Group Blog
 
All Blogs
 

"กาม"เหมือนคบเพลิงหญ้า เหมิอนหลุมถ่านเพลิง เหมือนความฝัน เหมือนของที่ยืมมา

กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก... หาส่วนเหลือมิได้

 

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
ณ ป่าประดู่ลาย
 
กามเหมือนคบเพลิงหญ้า
(พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับโปตลิยคฤหบดี)

     ดูก่อนคฤหบดี เปรียบเหมือนบุรุษพึงถือคบเพลิงหญ้าอันไฟติดทั่วแล้ว เดินทวนลมไปฉันใด
 
     ดูก่อนคฤหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ถ้าบุรุษนั้นไม่รีบปล่อยคบเพลิงหญ้าอันไฟติดทั่วนั้นเสีย คบเพลิงหญ้าอันไฟติดทั่วนั้น พึงไหม้มือ ไหม้แขนหรืออวัยวะน้อยใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่งของบุรุษนั้น บุรุษนั้นจะถึงตายหรือถึงทุกข์ปางตาย เพราะคบเพลิงนั้นเป็นเหตุ
 
      อย่างนั้น พระองค์ผู้เจริญ
 
    ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกก็ฉันนั้นแล ย่อมพิจราณาเห็นดังนี้ว่า กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก... หาส่วนเหลือมิได้
 
โปตลิยสูตร เล่ม 20 หน้า 82
 

กามเหมือนหลุมถ่านเพลิง
(พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับโปตลิยคฤหบดี)

     ดูก่อนคฤหบดี เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง เต็มด้วยถ่านเพลิงอันปราศจากเปลว ปราศจากควัน บุรุษผู้รักชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ พึงมา
 
       บุรุษมีกำลังสองคนช่วยกันจับบุรุษนั้นข้างละคน ฉุดเข้าไปยังหลุมถ่านเพลิง ฉันใด
 
     ดูก่อนคฤหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจะพึงน้อมกายเข้าไปด้วยคิดเห็นว่าอย่างนี้ๆ บ้างหรือ

    ไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ผู้่เจริญ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะบุรุษนั้นรู้ว่า เราจักตกลงยังหลุมถ่านเพลิงนี้ จักถึงตาย หรือถึงทุกข์ปางตายเพราะการตกลงยังหลุมถ่านเพลิงเป็นเหตุ

     ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกก็ฉันนั้นแล ย่อมพิจรณาเห็นดังนี้ว่า กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเปรียบด้วยความฝัน มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก... หาส่วนเหลือมิได้

โปตลิยสูตร เล่ม 20 หน้า 83

กามเหมือนความฝัน
(พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับโปตลิยคฤหบดี)
 
     ดูก่อนคฤหบดี เปรียบเหมือนบุรุษพึงฝันเห็นสวนอันน่ารื่นรมย์ ป่าอันน่ารื่นรมย์ ภาคพืื้นอันน่ารื่นรมย์ สระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์ บุรุษนั้นตื่นขึ้นแล้ว ไม่พึงเห็นอะไร ฉันใด
 
     ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกก็ฉันนั้นแล ย่อมพิจราณาเห็นดังนี้ว่า กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเปรียบด้วยความฝัน มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก... หาส่วนเหลือมิได้ 
 
โปตลิยสูตร เล่ม 20 หน้า 84 

 

กามเหมือนของที่ยืมมา
(พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับโปตลิยคฤหบดี)

    ดูก่อนคฤหบดี เปรียบเหมือนบุรุษพึงยืมโภคสมบัติ คือแก้วมณี และกุณฑลอย่างดีบรรทุกยานไป เขาแวดล้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่ตนยืมมา พึงเดินไปภายในตลาด คนเเห็นเขาเข้าแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุรุษผู้นี้มีโภคสมบัติหนอ ได้ยินว่าชนทั้งหลาย ผู้บริโภคสมบัติย่อมใช้สอยโภคสมบัติอย่างนี้ ดังนี้ พวกเจ้าของพึงพบบุรุษนั้น ๆ ณ ที่ใด ๆ พึงนำเอาของตนคืนไปในที่นั้น ๆ ฉันใด

     ดูก่อนคฤหบดี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จะสมควรหรือหนอ เพื่อความที่บุรุษนั้นจะเป็นอย่างอื่นไป

     ไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ผู้เจริญ ข้อนั้นเเพราะเหตุไร เพราะเจ้าของย่อมจะนำของตนคืนไปได้

     ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกก็ฉันนั้นแล ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เปรียบด้วยของยืม มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก... หาส่วนเหลือมิได้
 
โปตลิยสูตร เล่ม 20 หน้า 84

 




 

Create Date : 10 กันยายน 2555    
Last Update : 10 กันยายน 2555 11:42:50 น.
Counter : 2052 Pageviews.  

ความสุข สุขที่ควรกลัวและไม่ควรกลัว

"กามคุณนี้มี 5 อย่าง คือ รูปที่รู้ได้ด้วยจักษุอันน่าปราถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เป็นที่รู้ได้ด้วยโสต... กลิ่นที่รู้ได้ด้วยฆานะ... รสที่รู้ได้ด้วยชิวหา... โผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย อันน่าปราถนา น่าใคร่ น่าพอใจ "



แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
ความสุข

สุขที่ควรกลัว

ความสุขที่น่ากลัว

กามคุณ 5 สุขที่ควรกลัว

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณนี้มี 5 อย่างแล 5 อย่างเป็นไฉน คือ รูปที่รู้ได้ด้วยจักษุอันน่าปราถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เป็นที่รู้ได้ด้วยโสต...กลิ่นที่รู้ได้ด้วยฆานะ...รสที่รู้ได้ด้วยชิวหา....โผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย อันน่าปราถนา น่าใคร่ น่าพใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด นี้แลกามคุณ 5
       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สุขโสมนัสใดแล อาศัยกามคุณ 5 เหล่านี้เกิดขึ้น สุขโสมนัสนี้ เรียกว่าสุขอาศัยกาม สุขของปุถุชน สุขอากูล ไม่ใช่สุขของพระอริยะ เรากล่าวว่า ไม่พึงเสพ ไม่พึงให้เจริญ ไม่พึงทำให้มาก พึงกลัวสุขนี้

อรณวิภังคสูตร เล่ม ๒๓ หน้า ๓๒๔
สุขที่ไม่ควรกลัว 1
(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสกับสัจจกนิครนถ์)
            อัคคิเวสสนะ เรานั้นได้ปริวิตกว่า เราจะกลัวความสุข ซึ่งเป็นความสุขนอกจากกามทั้งหลาย นอกจากอกุศลธรรมแลหรืออัคคิเวสสนะ เรานั้นได้ปริวิตกต่อไปว่า เราไม่ควรกลัวต่อสุขซึ่งเป็นสุขนอกจากกามทั้งหลาย นอกจากอกุศลธรรมเช่นนั้นเลย

