Group Blog
 
All Blogs
 
ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?

ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?

ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปสู่อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ปุคคลสูตร ว่า...

   
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก

 
ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?



ตอบ  ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปสู่อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ปุคคลสูตร ว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  เรากำหนดรู้จิตของบุคคลบางคนในโลกนี้ ผู้มีจิตขุ่นมัว ด้วยจิตอย่างนี้แล้ว ถ้าในสมัยนี้ บุคคลนี้พึงกระทำกาละไซร้ เขาถูกกรรมของตนซัดไปในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะจิตของเขาขุ่นมัว

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุแห่งจิตขุ่นมัวแล สัตว์บางพวกในโลกนี้ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้.

ย่อมาจากพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พุทธศักราช 2525 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ปุคคลสูตร เล่มที่ 45 หน้าที่ 135

 
 
เหตุที่ทำให้ไปสู่อบาย - นรก มีอะไรอีก ?



ตอบ คนที่มีศีลอันลามก (ชั่ว)  และทิฏฐิอันลามก (ความเห็นผิด) ย่อมไปสู่อบาย - นรก สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปฐมสีลสูตร ว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 2 ประการ อันกรรมของตนซัดไปในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น ธรรม 2 ประการเป็นไฉน คือ ศีลอันลามก 1 ทิฏฐิอันลามก 1
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 2 ประการนี้แล อันกรรมของตนซัดไปในนรก เหมือนถูกนำมาทิ้งลงฉะนั้น.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

     นรชนใดผู้มีปัญญาทราม ประกอบ ด้วยธรรม 2 ประการนี้ คือ ศีลอันลามก 1 ทิฏฐิอันลามก 1 นรชนนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรก.

    เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
 
จบปฐมสีลสูตรที่ 5

จากพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พุทธศักราช 2525 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ปฐมสีลสูตร เล่มที่ 45 หน้าที่ 199


7. ปฐมราชสูตร
ว่าด้วยท้าวโลกบาลตรวจโลก


    [476] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    ในดิถีที่ 8 แห่งปักษ์ พวกอำมาตย์บริวารของมหาราชทั้งสี่เที่ยวดูโลกนี้ ดิถีที่ 14 แห่งปักษ์ พวกบุตรของมหาราชทั้งสี่ เที่ยวดูโลกนี้ วันอุโบสถ 15 ค่ำนั้น มหาราชทั้งสี่ เที่ยวดูโลกนี้ด้วยตนเอง (เพื่อสำรวจ)ว่า ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา บำรุงสมณพราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ถือปฏิชาครอุโบสถ ทำบุญมีจำนวนมากอยู่หรือ

    ถ้าในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนน้อย มหาราชทั้งสี่ก็บอกแก่คณะเทวดาดาวดึงส์ผู้นั่งประชุมในสุธัมมาสภาว่า

    ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนน้อย

    เพราะข้อที่บอกนั้นคณะเทวดาดาวดึงส์ก็เสียใจ (บ่นกัน) ว่า ทิพกายจักเบาบางเสียละหนอ อสุรกายจักเต็มไป

    แต่ถ้าในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนมาก มหาราชทั้งสี่ก็บอกแก่คณะเทวดาดาวดึงส์ ณ สุธรรมสภาว่า

    ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์ คนที่เกื้อกูลมารดาบิดา ฯลฯ ทำบุญมีจำนวนมาก
    เพราะข้อที่บอกนั้น คณะเทวดาดาวดึงส์ก็ชื่นชม (แสดงความยินดี) ว่า ทิพกายจักบริบูรณ์ละพ่อคุณ อสุรกายจักเบาบาง.

จบปฐมราชสูตรที่ 7

จากพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พุทธศักราช 2525 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฐมราชสูตร เล่มที่ 34 หน้าที่ 162



Create Date : 04 ธันวาคม 2555
Last Update : 4 ธันวาคม 2555 17:46:52 น. 0 comments
Counter : 1994 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.