Group Blog
 
All Blogs
 
ทำไมคนมีชื่อเสียงจึงหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น


ปัจจุบันในต่างประเทศจะเห็นว่ามีผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ หลายคนในระดับโลก หันมานับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยนับถือศาสนาอื่นมาก่อน จึงเป็นที่น่าสนใจว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้พวกเขามาศึกษาพระพุทธศาสนากัน


ข้อคิดรอบตัว
โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว ทาง DMC
ข้อคิด in-ter
        ปัจจุบันในต่างประเทศจะเห็นว่ามีดารา นักแสดง นักกีฬา หรือแม้แต่ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ หลายคนในระดับโลก ที่หันมานับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยนับถือศาสนาอื่นมาก่อน จึงเป็นที่น่าสนใจว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้พวกเขาหันมาศึกษาพระพุทธศาสนากัน

ในต่างประเทศมีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กว้างขวางได้อย่างไร?

        พระพุทธศาสนาเรานั้นไม่เหมือนศาสนาอื่น ถ้าศาสนาอื่นเขาจะเผยแผ่กันในเชิงรุกอย่างเต็มที่ ทั้งพิมพ์หนังสือแจกเต็มไปหมด เข้าตามพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ พยายามทุกวิถีทาง แต่ศาสนาพุทธเรานั้นกลับกลายเป็นว่า อย่าว่าแต่เผยแผ่ในเชิงรุกเลย แม้แต่เผยแผ่ในเชิงรับก็ยังไม่ค่อยจะพร้อมกันเลย คือเมื่อมีคนเขาสนใจอยากจะศึกษามาหาเราแล้ว เรายังไม่ค่อยพร้อมจะให้เขาเลย ลองนึกง่ายๆ ถ้ามีฝรั่งเขานั่งเครื่องบินมาถึงเมืองไทยแล้วมาเจอเราและถามเราว่า เขาต้องการมาฝึกสมาธิ(Meditation)จะทำอย่างไรดี เราเองก็จะงงๆ ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แม้แต่คนไทยเองถ้าต้องการไปฝึกที่ไหนก็ยังไม่รู้ ยิ่งเป็นฝรั่งหรือชาวต่างชาติการใช้ภาษาก็ไม่เหมือนกัน แล้วจะให้ไปเรียนที่ไหนดี ก็ตอบไม่ได้ ขนาดเขามาถึงเราแล้วเรายังไม่พร้อมที่จะรับเขาเลยแบบนี้ นี่คือความเป็นจริง
        ฉะนั้นจึงต้องบอกว่าขณะนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังมีการตื่นตัวสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาครั้งใหญ่ ส่วนใหญ่มีความสนใจจริงๆ โดยไม่ได้มีใครไปเผยแผ่ให้เขาเลย เพราะคนที่เคยศึกษามาก่อนเขามาเล่าให้ฟังว่ามันดียังไง สอนกันอย่างไร เมื่อรู้ว่าดีอย่างไรต่างคนก็ต่างไปเสาะแสวงหาข้อมูลแล้วเอามาแบ่งปันกัน และสถานที่ๆ จะสอนสมาธิให้กับชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางด้านทิเบตและทางด้านเซน เซนนั้นมาจากญี่ปุ่นเนื่องจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการศึกษาเขาดีเพราะมีความรู้มาก ส่วนทิเบตเนื่องจากเกิดปัญหาทางการเมือง ต้องอพยพลี้ภัยจากทิเบตเข้ามาสู่อินเดียที่ธรรมศาลา และพระทิเบตก็กระจายไปทั้งโลก และคนทิเบตในที่ต่างๆ มีน้อย เมื่อไปในที่ต่างๆ แล้วไม่สามารถสร้างศรัทธาในที่นั้นๆ ได้ก็ตายแน่ ฉะนั้นสถานการณ์จึงบังคับให้พระทิเบตต้องสอนธรรมะให้กับคนในท้องถิ่น จึงทำให้พุทธทิเบตค่อนข้างเป็นที่รู้จักคู่กับพุทธแบบเซนมากในปัจจุบัน
        แต่พุทธเถรวาทของเรา พระไทยก็ไปสร้างวัดในต่างแดนมาก แต่ส่วนใหญ่เมื่อไปแล้วก็ไปเผยแผ่คนไทยเป็นหลัก มีคนต่างชาติบ้างแต่ก็เล็กน้อย นี่คือภาวะจริงๆ ที่เกิดขึ้น ขนาดว่าศาสนาพุทธโดยภาพรวมแล้ว ไม่ได้เผยแผ่ในเชิงรุกเลยไปแบบธรรมชาติ คนที่มาก็ต้องเป็นคนที่สนใจจริงๆ ถึงจะมาศึกษา ขนาดในอเมริกายังมีคนสนใจศึกษาจนเปลี่ยนเป็นชาวพุทธไปเลยเป็นแสนๆ คน ที่ลงมือปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิทุกวัน แต่ยังไม่ถึงขนาดประกาศเปลี่ยนศาสนา อาจจะบอกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีศาสนาหรือยังนับถือศาสนาเดิมอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ กลับมาสนใจพุทธและฝึกปฏิบัติแบบที่พระพุทธเจ้าสอน อย่างนี้มีเป็นสิบๆ ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเขากล่าวกันว่าพระพุทธศาสนาเป็นแนวโน้มใหม่