จูฬสัจจกสูตร เล่ม ๑๙ หน้า ๑๒๖
สุขที่ไม่ควรกลัว 2

เราไม่ควรกลัวต่อสุขซึ่งเป็นสุขนอกจากกามทั้งหลาย
ความสงัด สุขที่ไม่ควรกลัว

ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้  สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปิติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติ และสุขเกิดแต่สมาธิ(Meditation)อยู่
มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไปบรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข บรรลุจตุถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ  ได้อุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ 

ฌานทั้งสี่นี้เรากล่าวว่า ความสุขเกิดแต่ความออกจากกาม ความสุขเกิดแต่ความสงัด ความสุขเกิดแต่ความสงบ ความสุขเกิดแต่ความสัมโพธิ อันบุคคลควรเสพ ควรให้เกิดมี ควรทำให้มาก ไม่ควรกลัวแต่สุขนั้น ดังนี้

ลฑุกอโลปมสูตร เล่ม ๒๐ หน้า ๓๖๒




 

Create Date : 07 กันยายน 2555    
Last Update : 7 กันยายน 2555 18:10:58 น.
Counter : 1779 Pageviews.  

ทำไมพระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร จึงมีลูกศิษย์มากมายทั่วโลก

พระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดีและวิชาความรู้ที่ท่านได้สอนหรือถ่ายทอดให้กับผู้คนทั้งหลายก็ยังตกทอดมาถึงทุกวันนี้

ข้อคิดรอบตัว
 
 
 
หลวงปู่
 
        พระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ แม้ว่าท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดีของท่าน รวมถึงวิชาความรู้ที่ท่านได้สอนหรือถ่ายทอดให้กับผู้คนทั้งหลาย โดยผ่านทางคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันขนนกยูง และสืบทอดมายังพระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย จนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้
 

ทำไมพระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร จึงมีลูกศิษย์มากมายทั่วโลก?

 
        พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญนั้น ท่านคือผู้ที่ค้นเอาวิชชาธรรมกายกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คือหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วนั้น หลักธรรมะปฏิบัติก็ยังคงมาอยู่อีกระยะเวลาหนึ่ง พอหลังจากนั้นแล้วก็จะเหลือเป็นตัวอักษรเป็นหลักทฤษฎี เป็นภาคปริยัติในหนังสือ พระไตรปิฎก แต่ผู้ที่จะเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ถึงจริงนั้นเลือนไป ก็ยังมีการปฏิบัติอยู่ในรูปแบบต่างๆ แต่ว่าผู้ที่จะบรรลุธรรมหรือเข้าถึงธรรมนั้นห่างออกไป เช่นคำว่า มัชฌิมาปฏิปทา เส้นทางสายกลาง ก็รู้แต่เพียงหลักปริยัติว่า คือทางสายกลางระหว่างความสุดโต่ง 2 อย่าง คือ ทรมานร่างกายก็ไม่เอา หมกมุ่นในกามสุขก็ไม่เอา เอาแค่ทางสายกลาง เพราะรู้อยู่แค่นี้ แต่ความจริงในเชิงปฏิบัติเส้นทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา คือการนำใจของเราดำเนินไปที่ศูนย์กลางกายที่คนไม่ค่อยทราบกันเลย พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านมีคุณูปการอย่างยิ่งต่อชาวโลกก็คือว่า การนำเอาหลักธรรมะปฏิบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่าวิชชาธรรมกายนั้นกลับคืนมาสู่โลกอีกครั้ง
 
ท่านคือผู้ที่ค้นเอาวิชชาธรรมกายกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ท่านคือผู้ที่ค้นเอาวิชชาธรรมกายกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
 
        กว่าจะได้อย่างนั้น เรียกได้ว่าต้องทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว ท่านเองเมื่อบวชแล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่ 10 กว่าพรรษา มาบรรลุธรรมเอาในพรรษาที่ 12 วันเพ็ญเดือน 10 หลังจากไปศึกษากับพระอาจารย์ต่างๆ ที่ไหนใครว่าอาจารย์ไหนเก่งในเรื่องธรรมะปฏิบัติ ก็ไปร่ำเรียนศึกษามาจนหมดเลย สุดท้ายก็มาปฏิบัติเองเพราะไปศึกษาแล้วมันยังไม่ถึง หมดความรู้ครูบาอาจารย์แล้วแต่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น จุดที่บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งวันเพ็ญเดือน 10 เมื่อปี พ.ศ. 2460 ปฏิบัติธรรมแบบทิ้งชีวิต วันนี้ถ้าไม่บรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นจะขอยอมตาย ในที่สุดวันนั้นก็เป็นวันที่ท่านได้เข้าถึงธรรม ใจนิ่งอยู่ตรงกลางเห็นเป็นดวงสว่าง ที่ศูนย์กลางกายเหนือสะดือ 2 นิ้วมืออยู่ที่กลางท้อง แรกๆ ก็งงว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ปรากฏว่ามีเสียงดังขึ้นมาจากตรงกลางว่า มัชฌิมาปฏิปทา เส้นทางสายกลาง ก็เอาใจเข้ากลางไปเรื่อยๆ ก็มีดวงสว่างซ้อนๆ ขึ้นมา 6 ดวง แล้วก็เห็นเป็นกายภายในเหมือนตัวเองแต่ใสสว่าง ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นกายมนุษย์ละเอียดและเข้าถึงกายภายในตามลำดับๆ จนกระทั่งเข้าถึงธรรมกายภายใน ในวันเพ็ญเดือน 10 เราจึงเรียกวันนี้ว่าเป็นวันครูวิชชาธรรมกาย จึงถือว่าท่านมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่กับชาวโลก ด้วยการนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภาคปฏิบัติกลับคืนมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง ศิษย์เอกของพระเดชพระคุณหลวงปู่ก็คือ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันขนนกยูง ที่เป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย เป็นผู้ที่หลวงปู่ท่านยกย่องว่าเป็น 1 ไม่มี 2 ในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของท่าน และพระภิกษุรุ่นบุกเบิกของวัดพระธรรมกายก็มี หลวงพ่อธัมมชโย เป็นประธาน ก็ถือว่าเป็นศิษย์ของคุณยายอาจารย์ต่อมา ฉะนั้นชาววัดจึงมีความเคารพบูชา กตัญญูต่อพระเดชพระคุณหลวงปู่มาก เพราะถือว่าเป็นผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ผู้ให้ความรู้ในวิชชาธรรมกายกับเรา
 

ในแต่ละปีมีการจัดงานรำลึกถึงท่านอย่างไรบ้าง?

