เว็บไซต์
เว็บไซต์
ข่าวนี้อ่านหรือยัง # 08 ...100 ล้านเว็บไซต์
จากข่าว....เมื่อเว็บไซต์ทะลุหลัก 100 ล้าน โลกไซเบอร์ยิ่งซับซ้อน-ทรงพลัง เขียนข่าวโดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ pairat@matichon.co.th น.ส.พ.มติชน ปีที่ 29 ฉบับที่ 10500 หน้า 17 วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2549
เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า เว็บไซต์ที่เราเข้าไปอ่าน ดาวน์โหลดโปรแกรม ซื้อข้าวของต่างๆ หรือเล่นเกมออนไลน์ และ ฯลฯ มีจำนวนเท่าไหร่กันแน่?
ชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่ง เคยสงสัยทำนองเดียวกันนี้ และเชื่อว่า การติดตามการเติบโตของเว็บไซต์นำมาทำเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้ จึงเริ่มก่อตั้งบริษัทชื่อ เน็ตคราฟท์ ขึ้นที่เมืองบาธ ประเทศอังกฤษ เฝ้าติดตามดูการขยายตัวของเว็บไซต์ มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 1995
ปี 1995 ตอนนั้นเว็บไซต์ทั่วทั้งโลก มีจำนวนเพียง 18,000 เว็บไซต์เท่านั้น
เน็ตคราฟท์ ใช้ระบบโดเมนเนม (ระบบการกำหนดชื่อ-ที่อยู่ของเว็บไซต์ เช่น .co.th) สำหรับการติดตามและจำแนกเว็บไซต์ทั้งหมด ...ตรวจสอบดูว่าเว็บไซต์แต่ละเว็บมีที่แหล่งที่อยู่ (เว็บโฮสต์) ที่แน่นอนหรือไม่ ...ใช้อะไรเป็นระบบปฏิบัติการ ....และเว็บเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์เหล่านั้น ใช้ซอฟต์แวร์อะไรดำเนินการ
Google ปี1997
จากนั้นก็ตีพิมพ์ข้อมูลที่ได้รับเป็นรายงาน เป็นประจำทุกปี ทั้งในเชิงลึกสำหรับทำธุรกิจ และในส่วนที่เป็นข้อมูลทั่วไป
เมื่อปลายเดือนตุลาคมในปีนี้ รายงานของเน็ตคราฟท์ ระบุว่า จำนวนเว็บไซต์ที่โลกมีอยู่นี้ ทะลุหลัก 100 ล้านเว็บไซต์ ไปแล้ว
ริช มิลเลอร์ แห่ง เน็ตคราฟท์ บอกว่า จำนวน 100 ล้านเว็บไซต์ อาจจะดูไม่มากมายนัก แต่ถ้าคำนึงถึงระยะเวลานับตั้งแต่เริ่มแรกของการติดตามจัดเก็บ จำนวนเว็บไซต์เมื่อ 11 ปีก่อน ระดับการขยายตัวของเว็บไซต์เรียกได้ว่า ทวีขึ้นจากระดับหมื่น เป็นระดับ 100 ล้านนั้น ต้องถือว่ารวดเร็วอย่างน่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ข้อมูลที่น่าทึ่งอีกอย่าง ก็คือ จากปี 1995 โลกต้องใช้เวลายาวนาน 9 ปี ถึงปี 2004 จำนวนของเว็บไซต์จึงเพิ่มขึ้นถึงหลัก 50 ล้านเว็บไซต์ ....แต่โลกกลับใช้เวลาอีกเพียงแค่ 2 ปีเศษเท่านั้น (เน็ตคราฟท์ระบุว่า 30 เดือน) ก็ทำให้ปริมาณของเว็บไซต์ เพิ่มพรวดพราดขึ้นมา ทะลุหลัก 100 ล้านเว็บไซต์ อย่างในเวลานี้
Yahoo in china
msn search music
เว็บไซต์ 100 ล้านเว็บไซต์ .... มิลเลอร์ บอกว่ามีกว่าครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็น แอคทีฟไซต์ คือ เว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
เพราะ แอคทีฟไซต์จริงๆ มีอยู่ประมาณ 47- 48 ล้านเว็บไซต์
เว็บไซต์ขยายปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในช่วงระยะ 2 ปีหลัง ก็ด้วยฝีมือของบรรดาบล็อคเกอร์ทั้งหลาย (เจ้าของเว็บไซต์ส่วนตัวที่เรียกว่า บล็อค) กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องการเผยแพร่ธุรกิจของตนเองออกสู่โลกกว้างให้มากที่สุด โดยสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
