Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่อง "โหงวเฮ้ง"ทำให้รู้หน้ารู้ใจ จริงหรือ

รู้หน้า รู้ใจจริงหรือ


        โหงวเฮ้ง เป็นลักษณะของการพิจารณาดู 5 ประการบนใบหน้าของเรา มี หู ตา คิ้ว จมูก และปาก เพื่อดูลักษณะนิสัยใจคอ รวมไปถึงอดีตและอนาคต ซึ่งทักษะการดูแบบนี้มันจะแม่นหรือตรงจริงหรือไม่



โหงวเฮ้ง เป็นลักษณะของการพิจารณาดู 5 ประการบนใบหน้า



        ตามตำราวิชาโหงวเฮ้ง ทำให้เราได้ทราบถึงการพิจารณาบุคคลที่จะรับเข้าทำงาน หรืออาจเป็นการสังเกตเพื่อหาคนมาร่วมลงทุน มาทำธุรกิจร่วมกัน ช่วยคัดกรองบุคคลต่างๆ เพื่อมาร่วมงาน ร่วมธุรกิจ หรือแม้กระทั่งร่วมชีวิตด้วยกัน


มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับศาสตร์การดูโหงวเฮ้ง?

        สิ่งที่คนเราคิด พูด ทำ ซ้ำๆ นั้นจะส่งผลต่อบุคลิกลักษณะ นี่คือข้อมูลพื้นฐานเลย และโดยบุคลิกของคนแต่ละคนก็พอจะสื่อถึงนิสัยใจคอได้เหมือนกัน เช่นถ้าคิดถึงแต่เรื่องไม่ดีบ่อยๆ หน้าตาก็จะดูหมองคล้ำดำเครียด โบราณว่า ราศีโจรจับ บุคลิกก็จะดูแย่ แต่ถ้าในคนๆ เดียวกันนี้กลับคิดถึงแต่เรื่องดีๆ กลับตัวกลับใจ เข้าวัดเข้าวา ปฏิบัติธรรม บุคลิกก็เปลี่ยนเป็นดูผ่องใส เพราะคิดแต่เรื่องดีๆ บ่อยๆ พูดถึงแต่สิ่งดีๆ บ่อยๆ ทำแต่สิ่งที่ดีบ่อยๆ ใจก็จะสบาย พอใจสบายบุคลิกก็ส่งผลสะท้อนออกมา
        ฉะนั้นแม้ในคนๆ เดียวกัน เราเองคงเคยรู้สึกว่า บุคลิกเราเองก็มีการเปลี่ยนตลอด บางช่วงกำลังอารมณ์ดีเบิกบาน สดใส บุคลิกก็จะดูดี แต่บางช่วงอารมณ์ไม่ดีติดปัญหาไปหมด หน้าตาก็จะดูเคร่งเครียด คนอื่นมองเห็นแล้วก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย


การดูโหงวเฮ้งบนใบหน้าของเราจะบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง?

        จริงๆ แล้วการพิจารณาดูใบหน้าของเราซึ่งมี หู ตา คิ้ว จมูก และปากนั้น ความจริงแล้วไม่ได้มีแค่นี้ ยังดูถึงผิวพรรณวรรณะ อากัปกิริยาต่าง การเดินนั่ง ทุกอย่างมีผลหมด มันจะสะท้อนบุคลิกออกมาให้เห็นทั้งหมดเลย อย่างตอนที่ใจเราสบาย อากัปกิริยาต่างๆ ของเราก็จะดูหนักแน่นมั่นคง แต่ถ้าคนไหนที่มีอะไรในใจท่าทางก็จะดูลุกลี้ลุกลน ในทางวิทยาศาสตร์เขาก็สามารถผลิตเครื่องจับเท็จได้แล้ว เพราะเขารู้ว่าคนเราถ้าคิดจะพูดเท็จแล้วอุณหภูมิในร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลง จังหวะการเต้นของหัวใจหรือความดันก็เริ่มเปลี่ยนจากปกติ คนเก่งๆ แค่มองหน้าตา คุยไปก็รู้แล้วว่าคนที่พูดนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะความคิดมันจะสะท้อนกลับออกมาหมด