 
        ถ้าเราอยากจะระลึกถึงท่าน เราก็จะมาปฏิบัติธรรมเป็นหลัก แต่ในรายละเอียดงานพิธีการอย่างอื่นนั้นขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละปีจะมีอะไร แต่เนื้อหาหลักคือมาปฏิบัติธรรมแล้วระลึกถึงท่าน ปฏิบัติบูชาเลิศกว่าการบูชาทั้งปวง เราเอาปฏิบัติบูชาที่ท่านสอนมาเป็นหัวใจหลัก อย่างอื่นก็เสริมเข้ามา เช่น ในบางปีจะมีพิธีอันเชิญรูปหล่อทองคำของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่าน ไปประดิษฐานที่มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ที่อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ที่พวกเราได้ช่วยกันสละทรัพย์มาหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำแท้ เพื่อให้สาธุชนชาวพุทธได้เคารพสักการบูชากัน
 
การเคารพบูชาครูบาอาจารย์นั้นมีอานิสงส์อย่างไรบ้าง?
 
        อานิสงส์จะได้ตั้งแต่ การที่เราบูชาบุคคลที่ควรบูชา ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญนั้นเราก็ได้บุญมาก เหมือนในสมัยพุทธกาล หลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูก็สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีหญิงคนหนึ่งยากจนแต่มีศรัทธาอยากไปบูชาพระสถูปพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีเงิน จะไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนอะไรก็ไม่มีแต่มีศรัทธา ซึ่งสำคัญที่สุด ก็เลยเก็บดอกบวบขมจากข้างทาง 4 ดอก ตั้งใจถือมาจะเอาไปบูชาพระสถูป พอเดินมาถึงกลางทางถูกโคแม่ลูกอ่อนวิ่งมาขวิดตายก่อน พอตายแล้วด้วยบุญที่ตั้งใจจะไปบูชาพระสถูป แต่ไปไม่ถึงนั่นแหละส่งผลให้ไปเกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองสีเหมือนดอกบวบขมเลย ขนาดพระอินทร์เห็นแล้วก็ยังต้องชื่นชมว่าทำบุญอะไรมาถึงมีวิมานสวยงามขนาดนี้ เทพธิดาก็เขินอายไม่กล้าพูด เพราะรู้สึกว่าทำบุญนิดเดียว จนพระอินทร์ต้องคะยั้นคะยอถึงยอมพูดว่าทำบุญด้วยดอกบวบขมที่เก็บจากริมทาง แต่เพราะบูชาถูกเนื้อนาบุญ บุญถึงได้ส่งผลอย่างนี้
 
        ฉะนั้นเราเองถ้าทำบุญด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ดอกบวบขมอย่างนี้ เตรียมทานที่ประณีตเท่าที่กำลังเราเองจะเตรียมได้ และทำด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ทักขิไนยนั้นหาชื่อว่าเป็นของน้อยไม่ บุญเกิดขึ้นกับเราอย่างมหาศาล ถูกธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านปฏิบัติธรรมเข้าถึงธรรมกายของพระพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน เมื่อเราทำบุญกับท่านก็จะได้บุญมหาศาล
 
ทำไมจะต้องหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำ ถ้าหล่อด้วยอย่างอื่นจะต่างกันอย่างไร?
 
        เราลองนึกดูว่าถ้ามีคนในโลกมาถึงแล้วบอกว่าที่นี่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่ฯ ด้วยทองคำบริสุทธิ์ คนที่ไม่รู้จักมาก่อนจะรู้สึกว่าบุคคลคนนี้ต้องไม่ธรรมดา ถ้าสร้างรูปปั้นให้ด้วยโลหะอะไรต่างๆ นั้นก็มักจะนึกถึงว่าคนๆ นั้นต้องเป็นคนดี ถึงได้รับการยกย่องชื่นชมอย่างนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกนึกถึง แต่ถ้าหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์แล้วถามว่ามีกี่รายในโลก แสดงว่าบุคคลนี้ต้องไม่ธรรมดาแล้ว ฉะนั้นคนที่มาสักการะจะเกิดความรู้สึกว่าใจจะเปิด ทำให้เกิดความสงสัยว่าท่านดีอย่างไร ทำไมคนถึงต้องมาหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำ ก็จะเกิดความอยากรู้แล้วก็จะตั้งใจศึกษา พอศึกษาแล้วก็จะได้ต้นแบบ นี่เป็นอุบาย
 
ทำไมจะต้องหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำ
ทำไมจะต้องหล่อรูปเหมือนท่านด้วยทองคำ
 
        ฉะนั้นเราลองคิดดูว่า ถ้าต่อไปคนทั่วโลกมาบูชารูปหล่อทองคำของท่านเป็นร้อยล้านพันล้านคน เพราะว่าไม่ได้อยู่แค่ปีเดียวแต่อยู่ยาวเป็นพันๆ ปี งบประมาณในการหล่อสมมติว่าเป็นหลักร้อยล้านหรือพันล้าน ก็เท่ากับว่าลงทุนต่อหัวแค่คนละ 1 บาทเท่านั้นเอง ในการทำให้คน 1 พันล้านคนเปิดใจให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาประวัติของบุคคลที่เป็นต้นแบบในยุคใกล้ปัจจุบัน และทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการทำความดีด้วยการใช้เงินแค่คนละ 1 บาท ซึ่งมันสุดคุ้มเลย และองค์ท่านก็ยังคงอยู่ตลอดหลายพันปีไม่ได้สูญหายไปไหน เพราะทองคำเป็นโลหะธาตุที่บริสุทธิ์และไม่ทำปฏิกิริยากับอย่างอื่น ยกเว้นกรด จึงมีความคงทนถาวรยิ่งกว่าโลหะอื่นใดในโลก
 
ในการเดินทางไปสักการะท่านนั้นสามารถไปที่ไหนได้บ้าง?
 
        เราเรียกว่าเส้นทางมหาปูชะนียาจารย์ มีอยู่ 4 ที่ แห่งแรกคือมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี อยู่บนแผ่นดินบ้านเกิดของท่านเลย ที่ๆ 2 คือที่ๆ ท่านบรรลุธรรม คือที่วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เราก็ไปขออนุญาตทางวัดแล้วสร้างโบสถ์คร่อมโบสถ์เดิมของท่าน เพื่อรักษาโบสถ์เดิมไว้ ที่ๆ 3 คือที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ตรงนี้คือเป็นที่ๆ ท่านสอนธรรมะวิชชาธรรมกายครั้งแรก เพราะท่านรู้ว่าที่นี่จะมีเข้าถึงธรรมได้ จึงจาริกมาที่วัดบางปลาแล้วสอนธรรมะที่นี่เป็นเวลา 4 เดือน มีพระภิกษุ 3 รูป ฆราวาสอีก 4 คน ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย เป็นพยานในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
ท่านสอนธรรมะและมีผู้ปฏิบัติตามจนเข้าถึงพระธรรมกายได้
ท่านสอนธรรมะและมีผู้ปฏิบัติตามจนเข้าถึงพระธรรมกายได้
 
