Group Blog
 
All Blogs
 
ทำไม หมอดู สามารถมองเห็นอดีต หรือสามารถทำนายอนาคตได้ถูกต้อง ?



อนาคตของเรานั้นถูกกำหนดไว้แล้วจริงหรือ ตอนที่ 2


หมอดูที่เขาดูดวง ทำไมเขาสามารถมองเห็นอดีต หรือสามารถทำนายอนาคตได้ถูกต้อง?








เจริญพร... ถามว่าถูกหมดรึเปล่า หมอดังๆ ก็ผิดมาเยอะนะ อย่างสมมุติถ้ามีหมอดูสัก 10 คน ทำนายปั๊บ ที่จะดังนี่ต้องหาเรื่องใหญ่ๆ ทำนาย ให้แรงๆ ไปเลย ก็ปรากฏว่าพอหมอดู 10 คน ทำนายปั๊บ คนหนึ่งทำนายถูกก็บอกว่าหมอดูคนนี้สุดยอด เยี่ยมมากเลย ทำนายอนาคตได้แม่น ส่วนอีก 9 คนที่ทำนายไม่ถูกเขาก็ไม่พูดถึง ก็เงียบหายไป แล้วถ้าเกิดมีหมอดูสัก 100 คนปั๊บ ก็ทำนาย 100 แบบ คนที่บังเอิญทำนายได้ตรงคนนั้นก็ดังไปเลย อีก 99 คนนั้นเขาก็ไม่พูดถึง ดูอย่างหมอดูที่ทายเลขลอตเตอรี่ตามแผงที่ขายใบหวย ทำไมเขาไม่บอกล่ะว่าเลขอะไรตรงๆ ไปเลย ทำไมต้องมีเลขอะไรแบบหงิกๆ งอๆ ให้ตีความได้หลายๆ แบบ แล้วก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง เป็นอย่างนี้ ทำนายไปหลายๆ หมอเข้าก็ครบ 100 ตัวพอดี เลขท้าย 2 ตัว ใน 100 ตัว มันก็มีถูกเข้าสักหมอบ้างน่ะ หมอนั้นก็ดัง คนอื่นก็ไม่ดัง อย่างนี้เป็นต้น เขาถึงบอกว่า หมอดูคู่กับหมอเดา อันนี้อันหนึ่ง

ในบางกรณีหมอที่ว่ามันก็ไม่ถึงกับถูกหมด แต่ดูว่าค่อนข้างจะแม่นกว่าคนอื่น โดยเปรียบเทียบเช่นว่า ทำนาย 10 เรื่อง ก็อาจจะถูกสัก 3 เรื่อง แต่หมอเดาอาจจะ 100 เรื่องถูกเรื่องเดียว หมอดูนี่มีหลายแบบ

1. คือดู วัน เดือน ปีเกิด ดูดวงอย่างที่ว่านั้น วัน เดือน ปีเกิด บวก ลบ คูณ หาร กันแล้วอย่างนั้น อย่างนี้ขึ้นมาแล้วทำนาย

2. คือ ดูโหงวเฮ้ง คือดูจากรูปร่างลักษณะ หน้าตา บุคลิก ตา หู จมูก ปาก คอ การดูโหงวเฮ้งก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

3. หมอดูที่ดูลายมือก็จะเป็นอีกแบบ

ถามว่าเป็นยังไง จริงๆ แล้วส่วนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องของวิชาสถิติ ที่บางคนเห็นว่าเวลาดูหมอเห็นเขามีตำราสอนดู เอาเลขตรงนั้นมาใส่ตรงนี้ บวกลบลงตรงนี้ ก็คือเป็นวิชากึ่งสถิตินั่นเอง คือเก็บจากสถิติในอดีต แล้วสถิติมีผลอย่างไรกับชีวิตคน มันเป็นอย่างนี้