เราจะใช้ประโยชน์จากการดูบุคลิกคนจากภายนอก ที่สามารถบ่งบอกนิสัยใจคอได้อย่างไรบ้าง?
        อันนี้คงจะช่วยได้มาก เพราะเราเองเมื่อจะคบใครถ้าดูออกว่าเขาเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ ก็จะช่วยเราได้เยอะ หรือถ้าเราเป็นหัวหน้างาน จะรับคนมาทำงานบางครั้งก็ต้องให้ซินแสมาดูโหงวเฮ้งให้ ว่าดีไหม อันนี้ก็ถือเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่ง
        ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าสิ่งต่างๆ ที่เราคิด พูด ทำบ่อยๆ จนเป็นนิสัยนั้นมันส่งผลต่อบุคลิก ฉะนั้นการดูบุคลิกคนอื่นนั้นก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะมองให้รู้เห็นถึงอนาคตว่าชาติหน้าจะเป็นอย่างไร อันนี้ก็มีส่วนอยู่บ้าง แต่ก็คงจะไม่แม่น 100 % เพราะถ้าชาตินี้เขาคิดดี พูดดี ทำดี เราก็พอจะประมาณได้ว่า อนาคตข้างหน้าก็จะดีทั้งในชาตินี้และชาติหน้า แต่ถ้าต่อไปข้างหน้าเขาไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองใหม่ จากคนดีๆ บางทีกลายเป็นร้ายก็มี อนาคตเขาก็ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ มันอยู่ที่การกระทำ นี่คือกฎแห่งกรรม เมื่อทำสิ่งที่ดีก็สะท้อนมาถึงบุคลิกที่ดี ถ้าไปทำสิ่งที่ไม่ดีก็จะสะท้อนถึงบุคลิกที่เสีย แล้วก็ส่งผลเสียต่อเนื่องทั้งในชาตินี้และชาติหน้าเลย
        เพราะฉะนั้น การอ่านคนได้ มีส่วนช่วยได้ แต่ถ้าแค่เจอหน้า พูดคุย ดูบุคลิก แล้วอ่านเลยอย่างนี้ก็ถือว่ายังคร่าวๆ ถ้าหากเราคบกับใคร คนรอบๆ ตัวเรา เรามีโอกาสสังเกตมากกว่านั้น ก็ให้ดูสิ่งที่เขาคิด พูด ทำ เพราะพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมานั้นจะบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นอย่างไร อย่างนี้เป็นประโยชน์กับเราแน่นอน

ปัจจุบันมีการทำศัลยกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนโหงวเฮ้ง ตรงนี้มีความเห็นว่าอย่างไร?
        เรื่องศัลยกรรมนั้น คงไม่สามารถแก้นิสัยของคนได้ ก็คงช่วยได้แค่ทำให้ดูดีขึ้น ทำให้เจ้าตัวเกิดความมั่นใจ สบายใจขึ้น แต่นี้ก็เป็นแค่ผิวเผิน ซึ่งมันก็มีวิธีการเปลี่ยนโหงวเฮ้งโดยไม่ต้องเจ็บตัวด้วย นั่นคือเราเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง คิดในเรื่องที่ดีๆ ให้มากกว่าเดิม พูดอะไรที่ไม่ดี เราก็พยายามงด ไม่พูด อะไรที่มันร้ายๆ พูดแล้วตัวเองและคนอื่นเสียหายก็ไม่พูด ให้พูดถึงแต่สิ่งที่เป็นบุญกุศล สิ่งที่ดีงาม แล้วก็ทำแต่เรื่องดีๆ ทำได้อย่างนี้โหงวเฮ้งเราก็จะเปลี่ยน บุคลิกจะผ่องใสดูดีโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเงินด้วย เพราะมันดีมาจากภายในนั่นเอง อย่างนี้ดียาว ใครๆ ก็อยากเข้าหาเพราะดูแล้วเย็นตาเย็นใจ อย่าไปหลงประเด็นติดอยู่ที่เปลือกข้างนอก ต้องมองว่าเปลือกข้างนอกมันสะท้อนออกมาจากภายใน เมื่อไหร่ที่ไม่คิดจะแก้จากภายในแต่จะไปแก้ที่เปลือกนอก มันก็จะได้แค่ชั่วคราวไม่ยั่งยืน ดีไม่ดีจะเกิดผลเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นการทำศัลยกรรมก็ไม่ช่วยอะไรในการแก้เคล็ด แก้ดวง หรือเสริมโหงวเฮ้ง เสริมบารมีได้เลย


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พูดถึงลักษณะของคนที่ดี ซึ่งดูได้จากภายนอกไว้บ้างหรือไม่?