        คือถ้าเราได้คนเดียวคนอื่นก็ไม่รู้ตาม ฉะนั้นการสอนธรรมะให้มีผู้อื่นได้ปฏิบัติตามและเข้าถึงตามได้นั้น มีความสำคัญมาก เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าท่านบรรลุธรรมพระองค์เดียว คนอื่นก็ไม่รู้ตาม ฉะนั้นการแสดงปฐมเทศนาของพระองค์จึงถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากๆ ที่ท่านเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีจนกระทั่งปัญจวัคคีบรรลุธรรมตามได้ นี่คือที่สำคัญที่ท่านได้ไปแสดงปฐมเทศนา
 
        หลวงปู่ก็เหมือนกัน เราเลยถือว่าที่ๆ ท่านสอนธรรมะและมีผู้ปฏิบัติจนเข้าถึงพระธรรมกายครั้งแรกนั้น ที่วัดบางปลาจึงมีความสำคัญ ซึ่งที่นี่เป็นที่ๆ 3 ส่วนที่ๆ 4 เป็นที่ๆ ท่านละสังขาร ท่านได้อยู่สอนธรรมะและปกครองวัดมาตลอดอายุขัยของท่าน จนกระทั่งละสังขารมรณภาพที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ทั้งหมดคือเส้นทางมหาปูชะนียาจารย์ ที่ที่ท่านเกิด ที่ท่านบรรลุธรรม ที่ท่านสอนธรรมะครั้งแรก และที่ที่ท่านละสังขาร ทั้งหมด 4 ที่ คือ เส้นทางมหาปูชะนียาจารย์
 
การสวมชุดสีขาวมาเคารพสักการะท่านนั้นมีความสำคัญอย่างไร?
 
        ต้องบอกว่านี้ไม่ใช่ของใหม่ เป็นการเอาธรรมเนียมเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ในสมัยพุทธกาลเลย แต่เราละเลยไม่ใส่ใจให้ฟื้นกลับมา ในสมัยพุทธกาลนั้น เวลาชาวพุทธจะไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไปทำบุญที่วัด เขาจะใส่ชุดสีขาวกัน ชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อน เตรียมเครื่องไทยธรรมไปวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมกัน แสดงถึงความเคารพในพระรัตนตรัย
 
        คนเราเมื่อใส่ชุดสีขาวแล้ว จะลุกจะนั่งก็ต้องมีความระมัดระวังกลัวจะเปื้อน ก็จะมีสติระมัดระวังตัว และพอเราเห็นทุกคนที่ไปวัดใส่แต่ชุดสีขาวเหมือนกันหมดมองดูแล้วก็ใจสบาย อย่างศรีลังกาเขาก็ยังรักษาของเก่าอยู่ เวลาไปวัดก็จะใส่ชุดสีขาวกันหมด จะไม่รู้สึกแปลกตาเลยเพราะมีให้เห็นกันอยู่ทั่วๆ ไปเป็นปกติ
 
        ประเทศไทยเองก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่อยๆ เกิดขึ้นมาแล้ว ที่วัดพระธรรมกายคนจะมาเป็นหมื่นเป็นแสนส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุดขาว มีบ้างที่เสื้อเป็นสีขาวกางเกงอาจเป็นสีอื่นแต่เป็นส่วนน้อย และเริ่มจะเป็นสีขาวล้วนมากขึ้นๆ ยิ่งถ้าจะเข้าไปในมหาวิหารหลวงปู่นั้นเราก็ได้ตั้งกติกาไว้เป็นพิเศษว่า ให้เป็นชุดขาวๆ คือขาวล้วนๆ ห้ามมีสีอื่นปนแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นพระนั้นไม่มีปัญหา
 
ก่อนไปร่วมงานสักการะองค์ท่าน เราควรมีการเตรียมกายวาจาใจอย่างไร?
 
        ก่อนไปร่วมงานนั้นให้เรารู้ว่าเราไปเพื่ออะไร ที่นี่ไม่มีคอนเสิร์ต ไม่มีลิเก เป็นงานบุญล้วนๆ ฉะนั้นเราเองต้องศึกษาสาระของงานบุญว่าคืออะไร ต้องคิดให้ได้ว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระเดชพระคุณหลวงปู่ ในฐานะที่ท่านไปค้นเอาหลักธรรมะปฏิบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมาให้เรา ทำให้เราเองมีความเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าเป็นจริงตามนั้น นี่คือพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ซึ่งท่านเป็นพยานบุคคลคนหนึ่งที่ไม่ใช่มีแค่ท่านคนเดียว มีลูกศิษย์ท่านอีกหลายคนด้วยที่สามารถเป็นพยานได้
 
        ถ้าไม่มีหลวงปู่ จะเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย เพราะมีท่านอย่างนี้แหละจึงเกิดการตื่นตัวของชาวพุทธขนานใหญ่ขึ้นมาในระดับหนึ่ง จะมีใครสักกี่คนแม้มองภายนอกหยาบๆ จะทำได้อย่างนี้ ท่านคือต้นบุญต้นแบบของเราจริงๆ
 
        เมื่อเราศึกษาสาระตรงนี้แล้ว เราจะรู้ว่าที่เรามานั้นมาเพื่ออะไร คุณธรรมท่านคืออะไร แล้วเราจะได้ตั้งใจฝึกตัวเองตามแบบอย่างท่าน ท่านทุ่มเทสอนเรามาขนาดนี้ ก็ควรตั้งใจฝึกตัวเองกันต่อไป
และในวันนั้นก็ควรมาด้วยใจที่มีศรัทธาเลื่อมใสเต็มที่ ตั้งแต่เช้าก่อนงาน 7 วัน นั่งสมาธิ(Meditation)ให้ใจใสๆ ถึงวันงานก็มาด้วยใจที่ปลอดโปร่ง แม้คนจะมาก เมื่อใจเราเองสงบนิ่งเต็มที่คนมากก็เหมือนคนน้อย และให้ทุกคนมีใจเหมือนอยู่ในบุญตลอด
 
        หลังงานก็ต้องระลึกนึกถึงงานบุญนั้นด้วยความปลื้มปีติตลอด นั่งสมาธิต่ออีกอย่างน้อย 7 วัน ทำใจใสๆ บุญจะได้หลั่งไหลมาที่ตัวเราเองอย่างต่อเนื่องเต็มที่ตลอด 7 วัน คือ ก่อนงาน ระหว่างงาน และหลังงาน ให้ทำแบบนี้ ส่วนในวันงานนั้นให้เรานึกว่าเราไม่ได้มาเอาความสะดวกสบาย เหมือนการจาริกมาแสวงบุญ ฉะนั้นจะลำบากอย่างไรให้นึกถึงหลวงปู่ไว้ว่าท่านในสมัยก่อนนั้นลำบากกว่าเรามาก เราเองเมื่อมาเจอคนหมู่ใหญ่เข้า ให้เรารักษาอารมณ์ของเราให้ใสไว้ ไม่ให้หงุดหงิด เจออะไรที่ทำให้ไม่สบอารมณ์เข้าก็ให้ปัดทิ้ง อย่างไปคาดหวังอะไรมาก ทำตัวให้เรียบง่ายที่สุด




 

Create Date : 04 กันยายน 2555    
Last Update : 4 กันยายน 2555 18:07:55 น.
Counter : 1988 Pageviews.  