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ
        สังคมอเมริกา คือต่อไปชาวอเมริกาอาจจะมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็ได้ และถ้าคนไทยปล่อยปะละเลยก็อาจจะหายไปจากเมืองไทยก็ได้ แล้วไปรุ่งเรืองในอเมริกาแทนก็เป็นไปได้ ในญี่ปุ่นเองก็มีการตื่นตัวเรื่องนี้เหมือนกัน หรือแม้แต่ในยุโรปก็ด้วย นี่คือกระแสในประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลกเลย
        ยังนึกอยู่เลยว่า ถ้าหากพระพุทธศาสนา หรือองค์กรพุทธนั้น มีการเผยแผ่ในเชิงรุกอย่างเต็มระบบและมีประสิทธิภาพแล้ว พระพุทธศาสนาจะขจรขจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบัน ทั้งอินเตอร์เน็ต มือถือ ดาวเทียม เป็นต้น จะทำให้ไปได้เร็วกว่าเก่ามาก เพราะจุดแข็งของพระพุทธศาสนาก็คือว่า คำสอนของเรานั้นเป็นเยี่ยม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระสัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก พระองค์ไม่ได้สอนในเรื่องของความเชื่อแต่สอนเรื่องความจริง พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้เรื่องความจริงของโลกและชีวิตแล้วมาสอนเรา ฉะนั้นเมื่อใครปฏิบัติตามก็จะพบเห็นทันที โดยเฉพาะผู้มีปัญญาจะเห็นว่าคำสอนแบบนี้นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ จุดแข็งของพระพุทธศาสนาคือคำสอน
        ลองย้อนกลับมาดูว่า เมื่อใดที่องค์กรพุทธทำการเผยแผ่เชิงรุกอย่างเป็นระบบเต็มที่แล้ว เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะแผ่ขยายขจรขจายเป็นที่พึ่งของคนทั้งโลกอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว และประเทศที่เป็นหลักทั้งหมดของพระพุทธศาสนาในปัจจุบันก็มีไม่กี่ประเทศ คือ ไทย พม่า ลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม ก็พบว่าโดยฐานทางเศรษฐกิจและสังคมประเทศไทยนั้นดีกว่าเพื่อน ฉะนั้นความหวังในการจะนำพระพุทธศาสนาไปได้ทั้งโลกนั้นอยู่ที่ประเทศไทย
        ทางพุทธเถรวาทไทย พม่า ลังกา ลาว กัมพูชานั้น รูปแบบการสอนจะค่อนข้างคล้ายๆ กัน ถ้าทางฝ่ายมหายานพระจีนนั้นจะค่อนข้างเป็นฝ่ายออกไปหาผู้คนมากกว่า ถ้าในญี่ปุ่นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งเพราะถูกอำนาจการเมืองคุกคาม ในยุคสมัยจักรพรรดิเมจิประกาศว่าให้พระมีครอบครัวได้ ให้เอาโรงเรียนออกไปจากวัด ไม่ให้สอนศีลธรรมใดๆ อีกเลย วิชาพระพุทธศานาไม่มีให้เรียน ดังนั้นเมื่อพูดถึงพุทธคนจะนึกถึงงานศพ ไม่ได้นึกถึงการสอนธรรมะหรือเผยแผ่พระพุทธศาสนาเลย ถ้าถามชาวพุทธในญี่ปุ่นถึงเจ้าชายสิทธัตถะว่าเป็นใครส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก ศีล 5 มีอะไรบ้างเขาก็ไม่รู้ แทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ฉะนั้นเราเองอย่ายอมให้ใครเอาเหตุผลอะไรก็แล้วแต่มาอ้างเอาวิชาศีลธรรมออกไปจากหลักสูตรในโรงเรียนเด็ดขาด