คนที่เกิดในเดือนแต่ละเดือนนั้น นิสัยก็ไม่เหมือนกัน ผลจากเดือนเกิดมี เช่น เดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน เป็นต้น โบราณเขาเรียกว่าเป็น ราศี ในแต่ละราศีทำไมไม่เหมือนกัน เพราะตอนเกิดในเดือนแต่ละเดือนนั้นถามว่าอุณหภูมิเท่ากันไหม ถ้าเกิดในเดือนธันวาคมก็หนาวหน่อย ถ้าเกิดในเดือนเมษายนก็ร้อนหน่อย เกิดในช่วงเวลาร้อนกับหนาวนี้มีผลต่อสุขภาพของเด็กไม่เหมือนกัน

เกิดในช่วงหน้าร้อนเหงื่อออกง่ายมันก็หงุดหงิดง่าย ส่งผลให้นิสัยตอนโต ถ้าเกิดในช่วงเดือนธันวาคมอากาศเย็นสบาย นิสัยก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันมีผลหมด ไม่ว่าจะเป็นลม ความร้อน ความชื้น อากาศแห้ง ทุกอย่างมีผลสะท้อนต่อชีวิตของเราหมด เพราะฉะนั้นบางบริษัทจะรับคนเข้าทำงานนอกจากสัมภาษณ์ตามปกติก็ต้องเอาซินแซ นักดูโหงวเฮ้งมานั่งดูด้วย ให้ซินแซพิจารณาว่าคนนี้ผ่านมั๊ย เพราะว่าอย่างอื่นตอบให้เพราะๆ ยังตอบได้ แต่ว่าบุคลิกหน้าตามันจะสะท้อนจากภายใน

เขาไม่ได้ดูความหล่อความสวยเป็นหลัก แต่เขาดูหลายๆ อย่างประกอบกัน บางทีดูแววตาบ้างว่าสุกใสดีไหม ลักษณะการมองอย่างนี้เป็นคนมุ่งมั่นแค่ไหน มันจะสะท้อนให้เห็นหมด คนที่กำลังเชื่อมั่นลองดูสิ เราเป็นผู้นำประเทศ หรือคนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ลักษณะแววตาก็อีกแบบหนึ่ง ตอนเจอเหตุอะไรเข้าแล้วธุรกิจแย่หรือว่าภาวะผันผวนนี่ บุคลิกแววตาเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ มันเป็นอย่างนี้ หรือใครไปดู อาร์โรโย ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ตอนดำรงตำแหน่งนี่จะเห็นว่า โหงวเฮ้งจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว เพราะมีกรณีเหตุเกิดขึ้นจะต้องโดนเล่นงานทางการเมืองอะไรต่างๆ นี่ โหงวเฮ้งก็จะเปลี่ยนจนคนจำแทบไม่ได้เลย


เพราะฉะนั้นบุคลิกอะไรต่างๆ มันมีผลจากภายในทั้งนั้นเลย และมันสะท้อนให้เห็นว่า การคิด พูด ทำอะไรยังไงอยู่นี่ก็มาจากบุคลิกอีกอันหนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการดูดวงอย่างที่ว่า พูดง่ายๆ คือหมอดูนี่มีหลายรูปแบบ บางรูปแบบก็น่าสนใจนะ แต่สิ่งเหล่านี้ยังไงก็ตามอย่าลืมก็แล้วกันว่า หมอดูคู่กับหมอเดา ถ้าเราไปอยู่ในวงจรนี้ไปๆ มาๆ มันจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองได้ เห็นอะไรเอะอะต้องถามหมอก่อน จะทำหรือไม่ทำอะไรแทนที่จะเอาเหตุเอาผลมาเป็นตัวประกอบตัดสินใจ ที่ไหนได้ หมอว่าไง หมอบอกว่า yes ก็เดินหน้า หมอบอก no ก็ไม่เอา


