Group Blog
 
All Blogs
 

สร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัย หากตั้งอยู่ในทิศที่ไม่ดี ก็จะทำให้อยู่แล้วไม่เป็นสุข ไม่เจริญ ?

คำถาม: การสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัย หากตั้งอยู่ในทิศทางที่ไม่ดี ก็จะ ทำให้อยู่แล้วไม่เป็นสุข ไม่เจริญในชีวิตเท่าที่ควร ความเชื่อถือนี้มีมูลความจริงอย่างไรบ้าง และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคะ?


 

คำตอบ: บ้านไหน ที่ทำงานไหนจะอยู่เป็นสุข พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักไว้ 4 ประการ ถ้ามีครบ 4 จะอยู่เป็นสุข ถ้าไม่ครบ ความสุขก็จะลดหย่อนไปตามส่วน หลัก 4 ประการก็คือ หลักปฏิรูปเทส นั่นเอง มีดังนี้

 

        1. ลักษณะทางภูมิศาสตร์ หรือ อาวาสเป็นที่สบาย ทำเลที่ตั้งบ้าน ถ้าสภาพพื้นที่ไม่ดีจะมีผลต่อสุขภาพจิต สุขภาพกายของผู้อยู่อาศัย เช่น ลุ่มเกินไป แล้งเกินไป ฝนชุกเกินไป ลมโกรกเกินไป การเปลี่ยนแปลงของอากาศแต่ละวันมากเกินไป เป็นต้น

 

        กล่าวคือบ้านที่อยู่ในทิศทางลมไม่ดี เช่นมีลมแรงจัดเกินไปก็พังง่าย หรืออยู่ในช่องทางที่อับลม อากาศก็อบอ้าวตลอดปี ที่เขาใหญ่หุบเขาบางด้าน เย็นสบาย แต่บางด้านอบอ้าวตลอดปี บ้านใครตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ภูมิอากาศไม่อำนวย คนในบ้านก็แย่เหมือนกัน คนที่มีบ้านอยู่กลางแจ้ง ในที่โล่งๆ ถ้าสร้างบ้านหันหน้าไปทางตะวันออกหรือตะวันตกก็ลำบาก เพราะย้อนแสงตะวัน แดดส่องร้อนทั้งวัน ในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะบ้านอยู่ติดๆ กัน

 

        คนที่สร้างบ้านไม่ดูทิศทางลม ไม่เปิดทางรับลมเลย บางห้องในบ้านจะร้อนอบอ้าว อากาศร้อนมีผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย เวลาสร้างบ้านจึงต้องดูแบบบ้าน แบบอาคารให้เหมาะสม เช่น อยู่ในประเทศไทยอากาศร้อน แดดแรง มีฝนชุก แบบบ้านก็ควรรับลมได้ดี กันฝนได้ดีและระบายอากาศได้ดี เช่น บ้านทรงไทย

 

        สรุปว่าในเรื่องลักษณะทางภูมิศาสตร์นี้ เราต้องดูสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ ทิศทางลม และแบบบ้านให้เหมาะสมกัน

 

        2. อาหารเป็นที่สบาย ควรอยู่ในย่านที่หาอาหารได้พอเพียง ราคาข้าวปลาอาหารก็ต้องไม่แพง แม้ที่สุดในบ้านก็ไม่ควรปล่อยบริเวณให้ว่างเปล่า ต้องรู้จักปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองในบ้านบ้าง และถ้าได้แม่ครัวฝีมือดีก็จะยิ่งดีใหญ่ อาหารดีทำให้สุขภาพกายสุขภาพจิตของคนในบ้านดีด้วย อาหารเป็นเรื่องใหญ่ อย่ามองข้าม คนแก่กินข้าวไม่ลง ถ้าต้องไปเจอกับอากาศร้อนอบอ้าว มีผลถึงตายทีเดียวนะ

 

        3. บุคคลเป็นที่สบาย แม้บ้านเราจะตั้งอยู่ในทะเลที่ดี อาหารดี คือมีที่อยู่ที่กินดี แต่ถ้าบุคคลในบ้านไม่ได้รับการฝึกนิสัยในการอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างเอาแต่ใจตัวเอง นิสัยไม่ดี ความประพฤติไม่ดี ไม่มีใครเกรงใจใคร ไม่มีใครเล็กใครใหญ่ ทุกคนเก่งเท่ากันหมด ไม่ยอมกันในทุกเรื่อง ถ้าอย่างนั้น บ้านนั้นไม่มีสุข ยิ่งถ้าสามีก็กินเหล้า ภรรยาก็เล่นไพ่ ลูกก็ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา กลับบ้านดึกๆ เรียกว่าศึกภายในเต็มเพียบเลย