ทำไมคนมีชื่อเสียงจึงหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น


ปัจจุบันในต่างประเทศจะเห็นว่ามีผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ หลายคนในระดับโลก หันมานับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยนับถือศาสนาอื่นมาก่อน จึงเป็นที่น่าสนใจว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้พวกเขามาศึกษาพระพุทธศาสนากัน


ข้อคิดรอบตัว
โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว ทาง DMC
ข้อคิด in-ter
        ปัจจุบันในต่างประเทศจะเห็นว่ามีดารา นักแสดง นักกีฬา หรือแม้แต่ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ หลายคนในระดับโลก ที่หันมานับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยนับถือศาสนาอื่นมาก่อน จึงเป็นที่น่าสนใจว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้พวกเขาหันมาศึกษาพระพุทธศาสนากัน

ในต่างประเทศมีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กว้างขวางได้อย่างไร?

        พระพุทธศาสนาเรานั้นไม่เหมือนศาสนาอื่น ถ้าศาสนาอื่นเขาจะเผยแผ่กันในเชิงรุกอย่างเต็มที่ ทั้งพิมพ์หนังสือแจกเต็มไปหมด เข้าตามพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ พยายามทุกวิถีทาง แต่ศาสนาพุทธเรานั้นกลับกลายเป็นว่า อย่าว่าแต่เผยแผ่ในเชิงรุกเลย แม้แต่เผยแผ่ในเชิงรับก็ยังไม่ค่อยจะพร้อมกันเลย คือเมื่อมีคนเขาสนใจอยากจะศึกษามาหาเราแล้ว เรายังไม่ค่อยพร้อมจะให้เขาเลย ลองนึกง่ายๆ ถ้ามีฝรั่งเขานั่งเครื่องบินมาถึงเมืองไทยแล้วมาเจอเราและถามเราว่า เขาต้องการมาฝึกสมาธิ(Meditation)จะทำอย่างไรดี เราเองก็จะงงๆ ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แม้แต่คนไทยเองถ้าต้องการไปฝึกที่ไหนก็ยังไม่รู้ ยิ่งเป็นฝรั่งหรือชาวต่างชาติการใช้ภาษาก็ไม่เหมือนกัน แล้วจะให้ไปเรียนที่ไหนดี ก็ตอบไม่ได้ ขนาดเขามาถึงเราแล้วเรายังไม่พร้อมที่จะรับเขาเลยแบบนี้ นี่คือความเป็นจริง
        ฉะนั้นจึงต้องบอกว่าขณะนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังมีการตื่นตัวสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาครั้งใหญ่ ส่วนใหญ่มีความสนใจจริงๆ โดยไม่ได้มีใครไปเผยแผ่ให้เขาเลย เพราะคนที่เคยศึกษามาก่อนเขามาเล่าให้ฟังว่ามันดียังไง สอนกันอย่างไร เมื่อรู้ว่าดีอย่างไรต่างคนก็ต่างไปเสาะแสวงหาข้อมูลแล้วเอามาแบ่งปันกัน และสถานที่ๆ จะสอนสมาธิให้กับชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางด้านทิเบตและทางด้านเซน เซนนั้นมาจากญี่ปุ่นเนื่องจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการศึกษาเขาดีเพราะมีความรู้มาก ส่วนทิเบตเนื่องจากเกิดปัญหาทางการเมือง ต้องอพยพลี้ภัยจากทิเบตเข้ามาสู่อินเดียที่ธรรมศาลา และพระทิเบตก็กระจายไปทั้งโลก และคนทิเบตในที่ต่างๆ มีน้อย เมื่อไปในที่ต่างๆ แล้วไม่สามารถสร้างศรัทธาในที่นั้นๆ ได้ก็ตายแน่ ฉะนั้นสถานการณ์จึงบังคับให้พระทิเบตต้องสอนธรรมะให้กับคนในท้องถิ่น จึงทำให้พุทธทิเบตค่อนข้างเป็นที่รู้จักคู่กับพุทธแบบเซนมากในปัจจุบัน
        แต่พุทธเถรวาทของเรา พระไทยก็ไปสร้างวัดในต่างแดนมาก แต่ส่วนใหญ่เมื่อไปแล้วก็ไปเผยแผ่คนไทยเป็นหลัก มีคนต่างชาติบ้างแต่ก็เล็กน้อย นี่คือภาวะจริงๆ ที่เกิดขึ้น ขนาดว่าศาสนาพุทธโดยภาพรวมแล้ว ไม่ได้เผยแผ่ในเชิงรุกเลยไปแบบธรรมชาติ คนที่มาก็ต้องเป็นคนที่สนใจจริงๆ ถึงจะมาศึกษา ขนาดในอเมริกายังมีคนสนใจศึกษาจนเปลี่ยนเป็นชาวพุทธไปเลยเป็นแสนๆ คน ที่ลงมือปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิทุกวัน แต่ยังไม่ถึงขนาดประกาศเปลี่ยนศาสนา อาจจะบอกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีศาสนาหรือยังนับถือศาสนาเดิมอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ กลับมาสนใจพุทธและฝึกปฏิบัติแบบที่พระพุทธเจ้าสอน อย่างนี้มีเป็นสิบๆ ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเขากล่าวกันว่าพระพุทธศาสนาเป็นแนวโน้มใหม่