ฝากชีวิตไว้กับดวงอย่างนี้มันก็ไม่ใช่นะ เราต้องถือกรรมลิขิต คือตัวเราลิขิตชีวิตตัวเราเอง จะทำหรือไม่ทำ จะเดินหน้าหรือจะชะลอไว้ก่อน ขึ้นอยู่กับข้อมูล ขึ้นอยู่กับเหตุ ปัจจัย ความพร้อมในเรื่องต่างๆ ที่เราเองได้รวบรวมข้อมูลศึกษาไตร่ตรองอย่างรอบคอบดีแล้ว ตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าไป นี้คือการทำอย่างถูกต้องตามพุทธวิธี

พระพุทธเจ้า พระองค์บอกว่า “ประโยชน์ย่อมล่วงเลยคนพาล ผู้มัวรอแต่ฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์ย่อมเป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจะทำอะไรได้” เพราะฉะนั้นถ้าเกิดทุกอย่างเงื่อนไขพร้อม อุปกรณ์ข้าวของ คนงาน การวิเคราะห์วิจัยเสร็จหมดดีพร้อมจะออกตลาด ไปหาหมอดู หมอดูบอกตอนนี้ฤกษ์ไม่ดีให้รออีก 3 เดือนค่อยออก รออีก 3 เดือนคู่แข่งออกสินค้ามาก็เจ้งพอดี สู้เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปรอตรงนั้น เอาตามเหตุตามผล ทุกอย่างพร้อมแล้วก็เดินหน้าไปเลย


ให้ยึดตามหลักเหตุผล ไม่ใช่ยึดตามดวง แล้วถ้าจะพึ่งคือให้พึ่งบุญในตัว เรารู้แล้วนี่ว่าจะสำเร็จได้นั้นจากผลแห่งวิบากคือกรรมในอดีตบวกกับปัจจุบัน กรรมในอดีตก็คือผลบุญผลบาปที่ส่งผลมาถึงใจเรานี่เอง เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องทำเหตุปัจจุบันให้ดีแล้วก็สร้างบุญเข้าไปด้วย มันมีเหตุภายนอกภายในอยู่ด้วย เหตุภายนอกก็ทำการทำงานเต็มที่ เหตุภายในก็มีบุญกุศลในตัวผลักดันกันด้วย อย่างนี้ก็จะสำเร็จ ถ้าสังเกตเห็นจะพบว่าโหราจำนวนไม่น้อยเขาก็พอรู้หลักเหมือนกัน เมื่อตั้งใจจะเป็นโหราก็ต้องพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะโหราจริงๆ เข้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองเลย ยังดูดวงตัวเองไม่ได้เลย บางทีออกจากบ้านโดนควายควิดตายก็มี ก็คือยังไม่รู้


เพราะฉะนั้นเขาก็จะแนะนำคนที่มาดูดวงให้ไปทำบุญ คือพยายามดึงเอาเรื่องบุญกุศล พระรัตนตรัยนี้บวกเข้าไปด้วย เพราะตรงนี้จะเป็นที่พึ่งและเป็นเหตุที่ทำให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริง เพราะมันเกิดบุญ และคนกำลังกังวลนี่แปลกนะ บางทีเพื่อนบอกหรือพระบอกให้ไปทำบุญนี่ก็ฟังอยู่ ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่พอมีเรื่องกังวลปุ๊บไปหาหมอดู หมอดูบอกให้ทำ 9 วัด โอ้โห..จัดเวลาขวนขวายไปทำบุญเลย แปลกเหมือนกันนะ คนเรานี่น่าจะฟังพระพุทธเจ้าท่านนะไม่น่าไปให้หมอดูบอกแล้วค่อยทำ น่าจะไปทำได้เองเลยแล้วจะเยี่ยมมากเลย เจริญพร...




Create Date : 06 มิถุนายน 2555
Last Update : 6 มิถุนายน 2555 13:23:48 น. 0 comments
Counter : 4135 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.