  

สร้างบุญอะไรดีกว่า ?

สำหรับผู้รักการสร้างบุญมักมีคำถามบ่อยๆ ว่า ทำอะไรได้บุญมากกว่ากัน ครั้นพอรู้ว่า ความดีนั้นได้บุญมากกว่าความดีนี้ บางท่านจึงกีดกันตนเองจากความดีประการที่เข้าใจว่าได้บุญน้อยกว่า เช่น ไม่ทำทานด้วยเหตุผลว่า สู้การรักษาศีลไม่ได้ หรือบอกว่า ทำไมต้องไปวัด เราอยู่ที่บ้านก็เจริญภาวนาได้ ซึ่งอันที่จริงความดีใดๆ ก็ดีทั้งสิ้นหากเราทำไปทุกๆบุญ ก็จะเกื้อหนุนส่งเสริมกันไปให้ถึงฝั่งได้ เปรียบเหมือน การเดินเรือข้ามฝั่งน้ำหากมีแต่เพียงเรือ ไม่มีพาย ก็ไปไม่ได้ แม้มีพายแต่ไม่มีเรี่ยวแรงพาย ก็ไปไม่ถึงฝั่งตรงข้าม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์สร้าบารมีอยู่ก็ทรงมีความสงสัยเช่นเดียวกันนี้ แต่เพราะทรงได้กัลยาณมิตรจึงทรงได้แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเนมิราช วันหนึ่ง
ทรงรักษาอุโบสถศีล ประทับนั่งขัดสมาธิอยู่บนปราสาทในปัจฉิมยาม ทรงเกิดความสงสัยขึ้นว่า ทานประเสริฐหรือพรหมจรรย์ประเสริฐกว่า พระโพธิสัตว์ไม่สามารถตัดความสงสัยของพระองค์ได้



ในขณะนั้น ภพของท้าวสักกะเกิดร้อนขึ้นมาท้าวสักกะทรงรำลึกถึงก็ทราบเหตุ ทรงเห็นพระโพธิสัตว์ทรงวิตกอยู่อย่างนั้น จึงทรงดำริว่า เราจะตัดความสงสัยของพระโพธิสัตว์จึงเสด็จมาประทับอยู่ข้างหน้า พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสถามว่า “ท่านเป็นใคร?” จึงทรงบอกว่า พระองค์เป็นเทวราช แล้วตรัสถามว่า “มหาราช พระองค์ทรงดำริถึงอะไร?” พระโพธิสัตว์จึงตรัสบอกความสงสัยนั้น ท้าวสักกะเมื่อจะทรงแสดงให้เห็นว่าพรหมจรรย์นั่นแหละประเสริฐที่สุด จึงตรัสชี้แจงว่า

บุคคลเกิดในตระกูลกษัตริย์ ก็เพราะประพฤติพรหมจรรย์อย่างต่ำ
เกิดเป็นเทวดา ก็เพราะประพฤติพรหมจรรย์ปานกลาง
บุคคลบริสุทธิ์ได้ ก็เพราะประพฤติพรหมจรรย์อย่างสูง

เพราะพรหมจรรย์เหล่านี้มิใช่จะปฏิบัติได้ง่ายๆ ด้วยการประกอบพิธีวิงวอนขอร้องอะไรๆบุคคลผู้ที่เกิดในหมู่พรหมได้ต้องออกบวชบำเพ็ญตบะ(อธิบายว่า เมื่อพระภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์ ปรารถนาเกิดในหมู่เทพอย่างใดอย่างหนึ่ง ชื่อว่าพรหมจรรย์อย่างต่ำด้วยพรหมจรรย์อย่างต่ำนั้น บุคคลย่อมเกิดในเทวโลกตามที่ตนปรารถนา การที่ผู้มีศีลบริสุทธิ์ยังฌานสมาบัติ ๘ ให้เกิด ชื่อว่าพรหมจรรย์ปานกลาง ด้วยพรหมจรรย์ปานกลางนั้นบุคคลย่อมเกิดในพรหมโลกส่วนผู้มีศีลบริสุทธิ์เจริญวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัตชื่อว่าพรหมจรรย์อย่างสูง บุคคลย่อมบริสุทธิ์ด้วยพรหมจรรย์สูงสุดนั้น)

สุดท้าย ท้าวสักกะได้ตรัสว่า“มหาราช การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์นั้นแหละมีผลมากกว่าทานร้อยเท่า พันเท่า แสนเท่า แต่ถึงแม้พรหมจรรย์จะมีผลมากกว่าทานก็จริง ถึงกระนั้นพระมหาบุรุษก็ควรทำทั้งสองอย่าง จงเป็นผู้ไม่ประมาทในทานและพรหมจรรย์ทั้งสองจงให้ทานและจงรักษาศีลเถิด”
ตรัสดังนี้ แล้วก็เสด็จกลับเทวโลก



เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วก็ควรทำสองอย่าง ทำอย่างเต็มกำลังทั้งสองอย่างนั่นแล ถ้ากำลังใจเข้มแข็งก็รักษาพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไปจนตลอดชีวิต

ถ้าไม่ได้ดังนั้น ก็รักษาให้บริสุทธิ์เป็นช่วงๆ อย่างน้อยก็จะได้เป็นวาสนาบารมีติดตัวไปในภพชาติเบื้องหน้า ส่วนทานก็ต้องทำอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่ทำตามกำลัง เพราะถ้าทำตามกำลังภพชาติต่อไป เวลารวยก็รวยตามกำลัง คือ รวยแบบขยักขย่อน เดี๋ยวรวย เดี๋ยวจนจะสร้างทานบารมีต่อก็ขัดสน จะประพฤติพรหมจรรย์ก็ไม่สะดวกมันติดขัดไปหมด สู้ทำให้เต็มที่จนติดเป็นอัธยาศัยทั้งสองอย่างเสียตั้งแต่ชาตินี้ ชาติต่อไปจะได้สะดวกสบายอะไรๆ ที่ดูเป็นเรื่องยาก มาถึงเราจะได้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ

ที่มา :หนังสือแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฏก




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2554    
Last Update : 8 สิงหาคม 2554 20:55:20 น.
Counter : 1836 Pageviews.  

ไวน์มีแอลกอฮอล์ต่ำ และช่วยเจริญอาหาร จัดเป็นอบายมุขหรือไม่ ?

คำถาม: เครื่องดื่มประเภทไวน์ ที่มีเปอร์เซนต์แอลกอฮอล์ต่ำ ที่เขานิยมดื่มกันก่อนอาหาร เพื่อเจริญอาหาร ดื่มแล้วเข้าข่ายผิดศีลข้อ ๕ หรือเป็นอบายมุขหรือเปล่า ครับ ?




คำตอบ: ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยก็จริง แต่ก็เป็นของมึนเมาชนิดหนึ่ง ดื่มเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นน้ำย่อยให้เจริญอาหารหรือเพื่ออะไรก็ตาม ดื่มไม่ช้าไม่นานก็ติด ติดไวน์ไม่นานต้องวายวอดแน่ เพราะไวน์ราคาแพงไม่ใช่เล่น ได้ยินว่าไวน์บางขวดราคาเป็นหมื่น

เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงนิยมชมชื่นว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่แสดงรสนิยมสูง หรือแสดงฐานะอะไรเลย เพราะมันเป็นทางไปสู่ความวายวอด นำความพินาศฉิบหายมาให้ เป็นอบายมุขที่ใครก็ไม่ควรแตะต้อง และไม่ควรประมาทว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำดื่มแล้วไม่เมา แค่ดื่มแล้วครึ้มใจ พูดไม่ยั้งคิดก็แย่แล้วนะ

พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2554    
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 9:06:58 น.
Counter : 2021 Pageviews.  

เมื่อ..หุ่นมนุษย์ยอมให้ กิเลส สิงใจ

เมื่อหุ่นมนุษย์ยอมให้ฝ่ายมารโลกเอากิเลสเข้าสิงใจ จนต้องลงมือทำกรรม ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ผลกรรมก็บีบให้รูปร่างของหุ่นมนุษย์เปลี่ยนรูปไปทุกครั้งที่เกิด

คุณภาพของหุ่นก็เสียหายตามไปด้วย บางครั้งหุ่นมนุษย์ก็กลายไปเกิดเป็นเดรัจฉาน นก หนู ปู ไก่ จิ้งจก ตุ๊กแก ยุง มด กระทั่งตัวพยาธิ รวมทั่งเป็นเปรต เป็นอสุรกายต่างๆ ไปตามผลของกรรม ผลของกรรมส่งให้เกิดเป็นสัตว์ในภูมิใดก็ตาม ก็ต้องไปพบความทุกข์ของรูปขันธ์ นามขันธ์ที่ได้รับอยู่ในภูมินั้นๆ ไม่มีที่ใดพ้นทุกข์




เมื่อพบทุกข์ ก็บีบคั้นให้เกิดกิเลสตัวอยากพ้นทุกข์ก็จริง แต่อยากแล้วทำผิดวิธี คือ แทนที่ทำแล้วจะจางคลายจากกิเลส กิเลสกลับพอกพูนยิ่งขึ้น กิเลสก็บีบให้ทำกรรมใหม่ หมุนเวียนระหว่างกิเลส - กรรม - วิบาก อยู่อย่างนี้ ไม่รู้จบสิ้น เป็นวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในที่คุมขังคือภูมิทั้ง ๓๑

คำสั่งและคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงแก่เหล่าเวไนยสัตว์ คือ สัตว์ที่มีบารมีแก่พอจะปฏิบัติตามได้ มีหลักใหญ่ อยู่เพียง ๓ ข้อเท่านั้น คือ