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ
        สังคมอเมริกา คือต่อไปชาวอเมริกาอาจจะมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็ได้ และถ้าคนไทยปล่อยปะละเลยก็อาจจะหายไปจากเมืองไทยก็ได้ แล้วไปรุ่งเรืองในอเมริกาแทนก็เป็นไปได้ ในญี่ปุ่นเองก็มีการตื่นตัวเรื่องนี้เหมือนกัน หรือแม้แต่ในยุโรปก็ด้วย นี่คือกระแสในประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลกเลย
        ยังนึกอยู่เลยว่า ถ้าหากพระพุทธศาสนา หรือองค์กรพุทธนั้น มีการเผยแผ่ในเชิงรุกอย่างเต็มระบบและมีประสิทธิภาพแล้ว พระพุทธศาสนาจะขจรขจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบัน ทั้งอินเตอร์เน็ต มือถือ ดาวเทียม เป็นต้น จะทำให้ไปได้เร็วกว่าเก่ามาก เพราะจุดแข็งของพระพุทธศาสนาก็คือว่า คำสอนของเรานั้นเป็นเยี่ยม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระสัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก พระองค์ไม่ได้สอนในเรื่องของความเชื่อแต่สอนเรื่องความจริง พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้เรื่องความจริงของโลกและชีวิตแล้วมาสอนเรา ฉะนั้นเมื่อใครปฏิบัติตามก็จะพบเห็นทันที โดยเฉพาะผู้มีปัญญาจะเห็นว่าคำสอนแบบนี้นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ จุดแข็งของพระพุทธศาสนาคือคำสอน
        ลองย้อนกลับมาดูว่า เมื่อใดที่องค์กรพุทธทำการเผยแผ่เชิงรุกอย่างเป็นระบบเต็มที่แล้ว เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะแผ่ขยายขจรขจายเป็นที่พึ่งของคนทั้งโลกอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว และประเทศที่เป็นหลักทั้งหมดของพระพุทธศาสนาในปัจจุบันก็มีไม่กี่ประเทศ คือ ไทย พม่า ลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม ก็พบว่าโดยฐานทางเศรษฐกิจและสังคมประเทศไทยนั้นดีกว่าเพื่อน ฉะนั้นความหวังในการจะนำพระพุทธศาสนาไปได้ทั้งโลกนั้นอยู่ที่ประเทศไทย
        ทางพุทธเถรวาทไทย พม่า ลังกา ลาว กัมพูชานั้น รูปแบบการสอนจะค่อนข้างคล้ายๆ กัน ถ้าทางฝ่ายมหายานพระจีนนั้นจะค่อนข้างเป็นฝ่ายออกไปหาผู้คนมากกว่า ถ้าในญี่ปุ่นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งเพราะถูกอำนาจการเมืองคุกคาม ในยุคสมัยจักรพรรดิเมจิประกาศว่าให้พระมีครอบครัวได้ ให้เอาโรงเรียนออกไปจากวัด ไม่ให้สอนศีลธรรมใดๆ อีกเลย วิชาพระพุทธศานาไม่มีให้เรียน ดังนั้นเมื่อพูดถึงพุทธคนจะนึกถึงงานศพ ไม่ได้นึกถึงการสอนธรรมะหรือเผยแผ่พระพุทธศาสนาเลย ถ้าถามชาวพุทธในญี่ปุ่นถึงเจ้าชายสิทธัตถะว่าเป็นใครส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก ศีล 5 มีอะไรบ้างเขาก็ไม่รู้ แทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ฉะนั้นเราเองอย่ายอมให้ใครเอาเหตุผลอะไรก็แล้วแต่มาอ้างเอาวิชาศีลธรรมออกไปจากหลักสูตรในโรงเรียนเด็ดขาด

อะไรคือข้อบกพร่องในศาสนาเดิมของเขา และอะไรที่พระพุทธศาสนาสามารถเติมเต็มให้เขาได้?

        หัวใจสำคัญคือ คนที่มีความรู้มีการศึกษามากนั้น พอศึกษาไปเรื่อยๆ แล้ว การจะให้เชื่อเป็นหลักเขารับไม่ได้ ที่บอกให้เชื่อโดยห้ามสงสัย ถ้าสงสัยแล้วจะเป็นบาป อย่างนี้เป็นต้น บางอย่างมันก็ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ค้นพบได้ ทำให้คนเริ่มรู้สึกว่าจะให้เชื่อในคำสอนดั้งเดิมนั้นมันดูไม่มีเหตุผล เช่น ที่บอกว่าทุกอย่างมาจากพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นสึนามิก็พระเจ้าทำสิ ภูเขาไฟระเบิด พายุพัดคนตายเป็นแสนก็พระเจ้าทำ น้ำท่วมผู้คนลำบากเดือดร้อนกันมากก็พระเจ้าทำ แล้วทำไมก็พระเจ้าโหดร้ายจัง เขาก็พยายามหาเหตุผลมาอธิบาย

อะไรที่พระพุทธศาสนาสามารถเติมเต็มให้ได้
        คนที่มีการศึกษามากมีสติปัญญาไตร่ตรองภาพรวมแล้ว เขาเลยหลุดออกมาจากกรอบความเชื่อที่ถูกครอบเอาไว้ แล้วกลายเป็นต้องการแสวงหาความจริงว่า คำสอนใดที่มีเหตุมีผล มีคุณธรรมพอที่สามารถรับได้ สุดท้ายก็มาพบเจอคำสอนในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ เขาก็บอกว่านี่แหละใช่เลย ระดับไอสไตล์ก็ยังบอกว่าใช่เลย จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักฟิสิกส์ นักแสดง นักกีฬา คือคนที่มีสติปัญญานั้นเมื่อเห็นแล้วจะบอกว่าใช่เลย นี่คือจุดแข็งที่สุดเพราะเราคือสัจธรรม
กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธที่อยู่ต่างแดน เหมือนหรือต่างกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง?
        เวลาที่มีคนไทยมาทำบุญนั้นก็จะคล้ายๆ เมืองไทยเรานี่แหละ แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติที่เป็นคนท้องถิ่นนั้นๆ เข้ามา ส่วนใหญ่เขาจะเน้นว่าอยากจะมาศึกษาสมาธิเป็นอันดับ 1 เลย และเขาเหมือนมีอะไรในใจนะ เมื่อมาเจอพระเหมือนเขามาพบเจอสิ่งที่โหยหามานาน



กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธที่อยู่ต่างประเทศ
        คนในโลกนั้นผู้ที่มีบุญ จริงๆ หมายถึงคนในยุคปัจจุบันนี้ทั้งโลก ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดก็แล้วแต่ ถือว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ในยุคที่มีพระพุทธศาสนาอยู่ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ถ้าเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเลยก็ทำอะไรไม่ได้เลย แต่นี่มาอยู่ในยุคที่มีพระพุทธศาสนา ประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือมีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนา เพียงแต่ว่าไปเกิดในที่ๆ ไม่ใช่ดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง เป็นเพราะมีเหตุหลายๆ อย่าง แต่เหตุหลักอันหนึ่งก็คือว่า ภพในอดีตนั้นเคยเกิดมาพบเจอพระพุทธศาสนา และเคยสร้างบุญในพระพุทธศาสนา ทำให้บุญนั้นเหนี่ยวนำให้มาเกิดในยุคนี้ แต่มีตัวตัดรอนคือ เคยมาทำบุญแล้วมีการกระทบกระทั่งกันแล้วน้อยใจ ไม่พอใจกัน มีเหตุให้ห่างวัดออกไป วิบากกรรมนี้ตามมาทัน แม้บุญที่เคยสร้างไว้ในพระพุทธศาสนาดึงให้มาเกิดในยุคนี้ก็จริง แต่ว่าก็ถูกตัดรอนให้ไปเกิดอยู่ห่างๆ ไกลๆ หรือบางคนเกิดมาทำบุญในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังนับถือเจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรต่างๆ อยู่บ้าง วิบากกรรมนี้ก็ผลักให้ไปเกิดในดินแดนที่เชื่อถือพวกเทพเจ้า หรือเทวะนิยมอย่างนี้เป็นต้น ทุกอย่างมีเหตุที่มาทั้งนั้น
        ในกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย แม้จะมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักแสดง นักกีฬา หรืออะไรก็แล้วแต่ และด้วยความที่เป็นคนโดดเด่นเป็นที่รู้จักของสาธารณชน ชีวิตจะวุ่นวายอยู่กับคนทั่วไป จึงเป็นชีวิตที่มีแต่แรงกดดันรอบด้าน เขาจึงรู้สึกว่าสมาธินั้นเป็นประโยชน์กับเขามาก บางคนหาทางออกไม่ได้ก็ไปพึ่งยาเสพติดบ้าง แต่พอมาเจอสมาธิแล้วหลายคนบอกว่าใช่เลย คนในระดับสูงๆ ที่เป็นผู้นำจำนวนมากต้องกินยานอนหลับทุกคืน เพราะชีวิตมีแรงกดดันสูงมากไม่รู้จะทำอย่างไร พอมานั่งสมาธิแล้วยานอนหลับก็โยนทิ้งได้เลย ทุกอย่างดูสบายมาก ชีวิตมีความสุขสดใส มันจึงพิสูจน์ได้ว่าประโยชน์ในชาตินี้ก็ได้ ประโยชน์ในชาติหน้าก็ได้ เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วเห็นผลดีของการนั่งสมาธิ ใจก็สบาย ประสิทธิภาพในการทำงานก็สูงขึ้น และทุกอย่างมันก็ดีหมด
        จึงจะเห็นได้ว่าคนในโลกนี้ กำลังโหยหาธรรมะและต้องการอย่างยิ่ง แต่ขาดคนแนะนำ ครั้นเราจะฝึกให้พระไทยเราเองมีความรู้ทางด้านภาษา ทั้งจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน หรือภาษาใดๆ ก็แล้วแต่ในโลกนี้ คงจะใช้เวลาพอสมควรและจะฝึกให้ได้เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นคงไม่ใช่ของง่าย ก็เลยใช้วิธีไปตามเอาคนที่อยู่ในประเทศต่างๆ ที่สนใจเรื่องสมาธิมาฝึกในหลักสูตรเข้มข้นเลย 4 เดือนครึ่ง พอจบแล้วก็มาเป็นผู้ช่วยสอนสมาธิ เรียนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ หลักคำสอนในพระพุทธศาสนาสักประมาณ 1 เดือน แล้วให้เข้าไปนั่งสมาธิแบบปล่อยวางทุกอย่างจริงๆ นั่งอย่างเดียว เช้า สาย บ่าย ค่ำ เลย 3 เดือนเต็ม ให้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม อีก 2 สัปดาห์สุดท้ายให้มาศึกษาหลักการในการไปเป็นผู้แนะนำเรื่องสมาธิ ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในคำถาม คำตอบ วิธีการอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อย แล้วส่งกลับไปสอนในประเทศตัวเอง อย่างนี้จะตัดปัญหาเรื่องการใช้ภาษาในประเทศนั้นๆ ได้มาก วัฒนธรรม ความคิดคนในประเทศนั้นๆ เขาก็เข้าใจทุกอย่าง เอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสอนได้เต็มที่เลย แบบนี้จะเร็ว ไม่ต้องเสียเวลามาเรียนภาษา 3-5 ปี พอไปเผยแผ่แล้วมีคนมาสนใจไปฝึกไปเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การขยายตัวก็จะเร็วและกว้างขึ้นมากอย่างรวดเร็ว เพื่อให้โลกในยุคปัจจุบันพระพุทธศาสนากลับมารุ่งเรืองใหม่อีกครั้งหนึ่งทั่วโลก นั่นคือความหวังและความตั้งใจ