คนที่ดี คือคนที่ คิด พูด ทำในสิ่งที่ดี พระพุทธองค์บอกว่าคนเราจะดีหรือไม่อยู่ที่การกระทำ ถ้าอยากมีโหงวเฮ้งดีก็ต้อง คิด พูด ทำ แต่สิ่งที่ดี แล้วบุญจะส่งผลให้เราดีได้หมดทุกอย่าง
        ในพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ หรือเป็นจันทานมาก่อนแล้วมาบวชเป็นพระ ก็ถือว่ามีความเท่าเทียมกัน เคารพกันตามอาวุโส ใครบวชก่อนก็เป็นพี่บวชทีหลังเป็นน้อง ก็ต้องให้ความเคารพพี่ แม้ว่าน้องจะเป็นโอรสกษัตริย์ พี่จะเป็นคนวรรณะจันทานก็ต้องเคารพกัน พื้นฐานความเป็นมนุษย์มันไม่ต่างกันมาก ความรู้ความสามารถก็ยังเป็นเรื่องรองลงมา มันยังฝึกกันได้ แต่หัวใจจริงๆ คือความชั่วดีกระด้าง ให้ตั้งใจฝึกปฏิบัติให้ดี แล้วเราก็จะเป็นคนที่ดี เป็นคนโหงวเฮ้งดี มีคนยอมรับนับถือ ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิต
        ในสมัยโบราณ คนที่มีอิทธิพลต่อลูกมากก็คือพ่อแม่ ถ้าเป็นลูกผู้หญิง แม่จะมีผลมากที่สุด ถ้าลูกชายก็มีพ่อเป็นแบบอย่าง ฉะนั้นถ้าแม่เป็นอย่างไรลูกก็มีโอกาสเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นคนอบรมบ่มนิสัย ถึงมีคำพูดที่ว่า ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่ ถ้าจะดูให้แน่ๆ ต้องดูถึงปู่ย่าตายาย แต่ว่าความจริงเป็นแค่ส่วนหนึ่งมันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบางทีแม่เป็นคนดี แต่ลูกบางทีเป็นคนไม่ดี อย่างนี้ก็มี


จะมีวิธีการดูได้อย่างไรว่าคนไหนเป็นคนดีหรือไม่ดี?

คนที่เป็นบัณฑิต คือ คนที่ชอบคิดดี พูดดี และทำดี ชอบชักนำไปแต่ในทางที่ดี เช่น ชวนเข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล ทำบุญ เป็นต้น ถ้าคนพาลคือคนที่ชอบคิดร้ายๆ พูดร้ายๆ และทำแต่ในเรื่องร้ายๆ ชอบชักนำไปแต่ในทางที่ผิด เช่นชอบชวนไปกินเหล้า เที่ยวเตร่เฮฮา เล่นการพนัน เป็นต้น และคนพาลจะชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ ชอบไปวุ่นวายเรื่องของชาวบ้านเขา คนพาลนั้นแม้พูดดีๆ ด้วยก็โกรธ และไม่รับรู้ระเบียบวินัย ชอบทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ

 ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนพาล เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้นเรียน เป็นต้น กรณีอย่างนี้ต้องตั้งสติให้ดี เพราะใกล้ไปก็ร้อน ห่างไปก็หนาว ก็ต้องไม่ให้ใกล้หรือห่างจนเกินไป ถึงจะพอประคองตัวเองให้ผ่านไปได้ ในสถานการณ์ที่คนใกล้ตัวจะห่างไปไม่ได้ และเราเองก็ต้องตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมให้มากเป็นพิเศษ จะได้มีหลักในการวินิจฉัยว่า แค่ไหน ได้หรือไม่ได้ หลักการที่ถูกต้องเป็นอย่างไร แล้วรีบเข้าวัดเข้าวาหาผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์ที่เป็นหลักใจให้เราได้ จะได้เป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้เชื้อพาลไปติดเราเข้า

โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว ทาง DMC




Create Date : 23 มิถุนายน 2555
Last Update : 23 มิถุนายน 2555 17:29:17 น. 0 comments
Counter : 1977 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.