อะไรคือข้อบกพร่องในศาสนาเดิมของเขา และอะไรที่พระพุทธศาสนาสามารถเติมเต็มให้เขาได้?

        หัวใจสำคัญคือ คนที่มีความรู้มีการศึกษามากนั้น พอศึกษาไปเรื่อยๆ แล้ว การจะให้เชื่อเป็นหลักเขารับไม่ได้ ที่บอกให้เชื่อโดยห้ามสงสัย ถ้าสงสัยแล้วจะเป็นบาป อย่างนี้เป็นต้น บางอย่างมันก็ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ค้นพบได้ ทำให้คนเริ่มรู้สึกว่าจะให้เชื่อในคำสอนดั้งเดิมนั้นมันดูไม่มีเหตุผล เช่น ที่บอกว่าทุกอย่างมาจากพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นสึนามิก็พระเจ้าทำสิ ภูเขาไฟระเบิด พายุพัดคนตายเป็นแสนก็พระเจ้าทำ น้ำท่วมผู้คนลำบากเดือดร้อนกันมากก็พระเจ้าทำ แล้วทำไมก็พระเจ้าโหดร้ายจัง เขาก็พยายามหาเหตุผลมาอธิบาย

อะไรที่พระพุทธศาสนาสามารถเติมเต็มให้ได้
        คนที่มีการศึกษามากมีสติปัญญาไตร่ตรองภาพรวมแล้ว เขาเลยหลุดออกมาจากกรอบความเชื่อที่ถูกครอบเอาไว้ แล้วกลายเป็นต้องการแสวงหาความจริงว่า คำสอนใดที่มีเหตุมีผล มีคุณธรรมพอที่สามารถรับได้ สุดท้ายก็มาพบเจอคำสอนในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ เขาก็บอกว่านี่แหละใช่เลย ระดับไอสไตล์ก็ยังบอกว่าใช่เลย จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักฟิสิกส์ นักแสดง นักกีฬา คือคนที่มีสติปัญญานั้นเมื่อเห็นแล้วจะบอกว่าใช่เลย นี่คือจุดแข็งที่สุดเพราะเราคือสัจธรรม
กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธที่อยู่ต่างแดน เหมือนหรือต่างกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง?
        เวลาที่มีคนไทยมาทำบุญนั้นก็จะคล้ายๆ เมืองไทยเรานี่แหละ แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติที่เป็นคนท้องถิ่นนั้นๆ เข้ามา ส่วนใหญ่เขาจะเน้นว่าอยากจะมาศึกษาสมาธิเป็นอันดับ 1 เลย และเขาเหมือนมีอะไรในใจนะ เมื่อมาเจอพระเหมือนเขามาพบเจอสิ่งที่โหยหามานาน



กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธที่อยู่ต่างประเทศ
        คนในโลกนั้นผู้ที่มีบุญ จริงๆ หมายถึงคนในยุคปัจจุบันนี้ทั้งโลก ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดก็แล้วแต่ ถือว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ในยุคที่มีพระพุทธศาสนาอยู่ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ถ้าเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเลยก็ทำอะไรไม่ได้เลย แต่นี่มาอยู่ในยุคที่มีพระพุทธศาสนา ประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือมีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนา เพียงแต่ว่าไปเกิดในที่ๆ ไม่ใช่ดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง เป็นเพราะมีเหตุหลายๆ อย่าง แต่เหตุหลักอันหนึ่งก็คือว่า ภพในอดีตนั้นเคยเกิดมาพบเจอพระพุทธศาสนา และเคยสร้างบุญในพระพุทธศาสนา ทำให้บุญนั้นเหนี่ยวนำให้มาเกิดในยุคนี้ แต่มีตัวตัดรอนคือ เคยมาทำบุญแล้วมีการกระทบกระทั่งกันแล้วน้อยใจ ไม่พอใจกัน มีเหตุให้ห่างวัดออกไป วิบากกรรมนี้ตามมาทัน แม้บุญที่เคยสร้างไว้ในพระพุทธศาสนาดึงให้มาเกิดในยุคนี้ก็จริง แต่ว่าก็ถูกตัดรอนให้ไปเกิดอยู่ห่างๆ ไกลๆ หรือบางคนเกิดมาทำบุญในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังนับถือเจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรต่างๆ อยู่บ้าง วิบากกรรมนี้ก็ผลักให้ไปเกิดในดินแดนที่เชื่อถือพวกเทพเจ้า หรือเทวะนิยมอย่างนี้เป็นต้น ทุกอย่างมีเหตุที่มาทั้งนั้น
        ในกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย แม้จะมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักแสดง นักกีฬา หรืออะไรก็แล้วแต่ และด้วยความที่เป็นคนโดดเด่นเป็นที่รู้จักของสาธารณชน ชีวิตจะวุ่นวายอยู่กับคนทั่วไป จึงเป็นชีวิตที่มีแต่แรงกดดันรอบด้าน เขาจึงรู้สึกว่าสมาธินั้นเป็นประโยชน์กับเขามาก บางคนหาทางออกไม่ได้ก็ไปพึ่งยาเสพติดบ้าง แต่พอมาเจอสมาธิแล้วหลายคนบอกว่าใช่เลย คนในระดับสูงๆ ที่เป็นผู้นำจำนวนมากต้องกินยานอนหลับทุกคืน เพราะชีวิตมีแรงกดดันสูงมากไม่รู้จะทำอย่างไร พอมานั่งสมาธิแล้วยานอนหลับก็โยนทิ้งได้เลย ทุกอย่างดูสบายมาก ชีวิตมีความสุขสดใส มันจึงพิสูจน์ได้ว่าประโยชน์ในชาตินี้ก็ได้ ประโยชน์ในชาติหน้าก็ได้ เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วเห็นผลดีของการนั่งสมาธิ ใจก็สบาย ประสิทธิภาพในการทำงานก็สูงขึ้น และทุกอย่างมันก็ดีหมด
        จึงจะเห็นได้ว่าคนในโลกนี้ กำลังโหยหาธรรมะและต้องการอย่างยิ่ง แต่ขาดคนแนะนำ ครั้นเราจะฝึกให้พระไทยเราเองมีความรู้ทางด้านภาษา ทั้งจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน หรือภาษาใดๆ ก็แล้วแต่ในโลกนี้ คงจะใช้เวลาพอสมควรและจะฝึกให้ได้เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นคงไม่ใช่ของง่าย ก็เลยใช้วิธีไปตามเอาคนที่อยู่ในประเทศต่างๆ ที่สนใจเรื่องสมาธิมาฝึกในหลักสูตรเข้มข้นเลย 4 เดือนครึ่ง พอจบแล้วก็มาเป็นผู้ช่วยสอนสมาธิ เรียนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ หลักคำสอนในพระพุทธศาสนาสักประมาณ 1 เดือน แล้วให้เข้าไปนั่งสมาธิแบบปล่อยวางทุกอย่างจริงๆ นั่งอย่างเดียว เช้า สาย บ่าย ค่ำ เลย 3 เดือนเต็ม ให้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม อีก 2 สัปดาห์สุดท้ายให้มาศึกษาหลักการในการไปเป็นผู้แนะนำเรื่องสมาธิ ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในคำถาม คำตอบ วิธีการอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อย แล้วส่งกลับไปสอนในประเทศตัวเอง อย่างนี้จะตัดปัญหาเรื่องการใช้ภาษาในประเทศนั้นๆ ได้มาก วัฒนธรรม ความคิดคนในประเทศนั้นๆ เขาก็เข้าใจทุกอย่าง เอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสอนได้เต็มที่เลย แบบนี้จะเร็ว ไม่ต้องเสียเวลามาเรียนภาษา 3-5 ปี พอไปเผยแผ่แล้วมีคนมาสนใจไปฝึกไปเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การขยายตัวก็จะเร็วและกว้างขึ้นมากอย่างรวดเร็ว เพื่อให้โลกในยุคปัจจุบันพระพุทธศาสนากลับมารุ่งเรืองใหม่อีกครั้งหนึ่งทั่วโลก นั่นคือความหวังและความตั้งใจ