ใช้วิธีไปตามเอาคนที่อยู่ในประเทศต่างๆ ที่สนใจเรื่องสมาธิมาฝึกในหลักสูตรเข้มข้น
        เราต้องอาศัยเครือข่ายวัดไทยในต่างประเทศทั้งหมดช่วยกันในเบื้องต้น และไปหากลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เขาสนใจในพระพุทธศาสนา แจ้งให้เขาทราบแล้วมาร่วมรับบุญกัน ขอให้มีจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง จากจุดเริ่มต้นเราก็ค่อยๆ ขยายออกไป คนที่สนใจจริงๆ เมื่อพร้อมก็มาอบรมผู้ช่วยสอนอีกที แล้วมันก็จะขยายออกไป กว้างขึ้นๆ
        ฉะนั้นเรื่องนี้จะทำได้ดีต้องอาศัยการประสาน ความร่วมมือของชาวพุทธทั่วโลก เราเองได้รับประโยชน์จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พูดง่ายๆ ว่าได้มาพึ่งพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ควรจะให้พระพุทธศาสนาได้พึ่งเราบ้าง ต้องจับมือกันทำงาน พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว เอาความรู้ความสามารถของทุกคนมาแบ่งปันกัน แล้วช่วยกันเอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ไปสู่ชาวโลกให้เป็นที่พึ่ง นำความสงบร่มเย็นมาสู่คนทั้งโลก
        อีกอันหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ที่คองโก้นั้นคงพอได้ข่าวกันอยู่บ้าง จุดเริ่มมาจากที่ว่า มีพระภิกษุชาวอินเดียไปเผยแผ่ที่คองโก้ คือไปกับคณะสหประชาชาติ เมื่อคองโก้เกิดเหตุ สหประชาชาติส่งทีมเข้าไป พระภิกษุชาวอินเดียที่เขาไปด้วยก็อยู่ช่วงสั้น ก็บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร พระรัตนตรัยดีอย่างไร ก็มีหนุ่มคองโก้ฟังแล้วประทับใจ ถึงไตรสรณคมน์ว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ เมื่อพระอินเดียเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับ ซึ่งเป็นในช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง แต่หนุ่มคองโก้คนนั้นรักษาความเป็นชาวพุทธต่อเนื่องไปอีก 50 ปี และสอนเรื่องนี้ให้กับเพื่อนบ้าน จนเกิดเป็นชุมชนชาวพุทธอยู่ในคองโก้ตลอด 50 ปี ทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ มีบทสวดมนต์สั้นๆ รู้ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดีอย่างไรแล้ถือเป็นสรณะ ทำมาเรื่อยๆ พอเขาอยากจะฝึกสมาธิ ปรากฏว่าไปถามบาทหลวงที่คุ้นเคยกันในระแวกนั้น ว่าอยากจะฝึกสมาธิแบบพุทธจะทำอย่างไรดี บาหลวงก็บอกว่าพอดีมีข่าวสารภายในขององค์กรคริสต์เองว่า มีสาขาของวัดพระธรรมกายนั้นอยู่ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งอยู่กันคนละประเทศแต่ก็ยังอยู่ในทวีปแอฟริกาเหมือนกัน เขาก็เลยรีบติดต่อไปแล้วเจอพระอาจารย์ของเราซึ่งท่านพูดภาษาอังกฤษคล่อง ติดต่อกันแล้วพระอาจารย์ก็เดินทางไปเยี่ยมก็ติดสอยห้อยตามพระอาจารย์จนเดินทางมาถึงประเทศไทย มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและได้ฟังธรรมจากท่านจนเกิดความปลื้มใจมีความสุขมาก จึงตัดสินใจบวชเป็นพระเลย และตั้งใจฝึกตัวให้เต็มที่เพื่อจะได้นำกลับไปอบรมสาธุชนที่คองโก้ต่อ แม้ผิวกายจะดำแต่หน้าตาผ่องใสเป็นนวล ได้ใส่บาตรครั้งแรกแล้วรู้สึกปลื้มใจกันมาก เมื่อได้เห็นภาพสาธุชนมาอาราธนาศีล สวดมนต์นั่งสมาธิกันแล้วรู้สึกชื่นใจ พระพุทธศาสนาไปถึงที่ไหน จะเอาความสงบร่มเย็นไปถึงที่นั่น เพราะสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนทั้งโลกได้
พุทธศาสนิกชนที่ต้องการช่วยในการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น ควรต้องทำอย่างไรบ้าง?
        ให้ใช้หลักของพระพุทธเจ้า พระองค์ให้ปัจฉิมโอวาทไว้ว่า ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ทำด้วยความไม่ประมาท จงบำเพ็ญประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ประโยชน์ตนคือตัวเองต้องทำให้ดี ถ้าเราอยากจะเผยแผ่ ตัวเราเองนั้นต้องเข้าวัด ศึกษาธรรมะ รักษาศีล ทั้งทาน ศีล ภาวนาก็ทำให้ครบสม่ำเสมอ พอเราทำตัวให้ดีจนคนรอบข้างเขารู้สึกว่าเรานั้นไม่เหมือนเดิม ดีขึ้นแต่ไม่ใช่ในเชิงไปข่มเขา ให้เห็นว่าเป็นคนที่นุ่มนวล ใจเย็น มีน้ำใจ มีความรับผิดชอบ หน้าที่การงานทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย จนเขายอมรับว่ามาวัดแล้วดี พอทำได้อย่างนี้แล้วเราจะมีน้ำหนักคำพูด เพราะสิ่งที่เราทำเป็นตัวรับประกันตัวเราเอง เราก็ชวนคนรอบตัวเรา ญาติพี่น้อง สมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก ค่อยๆ พามาวัดทีละคนสองคน คนไหนชวนง่ายก็ให้ชวนคนนั้นมาก่อน ค่อยๆ ชวนมาทีละนิดๆ แล้ววงก็จะขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ

พุทธศาสนิกชนทั่วโลกสามารถช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไปได้
        และอะไรที่เราเองให้พระพุทธศาสนาได้เราก็ทำ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา มาสนับสนุนช่วยงานพระพุทธศาสนา ใครมีอะไรอย่างไรก็ให้มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ส่วนพระภิกษุสิ่งที่ให้พระพุทธศาสนาที่แน่นอนนั้นก็คือชีวิต เอาชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา พอทุกคนเอาสิ่งที่ตัวเองมีมารวมกันอย่างนี้แล้ว รับรองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่จะขยายกว้างออกไป ที่จะเป็นที่พึ่งให้กับสังคมไทยและสังคมโลกอย่างแน่นอน





 

Create Date : 03 กันยายน 2555    
Last Update : 3 กันยายน 2555 18:33:00 น.
Counter : 2475 Pageviews.  

ปล่อย....ผ่าน...ท่อธารของใจ







ใจที่เหมาะสมที่จะเข้าถึงธรรม นั้นจะต้องไม่ผูกพันกับคน สัตว์ สิ่งของใดๆ ทั้งสิ้น ต้องไม่ผูกพัน..


ที่เราได้ยินได้ฟังว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่น เราฟังกันจนชิน แต่เราก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง


ที่ท่านสอนว่าไม่ให้ไปยึดมั่นถือมั่นให้ปลดปล่อยวาง เพราะ…
ไปผูกพันไปนึกถึงสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลามันไม่เกิดประโยชน์


แล้วเราก็ยึดมั่นถือมั่นมายาวนานตั้งแต่เราเกิดมาจนกระทั่งบัดนี้ มันไม่ได้ช่วยให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสุขที่แท้จริง


ท่านสอนให้ปล่อยวาง แม้กระทั่งความคิดที่ว่าเราจะเอาให้ได้อย่างจริงจัง และคาดหวังว่าวันนี้เราจะนั่ง (สมาธิ) ได้ดีกว่าเมื่อวาน ดีกว่าทุกๆวัน ความคิดเช่นนี้ แม้เป็นกุศลธรรมก็ไม่ควรคิดอีกเหมือนกันก็แปลว่าเราไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไร ไม่ว่าจะบวกหรือลบ ให้หยุดตรงกลาง


ความคิดผ่านมาในใจ เราก็ต้องใช้สองคำว่า “ช่างมัน”


เราต้องยอมรับว่าในชีวิตประจำวันทุกวันที่ผ่านมา เราเก็บประสบการณ์เหล่านั้นมาเป็นภาพ หากเราไปผูกพันมันก็ฟุ้งซ่าน หากไปต่อต้านก็อึดอัดทุรนทุราย

เพราะฉะนั้นทำตัวให้เหมือนท่อน้ำคืออยู่เฉยๆ ปล่อยให้น้ำมันผ่านไป ท่อธารของใจก็เช่นเดียวกันปล่อยให้ความคิดผ่านไป ไม่ต้องไปคิดต่อ ทำเฉยๆนิ่ง


บริกรรมนิมิตเป็นเพชรสักเม็ดหรือองค์พระใสๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง ประคองใจด้วยคำภาวนา "สัมมาอะระหัง" ผึกไปทุกอิริยาบถจะสัมผัสถึงกระแสแห่งความสุขภายในที่ต่างจากความสุขภายนอกอย่างชัดเจน


Smiley

พระธรรมเทศนาหลวงพ่อธัมมชโย พระเทพญาณมหามุนี


เรียบเรียงจากหนังสือ ง่ายแต่ลึก




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2555    
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 9:39:28 น.
Counter : 1682 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.