แนะนำดูแลสุขภาพ ความรู้สำหรับการออกกำลังกายสำหรับสว.
แนะนำดูแลสุขภาพ
ความรู้สำหรับการออกกำลังกายสำหรับสว.
cr:มาตรวจสุขภาพ เจอหมอ (พญ อิสรีย์ ประดิษฐ์กุล)
ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต
อธิบายละเอียดทุกตัวเลขครึ่งขั่วโมง และได้ความรู้ใหม่คือ
1. ห้ามออกกำลังกายด้วยการขึ้นลงบันไดเด็ดขาด ทำให้เข่าพัง
2. ห้ามเล่นฮูลาฮูป เพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อน
3. ถ้าออกกำลังด้วยการเดินสายพาน ห้ามใข้โหมดขึ้นเขา
4. ควรให้ร่างกายสัมผัสแดดอ่อนๆ ทุกวัน
5. คนอายุ 50+ ต้องออกกำลังแบบ cardio และ ยกเวท (ดัมเบล ห้ามบาร์เบล) เบาๆ เพื่อออกกำลังหลังให้แข็งแรง
6. ใครที่เป็นไขมันพอกตับต้องออกกำลังเท่านั้น ไขมันถึงจะหลุด
7. ลด LDL ด้วยการลดอาหารทอด มัน ทะเล อาหารแปรรูป(ไส้กรอก)
8. กะทิกินได้เป็น HDL (หมอคำนวณให้เห็นว่า ถ้า HDL สูงพอจะไป cover LDL ได้)
9. ส่องกล้องหามะเร็งลำไส้ไม่จำเป็นถ้าตรวจสารบ่งชี้มะเร็งทุกปี และถ้าไม่มีอาการท้องผูกปวดท้องต่อเนื่อง
Cr:ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์
Sent from my iPhone
******
จากหนังสือ
#ความสุขเล็กๆก็คือความสุข
คนแก่วัยเจ็ดสิบกว่ากลุ่มหนึ่งเดินทางย้อนเวลาไปในปี ค.ศ. 1959
พวกเขาใช้ชีวิตในอดีต ฟังเพลงจากวิทยุที่เป็นเพลงยุคนั้น
ดูโทรทัศน์ที่ฉายหนังเก่าของช่วงเวลานั้น
เมื่อหวนคืนสู่โลกปัจจุบัน กลับแข็งแรงกว่าเดิม
หากคิดว่านี่เป็นพล็อตหนังแฟนตาซีสักเรื่อง ก็ผิดแล้ว นี่เป็นเรื่องจริง
ทว่ามันไม่ใช่การเดินทางย้อนเวลาจริง ๆ มันเป็นการจัดฉาก
นี่คือการทดลองที่เรียก Counterclockwise
เป็นแนวคิดของ Ellen Langer ศาตรา-
จารย์จิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
การทดลองทำโดยให้คนแก่กลุ่มหนึ่งใช้ชีวิตในสถานที่ซึ่งจำลอง
สิ่งแวดล้อมของปี 1959 เพลงที่ดังผ่านวิทยุเป็นเพลงเมื่อห้าสิบปีก่อน
โทรทัศน์ฉายเรื่องห้าสิบปีก่อน ประหนึ่งพวกเขานั่งยานเวลาไปปรากฏตัว
ในโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน ทุกคนที่เข้าไปในโลกนั้นต้องแต่งตัวตามยุคนั้น
พูดจาโดยใช้ภาษาของยุคนั้น ห้ามพูดเรื่องที่เป็นเหตุการณ์หลังปี 1959
พูดง่าย ๆ คือ สะกดจิต ตัวเองให้คืนอดีต เจตนามิได้ต้องการย้อนอดีต
เพื่อรำลึกความหลัง แต่ทดลองเพื่อดูผลทางกายภาพเมื่อสมองเชื่อว่า
ร่างกายกำลังอยู่ในสภาวะของเมื่อยังหนุ่มสาว
คนจำนวนมากชอบย้อนคิดถึงอดีตอันสุขสม ถ้าเราสามารถย้อนความคิด
ความรู้สึกอารมณ์เรากลับไปได้ ทำไมเราไม่สามารถย้อนสภาวะทาง
กายภาพเราด้วย อย่างน้อยในระดับหนึ่ง?
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ในโลกอดีต ก็ถึงเวลาวัดผลสุขภาพ
ปรากฏว่าแทบทุกคนที่ร่วมการทดลองก้าวออกจากอดีตปี 1959
ด้วยสภาพร่างกายดีขึ้น ความดันดีขึ้น ประสาททุกส่วนทำงานดีขึ้น
ความจำดีขึ้น การฟังและสายตาดีขึ้น คนที่เดินถือไม้เท้าเข้าไป
ในโลกอดีตกลับออกมาด้วยการเดินเอง
ราวกับว่าการหลอกตัวเองว่าอยู่ในอดีต เซลล์ในร่างกายก็คืนอดีตด้วย
.