มิลเลอร์ บอกว่า เว็บไซต์เติบโตอย่างพรวดพราดในเวลานี้ เป็นเพราะการสร้างเว็บไซต์นั้นง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ในขณะเดียวกัน ก็มีรูปแบบธุรกิจหลากหลาย ที่สามารถทำเงินได้ง่ายขึ้นบนอินเตอร์เน็ต
ทุกวันนี้เราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษา เอชทีเอ็มแอล (HTML-Hypertext Markup Language ภาษารหัสที่ใช้ในการเขียนเว็บไซต์) ก็สามารถสร้างเว็บได้จากชุดโปรแกรมสำเร็จรูป ที่ทำงานได้ดีขึ้นตามลำดับ ...นอกจากนั้นก็ยังเกิดสงครามราคาขึ้นเป็นระยะๆ จนทำให้ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโดเมนเนม และเว็บโฮสติ้ง ลดราคาลงอย่างมากมาย
เน็ตคราฟท์ ระบุว่า ประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ปริมาณของเว็บไซต์ ขยายตัวได้มากที่สุดในระยะหลังนี้ คือ ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
เว็บไซต์นั้น ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในฐานะเครื่องมือของนักวิชาการ ในสถาบันวิชาการอย่าง เซิร์น ในสวิตเซอร์แลนด์ แล้วขยายตัวออกไปในเชิงพาณิชย์ กลายเป็นสื่อในการซื้อ-ขาย
แต่เว็บไซต์ที่ขยายปริมาณอย่างรวดเร็วที่สุดในระยะหลังนี้ กลับเป็นเว็บไซต์จำพวกบล็อค และเว็บ เพื่อการสร้างเครือข่ายทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงเพื่อน, แวดวงคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน, หรือเว็บไซต์ของครอบครัว
มิลเลอร์ บอกว่า ผู้คนในยุคปัจจุบันค้นพบว่า เว็บเป็นวิธีการใหม่ที่น่าสนใจในการแสดงข้อมูลที่ตัวเองมีอยู่ หรือความเชี่ยวชาญของตัวเอง กระทั่งความเป็นตัวตนของตนเองออกไป ในทุกๆ เรื่องราว ที่จำเพาะเจาะจงลงไปทุกชนิด ซึ่งถือเป็นการเปิดประตู ไปสู่การใช้ประโยชน์จากเว็บในรูปแบบใหม่อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการอวดรูปภาพ ผ่าน Flickr.com หรือการอวดฝีมือถ่ายภาพวิดีโอสมัครเล่น ใน YouTube หรือการมองหาคู่ ใน Match.com เว็บไซต์กลายเป็นวิธีหนึ่ง ในการเชื่อมโยงถึงกันและกัน และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมากขึ้นทุกที
Sanook.com
คำถามก็คือ จากจุด 100 ล้านเว็บไซต์ในเวลานี้ เวิร์ลด์ไวด์เว็บ จะคลี่คลายออกไปอย่างไร?
คำตอบของผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า ไม่แน่นักในอนาคต ยูอาร์แอล (ชื่อเว็บไซต์) อาจจะกลายเป็นชื่อทั่วไป อย่างเช่น ชื่อที่พ่อ-แม่ของเราตั้งให้ เมื่อลูกลืมตาขึ้นมาดูโลก หรือเป็นหมายเลขบัตรประชาชน
นั่นหมายความว่า หนึ่งคนบนโลกนี้ อาจจะมีหนึ่งเว็บไซต์เป็นของตนเอง!
เรื่องนี้จะว่าห่างไกลจากความเป็นจริงนักก็ไม่เชิง อย่างน้อยๆ คนดังๆ ในโลกนี้ ต่างก็มีเว็บไซต์ในชื่อของตนเองกันทั้งนั้นแล้ว
แองเจลิน่า โจลี่ และ แบรด พิตต์ คู่สามีดาราผู้โด่งดัง ถึงกับจดทะเบียนโดเมนเนม ให้กับลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขาทั้งสองไว้ เรียบร้อยแล้วด้วย
ถึงตอนนั้น เวิร์ลด์ไวด์เว็บ-โลกไซเบอร์ของเรา คงจะทั้งสลับซับซ้อน และทรงพลังในการกำหนดวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างคาดไม่ถึง........
