ธรรมะวันหยุด
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9)

เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com

ในมงคลสูตร 38 ประการ ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ มงคลคาถาที่ 5 ว่า การให้ทาน การประพฤติเป็นธรรม การสงเคราะห์หมู่ญาติ การทำงานที่ไม่มีโทษ ทั้ง 4 ประการนี้เป็นอุดมมงคล

การให้ ได้แก่ ผู้ที่มีเจตนาผ่องใสไม่โลภไม่ตระหนี่ รู้จักอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจกว้างใหญ่ไพศาล สามารถนำสิ่งของๆ ตนออกบริจาคเป็นทาน จำแนกออกเป็น 3 ประการคือ

อามิสทาน ได้แก่ ให้ด้วยอามิสคือสิ่งของ เช่น อาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้า พาหนะ เป็นต้น

ธรรมทาน ได้แก่ ให้ธรรมเป็นทานคือ แนะนำสั่งสอนให้ ผู้อื่นตั้งอยู่ในธรรม หรือกล่าวธรรมให้ผู้อื่นฟังด้วยจิตเป็นกุศล เพื่อหวังผลให้ผู้อื่นตั้งตนอยู่ในธรรม รู้ทั่วถึงธรรม อันจัดเป็นอุบายให้ดำรงชีวิตอยู่ในทางที่ชอบและประกอบในสัมมาปฏิบัติ เป็นการให้ที่มีผลมากกว่าการให้ทั้งปวง ดังพุทธพจน์ที่ว่า "การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง"

อภัยทาน ได้แก่ ให้อภัย คือความเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัยในบุคคลและสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการไม่ฆ่า ไม่ล้างผลาญเบียดเบียนชีวิต ทรัพย์สมบัติ และกรรมสิทธิ์ของกันและกัน ด้วยหวังผลคือความสุขอิสระในชีวิต ในสมบัติ และในกรรมสิทธิ์ของกันและกัน อันเป็นความผาสุกที่ทุกคนปรารถนา ดังพุทธพจน์ที่ว่า "ความไม่เบียดเบียนกันและกันเป็นสุขในโลก"

การประพฤติธรรมคือ ผู้ที่ประพฤติธรรมเป็นปกติ สรุปได้เป็น 2 กรณี คือ

1.ประพฤติเป็นธรรม หมายถึง ทำความประพฤติของตนให้ถูกต้องและให้ดียิ่งขึ้น เช่น คนทำมาค้าขาย ก็ทำให้ถูกให้ดี และพยายามทำให้ถูกให้ดีต่อๆ ไป

2.การประพฤติตามธรรม หมายถึง ฝึกอบรมตนตามแนวทางธรรมให้สูงขึ้นตามลำดับ เช่น ไม่เคยรักษาศีลก็ฝึกรักษาศีล ไม่เคยบำเพ็ญภาวนาสวดมนต์ไหว้พระก็ฝึกทำ อย่างนี้เรียกว่าประพฤติตามธรรมคือการทำถูกทำดี ไม่ว่าใครจะอยู่ในหน้าที่การงานอย่างไร งานทุกอย่างย่อมต้องการความถูกต้องและความดี ทั้งนั้น การทำให้ถูกทำให้ดีนั้นก็จะได้ผลดี

การสงเคราะห์ญาติ หมายถึง การรวมน้ำใจญาติให้เป็นปึกแผ่น ไม่ให้แตกแยกกระจัดกระจายกัน วิธีสงเคราะห์ก็ใช้หลักสังคหวัตถุ 4 ประการ คือ 1.การให้ปันสิ่งของ 2.การพูดจาแต่ คำน่ารัก 3.การบำเพ็ญประโยชน์แก่กัน 4.การวางตัวเสมอต้นเสมอปลาย

งานที่ไม่มีโทษ หมายถึง 1.งานทำความดีทางกาย เรียกว่า กายสุจริต 2.งานทำความดีทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต 3.งานทำความดีทางใจ เรียกว่า มโนสุจริต

งานที่ไม่มีโทษก็คืองานทั้ง 3 ทางที่ว่านี้ เป็นงานที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดศีลธรรม ถ้างานใดไม่ผิดทั้ง 4 อย่างนี้ก็จัดเป็นการงานที่ไม่มีโทษ เป็นงานสูงสุดหาที่ติไม่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม งานที่ไม่มีโทษทำให้เกิดผลประโยชน์เป็นบุญอยู่เนืองนิตย์ บุคคลผู้บำเพ็ญ เมื่อได้แลเห็นกิจที่ตนทำสำเร็จประโยชน์แก่ผู้อื่นก็ย่อมชุ่มชื่นเบิกบานใจได้โสมนัส เพราะรู้สึกว่ากิจที่ตนทำไม่ไร้ผล

เพราะฉะนั้น บุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติตามมงคลความเจริญ 4 ประการดังกล่าวมา ชื่อว่าได้ยึดถือประโยชน์อันเป็นมงคลคือเหตุแห่งความเจริญก้าวหน้าในชีวิตไว้ได้

หน้า 23

ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์ 

สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ

Create Date : 24 พฤษภาคม 2557
Last Update : 24 พฤษภาคม 2557 11:32:29 น.		0 comments
Counter : 546 Pageviews.
Share Tweet