 

        ยิ่งรวมเข้ากับสภาพย่ำแย่รอบๆ บ้าน ซึ่งมีทั้งโก๋กี๋ หน่วยงัดแงะ มีทั้งซ่อง ทั้งบาร์ ยาเสพติด ฯลฯ คนภายนอกเหล่านี้ถึงไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูก็เท่ากับเป็นศัตรู ศึกภายในก็ย่ำแย่อยู่แล้ว เจอศึกภายนอกกระหนาบเข้ามาอีก บ้านนี้หาความสุขไม่ได้แน่

 

        4. ธรรมะเป็นที่สบาย หรือการใฝ่ธรรม พูดง่ายๆ ว่ารักดี ให้ดูว่าคนในบ้านรักดีไหม พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านอบรมคนเป็นไหม เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะถึงแม้คนในบ้านจะขยันขันแข็ง แต่ถ้าจิตใจไม่ใฝ่ธรรม ไม่รู้เรื่องบาปเรื่องบุญพอ ถึงขยันทำมาหากิน มีเงินมากมายมหาศาล ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีความสุข แม้จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ แต่อยู่แล้วก็ไม่มีความสุข

 

บ้านไหนจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ให้ยึดหลักปฏิรูปเทส

บ้านไหนจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ให้ยึดหลักปฏิรูปเทส

 

        ถ้าคนในบ้านแต่ละคนมีธรรมประจำใจ รู้ค่าของการทำบุญ ให้ทาน ตั้งใจรักษาศีลเพื่อปรับปรุงตนเอง รู้จักนั่งสมาธิ(Meditation)เพื่อสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง เรียกว่ามีหลักธรรมประจำบ้าน คนในบ้านก็จะมีความสุข

 

        อย่าลืมว่า “รอยยิ้มของเด็กๆ ความจริงใจของผู้ใหญ่ การรู้จักสละอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนาออกจากใจ” เป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้ด้วยอำนาจเงิน แต่จะได้ด้วยธรรมะที่เราศึกษามาดีแล้ว ข้อ 4 นี้สำคัญมาก

 

        ถ้าใครบูชาเงินตรา แต่ไม่บูชาธรรม เขาจะหาความสุขไม่ได้ตลอดชีวิต

 

        ต่อไปถ้าจะตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ไหน ถ้ามีหลัก 4 ประการนี้กำกับไว้ ทุกคนในบ้านก็จะมีความสุข ถ้ามีเหตุจำเป็นว่าจะต้องลด ต้องตัดทอนข้อไหนออกไปบ้าง  เช่นเป็นต้นว่า บ้านอาจจะได้ทำเลไม่ดี อาหารอาจจะขาดแคลนไปบ้าง คนที่อยู่ด้วยอาจจะไม่ค่อยถูกอัธยาศัย แต่ว่า ถ้าหลักธรรมประจำใจของเราและของทุกคนในบ้านยังมั่นคง เราก็ยังพอหาความสุขได้

 

        ถ้ามี 3 ประการแรก แต่ขาดประการสุดท้าย คือธรรมะไม่มี ครอบครัวนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ชาตินี้จะหาความสุขไม่ได้เลย ยามตื่นก็เดือดร้อนวุ่นวาย ยามหลับก็กระสับกระส่าย ยิ่งยามตายจะให้ไปดีไปสงบ ไม่มีทาง เพราะบ้านหลังนี้ไม่ใช่วิมานของเราเสียแล้ว



พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ




 

Create Date : 22 มกราคม 2555    
Last Update : 22 มกราคม 2555 21:21:44 น.
Counter : 1619 Pageviews.  

ใส่บาตร จำเป็นต้องถอดรองเท้าหรือไม่ ? ถอดแล้วยืนบนรองเท้า ?





คำถาม: เวลาใส่บาตรจำเป็นต้องถอดรองเท้าหรือไม่ เห็นบางคนถอดแล้วยังยืนอยู่บนรองเท้านั่นเอง?