ข่าวนี้อ่านหรือยัง # 09....ประวัติเว๊บพันทิป
เป็นข้อมูลเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2546
จากเว็บของกองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
www.pantip.com ทะเบียนพาณิชย์เลขที่ 7100803000630 วันที่จดทะเบียน 17 มิถุนายน 2546 ชื่อผู้ประกอบการพาณิชยกิจ บริษัท อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ชนิดแห่งพาณิชยกิจ โฆษณาในอินเทอร์เน็ต รับสมัครสมาชิกวารสาร ตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (e-marketplace) สถานที่ตั้ง 63/4 ซอยอินทามระ 1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หมายเลขโทรศัพท์ 02 357 1960 - 1 ผู้บริหาร Pantip.com คุณ วันฉัตร ผดุงรัตน์
ประวัติของผู้บริหาร Pantip.com
คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์ จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ช่วงแรกของการทำงาน คุณวันฉัตร ได้เข้าทำงานในตำแหน่งวิศวกรเครื่องมือแพทย์ ต่อมาได้เปลี่ยนงานไปทำที่ ฝ่ายการตลาด บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบงานด้าน Application Solfware ในแผนก Space Control ซึ่งเป็นงานที่ต้องประยุกต์และประมวลความคิดด้านการตลาดและด้านเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กัน หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี จึงย้ายไปอยู่ในแผนกคอมพิวเตอร์ ในฝ่าย System Programmer
กว่าจะมาเป็น //www.Pantip.com
ประมาณปีพ.ศ. 2538 หลังจากออกจากงานที่การบินไทยแล้ว คุณวันฉัตร ได้ลงหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัท Trader นำเข้าสินค้าเกี่ยวกับ Computer accessories ช่วงเวลานั้นอินเทอร์เน็ต เริ่มจะมีผู้นำมาใช้ในเมืองไทย คุณวันฉัตร เห็นว่าอินเทอร์เน็ตช่วยลดต้นทุนในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือ Suppliers ต่างๆ เช่น ลดค่ากระดาษ ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรสารได้ ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่อินเทอร์เน็ตมี คือ เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมช่องทางการตลาดให้กว้างและง่ายยิ่งขึ้น ช่วยเปิดช่องทางการค้าสู่ตลาดสากล โดยใช้เงินต้นทุนที่ต่ำและประหยัดเวลา ณ จุดนั้นเองที่ทำให้คุณวันฉัตร เกิดแรงบันดาลใจทำการศึกษาเว็บไซต์ต่างๆ อย่างเป็นจริงเป็นจัง
เมื่อคุณวันฉัตร ได้ทดลองใช้บริการและศึกษาเว็บไซต์ต่างๆ พอสมควร สิ่งหนึ่งที่คุณวันฉัตรสังเกตเห็น คือ ช่วงนั้นไม่มีเว็บไซต์ภาษาไทยเลย จุดนี้เองที่ทำให้เกิดแนวความคิดที่จะจัดทำเว็บไซต์ภาษาไทยขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ สามารถใช้บริการเว็บไซต์ภาษาไทยได้
อีกแนวความคิดหนึ่งเรื่องรูปแบบเว็บไซต์ที่คุณวันฉัตร อยากจะทำ คือ การทำเว็บไซต์ในรูปแบบ e-Magazine ข้อดีของเว็บไซต์ในรูปแบบของ e-Magazine คือ จะเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเนื้อหาสาระสำหรับผู้ที่รักการอ่าน โดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหนังสือ และไม่ต้องรอคอยนาน กว่าที่หนังสือแต่ละเล่มจะวางแผง เพราะหนังสือแต่ละเล่มจะวางแผงได้ก็ต้องเสียเวลาจากกระบวนการต่างๆ เช่น กระบวนการพิมพ์ กระบวนการจัดส่ง
เพราะฉะนั้นถ้ามีเว็บไซต์ในรูปแบบ e-Magazine ขึ้นมา ก็สามารถจะช่วยให้ผู้อ่านมีความสะดวกในการค้นหา และรับข้อมูลข่าวสารได้เร็วขึ้น เพราะขั้นตอนต่างๆ ได้ถูกขจัดออกไป ณ จุดนี้เองที่ทำให้เว็บไซต์ Pantip.com เกิดขึ้น ภายใต้รูปแบบ Web Magazine Thai version