๑. ละความชั่วทั้งปวงให้หมดสิ้น
๒. ทำความดีให้เต็มที่
๓. ทำจิตให้บริสุทธิ์


การปฏิบัติตามหลักคำสอน ๓ ข้อนี้ เหมือนการเดินขึ้นบันได จากต่ำไปสูง หรือถ้าเปรียบหุ่นมนุษย์เหมือนภาชนะที่จะนำไปใส่ของที่ ต้องการ ก็เป็นภาชนะที่มีขยะสิ่งสกปรกอยู่เต็ม (คือใจมนุษย์มีกิเลส หมักหมมอยู่เต็ม) เมื่อต้องการจะนำภาชนะไปใช้ ก็ต้องนำขยะสกปรกเหล่านั้นไปเททิ้ง

หมายถึง การละความชั่วทิ้ง แล้วก็นำภาชนะไปล้างด้วยกรรมวิธีต่างๆ ให้สะอาด หมายถึงทำความดีให้เต็มที่ เมื่อภาชนะสะอาดดีแล้ว ก็นำภาชนะนั้นไปใช้ นั่นคือจิตมนุษย์ที่ล้างความชั่วทิ้ง ทำแต่ความดี ก็มีคุณภาพพิเศษที่จะทำให้บริสุทธิ์ได้ง่าย

//www.kalyanamitra.org




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2554    
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 9:21:46 น.
Counter : 1767 Pageviews.  

ซื้อปลาที่มันชา มาปล่อยให้มันตายเอง แล้วค่อยเอามาทำอาหาร จะบาปไหม

คำตอบ:

ประเด็นนี้ก็ได้ชื่อว่ามีส่วนในการฆ่าเหมือนกัน ลองมาฟังนิทานดูสักเรื่อง บอกก่อนนะว่าเรื่องนี้เป็นเพียงนิทาน แต่ว่าเคยเป็นข้อสอบที่เอามาถามกันในการสอบนักธรรมของพระภิกษุสามเณร



เรื่องอยู่ว่า มีตากับยายสองคน เข้าวัดเป็นประจำทั้งคู่ วันโกนวันพระก็ไปนอนวัด ถือศีล ๘ กันตลอดพรรษา เช้ารุ่งขึ้นจากวันพระวันหนึ่ง ก็พายเรือกลับมาบ้านด้วยกัน ตาพายท้าย ยายพายหัวขณะพายเรือฉับ ๆ ไปนั่นเอง ก็มีปลาเจ้ากรรมตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาในเรือ ทั้งตาทั้งยายถือศีลกันมานาน ก็รู้อยู่นะว่าฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ปลานี้มันตัวโต แล้วทั้งคู่ก็อยากกินแกงปลาติดหมัดขึ้นมาเดี๋ยวนั้นทีเดียวก็คิดกันอยู่ในใจทั้งคู่ละนะว่า ทำอย่างไรหนอจะได้กินแกงปลาอร่อย ๆ แล้วก็ไม่บาปด้วย

ตาก็เอื้อมมือไปจับปลาตัวนั้น แล้วก็โยนไปให้ยายที่นั่งอยู่หัวเรือ บอกว่า “ยาย...แกปล่อยปลาซิ” ยายก็แหม....กำลังมองหาผักบุ้งยอดอ่อน ๆ มาใส่แกงส้มปลาอยู่พอดี แต่ว่าก็กลัวบาป เลยจับปลาโยนกลับไปให้ตาพร้อมกันบอกว่า “ตา..แกปล่อยเองถอะ” ตาก็จับปลาโยนกลับมาใหม่ “แกปล่อยเถอะ” โยนกันไปโยนกันมาจนปลาตาย

ถามว่าบาปไหม ? ตอบว่าบาป เพราะจริง ๆ แล้วเจตนาอยากให้ปลามันตาย แล้วมันก็ตายสมใจ แม้ไม่ได้ทุบหัวป๊อกให้มันตาย แต่ก็โยนไปโยนมา จนกระทั่งมันตายนั่นแหละ

เพราะฉะนั้น ที่คุณโยมซื้อปลาชา ๆ หิ้วท้อกแท้ก ๆ มา แล้วเอามาวางทิ้งให้มันอยู่ในถึงพลาสติกแคบ ๆ จนมันตาย ก็บาปเหมือนตากับยายที่ทำเป็นเกี่ยงกันปล่อยปลานั่นแหละ ตอนแรกที่เห็นปลามันยังไม่ตาย แทนที่จะคิดหาวิธีช่วยให้มันไม่ตาย กลับใจจดใจจ่อรอให้มันตายจะได้กินเนื้อมัน แค่คิดก็บาปแล้ว บาปท่วมหัวทั้งคู่ อย่าเลี่ยงไปเลี่ยงมาเลย เล่ห์เหลี่ยมมันแพรวพราวให้เห็นอยู่ ไม่พ้นบาปหรอกเจตนาฆ่ามันเห็นอยู่ชัด ๆ

พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2554    
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 20:38:28 น.
Counter : 1496 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.