โลกธรรม - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
ธรรมประจำโลก หรือเรื่องเป็นของมีอยู่ประจำโลก เรียกว่า โลกธรรม ทุกคนในโลกย่อมถูกโลกธรรมกระทบทั้งนั้น ไม่มีใครพ้นไปได้ เหมือนคนลงสู่ทะเลแล้วหลีกคลื่นทะเลไม่พ้น
โลกธรรมจึงเปรียบเหมือนคลื่นของโลก ที่ซัดมนุษย์และสัตว์ ให้เต้นไปตามจังหวะและแรงของมัน แบ่งไว้เป็น 8 อย่าง เป็นฝ่ายที่น่าพอใจน่าชอบใจ และฝ่ายที่ไม่น่าพอใจ ไม่น่าชอบใจ
ฝ่ายที่น่าพอใจน่าชอบใจ มี 4 คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นส่วน สมบัติ ส่วนฝ่ายที่ไม่น่าพอใจไม่น่าชอบใจ มี 4 คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา ประสบทุกข์ เป็น วิบัติ
โลกธรรม 8 ประการแบ่งเป็นคู่ได้ 4 คู่ คือ
คู่ที่ 1 ได้ลาภ เสื่อมลาภ ลาภ หมายถึง การได้สิ่งอันพึงใจ ต้องการสิ่งใดเมื่อได้สิ่งนั้น จัดว่าได้ลาภ สิ่งที่ได้มานั้น อาจเป็นบุคคล สิ่งของหรือเงินทองก็ได้ ลาภหรือสิ่งที่ได้มานั้น ที่รู้สึกว่าเป็นลาภ เพราะได้สิ่งอันพึงพอใจ หรือเพราะใจต้องการ เมื่อสิ่งที่ตนได้มาแล้วนั้น มีอันวิบัติขัดข้อง สูญหายไปตามธรรมดาของสังขารที่ต้องเสื่อม เช่น เสียเงิน เสียที่อยู่อาศัย สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก คือ เสื่อมลาภ
คู่ที่ 2 ได้ยศ เสื่อมยศ ยศ แปลว่า ความยิ่ง ยิ่งด้วยความเป็นใหญ่เรียกอิสริยยศ ยิ่งด้วยชื่อเสียงคุณความดีเรียกเกียรติยศ ยิ่งด้วยบริวารพวกพ้องเรียกบริวารยศ อิสริยยศ ยศคือความเป็นใหญ่ ความเป็นหัวหน้า เกียรติยศ ยศคือคุณงามความดี ชื่อเสียงอันเกิดจากความดี เช่น ทำประโยชน์แก่สังคม บริวารยศ ยศคือบริวาร พวกพ้อง มีบริวารมาก มีคนนับถือรักใคร่ ยศเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งมีเกิดมีดับ เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ได้ ยศถา บรรดาศักดิ์ อาจกลายเป็นคนไร้ยศ หมดอำนาจวาสนา ถูกถอดจาก ยศ ลดหรือปลดตำแหน่งหน้าที่ ตกจากความเป็นใหญ่ คือเสื่อมยศ
คู่ที่ 3 ได้รับสรรเสริญ ถูกนินทา สรรเสริญ ได้แก่ การกล่าวถึงความดีต่อหน้าหรือลับหลัง การได้ยินได้ฟังคำสรรเสริญ คำยกย่องเทิดทูนที่คนอื่นเขาให้ คือได้รับสรรเสริญ การสรรเสริญเป็นที่พอใจของผู้ได้รับ ทำให้ใจเบิกบานมีความสุข ตรงกันข้ามกับนินทา ซึ่งไม่มีใครชอบ นินทาได้แก่การพูดถึงความไม่ดีของผู้อื่นในที่ลับหลัง ด้วยเจตนาจะประจานความไม่ดีของเขาเท่านั้น นินทาและสรรเสริญ นับว่าเป็นมายาธรรมไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เร็ว เพราะเราทำถูกใจเขา หรือเขาชอบพอเรา เขาก็สรรเสริญ พอเขาไม่ชอบก็นินทาว่าร้าย
คู่ที่ 4 ได้สุข ได้ทุกข์ โลกธรรมคู่นี้เป็นคู่รวมยอด คือ สภาพความเป็นอยู่ของคนเรา เมื่อกล่าวโดยรวบยอดแล้ว มีอยู่ 2 สภาพคือ สุขและทุกข์ ความสุข ความทุกข์ จะเกิดขึ้นแก่เราสลับกันไป ยามใดที่มีความสุข พึงรู้เถิดว่า ความทุกข์จะมาแน่เมื่อหมดสุขแล้ว เมื่อใดตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ก็พึงปลอบใจตนเองเถิดว่า ต่อจากความทุกข์ก็จะเป็นความสุข ทุกคนชอบความสุขไม่ชอบความทุกข์ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องโลกธรรมย่อมเพลิดเพลินหลงใหลเมื่อได้สุข แต่กลับซบเซา เศร้าหมอง เมื่อประสบกับความทุกข์ แต่ผู้พิจารณาด้วยปัญญาย่อมรู้ว่า ที่จริงมนุษย์ต้องสุขบ้างทุกข์บ้าง เพราะความหลงของตนที่มีต่อ สิ่งสมมติ ละความพอใจและความไม่พอใจเสีย ทำใจให้เป็นกลางวางเฉยได้ ย่อมเป็นสุข
โลกธรรมมีลาภ เป็นต้น ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นชั่วคราวแล้วก็ดับไป ไม่ควรยินดีเมื่อได้ และไม่ควรยินร้ายเมื่อเสื่อม แต่ควรรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 07 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 7:27:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 535 Pageviews. |
|
|