ในช่วงแรกของการเปิดเว็บไซต์ Pantip .com ได้ใช้ free space ของ Geocities.com โดยใช้โปรแกรม Notepad ในการทำเว็บไซต์ ต่อมาเว็บไซต์ Pantip.com ได้เปลี่ยนมาเช่า Host ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคา 50 ดอลล่าร์ต่อเดือน จนถึงปัจจุบัน Pantip.com หันมาเช่า Host ไทย ของ Internet Thailand โดยใช้บ้านของตัวเองทำ office จากวันที่เริ่มทำงาน จนถึงปัจจุบัน(ปีพ.ศ.2546)รวมระยะเวลา 7 ปี
ปัญหาที่พบในช่วงแรก
รูปแบบของการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงแรกนั้น ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยคุณวันฉัตรคิดว่าเกิดมาจากสาเหตุ 2 ประการ
ประการที่ 1. อินเทอร์เน็ต มีความเป็น Interactive สูง มีจุดเด่นในเรื่องความสามารถในการสื่อสารแบบ 2 ทาง Two ways communication แต่เว็บไซต์ในรูปแบบ e-Magazine ในช่วงแรกนั้น เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลสู่ผู้อ่านเพียงฝ่ายเดียว ไม่มีการรับข้อมูลกลับ ซึ่งก็เท่ากับว่า ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มประสิทธิภาพ
และประการที่ 2. ความผิดพลาดเรื่องแนวคิดในการหารายได้จากค่าโฆษณา เนื่องจาก คุณวันฉัตร มองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Pantip ว่าเป็นร้านเล็กๆ เช่น ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในห้างพันธ์ทิพ โดยคิดว่าร้านเล็กๆ เหล่านั้น ไม่น่าจะสนใจซื้อโฆษณาราคาแพงๆ ของสื่อนิตยสารและสื่ออื่นๆ เหตุผลนี้น่าจะทำให้หันมาโฆษณาในเว็บไซต์ของ Pantip ที่มีราคาไม่แพง ซึ่งน่าจะเป็นที่สนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร้านค้าเหล่านั้นไม่ให้ความสนใจในการลงโฆษณาใดๆ เลย เพราะพวกเขาคิดว่าการโฆษณาไม่มีความจำเป็น เขาคิดเพียงแต่ว่าแค่เขาหาทำเลดีๆ จัดร้านให้น่าสนใจก็เพียงพอแล้วสำหรับการดึงลูกค้า
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการในตอนนั้นยังไม่เข้าใจการทำงานของอินเทอร์เน็ตมากนัก และอินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่นิยมและแพร่หลายเท่าปัจจุบัน
การบริหารงานในปัจจุบัน
ปัจจุบัน(ขอย้ำ เป็นข้อมูลในปีพ.ศ.2546) เว็บไซต์ของพันทิปมีพนักงานบริหารเว็บไซต์ทั้งหมด 15 คน โดยแบ่งงานออกเป็น 2 แผนก ดังนี้
1. แผนกแนวหน้า โดยแยกออกเป็น 3 ส่วน คือ
- ผู้ดูแล Cafe Zone
- ผู้ดูแล Technical Zone
- ผู้ดูแล Pantip Market
2. แผนกกองหลัง จะเป็นฝ่าย support เช่น เขียนโปรแกรม ทำกราฟฟิค และคอยดูแลกระทู้ต่างๆ
การตลาดของ Pantip.com
* Target Group
Pantip.com มีอัตราการเจริญเติบโตของจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มของนักศึกษา และผู้ที่อยู่ในวัยทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกที่ใหญ่ที่สุด
* Competitors
คุณวันฉัตรมองว่า เว็บไซต์กลุ่มเล็กๆ ที่ใช้ Free Webboard เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก และมีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน
* Market Strategy
กลยุทธ์ทางการตลาดของ Pantip.com คือ ให้ความสำคัญในคุณภาพของเนื้อหาให้มากที่สุด
* Marketing Goal
คุณวันฉัตร อยากให้ Pantip เป็นเว็บไซต์ Non Profit โดยอยากจะทำเว็บไซต์ ที่ให้บริการประชาชนโดยไม่หวังผลกำไร เป็นเว็บไซต์เพื่อสังคม การหารายได้นั้น จะใช้การหารายได้จากทางอื่นเข้ามาช่วย เช่น การขายโปรแกรมที่ทางพันธุ์ทิปเขียนขึ้นมาเอง เป็นต้น
* Marketing Objective
วัตถุประสงค์ของ Pantip.com ที่คุณวันฉัตรต้องการ คือ ทำ Pantip.com ให้เป็น First Webboard สำหรับผู้ที่จะใช้อินเทอร์เน็ต
* Key Success Factor