ใช้วิธีไปตามเอาคนที่อยู่ในประเทศต่างๆ ที่สนใจเรื่องสมาธิมาฝึกในหลักสูตรเข้มข้น
        เราต้องอาศัยเครือข่ายวัดไทยในต่างประเทศทั้งหมดช่วยกันในเบื้องต้น และไปหากลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เขาสนใจในพระพุทธศาสนา แจ้งให้เขาทราบแล้วมาร่วมรับบุญกัน ขอให้มีจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง จากจุดเริ่มต้นเราก็ค่อยๆ ขยายออกไป คนที่สนใจจริงๆ เมื่อพร้อมก็มาอบรมผู้ช่วยสอนอีกที แล้วมันก็จะขยายออกไป กว้างขึ้นๆ
        ฉะนั้นเรื่องนี้จะทำได้ดีต้องอาศัยการประสาน ความร่วมมือของชาวพุทธทั่วโลก เราเองได้รับประโยชน์จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พูดง่ายๆ ว่าได้มาพึ่งพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ควรจะให้พระพุทธศาสนาได้พึ่งเราบ้าง ต้องจับมือกันทำงาน พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว เอาความรู้ความสามารถของทุกคนมาแบ่งปันกัน แล้วช่วยกันเอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ไปสู่ชาวโลกให้เป็นที่พึ่ง นำความสงบร่มเย็นมาสู่คนทั้งโลก
        อีกอันหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ที่คองโก้นั้นคงพอได้ข่าวกันอยู่บ้าง จุดเริ่มมาจากที่ว่า มีพระภิกษุชาวอินเดียไปเผยแผ่ที่คองโก้ คือไปกับคณะสหประชาชาติ เมื่อคองโก้เกิดเหตุ สหประชาชาติส่งทีมเข้าไป พระภิกษุชาวอินเดียที่เขาไปด้วยก็อยู่ช่วงสั้น ก็บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร พระรัตนตรัยดีอย่างไร ก็มีหนุ่มคองโก้ฟังแล้วประทับใจ ถึงไตรสรณคมน์ว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ เมื่อพระอินเดียเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับ ซึ่งเป็นในช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง แต่หนุ่มคองโก้คนนั้นรักษาความเป็นชาวพุทธต่อเนื่องไปอีก 50 ปี และสอนเรื่องนี้ให้กับเพื่อนบ้าน จนเกิดเป็นชุมชนชาวพุทธอยู่ในคองโก้ตลอด 50 ปี ทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ มีบทสวดมนต์สั้นๆ รู้ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดีอย่างไรแล้ถือเป็นสรณะ ทำมาเรื่อยๆ พอเขาอยากจะฝึกสมาธิ ปรากฏว่าไปถามบาทหลวงที่คุ้นเคยกันในระแวกนั้น ว่าอยากจะฝึกสมาธิแบบพุทธจะทำอย่างไรดี บาหลวงก็บอกว่าพอดีมีข่าวสารภายในขององค์กรคริสต์เองว่า มีสาขาของวัดพระธรรมกายนั้นอยู่ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งอยู่กันคนละประเทศแต่ก็ยังอยู่ในทวีปแอฟริกาเหมือนกัน เขาก็เลยรีบติดต่อไปแล้วเจอพระอาจารย์ของเราซึ่งท่านพูดภาษาอังกฤษคล่อง ติดต่อกันแล้วพระอาจารย์ก็เดินทางไปเยี่ยมก็ติดสอยห้อยตามพระอาจารย์จนเดินทางมาถึงประเทศไทย มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและได้ฟังธรรมจากท่านจนเกิดความปลื้มใจมีความสุขมาก จึงตัดสินใจบวชเป็นพระเลย และตั้งใจฝึกตัวให้เต็มที่เพื่อจะได้นำกลับไปอบรมสาธุชนที่คองโก้ต่อ แม้ผิวกายจะดำแต่หน้าตาผ่องใสเป็นนวล ได้ใส่บาตรครั้งแรกแล้วรู้สึกปลื้มใจกันมาก เมื่อได้เห็นภาพสาธุชนมาอาราธนาศีล สวดมนต์นั่งสมาธิกันแล้วรู้สึกชื่นใจ พระพุทธศาสนาไปถึงที่ไหน จะเอาความสงบร่มเย็นไปถึงที่นั่น เพราะสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนทั้งโลกได้
พุทธศาสนิกชนที่ต้องการช่วยในการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น ควรต้องทำอย่างไรบ้าง?
        ให้ใช้หลักของพระพุทธเจ้า พระองค์ให้ปัจฉิมโอวาทไว้ว่า ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ทำด้วยความไม่ประมาท จงบำเพ็ญประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ประโยชน์ตนคือตัวเองต้องทำให้ดี ถ้าเราอยากจะเผยแผ่ ตัวเราเองนั้นต้องเข้าวัด ศึกษาธรรมะ รักษาศีล ทั้งทาน ศีล ภาวนาก็ทำให้ครบสม่ำเสมอ พอเราทำตัวให้ดีจนคนรอบข้างเขารู้สึกว่าเรานั้นไม่เหมือนเดิม ดีขึ้นแต่ไม่ใช่ในเชิงไปข่มเขา ให้เห็นว่าเป็นคนที่นุ่มนวล ใจเย็น มีน้ำใจ มีความรับผิดชอบ หน้าที่การงานทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย จนเขายอมรับว่ามาวัดแล้วดี พอทำได้อย่างนี้แล้วเราจะมีน้ำหนักคำพูด เพราะสิ่งที่เราทำเป็นตัวรับประกันตัวเราเอง เราก็ชวนคนรอบตัวเรา ญาติพี่น้อง สมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก ค่อยๆ พามาวัดทีละคนสองคน คนไหนชวนง่ายก็ให้ชวนคนนั้นมาก่อน ค่อยๆ ชวนมาทีละนิดๆ แล้ววงก็จะขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ

พุทธศาสนิกชนทั่วโลกสามารถช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไปได้
        และอะไรที่เราเองให้พระพุทธศาสนาได้เราก็ทำ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา มาสนับสนุนช่วยงานพระพุทธศาสนา ใครมีอะไรอย่างไรก็ให้มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ส่วนพระภิกษุสิ่งที่ให้พระพุทธศาสนาที่แน่นอนนั้นก็คือชีวิต เอาชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา พอทุกคนเอาสิ่งที่ตัวเองมีมารวมกันอย่างนี้แล้ว รับรองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่จะขยายกว้างออกไป ที่จะเป็นที่พึ่งให้กับสังคมไทยและสังคมโลกอย่างแน่นอน





Create Date : 03 กันยายน 2555
Last Update : 3 กันยายน 2555 18:33:00 น. 0 comments
Counter : 2476 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.