คำตอบ: อุตส่าห์ถอดแล้วยังยืนบนรองเท้า มันก็คือไม่ถอดนะสิ ที่มาของเรื่องก็คือว่าเวลาพระออกบิณฑบาตนี่ พระท่านถอดรองเท้านะ โดยพระวินัยแล้วต้องถอดรองเท้า เป็นการให้ความเคารพในทานของผู้ให้

ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ตักบาตรก็ต้องถอดรองเท้าด้วย เพื่อให้ความเคารพในพระภิกษุ ซึ่งมีศีลถึง 227 ข้อ พระภิกษุถอดรองเท้าบิณฑบาต เพราะเคารพในทานของผู้ตักบาตร ส่วนผู้ตักบาตรเองก็ถอดรองเท้า ในฐานะให้ความเคารพกับพระภิกษุ ซึ่งมีศีล 227 ข้อ ธรรมเนียมขาวพุทธไทยการถอดรองเท้าเป็นการแสดงความเคารพ

ทีนี้ถ้าถอดแล้วยังยืนอยู่บนรองเท้า มันก็คือไม่ได้ถอดนะ ทำท่าว่าจะทำถูก แต่แล้วก็ผิดอีกจนได้ ไปแก้ไขเสียใหม่เถอะ


พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ




 

Create Date : 18 มกราคม 2555    
Last Update : 18 มกราคม 2555 12:48:27 น.
Counter : 1938 Pageviews.  

หาบุญได้ ใช้บุญเป็น (พระมงคลเทพมุนี)




ธุดงค์ธรรมชัย ๒๕๕๕


เราก็เหมือนกันแสวงหาบุญสร้างบารมีบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้บุญแล้ว ให้ใจจรดอยู่ที่บุญนั้น เมื่อประสบภัยได้ทุกข์ยากประการใด ก็นึกถึงบุญนั้นอย่าไปนึกถึงสิ่งอื่นให้เหลวไหล

อย่าไปนึกถึงผี ผีมันจะเป็นอะไรผีสู้มนุษย์ไม่ได้ ผีมันตายจากมนุษย์ไปแล้วจึงกลายเป็นผี มนุษย์วิเศษกว่าผีนัก ผีจึงสู้มนุษย์ไม่ได้ จะไปนับถืออะไรกับผี ผีช่วยอะไรไม่ได้เลยสู้นึกถึงมนุษย์ไม่ได้ ไปนับถือจ้าว จ้าวก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะจ้าวตายไปจากมนุษย์แล้ว จ้าวผีจ้าวสางนั้นสู้มนุษย์ไม่ได้ แพ้มนุษย์ทั้งนั้นมนุษย์นี้เป็นผู้มีฤทธิ์เดชมากกว่า

หรือนึกถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ไปกราบไหว้ต้นไม้ ต้นไม้จะทำอะไรได้ เราเอาฟืนมาหุงอาหารผ่าเอามาทำฟืนหุงข้าวอยู่เรื่อยๆ เอามาทำบานประตู หน้าต่าง มาทำพื้นบ้านแล้วมันจะมาทำอะไรให้เราได้ ต้องนึกถึงบุญ
สิ่งอื่นอย่าไปนึก นึกถึงแต่บุญอย่างเดียว

เมื่อต้องภัยได้รับความทุกข์ยากลำบากอย่างใดให้นึกถึงบุญ เอาใจไปจรดที่บุญทำมาค้าขายอะไรก็เอาใจไปจรดที่บุญนั้น จะได้ค้าขายคล่องได้กำไรเกินควรเกินค่า

จะไปทำนาทำสวนก็เอาใจไปจรดอยู่ที่บุญนั้น บุญจะให้ผลของนาของสวนเกินควรเกินค่า

ไปรับราชการก็เอาใจไปจรดอยู่ที่บุญนั้น หน้าที่ราชการจะรุ่งโรจน์โชตนาการยิ่งใหญ่ขึ้น ถ้าปกครองบ้านเรือนก็เอาใจไปจรดอยู่ที่บุญนั้นเหมือนกัน
บ้านเรือนจะเจริญรุ่งเรือง อย่าเอาใจไปจรดอยู่ที่อื่น

นี่เราเรียกว่า หาบุญได้ และใช้บุญเป็น ถ้าหากเอาใจไปจรดเสียที่อื่นจะเป็นต้นไม้ ขี้วัว ขี้ควาย อะไรจิปาถะชื่อว่า หาบุญได้แต่ใช้บุญไม่เป็น


จากพระธรรมเทศนาเรื่อง ภัตตานุโมทนากถา
๙ พฤษภาคม ๒๔๙๗




 

Create Date : 16 มกราคม 2555    
Last Update : 16 มกราคม 2555 18:27:20 น.
Counter : 1656 Pageviews.  