สำหรับ Key Success Factor ของ Pantop.com คุณวันฉัตร ให้ความเห็นว่า คงจะเป็นเพราะเว็บไซต์ Pantip.com สามารถสร้างกระบวนการสื่อสารระหว่างกันของหมู่สมาชิก ให้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้ซึ่งกันและกันได้ เหมือนสร้างชุมชนที่มีความชอบเหมือนๆกัน
โดย //www.Pantip.com ได้แบ่งชุมชนให้สมาชิก ออกเป็นห้องสนทนาต่างๆ โดยใช้คำ "มุม" TECHNICAL ZONE , "โต๊ะ" CAFE , "ห้อง" LIVECHAT เป็นต้น เพื่อที่สมาชิกจะได้สามารถเลือกเข้าไปพบปะพูดคุยในเนื้อหาที่ตรงใจ
ซึ่ง Concept นี้เอง ก่อให้เกิดผลตอบรับอย่างกว้างขวางและประสบผลสำเร็จอย่างมาก ปัจจุบัน(ปีพ.ศ.2546) มีผู้เข้าชมมากถึง 90,000 คน/วัน ซึ่งต่างจากช่วงแรกๆที่มีผู้เช้าชมเพียง 1,500 คน/วัน เท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์ Pantip.com ประสบความสำเร็จ
* เป็นผู้ริเริ่มทำเว็บไซต์เป็นภาษาไทย
* มีการปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์ตลอดเวลา
* ยึดหลักความน่าเชื่อถือและความมีคุณภาพในการประกอบธุรกิจทาง Internet
* สร้างความแตกต่างในรูปแบบและเนื้อหาเมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ
ปัญหาที่พบ
* ปัญหาที่ Pantip.com เคยพบ มักจะเป็นเรื่องจรรยาบรรณของผู้ใช้ Internet ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของตัวป่วนตามกระทู้ต่างๆ แต่ทาง Pantip.com มีวิธีการจัดการกับตัวป่วนเหล่านี้ โดยเช็คจาก IP Address ว่าเป็นของใคร และสามารถสั่งลบกระทู้ที่มาจาก IP Address นี้ เวลานี้สามารถทำได้พร้อมทั้งหมดในเวลาเดียว
* มีปัญหาเรื่อง Host บ้างเป็นบางครั้ง
มุมมองเรื่องการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย
คุณวันฉัตร มองว่า การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปัจจุบัน คนหันมาใช้อินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการพาณิชย์ ผู้บริโภคมีความมั่นใจที่จะทำการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
เช่น ผู้บริโภคกล้าที่จะชำระค่าสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพราะสามรถเช็คการมีตัวตนของผู้ประกอบการได้ การที่กรมพัฒนาธรกิจการค้า เปิดให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มาขึ้นทะเบียนพาณิชย์ เป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และผู้บริโภคมีความมั่นใจในการประกอบทำธุรกิจการค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งในเรื่องความน่าเชื่อถือนั้น มีความสำคัญต่อการพัฒนาวงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยเป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคทั้งไทยและเทศจะมีความมั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าและบริการ โดยไม่ถูกโกง หรือถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นก็สามารถจะหาคนรับผิดชอบได้
แนวทางที่อยากจะให้ภาครัฐช่วยเหลือ
คุณวันฉัตร มีความเห็นว่า ภาครัฐควรจะส่งเสริมและให้ความรู้เกี่ยวกับการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ประกอบการ ให้ความรู้พื้นฐานการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการ ทำการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
เพราะในปัจจุบันการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเฉพาะคนในวงการ IT เท่านั้น แทบทุกธุรกิจในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ล้วนใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางการทำตลาดสู่โลกกว้าง ซึ่งจะมีผลย้อนกลับมาทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้.
Create Date : 13 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 20:16:25 น. |
|
30 comments
|
Counter : 4988 Pageviews. |
|
|
|