การทดลองนี้ชี้ว่า บางทีเป็นไปได้ว่าจิตสามารถทำงานแบบ ย้อนเวลา
และทำให้ร่างกายหนุ่มขึ้น หรือพูดง่าย ๆ คือพลังจิตสามารถคุมร่างกาย
และถ้าจิตสามารถทำเรื่องนี้ได้ ใครจะรู้ว่ามันสามารถมีพลังรักษา
หรือทำเรื่องที่มากกว่านี้ได้หรือไม่
บางทีมันอาจสามารถรักษาโรคที่การแพทย์บอกว่ารักษาไม่ได้
การทดลองยังบอกเป็นนัยว่า ความแก่อาจเป็นผลจากความคิดว่าเราแก่
มากกว่าความเสื่อมจริง ๆ ทางกายภาพ
มันอาจแปลว่าคนเราแก่เพราะเราคิดว่าตัวเองแก่
คนเราเมื่ออายุเพิ่ม จำเป็นต้องแก่ตามอายุด้วยหรือไม่?
หรือว่าความแก่เป็นความรู้สึกทางใจมากกว่าทางกายภาพ?
เป็นไปได้ไหมที่เราชะลอความแก่โดยคิดว่าเราไม่แก่?
คนจำนวนมากในโลกมีความสุขในวัยเด็ก หรือมีความทรงจำบางท่อนที่ดีมาก
เป็น happy moment ที่ทุกครั้งเมื่อระลึกถึง จะมีรอยยิ้มที่ริมฝีปากเสมอ
บางครั้งในการบำบัดจิต ก็สะกดจิตตัวเองโดยระลึกภาพสวยงามเหล่านี้
ทำให้จิตนิ่งขึ้น และผ่อนคลาย
เมื่อจิตดี สุขภาพก็ดีขึ้นด้วย
เราอาจไม่มีทางหยุดตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวินาที แต่เราอาจหยุดความรู้สึกแก่
ไม่ว่าการทดลอง Counterclockwise จะใช้ได้กับทุกคนหรือสามารถขยาย
ขอบเขตของมันไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้หรือไม่ มันทำให้
เราต้องย้อนคิดใหม่ว่า บางทีเราถูก สะกดจิต ให้อยู่ในกรอบคิดว่าสูงวัย = ความแก่ มาตั้งแต่เด็ก
เรามองภาพคนแก่ทำกิจกรรมของคนหนุ่มสาวว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
มองไปรอบตัวเรา เราพบว่าคนสูงวัยบางคนแก่หง่อม บางคนยังกระฉับกระเฉง
เป็นเพราะพันธุกรรมอย่างเดียวเช่นนั้นหรือ?
ในเรื่องอายุและความแก่ เรามักมีกรอบคิดเฉพาะอย่าง เวลาคนสูงอายุลืม
เรื่องบางเรื่อง จะบอกว่า ฉันแก่แล้ว จึงขี้ลืม
เราชอบโยงการขี้ลืมกับความแก่
มันทำให้สังคมเกิดภาพฝังหัวว่า ถ้าอายุมาก ก็สมควรขี้ลืม ซึ่งไม่ถูกเสมอไป
การขี้ลืมอาจเป็นเพราะนอนไม่พอ หรือไม่สนใจในเรื่องนั้น ๆ
ก็ได้ อาจไม่ใช่เพราะอายุ
คนสูงวัยจำนวนมากไม่ทำกิจกรรมหลายอย่าง เพราะสะกดจิตตัวเองว่า
ฉันแก่เกินไป
เมื่อปวดหลัง ก็บอกว่า ฉันแก่ กระดูกจึงเสื่อม ความจริงที่ปวดหลังอาจเพราะ
เผลอยกของหนัก
ดังนั้นการสร้างกรอบคิดอายุมาก = แก่ จึงอาจทำร้ายเราเอง
หรือทำให้เสียโอกาสพบสิ่งดี ๆ ในชีวิต
อาการป่วยหลายอย่างเกิดจากใจป่วย ใจบอกให้ป่วย บอกว่าเราจะรู้สึกแย่
ร่างกายก็เชื่อฟัง
ในทำนองกลับกัน หากเราเปลี่ยนพลังจิตเป็นบวก ก็อาจทำให้โรคจริง ๆ ลดลง
หรือความแก่หายไป
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ผมรู้จักคนที่อายุ 74 ยังวิ่งมาราธอน คนแก่จำนวนไม่น้อย อายุเลข 90 แล้ว
ยังออกกำลังกาย เต้นรำ และทำกิจกรรมอื่น ๆ
ผมเคยเห็นภาพหญิงชราเตะตะกร้ออย่างสนุกสนาน เพราะอยากเตะตะกร้อ
ไม่ได้โยงการเตะตะกร้อกับอายุ
เมื่อไม่ได้คิดโยงว่าคนแก่เตะตะกร้อไม่ได้ ก็สนุกกับกิจกรรมที่อยากทำ
คนแก่มักแก่ที่ใจก่อน
และเมื่อใจไม่แก่ ก็ไม่ต้องทวนเข็มนาฬิกาชีวิต
.
จากหนังสือ #ความสุขเล็กๆก็คือความสุข
Health blog newyorknurse
คงต้องลองสะกดจิตตัวเองบ้างแล้วค่ะ