จิตผ่องใส..............เงินไหลเข้ามาเอง (พระมงคลเทพมุนี)





ธุดงค์ธรรมชัย พ.ศ.2555


ถ้าจิตหยุดได้ละก็เขมํ ทีเดียว เกษมผ่องใสเหมือนกับกระจกคันฉ่องส่องเงาทีเดียว เกษมผ่องใสขนาดนั้น จิตผ่องใสเช่นนั้นแล้ว จิตดวงนั้นแหละตัวมงคลแท้ๆ ที่เรียกว่า มงฺคล อุตฺตมํ นั่นแหละตัวมงคลแท้ๆเชียว เหตุเครื่องถึงซึ่งความเจริญจริง

ถ้าจิตหยุดเช่นนั้นแล้วล่ะก็ เงินน่ะ ไม่ต้องหายากลำบากแต่อย่างไรหรอก ถ้าจิตผ่องใสขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องทำงานอะไรมากมายไปหรอก มันไหลเข้ามาเองนะ เงินน่ะไม่เดือดร้อน มีแต่เงินเข้า เงินออกไม่มี ออกก็เล็กๆน้อยๆ เข้ามามาก ผ่องใสอย่างนั้นละก็ นั่นตัวนั้นเป็นตัวสำคัญทีเดียว

ถ้าว่าผู้ครองเรือนต้องการให้มั่งมีเงินทองข้าวของมาก อย่ากระทบกระเทือนใจกัน ทำใจให้ใสอยู่ท่าเดียวแหละ ใจเป็นแดนเกษมอยู่เสมอ ไป อย่างนี้ให้ตั้งจิตให้อยู่ ให้ดูของตัวไว้ให้ผ่องใสอยู่อย่างนั้น เงินทองไหลมาเป็นมงคลแท้ๆ

จากพระธรรมเทศนาเรื่องมงคลสูตร
๒๕ เมษายน ๒๔๙๗




 

Create Date : 13 มกราคม 2555    
Last Update : 13 มกราคม 2555 16:45:57 น.
Counter : 1398 Pageviews.  

วิบากกรรมจะหมดลงเมื่อใด




1. วิบากกรรมส่งผลจนหมดกำลัง เหมือนต้นไม้ที่ให้ผลจนหมดอายุมันก็ตาย เหมือนลูกปืนที่ยิงออกจากปากกระบอก พอหมดกำลังมันก็ตก

2.ขอขมา และอโหสิกรรมกันเอาไว้ ประเพณีการขอขมาเริ่มต้นจากพระอรหันต์ โดยเฉพาะสาวกที่ใกล้ชิดกับพระพุทธองค์เช่น พระสารีบุตร พระโมคคัลานะ พระนางพิมพา ก่อนที่พระสาวกเหล่านี้จะปรินิพพาน จะเข้าไปทูลลา พระพุทธองค์ปรินิพพาน โดยกราบขอขมา เป็นเพราะพระอรหันต์เหล่านี้ทรงอภิญญา ท่านระลึกชาติเห็นว่าในอดีตชาติ เคยสร้างบารมีกับพระบรมโพธิสัตว์ คนมีกิเลสกับคนมีกิเลสสร้างความดีด้วยกัน อาจกระทบกระทั่งล่วงเกิน โดยเจตนาหรือไม่เจตนา ต่อหน้าหรือลับหลัง ก็เลยถือโอกาสก่อนจะเข้านิพพานมาขอขมาให้เห็นเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลัง

เพราะฉะนั้นการขอขมาจึงเข้ามาในประเพณีของสังคมไทยตั้งแต่วันปีใหม่ วันสงกรานต์ ก็ขอขมา จะบวชก็ขอขมา จะตายก็ขอขมา วิบากกรรมหนักก็จะทำให้เบาลง ที่เบาก็มลายหายกันไป

3. สั่งสมบุญให้มากๆ อธิษฐานจิตให้ไปตัดรอนวิบากกรรมให้เบาบางลง


ที่มา: หนังสือวงจรชีวิต
พระครูธรรมธรไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล




 

Create Date : 09 มกราคม 2555    
Last Update : 9 มกราคม 2555 17:12:45 น.
Counter : 1552 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.